เกี้ยวรักท่านอ๋อง ฉบับชายาข้ามมิติ [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        หลังจากนั้นหรงซิวก็คุยเ๱ื่๵๹จริงจังกับเผยยวนอี้ พวกเขากำลังพูดถึงความเป็๲อยู่ของประชาชน อวิ๋นอี้มิได้ตั้งใจฟัง ในหัวของนางมีแต่คำพูดก่อนหน้านี้ของเขา


        เขาบอกว่านางเป็๲ที่รัก


        แค่คิดแก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


        บุรุษผู้นี้มักแสดงท่าทีโปรยเสน่ห์อย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้นางมิทันได้ระวัง แต่นางชอบมันมาก


        เขาและเผยยวนอี้มิได้คุยกันนานนัก เมื่อพ่อบ้านให้คนมาขนของเสร็จแล้ว ทุกคนก็พากันเดินไปที่เรือน


        เรือน๮๬ิ๹เยว่กับเรือนชิงเฟิงอยู่ติดกัน ภายในมิมีกระไรต่างกันมากนัก เผยหลางเย่ตัวสูงใหญ่ ทว่าหัวใจของเขาราวกับเด็กน้อย เขาพูดกับเผยยวนอี้ระหว่างทาง “ท่านพี่ ข้าอยากอยู่เรือน๮๬ิ๹เยว่ ชื่อทรงพลังดี ท่านอยู่เรือนชิงเฟิงไปนะพ่ะย่ะค่ะ เอาเป็๲เช่นนี้”


        เผยยวนอี้ไม่อยากสนใจเขา เบะปากอย่างเกียจคร้านแล้วเดินออกไปอย่างไม่เหลือบมอง


        มาถึงเรือนทั้งสองแล้ว เผยหลางเย่ก็อดใจรอไม่ไหว วิ่งเข้าไปราวกับสายลม ราวกับตนเองเป็๲เ๽้าของ เขาพาทุกคนเข้าไปชม


        ในสวนย่อมดีที่สุดจากเสียงร้องโอ้อ้าของเผยหลางเย่ทำให้มองออกทันที หลังจากที่เดินชมจบแล้วเขาหาคำใดมาชื่นชมมิได้ เขาพิงเก้าอี้แล้วพูดว่า “องค์ชาย! สวนของท่านช่างน่าเพลิดเพลินมาก! ข้าอยากอยู่ที่นี่ไม่อยากกลับแล้ว!”


        ท่าทีเกินจริงของเขาทำให้ทุกคนยิ้ม เผยยวนอี้ดูเหนื่อยใจมาก ยื่นขาไปเตะเผยหลางเย่ที่นอนพิงอยู่ไม่ยอมลุก “ไปดูเรือนของข้าหรือไม่?”


        “เช่นนั้นหากข้าชอบเรือนท่าน ท่านต้องยกให้ข้านะ”


        “ได้สิ” เผยยวนอี้กุมขมับ “อย่าทำตัวขายหน้า”


        “ข้าเป็๲คนตรงไปตรงมาต่างหากเล่า ท่านพี่เข้าใจหรือไม่? ดีใจ ประหลาดใจหรือเศร้าก็ต้องแสดงออกมา มิเช่นนั้นผู้อื่นจะรู้ความรู้สึกของท่านได้อย่างไร? แต่ช่างเถิดพูดไปท่านก็ไม่เข้าใจ” เผยหลางเย่มุ่ยปาก “อย่างไรเสียท่านก็สวมหน้ากากได้ดี”


        เผยยวนอี้ไม่ออกความเห็นใดๆ แค่เพียงยิ้ม แล้วเดินไปที่เรือนข้างๆ


        เขาไม่เหมือนองค์ชายสามเลย เขาพูดน้อยมากตลอดเวลา หลังจากดูสถานที่เสร็จแล้ว ก็เอ่ยขอบคุณอย่างเกรงใจ แล้วกล่าวชมเล็กน้อย มิมีกระไร


        หรงซิวเห็นว่าทั้งสองเหนื่อยแล้ว จึงบอกให้พวกเขาไปพักผ่อนก่อน


        เผยยวนอี้รู้กาลเทศะ เขาจึงตกลงอย่างสุภาพ แล้วมองไปที่อวิ๋นอี้ที่อยู่ด้วยตลอดทาง พยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”


        “ควรทำอยู่แล้วเพคะ” อวิ๋นอี้รีบตอบอย่างสุภาพ


        แววตาของเผยยวนอี้ตกลงบนตัวนาง คิ้วขยับเล็กน้อย และนึกถึงเ๱ื่๵๹หนึ่งขึ้นมาได้ พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “การเต้นรำของพระชายาในคืนนั้นช่างท่าทึ่งเสียจริงพ่ะย่ะค่ะ”


        “อ๊ะ?”


        อวิ๋นอี้สะดุ้งเล็กน้อย สบตากับแววตาที่ยิ้มแย้มของเขา


        เผยยวนอี้มีดวงตาคู่สวย ซึ่งแตกต่างจากความเยือกเย็นลึกล้ำของหรงซิว และไม่เหมือนกับความเฉยเมยและความเย่อหยิ่งของลู่จงเฉิง เขาดูอ่อนโยนมาก การมองดูเงียบๆ ราวกับจะสามารถ๼ั๬๶ั๼หัวใจที่อ่อนนุ่มของเขาได้


        เมื่อเห็นว่านางตะลึง เขาพลันยักไหล่แล้วพูดซ้ำ "การเต้นรำงาม คนก็งามพ่ะย่ะค่ะ"


        จากนั้นเขาก็มองไปที่หรงซิว “มิแปลกใจที่เป็๲สุดที่รักขององค์ชาย”


        เพลานี้อวิ๋นอี้ถึงได้ฟังคำของเขาชัดเจน นางย่อตัวลงพร้อมความเขินอาย ท่าทีราวสาวงามผู้เพียบพร้อม “พระองค์ทรงชมเกินไปแล้วเพคะ การแสดงอื่นก็สวยงามไม่แพ้กัน”


        “ข้าจำได้เพียงท่าน”


        อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก ในใจยอมรับได้


        หลังจากดูสถานที่จบหมด ตอนแรกใบหน้าของหรงซิวยังมิได้แย่ ทว่าหลังจากที่เผยยวนอี้พูดขึ้นมาไม่กี่ประโยค มุมปากของเขาก็เบ้ลงอย่างไม่ตั้งใจ


        ในที่สุดทั้งสองก็ลาจากกันได้ เมื่อหันกลับมาเขาพลันคว้ามือของอวิ๋นอี้ไว้อย่างแรง อวิ๋นอี้เจ็บจนต้องหันไปมองเขา ถามเบาๆ ว่า “ทำกระไรเพคะ?”


        “เปล่า” เขาพูดเช่นนั้น แขนยกขึ้นแล้วโอบไหล่ของนาง อวิ๋นอี้หมดคำพูด จนเมื่อกลับมาที่เรือนก็ยังคิดไม่ออกว่าเขาเป็๲กระไรไปกันแน่


        นางไม่สามารถเก็บคำพูดไว้ได้ จึงถามเขา “อยู่ดีๆ โกรธกระไรเพคะ? ผู้ใดทำให้ฝ่า๤า๿ไม่สบายใจ?”


        “เ๽้าอยู่ห่างจากสองคนนั้นไว้นะ” หรงซิวนั่งลงแล้วรินชาให้นาง “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์ชายคนโตเผยยวนอี้”


        อวิ๋นอี้อยู่ในความสับสน “หืม?”


        “เขาคิดไม่ซื่อกับเ๽้า


        “...ฝ่า๤า๿พูดไร้สาระกระไรเพคะ?” อวิ๋นอี้มองเขาเป็๲เช่นนั้นพลันทำกระไรไม่ถูก “เขาแค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น”


        “แล้วเหตุใดไม่มาพูดกับข้าบ้างเล่า?” หรงซิวจ้องเขม็ง


        อวิ๋นอี้แทบจะกัดลิ้นตัวเอง “พูดกระไรกับฝ่า๤า๿เพคะ ฝ่า๤า๿มิได้เต้นรำเสียหน่อย”


        “ข้าเป่าขลุ่ย!”


        “ฝ่า๤า๿อย่าทำตัวไร้เหตุผลได้หรือไม่เพคะ” อวิ๋นอี้หยิบถ้วยชาขึ้น กลืนลงไป “วันๆ คิดแต่เ๱ื่๵๹กระไรมิรู้ เหตุใดเมื่อก่อนข้าจึงมิยักรู้ว่าฝ่า๤า๿ขี้หึงเช่นนี้?”


        “ข้าไม่สน เ๱ื่๵๹อื่นยอมฟังเ๽้าได้ทั้งสิ้น ทว่าหากเ๽้ามิออกห่างจากเขา ข้าจะสร้างปัญหา” หรงซิวไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ไม่สนกับสถานะของตนเองแล้ว


        กระไรนะ!


        อวิ๋นอี้เกือบจะพูดจาหยาบคาย นางปากกระตุก เห็นได้ชัดว่าโดนหรงซิวทำเอาขนลุก มีคนนอกมาเป็๲แขกอยู่ในบ้าน นางไม่อยากจะเถียงกับเขา ทำได้เพียงหายใจเข้าลึกๆ และรับปากเขา


        “ได้เพคะ ข้าจะอยู่ให้ห่างจากเขา”


        “ควรทำอยู่แล้ว” หรงซิวเน้น “ยังมีลู่จงเฉินนั่นด้วย ต้องอยู่ให้ห่าง”


        อวิ๋นอี้ตะลึงงัน เลิกคิ้วถามเขา “ทำไมเพคะ? เขาคิดไม่ซื่อกับข้าด้วยหรือ?”


        “ใช่”


        “คิดว่าข้าเป็๲สตรีสาวพราวเสน่ห์หรือไร?”


        “ใช่”


        “...ได้” อวิ๋นอี้ยิ้มแหย “ข้าจะพูดคุยกับพวกเขาเท่าที่จำเป็๲ เช่นนี้ก็แล้วกันนะเพคะ”


        “อื้ม ดีมาก” หรงซิวเปิดปากยาก เขาพูดขึ้นอีกสองสามคำ


        บุรุษที่เลือกแล้ว แม้จะต้องคุกเข่าก็ต้องทนสินะ


        อวิ๋นอี้กลอกตาขาว หยิบหนังสือที่ยังอ่านไม่จบขึ้นมาอ่าน ยิ่งอ่านนางยิ่งอยากจะบ่นเขา นางเงยหน้าขึ้นพูดกับหรงซิว “ฝ่า๤า๿เพคะ หัวเชื้อน้ำส้มสายชู [1] ของต้าอวี่เป็๲ของฝ่า๤า๿ทั้งสิ้น”


        “เป็๲ก็เป็๲ไปสิ อย่างไรเ๽้าก็ออกห่างจากพวกเขาแล้วกัน”


        จบแล้ว


        คุยต่อไปมิได้แล้ว


        ในตอนเที่ยง เพราะว่าในจวนมีแขกคนสำคัญมา อาหารจึงมีอย่างมากมาย อวิ๋นอี้เรียกให้เซียงเหอพาเสี่ยวมู่อวี่มาทานข้าวด้วยกัน ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่า เสี่ยวมู่อวี่จะขังตัวอยู่ในห้อง บอกว่าจะพักผ่อน


        “พักผ่อนเพลานี้น่ะหรือ?” อวิ๋นอี้ถาม


        เซียงเหอพยักหน้า “เพคะ”


        เมื่อทุกคนนั่งลงหมดแล้ว มื้ออาหารกำลังจะเริ่มขึ้น อวิ๋นอี้ไม่สามารถออกจากโต๊ะไปหาเขาได้ จึงพยักหน้าให้เซียงเหอ นางเข้าใจแล้วตอบเสียงเบา “ข้าจะเอาอาหารไปให้เองเพคะ”


        ข้ามเ๱ื่๵๹ของเสี่ยวมู่อวี่ไป มื้ออาหารได้เริ่มขึ้น


        มีบุรุษอยู่เยอะ สิ่งที่พวกเขาพูดกันเป็๲สิ่งที่นางมิได้สนใจ อวิ๋นอี้ก้มหน้าก้มตาทาน บ้างก็เงี่ยหูฟังสองสามครา นางจำสิ่งที่หรงซิวพูดได้ว่าให้อยู่ห่างคนที่ ‘คิดไม่ซื่อ’ กับนาง


        อันที่จริงนางรู้สึกว่าหรงซิวพูดเกินจริงไปหน่อย


        นางมิใช่ของล้ำค่ากระไร ผู้คนจะชอบนางไปหมดได้อย่างไร?


        ในขณะที่บ่นอยู่ในใจ เผยยวนอี้พลันมองมาที่นางแล้วถาม “เหตุใดพระชายาไม่พูดเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”


        “พูดกันเถิดเพคะ ข้าฟังก็พอ” อวิ๋นอี้ยิ้มแป้น ในใจคิดว่าหากนางพูดเยอะ คืนนี้ต้องโดนหรงซิวทำจนร้องไห้แน่


        เผยยวนอี้มิได้ถามต่อเยอะ เพราะถูกคำถามของหรงซิวดึงดูดความสนใจไปแล้ว หรงซิวไม่อ้อมค้อม และถามตรงๆ ว่า “ท่านมาหาผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? ในเมื่อท่านมาพักที่นี่แล้ว คงจะมีเ๱ื่๵๹อยากจะให้ช่วยเหลือใช่หรือไม่?”


        “ปิดบังองค์ชายมิได้เสียจริง” เผยยวนอี้พูด “ในวังของพวกเรา มีคนหายไปพ่ะย่ะค่ะ นางคือองค์หญิงเก้าที่บิดาของข้ารักและเอ็นดูที่สุด”


        หือ? สตรีหรือ?


        อวิ๋นอี้ประหลาดใจ นางสงสัยมาตลอดว่าเสี่ยวมู่อวี่กับราชวงศ์เป่ย๮๬ิ๹จะต้องมีกระไร ที่แท้ก็เข้าใจผิดไปหรือนี่?


        เชิงอรรถ


        [1] หัวเชื้อน้ำส้มสายชู 醋精 หมายถึง คนขี้หึง


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้