หนิงมู่ฉือเพิ่งจะเอ่ยจบก็พบว่ามีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมายืนอยู่ด้านข้าง ทั้งเอาแต่จ้องมองนางไม่วางตา แววตาของคนผู้นี้ช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก นางหัวใจเต้นรัวแรง รีบเดินไปหลบหลังเฉินเกอ จากนั้นถึงค่อยเดินเข้าไปหาจ้าวซีเหอ
ชายวัยกลางคนผู้นี้ยังคงจ้องหนิงมู่ฉือไม่ละสายตา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่เฉินเกอซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง พิจารณาอยู่ชั่วครู่ถึงค่อยหันไปมองจ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือที่ยืนอยู่ด้านหลัง
หนิงมู่ฉือได้ยินจากเฉินเกอว่าในเมืองเทียนหลิงเต็มไปด้วยขโมยและโจร ก็นึกว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เป็ขโมย เพื่อป้องกันตัวไม่ให้ชายวัยกลางคนผู้นี้ขโมยสิ่งใดไปจากตัวเองได้ นางจึงจ้องเขม็งตอบกลับไป
ชายวัยกลางคนผู้นี้เห็นแววตาของหนิงมู่ฉือที่จ้องมองมาก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมามีสีหน้าท่าทางเช่นเดิม ส่งยิ้มอ่อนให้หนิงมู่ฉือ
หนิงมู่ฉือมองรอยยิ้มอ่อนของชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างสงสัย มองตอบกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ทราบว่า…ท่านมีธุระใดกับข้าหรือไม่” นางคิดว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่น่าใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น เอาแต่มองมาที่นางเช่นนี้ น่าจะมีเื่บางอย่าง
ชายวัยกลางคนส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า “ไม่มี ไม่มีอะไร” ก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้าสงสัย
นางรู้สึกว่าเื่นี้ยิ่งน่าแปลกและน่าสงสัยเข้าไปใหญ่จึงเดินตามไป เมื่อตามไปทัน นางยื่นมือไปจับไหล่ของชายวัยกลางคนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “ท่านอา ท่านยังไม่ได้บอกเหตุผลที่จ้องมองข้าเลย”
สีหน้าชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเริ่มลงไม้ลงมือใส่หนิงมู่ฉือ หนิงมู่ฉือคาดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนผู้นี้จะลงไม้ลงมือกับตัวเอง นางเอี้ยวตัวหลบ มองท่านอาผู้นี้ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
เฉินเกอเห็นหนิงมู่ฉือได้รับอันตราย รีบเดินตรงเข้าไปหา จับแขนชายวัยกลางคนผู้นั้นเอาไว้แน่น พร้อมกับตะคอกด้วยน้ำเสียงเ็า “บอกมาว่าเ้าเป็ใคร!”
จ้าวซีเหอเดินตามมาอย่างเป็ห่วงเช่นกัน “ฉือเอ๋อร์ เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่!”
หนิงมู่ฉือส่ายหน้า ขมวดคิ้วมองท่านอาผู้นั้น “ท่านอา ท่านรู้จักข้าใช่หรือไม่”
ท่านอาผู้นั้นไม่ตอบ เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว จ้าวซีเหอเห็นเช่นนั้นก็โมโห เดินเข้าไปหาด้วยท่าทีข่มขู่ “นี่ เ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร คู่หมั้นของข้าใช่คนที่เ้าจะลงไม้ลงมือด้วยได้หรือ”
ชายวัยกลางคนจ้องจ้าวซีเหอเขม็ง เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง! เหตุใดเ้าถึงยังไม่เข้าใจเสียที! ข้าก็แค่จำคนผิดเท่านั้น!”
“จำคนผิด ในเมื่อจำคนผิดเช่นนั้นก็ต้องกล่าวขอโทษ!” เฉินเกอไม่ปล่อยชายวัยกลางคนไปง่ายๆ
หนิงมู่ฉือรีบส่ายหน้า “ช่างเถิด ท่านอาคงไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย” นางลูบคลำที่เอว ก่อนจะพบว่าหยกที่ท่านตาให้นางได้หายไปแล้ว นางจึงร้องอย่างใออกมาว่า “แย่แล้ว หยกหายไปแล้ว”
“หยกอะไร!” จ้าวซีเหอถามด้วยสีหน้างุนงง ตอนที่อยู่ตำหนักอ๋อง ไม่เห็นว่าหนิงมู่ฉือจะพกหยกชิ้นใดไว้กับตัวเลยนี่
เฉินเกอรู้ดีว่าหยกชิ้นนี้มีความสำคัญต่อหนิงมู่ฉือมาก เอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่สงบนัก “ฉือเอ๋อร์ ใช่หยกรูปผีเสื้อที่ท่านตาให้เ้าใช่หรือไม่”
หนิงมู่ฉือรีบพยักหน้า พร้อมกับก้มมองหาหยกตามพื้น “น่าแปลกจริง เหตุใดถึงไม่อยู่แล้วเล่า เมื่อครู่ยังอยู่ที่เอวข้าอยู่เลย”
ฝนตกหนักจนน้ำท่วมขังบนพื้น จ้าวซีเหอก้มมองหาหยกตามพื้นเพื่อช่วยหาเช่นกัน เฉินเกอสังเกตเห็นท่าทีของชายวัยกลางคนดูแปลกๆ จึงชักเท้าถีบออกไป “บอกมาว่าเป็ฝีมือเ้าใช่หรือไม่!”
ชายวัยกลางคนมองเฉินเกออย่างใ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปัดเท้าที่เตะเข้ามาออก
แรงเยอะเหลือเกิน เฉินเกอคุกเข่าลงไปกับพื้น เกือบจะกระอักเืออกมาอยู่รอมร่อ เห็นชายวัยกลางคนกำลังจะวิ่งหนี จ้าวซีเหอรีบคว้าแขนของชายวัยกลางคนเอาไว้ เฉินเกอเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นมาช่วยจับ “ตอบมา...เ้าเป็ใครกันแน่!”
ในมือของชายวัยกลางคนเหมือนจะกำบางอย่างเอาไว้ จ้าวซีเหอมองที่มือพร้อมกับพยายามแงะนิ้วทั้งห้าออก เมื่อแงะออกพบว่าที่กลางฝ่ามือคือหยกรูปผีเสื้อ
หนิงมู่ฉือมองหยกที่อยู่ในมือชายวัยกลางคน นางรีบพุ่งเข้าไปคว้าหยกคืนมา พร้อมกับเอ่ยอย่างตื่นตะลึง “หยกของข้า!”
จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้น กระตุกยิ้มมุมปาก จ้องชายวัยกลางคนด้วยแววตาคมปลาบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววข่มขู่ “บอกมา เหตุใดเ้าต้องขโมยหยกนี้ด้วย แล้วสรุปเ้าเป็ใครกันแน่!”
หนิงมู่ฉือมองชายวัยกลางคนอย่างระแวดระวัง
ชายวัยกลางคนมองหนิงมู่ฉือด้วยแววตารักใคร่ “ข้าขอถามแม่นาง เ้าได้หยกชิ้นนี้มาจากที่ใด”
ชายวัยกลางคนสะบัดหลุดจากการเกาะกุมของจ้าวซีเหอและเฉินเกอได้ในที่สุด ยิ้มเยาะเย้ยพลางเอ่ย “แรงเท่ากับหมาแมวแค่นี้ยังคิดจะมาจับข้า”
“เหตุใดท่านต้องขโมยหยกของข้าด้วย” หนิงมู่ฉือมองชายวัยกลางคนด้วยแววตาสับสนลังเล ทั้งยังหวาดระแวง “หาก้าเงิน เหตุใดไม่ขโมยถุงเงินของข้า”
นางรู้สึกว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่น่าใช่พวกขอทานและไม่ได้หวังเงิน เพราะอีกฝ่ายมองหยกด้วยสีหน้าเ็ป พร้อมกับถามว่านางได้หยกชิ้นนี้มาจากที่ใด
“ข้าขอถามแม่นาง แม่นางรู้จักแม่ทัพหนิงจื้อหย่วนหรือไม่” ชายวัยกลางคนมองหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าระแวดระวัง เขารู้สึกว่าแม่นางผู้นี้หน้าตาเหมือนใครบางคนราวกับแกะ
หนิงมู่ฉือมีท่าทีตกตะลึง นางก้าวถอยหลังไปสองก้าว แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยปนแตกตื่น “ท่านพ่อ? ท่านรู้จักท่านพ่อของข้าหรือ”
ชายวัยกลางคนมีสีหน้าใ จ้องมองหนิงมู่ฉืออย่างรักใคร่แกมสงสาร แววตาไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ได้มิด “ท่านพ่อ? ความหมายของแม่นางคือแม่ทัพหนิงจื้อหย่วนคือบิดาของแม่นาง?”
หนิงมู่ฉือพยักหน้า ยิ้มอย่างดีใจจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มได้รางๆ “ท่านอารู้จักท่านพ่อของข้าด้วยหรือ”
ท่านอามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้หนิงมู่ฉือ จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงราวกับกระซิบว่า “ทั้งสามตามข้ามา ข้ามีเื่จะพูดกับพวกเ้า ที่นี่มีคนอยู่เยอะแยะ อาจจะมีผู้ใดมาได้ยินเข้า”
จ้าวซีเหอหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้เฉินเกอ เฉินเกอพยักหน้าก่อนทั้งสองคนจะเดินตามหลังหนิงมู่ฉือไป หนิงมู่ฉือในเวลานี้ไม่สนใจเื่อื่นใดอีก เดินตามหลังท่านอาไปอย่างตื่นเต้นดีใจ
ท่านอาพาทั้งสามคนมายังจวนซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ด้านข้างของจวนปลูกต้นไป๋ฮว่า[1] เอาไว้เต็มไปหมด บนกิ่งไม้มีใบอ่อนกำลังแตกช่อ ยิ่งมีฝนตกเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งดูงดงามราวกับภาพวาด
ท่านอาพาทั้งสามเข้าไปในห้องซึ่งเต็มไปด้วยหิน ก่อนจะเดินไปนำน้ำมาให้ทั้งสามคน “จวนของข้าไม่ค่อยมีของมีค่าที่พอจะใช้ต้อนรับทั้งสามคนได้ ดื่มน้ำอุ่นก่อนเถิด เวลาเมืองเทียนหลิงฝนตกอากาศมักจะหนาว ดื่มน้ำอุ่นร่างกายจะได้อบอุ่น” หนิงมู่ฉือพยักหน้า หยิบแก้วขึ้นมาทำท่าจะดื่ม กลับถูกจ้าวซีเหอส่ายศีรษะห้ามเอาไว้เสียก่อน นางจึงทำได้แค่ยิ้มแหย วางแก้วกลับคืนลงบนโต๊ะเช่นเดิม
“ท่านอา ท่านมีเื่ใดจะพูดกับข้าหรือ” หนิงมู่ฉือใช้มือลูบคางขณะเอ่ยถามอย่างสงสัยระคนแปลกใจ
[1] ต้นไป๋ฮว่า คือต้นไวท์เบิร์ช เป็ไม้เนื้อแข็ง ใบเล็กเป็รูปสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน พบในพื้นที่สูงและอากาศเย็น มักใช้ทำกระโจมหรือเรือแคนู เป็พืชอนุรักษ์ในบัญชีแดงไอยูซีเอ็น