ผู้ดูแลสำนักเชียนเฉ่าและสำนักทะยานเวหามีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน พวกเขาทั้งประหลาดใจและใ
“สำนักร้อยบุปผาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?”
“น่าแปลก แม้หนิงเทียนจะไปถึงพื้นที่หลักของแดนลับได้ แต่เขาก็ไม่น่ารุกรานตระกูลหลานหรือยั่วยุสำนักชื่อหยวนปังเพราะเด็กคนนี้”
ผู้าุโของสำนักั์พฤกษายิ้มกริ่ม แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดสำนักร้อยบุปผาถึงโง่เขลา แต่นี่คือสิ่งที่พวกเขา้าเห็น
ผู้าุโมู่มีความสุขอย่างมาก “ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตอบโต้ของตระกูลหลานแล้ว ถ้าพวกเขายังยืนกรานในแนวทางของตนละก็... ฮ่าๆๆ!”
เมื่อต้องเผชิญกับการล้อมวงของยอดฝีมือจากสำนักร้อยบุปผา หลานซานเยวี่ยก็โกรธจัด
“ผู้ใดก็ตามที่กล้าหยุดข้า ข้าย่อมไร้ความปรานีด้วย!”
หลานซานเยวี่ยะโขึ้นไปแล้วกระโจนมาทางหนิงเทียน เขาอยากจับคนผู้นี้ด้วยมือของตนเอง
“ไสหัวไป!” เพลิงวาโยรวมตัวรอบร่างผู้าุโหลี่ ราวกับงูเหลือมั์ม้วนขดตัวกลางอากาศ จากนั้นก็ะเิพลังใส่หลานซานเยวี่ย
“เ้าอยากตายสินะ!” หลานซานเยวี่ยคำรามด้วยความโกรธ
เขาเป็ศิษย์หลักของสำนักชื่อหยวนปัง เขาถูกกำหนดให้เป็ชายผู้มีอำนาจและชื่อเสียงก้องไปทั่วหล้า แต่ตาเฒ่าผู้นี้กลับกล้าหยาบคายต่อเขา นี่ไม่ต่างจากการร้องขอความตาย
หลานซานเยวี่ยสะบัดมือ พลังิญญาควบแน่นกลายเป็ฝ่ามือั์รับการโจมตีของผู้าุโหลี่
เสียงดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ ลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวพัดผ่าน ร่างของผู้าุโหลี่สั่นะเื ส่วนหลานซานเยวี่ยจำต้องร่นถอยไป
เมื่อหลานเซิ่งเจี๋ยเห็นเช่นนี้ก็ะโอย่างเกรี้ยวกราด “ลงมือ!”
ทหารม้ารับคำสั่งแล้วพุ่งโจมตีด้วยหอกยาว ขณะนี้การต่อกรกับยอดฝีมือแห่งสำนักร้อยบุปผาได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลานเซิ่งเจี๋ยมองหนิงเทียนพร้ะโกนลั่น “วันนี้คือวันตายของเ้า! และไม่มีผู้ใดช่วยเ้าได้”
ซิ่งอวี่เจวียนโต้กลับอย่างเ็า “คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายยิ่งนัก หากเ้าทำได้ก็ลองดู”
นอกจากตำแหน่งแม่ทัพแห่งจักรวรรดิแล้ว หลานเซิ่งเจี๋ยยังเกิดในตระกูลหยวนซิวและฝึกฝนมาจนถึงขอบเขตผนึกดารา อีกทั้งยังมีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยครั้ง จึงทำให้เขาค่อนข้างแข็งแกร่ง
หลานเซิ่งเจี๋ยกวัดแกว่งหอกคมแล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ พร้อมปล่อยท่าสังหารใส่ซิ่งอวี่เจวียน
เสิ่นซินจู๋อยากดึงหนิงเทียนให้หลบ แต่กลับถูกหนิงเทียนปฏิเสธ
“ท่านหลีกทางเถิด ข้าจะออกไปสังหารศัตรู”
ทันทีที่ก้าวออกไป ดอกบัวก็รวมตัวอยู่ใต้เท้าของหนิงเทียน หมู่มวลบุปผาแบ่งบานบนปลายนิ้วซ้าย ใบมีดกลีบผกาหมุนวนกลืนกินหอกยาว และฟาดฟันเหล่าทหารกล้าออกเป็สองส่วนในพริบตา
เสียงกรีดร้องดังสยองจนน่ากลัว หนิงเทียนใช้วิชาสัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าว แล้วเสริมด้วยทะยานหลงเงาตัดผกา เขาเคลื่อนตัวไปมาระหว่างทหารม้านับสิบราวิญญาร้าย ทั้งยังสังหารคนสิบสามคนด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง
เหล่าทหารม้าของตระกูลหลานล้วนเป็นักรบผู้แข็งแกร่งในสมรภูมิ แต่พวกเขากลับอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือจากสำนักร้อยบุปผา นอกจากพ่อลูกตระกูลหลานแล้ว ทุกคนที่อยู่เหนือขั้นเจ็ดล้วนจบชีวิตลง ณ ที่แห่งนี้
“จะรังแกกันเกินไปแล้ว!”
หลานซานเยวี่ยคำรามด้วยความโกรธ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกจากร่าง เขาผละตัวออกจากผู้าุโหลี่และพุ่งเข้าหาผู้าุโสำนักร้อยบุปผาอีกคนหนึ่ง ก่อนจะกระแทกเขาออกไปด้วยฝ่ามือเดียว
“จัดการเขา!” ผู้าุโหลี่คำรามด้วยความโกรธ เขาและผู้าุโอีกสองคนเข้าปิดล้อมศัตรู แล้วกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่องจนหลานซานเยวี่ยต้องล่าถอยกลับไป
แม้เขาจะเป็ศิษย์หลักของหยวนซิว แต่ระดับของเขายังไม่อาจเทียบกับพวกผู้าุโหลี่ได้
ทันใดนั้น หนิงเทียนก็รับรู้ถึงวิกฤตครั้งใหญ่ บงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวข้างกายรวมกันเป็หนึ่ง ต้นท้อทหาริญญาปล่อยพลังลึกลับ ก่อนจะมีขบวนประหลาดปรากฏขึ้นบนพื้น แล้วพาหนิงเทียนเคลื่อนตัวออกไปด้านข้างในชั่วพริบตา
“ระวัง!”
ผู้ดูแลฝ่ายในของสำนักร้อยบุปผาร้องลั่น แล้วพุ่งตัวออกไปทันที แต่น่าเสียดายที่สายเกินไป
ฟ้าคำรามในห้วงอากาศ พลังอันน่าสะพรึงกลัวผุดขึ้นจากพื้นดิน ทำให้ผู้าุโหลี่และผู้ดูแลสำนักร้อยบุปผากรีดร้องโอดครวญ ร่างของผู้คนจำนวนมากะเิ และพวกเขาก็สิ้นลมหายใจในทันที
ทั้งเมืองไป่หลิงสั่นะเื รัศมีอันน่าทึ่งแผ่กระจายไปทั่วเมือง ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้ผู้คน
บนม้าตู๋เจี่ยวโซ่ว ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดหรูหราส่งเสียงกรอดแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเ็า
“พวกเ้ารังแกศิษย์ของข้า! เ้ากำลังดูิ่สำนักชื่อหยวนปังของข้าอยู่หรือ?”
ในบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์สิบแห่งในดินแดนหยวนซิง สำนักชื่อหยวนปังเป็ที่รู้จักในฐานะที่มีจำนวนศิษย์มากที่สุด ทั้งยังมีขอบเขตอิทธิพลกว้างขวางอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็สำนักที่ดีเลยทีเดียว
ร่างของผู้ดูแลของสำนักร้อยบุปผาสั่นสะท้าน คลื่นกระแทกที่แผ่กระจายออกมาราวกับขุนเขาทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด
“ท่านคือผู้ใด?”
สำนักเชียนเฉ่า สำนักั์พฤกษา และสำนักทะยานเวหาต่างหวาดหวั่น ความแข็งแกร่งของชายผู้นั้นน่าพรั่นพรึงเหนือจินตนาการ
“ยอดฝีมือแห่งหอนักรบจากสำนักชื่อหยวนปัง เฮ่อเจิ้งหยาง!”
เสียงเยือกเย็นแพร่กระจายไปทุกทิศทาง ทุกคนในเมืองไป่หลิงล้วนได้ยินอย่างชัดเจน
สีหน้าของยอดฝีมือสำนักฝ่ายในเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาล้วนอุทานว่า “เป็เ้า!”
ซิ่งอวี่เจวียนโพล่งออกมา “แย่แล้ว! นี่คือหนึ่งในเก้ายอดฝีมือแห่งหอนักรบของสำนักชื่อหยวนปัง ตอนนี้เราประสบปัญหาใหญ่แล้ว!”
ดวงหน้าเสิ่นซินจู๋ซีดลงด้วยความใ พร้อมส่งสัญญาณให้หนิงเทียนหนีไป
เหล่ายอดฝีมือของสำนักเชียนเฉ่าและสำนักทะยานเวหาต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าชายวัยกลางคนในชุดหรูหราผู้นี้จะเป็บุคคลสำคัญของสำนักชื่อหยวนปัง
“ท่านผู้ดูแล พวกเรา...” บรรดายอดฝีมือแห่งสำนักร้อยบุปผาต่างหวาดผวา ในฉากนองเืนี้ สำนักร้อยบุปผาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แม้กระทั่งผู้าุโหลี่ก็ได้รับาเ็สาหัสจนหมดสติไปแล้ว
“พวกเ้าถอยไปก่อน” ผู้ดูแลฝ่ายในมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันหลังให้ยอดฝีมือในสำนัก และสั่งให้ซิ่งอวี่เจวียนพาหนิงเทียนมาหาเขา
หลานเซิ่งเจี๋ยออกคำสั่งสงบศึกแล้วไปยืนข้างหลานซานเยวี่ย สายตาของทั้งคู่จับจ้องเพียงร่างของหนิงเทียน
“จงมอบตัวเ้าฆาตกรมา แล้วเราจะไม่สร้างปัญหากับสำนักร้อยบุปผาอีก ไม่เช่นนั้น...”
ซิ่งอวี่เจวียนปกป้องหนิงเทียนไว้เื้ัด้วยสีหน้ากังวล พร้อมเอ่ยเสียงกระซิบ “ท่านผู้ดูแล...”
“ข้าไม่อาจส่งหนิงเทียนให้พวกเ้าได้” ผู้ดูแลปฏิเสธข้อเสนอของหลานเซิ่งเจี๋ย
หลานซานเยวี่ยคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้าไม่ส่งมา แล้วเ้าจะทำสิ่งใด?”
“นี่คือเมืองไป่หลิง พลังัไม่อาจสยบงูประจำถิ่นได้”
ยอดฝีมือแห่งสำนักเชียนเฉ่า สำนักั์พฤกษา และสำนักทะยานเวหาต่างตะลึงอีกครั้ง เหตุใดสำนักร้อยบุปผาถึงยังปกป้องหนิงเทียนอย่างสุดความสามารถเช่นนี้? พวกเขาบ้าไปแล้วหรือ?
หนิงเทียนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ท่านผู้ดูแลปกป้องเขาขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาะเืใจ แต่ยังทำให้เขาประหลาดใจอีกด้วย
ซิ่งอวี่เจวียนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดกับหนิงเทียนเป็การส่วนตัว “หากเ้ามีโอกาส เ้าสามารถหนีไปได้ทันที ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อถ่วงเวลาให้เ้า”
หลานซานเยวี่ยจ้องผู้ดูแลของสำนักร้อยบุปผาแล้วตะคอกอีกครา “อย่างไรวันนี้เขาก็ต้องตาย! เพียงส่งเขามาอย่างเชื่อฟัง หากต้องให้อาจารย์ของข้าลงมือ นั่นอาจสายเกินกว่าที่เ้าจะนึกเสียใจ!”
ผู้ดูแลฝ่ายในกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
“สำนักร้อยบุปผาไม่มีทางมอบหนิงเทียนให้พวกเ้า ต่อให้เป็ยอดฝีมือแห่งหอนักรบจากสำนักชื่อหยวนปัง หากทำให้สำนักร้อยบุปผาแห่งเมืองไป่หลิงต้องอับอาย เื่นี้ย่อมไม่เป็ผลดีต่อท่านในอนาคต เกรงว่าการอธิบายเื่นี้ต่อหน้าสำนักวั่นจื๋อคงไม่ใช่เื่ง่าย เมื่อถึงเวลานั้นความแค้นส่วนตัวจะกลายเป็การศึกระหว่างจื๋อซิวและหยวนซิว ท่านยอดฝีมือเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าผู้ใดคือผู้ที่สำนักชื่อหยวนปังจะให้ออกมารับผิดชอบ?”
เฮ่อเจิ้งหยางจ้องมองอย่างเ็าพร้อมตวาด “เ้าขู่ข้าหรือ?”
“ย่อมไม่กล้า ข้าเพียงอยากบอกยอดฝีมือเฮ่อว่าหนิงเทียนมีความสำคัญมากสำหรับสำนักร้อยบุปผาและเราจะไม่ส่งเขาให้ หากท่านผู้นำหอยืนกรานที่จะลงมือ สำนักร้อยบุปผาของเราย่อมไม่ลังเลที่จะสู้จนตัวตาย ในอนาคตเมื่อสำนักวั่นจื๋อสอบสวนเื่นี้ เกรงว่าผู้นำหอจะไม่ได้แก่ตายเสียแล้ว...”
“กล้าดีอย่างไรมาขู่ข้า? ช่างรนหาที่ตายนัก!” เฮ่อเจิ้งหยางโกรธจนเืขึ้นหน้า รัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมทั่วเมืองไป่หลิง จนทุกคนล้วนตื่นตระหนก
ผู้ดูแลสำนักฝ่ายในยืดหลังแล้วะโลั่น “ยอดฝีมือเฮ่อ้าสู้กับสำนักร้อยบุปผาจริงๆ ใช่ไหม?”
อุดมการณ์ของผู้ดูแลนั้นหนักแน่นมาก ซึ่งทำให้ยอดฝีมือของทั้งสี่ฝ่ายประหลาดใจ
เฮ่อเจิ้งหยางจึงเอ่ยวาจาเหยียดหยาม “เขาเป็เพียงศิษย์ฝ่ายในจื๋อซิว หากศิษย์ของข้า้าสังหารเขา สำนักร้อยบุปผาของเ้าจะหยุดเขาได้หรือ?”
ผู้ดูแลมองหลานเซิ่งเจี๋ยแล้วกล่าวเสียงเย็น “เ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าการล่วงละเมิดสำนักร้อยบุปผาของเราจะนำไปสู่หายนะ?”
หลานเซิ่งเจี๋ยร่างสั่นเล็กน้อยและพูดอย่างขมขื่น “ลูกของข้าไม่อาจตายเปล่าได้”
“เช่นนั้นก็มาสู้กัน”
ทันทีที่ก้าวออกไป ผู้ดูแลฝ่ายในก็ปล่อยคลื่นผันผวนน่าสะพรึงกลัวออกมา คลื่นนั้นหมุนวนไปตามสายลมและหมู่เมฆบนฟากฟ้า ดอกไม้ประหลาดปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะสะพรั่งบานจนเกิดแสงระยิบระยับ อีกทั้งยังเกิดคลื่นอากาศปั่นป่วนที่พุ่งไปข้างหน้า ทำลายแผ่นหินบนพื้นจนฝุ่นทรายแตกกระจายกลายเป็สายหมอก
ท่าทีของหลานเซิ่งเจี๋ยและหลานซานเยวี่ยเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออกและไม่เหลือแรงที่จะต่อสู้
เฮ่อเจิ้งหยางสูดลมอย่างเ็า ห้วงอากาศะเิฉีกคลื่นอันน่าสะพรึงของผู้ดูแลสำนักฝ่ายในจนขาดสะบั้น และทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
“อยู่เพียงขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นสองยังกล้าอาละวาดต่อหน้าข้า วันนี้ข้าจะรอดูว่าสำนักร้อยบุปผาจะหยุดข้าไม่ให้สังหารเขาได้อย่างไร?”
เฮ่อเจิ้งหยางลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างฉับพลัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยรังสีแสง พลังพลุ่งพล่านและเืลมควบแน่นเป็สายธารโลหิตกลางอากาศ พร้อมปล่อยคลื่นผันผวนที่น่ากลัวหนักหนาสาหัสเช่นเดียวกับเขาไท่ซาน
ทั้งเมืองไป่หลิงสั่นะเือีกครา ผู้สังเกตการณ์หลายคนร้องอุทาน ทั้งยังคุกเข่าลงกับพื้นด้วยไม่สามารถรับแรงกดดันนี้ได้
หนิงเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้ดูแลก็กำลังเผชิญกับการกดขี่นั้นเช่นกัน
ซิ่งอวี่เจวียนที่อยู่ด้านข้างฝืนสู้อย่างสุดกำลัง ร่างอันบอบบางสั่นเทาอย่างกลั้นไม่ไหว และมีเืไหลออกจากปากและจมูกของนางทันที
ขณะที่หนิงเทียนยังคงยืนหยัด กายาสุวรรณะนิรันดร์เดือดพล่าน ิัของเขาปกคลุมไปด้วยเส้นสีทองแข็งแกร่ง กระดูกส่งเสียงลั่น และแผนที่จิติญญาก็สั่นะเือยู่ในเส้นลมปราณ
ผู้ดูแลสำนักคำราม ผมยาวของเขาปลิวไสว พลังในขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นสองถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มกำลัง ดอกไม้ประหลาดปรากฏขึ้น พร้อมกระจายตัวเป็โล่ป้องกัน
ตูม!
โล่ดอกไม้ะเิออกจนเกิดเสียงดังสนั่น ผู้ดูแลถอยหลังไปสามก้าว พร้อมหลั่งโลหิตออกมาจากปาก ซิ่งอวี่เจวียนเห็นดังนั้นก็กรีดร้อง ก่อนจะกระเด็นออกไปด้วยอาการาเ็สาหัสเช่นกัน
ร่างกายของหนิงเทียนตึงเครียด อวัยวะภายในสั่นคลอน เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะต้านทานพลังอันชั่วร้าย ยามนี้เริ่มมีเืไหลออกจากปากและจมูกของเขาแล้ว อีกทั้งเสื้อผ้ายังถูกย้อมจนเป็สีแดงฉาน
ทันทีที่เขาคำราม ต้นไม้แห้งเหี่ยวก็ปรากฏขึ้นข้างกาย เขาใช้มือซ้ายเช็ดจมูก จนเืไหลอาบกำไลหยกหยวนจนกลายเป็สีแดง
ยามนี้หนิงเทียนไร้ซึ่งความกลัว น้ำเต้าเจ็ดสีในเส้นลมปราณสั่นไหวและเปล่งแสงประกาย แม้เขาจะไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องพยายามอย่างเต็มกำลัง
ผู้ดูแลเปิดใช้อาวุธิญญา นั่นคือดอกถานฮวา[1]ที่กางออกเป็ม่านพลังสีขาวเงิน
เฮ่อเจิ้งหยางพูดเย้ยหยัน “ต่อต้านด้วยวิธีนี้ เ้าคิดว่าสำนักชื่อหยวนปังของข้าเป็สำนักชั้นเลวหรืออย่างไร?”
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ห้วงอากาศก็พังทลายลงหนึ่งครา พลังทำลายล้างกลายเป็กระแสน้ำโจมตีผู้ดูแล ราวูเาที่ถล่มทลายจนแผ่นดินแตกร้าว ดอกถานฮวาที่แบ่งบานยามค่ำคืนกระเด็นหายไปพร้อมเสียงดังกึกก้อง
“ท่านผู้ดูแล...”
“อย่าเข้ามา!”
ยอดฝีมือสำนักร้อยบุปผาร้องอุทานและอยากเข้าช่วยเหลือ ทว่ากลับถูกผู้ดูแลห้ามไว้
สีหน้าของหลานซานเยวี่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ช่างยอดเยี่ยม”
“ข้าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่สายที่จะถอยไป ไม่เช่นนั้นเ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
เฮ่อเจิ้งหยางกล่าวอย่างเ็าด้วยอำนาจที่เหนือกว่า เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้ดูแลสำนักร้อยบุปผาั้แ่ต้น
“ท่านผู้ดูแล! ท่านถอยไปเถิด” หนิงเทียนไม่อยากให้ผู้ดูแลต้องเ็ปมากกว่านี้ ดังนั้น เขาต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง
ผู้ดูแลหันกลับมาเหลือบมองกำไลที่ข้อมือแล้วเอ่ย “กำไลวงนี้...”
หนิงเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะเข้าใจบางอย่างและตอบว่า “ท่านอาจารย์ของข้าเป็ผู้มอบให้”
พลันดวงตาของผู้ดูแลสำนักสว่างวาบ จิติญญาแห่งการต่อสู้ลุกโชนทันที “ตอนนี้เราคงต้องเสี่ยงโชคกันแล้ว”
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อเปิดใช้อาวุธิญญาดอกถานฮวา เส้นแสงสีขาวราวเกล็ดหิมะตกลงมาปกคลุมทั้งสองคน
เมื่อเห็นผู้ดูแลสำนักปฏิเสธการยอมแพ้ ยอดฝีมือของทั้งสี่สำนักต่างก็คิดว่าเขาบ้าไปแล้ว ช่างรนหาที่ตายเสียจริง
เฮ่อเจิ้งหยางไม่พอใจเป็อย่างมาก “หากเ้าอยากแสวงหาความตายอย่างแท้จริง เช่นนั้นข้าจะช่วยให้ความปรารถนาของเ้าเป็จริง!”
ห้วงอากาศทลายลงด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว พลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวฉีกแนวป้องกันของดอกถานฮวา แล้วระดมปล่อยพลังใส่ผู้ดูแล
เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดมาพร้อมกับสายโลหิตสาดกระเซ็น ก่อนที่ร่างของผู้ดูแลจะกระเด็นออกไป
วินาทีต่อมา พลังแห่งการทำลายล้างกลายเป็ฝ่ามืออันมโหฬารเข้าห่อหุ้มศีรษะของหนิงเทียนเอาไว้
“ไม่นะ!”
เสิ่นซินจู๋และซิ่งอวี่เจวียนร้องขึ้นพร้อมกัน ช่างน่าเสียดายที่เสียงของพวกนางไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้
----------------------
[1] ดอกถานฮวา (昙花) ในภาษาไทยเรียกว่าดอกโบวตั๋น แต่เป็คนละสายพันธ์กับดอกโบตั๋นหรือมู่ตัน เนื่องจากเป็พรรณไม้ที่จะบานเฉพาะในเวลากลางคืน และใช้เวลาเบ่งบานและร่วงโรยในเวลาเพียงค่ำคืนเดียว จึงได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งรัตติกาล หรือราชินีหนึ่งค่ำคืน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้