“หลินเฟิง!”
“หลินเฟิง ที่แท้คนที่นางรักก็มีนามว่าหลินเฟิงนั่นเอง” นั่นเป็นามของคนที่ทำให้สาวงามอย่างต้วนซินเยี่ยต้องฝังใจขนาดนี้ แม้กระทั่งก่อนตายก็ยังอยากอธิบายเื่เข้าใจผิดให้เขาฟัง ทว่ากลับไม่มีใครรู้ว่าเ้าของนามดังกล่าวนั้นเป็ใครกันแน่
ในขณะที่ผู้คนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา ก็มีบางคนคิดว่าหากมีหญิงงามล่มเมือง มาทำเพื่อพวกเขาถึงขนาดนี้ก็คงเป็เื่ที่ดีมาก หลินเฟิงช่างเป็คนที่น่าอิจฉาเสียจริง
“นางกำลังเรียกหลินเฟิง!”
จื่อหลิงถึงกับแข็งทื่อขณะมองไปที่ต้วนซินเยี่ย ไม่มีทางเป็เขาไปได้ หลินเฟิงที่ต้วนซินเยี่ยกำลังพูดถึงจะต้องไม่ใช่หลินเฟิงที่นางรู้จักแน่นอน
หลินเฟิงคนที่นางรู้จักจะมีหญิงสาวที่สวยงามขนาดนี้มาตกหลุมรักได้อย่างไร
ในขณะนั้น หลินเฟิงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ตกตะลึงไปแล้วเช่นกัน
“หลินเฟิง ข้าไม่รู้จริงๆ”
ต้วนซินเยี่ยพร่ำกล่าวประโยคเดิมด้วยความโศกเศร้า นางจะพูดจนกว่าเสียงที่สั่นเครือนี้จะส่งไปถึงหลินเฟิง ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ราวกับเป็ความปรารถนาสุดท้ายก่อนตาย
“ข้าเข้าใจนางผิดไป”
จู่ๆ หลินเฟิงก็รู้สึกเ็ปขึ้นมาราวกับถูกอะไรทิ่มแทงหัวใจ
เป็เขาที่สังหารผู้บัญชาการผู้คุ้มกันทมิฬ เป็เขาที่ทำให้เหล่าผู้คนที่ปกป้องนางต่างจากไป แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เข้าใจนางผิดไป การที่ทิ้งต้วนซินเยี่ยไว้เื้ั มันทำให้ต้วนซินเยี่ยในตอนนี้ต้องถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับจื่อโฉง
ตอนนี้ต้วนซินเยี่ยถึงกับต้องใช้กริชจ่อลำคอของตัวเอง เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง แม้กระทั่งก่อนตายนางก็ยังไม่ลืมความปรารถนาสุดท้ายที่อยากอธิบายให้หลินเฟิงได้เข้าใจ
ทำไมต้วนซินเยี่ยถึงต้องอธิบายให้เขาฟัง? มันเป็เพราะเขาเองที่เข้าใจนางผิดไป!
“ช้าก่อน”
หลินเฟิงกล่าวออกมาขณะทะยานขึ้นไปในอากาศ เพื่อไปยังตรงทางเดิน
เพียงพริบตาหลินเฟิงก็กลายเป็จุดสนใจแก่เหล่าผู้คน พวกเขาต่างมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งเขาในตอนนี้กำลังสวมเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายและสะอาดสะอ้าน เขามีใบหน้าที่งดงามและหล่อเหลา
แม้แต่ต้วนซินเยี่ยเองก็มองหลินเฟิงเช่นเดียวกัน หัวใจของนางตอนนี้กำลังสั่นระรัว
เป็เขา!
ร่างเงาที่ปรากฏในสายตาของนางนั้น มันไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด
ทางด้านจื่อหลิงและจื่ออีเมื่อเห็นหลินเฟิงแล้ว พวกนางต่างต้องประหลาดใจ หลินเฟิง? หรือว่าหลินเฟิงที่ต้วนซินเยี่ยได้เอ่ยมานั้น จริงๆ แล้วคือหลินเฟิงที่พวกนางรู้จัก?
ซึ่งตอนนี้เขาได้ถอดหน้ากากสีเงินแล้ว
“ท่านพี่จื่ออี คนที่นางรักก็คือหลินเฟิง?”
จื่อหลิงพึมพำขณะที่ตัวเองไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
จื่ออีในขณะนั้นที่กำลังซึมเศร้าจากความผิดหวังและภายในใจก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางกำลังมองหลินเฟิงและกล่าวอย่างเ็าว่า “เป็ไปได้ยังไง ไม่มีทางที่จะเป็เขาได้”
หลินฮ่าวเจี๋ยเองก็มองไปที่หลินเฟิงเช่นกัน คนคนนี้ดูเหมือนว่าจะรู้จักเป็อย่างดี อย่างไรก็ตามเขากลับรู้สึกว่า เขาไม่เคยเจอหลินเฟิงมาก่อน มิฉะนั้นคงไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จัก
ทางด้านต้วนซินเยี่ยเองก็ยังคงมองหลินเฟิงนิ่งๆ ขณะที่มือของนางที่ถือกริชอยู่ก็ผ่อนแรงลงเล็กน้อย
“หลินเฟิง!”
ต้วนซินเยี่ยพึมพำเหมือนยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็หลินเฟิง ที่ปรากฏอยู่ต่อหน้านางในตอนนี้
“เป็ข้าที่ผิดเอง ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องทุกข์ทรมาน”
หลินเฟิงกล่าวคำขอโทษอย่างรู้สึกเสียใจเป็ที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิงแล้ว ต้วนซินเยี่ยจึงเริ่มร้องไห้ หยดน้ำตาได้ไหลไปตามใบหน้าที่สวยงาม ซึ่งในแววตาของนางกลับยิ้มทั้งน้ำตาขณะน้ำตายังเอ่อล้น ทำให้ผู้คนล้วนจ้องนางตาค้างราวกับเห็นเทพธิดาที่มาจาก์
เสียงกริชตกกระทบพื้นดังขึ้น ต้วนซินเยี่ยทิ้งกริชของนางลง แล้วเดินไปหาหลินเฟิงช้าๆ พลางกล่าวว่า “ข้าไม่โทษเ้าหรอกหลินเฟิง!”
หลินเฟิงจ้องมองต้วนซินเยี่ยด้วยแววตาลึกซึ้งและซับซ้อน สำหรับตระกูลต้วนนั้น องค์รัชทายาทต้วนหวู่ต้าวเป็คนก้าวร้าว องค์ชายรองต้วนหวู่หยาเป็คนที่ลึกลับและแข็งแกร่ง ส่วนองค์หญิงต้วนซินเยี่ยกลับเป็คนที่ไร้เดียงสาและอ่อนโยน
แม้นางจะเป็ถึงองค์หญิงที่มีสถานะอันสูงศักดิ์ แต่นางก็ยังเป็เพียงหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง
เมื่อฝูงชนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันใด คู่รักที่ดีเช่นนี้พวกเขาอาจไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน
จื่อหลิงและจื่ออียังคงตกตะลึง หลินเฟิง เป็หลินเฟิงจริงๆ!
เป็หลินเฟิงที่โดนพวกนางดูถูกมาโดยตลอด คาดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามมาตกหลุมรักได้ ช่างน่าขันนัก จื่ออีนั้นยังคิดว่าหลินเฟิงไม่มีอะไรเทียบนางได้ แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด
แม้แต่หลินฮ่าวเจี๋ยก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อจื่อเซี๋ยและทิ้งจื่ออีไป โดยไม่มีแม้แต่คำอธิบายใดๆ
ในความเป็จริงมันเป็เื่ที่โหดร้าย ซึ่งทำให้นางยากที่จะยอมรับได้
และในความเป็จริง เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเช่นนี้ มันทำให้นางรู้สึกยากที่จะเชื่อได้
หลินเฟิง เขามีอะไรดีถึงมีสาวงามมาตกหลุมรักเช่นนี้?
ผู้คนจากตระกูลจื่อเริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ต้วนซินเยี่ยควรต้องแต่งงานและเป็ภรรยาของจื่อโฉง ทว่าตอนนี้ในวันแต่งงานของพวกเขา นางกลับอยู่กับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา จึงทำให้จื่อโฉงไม่อาจยอมรับได้
ตระกูลจื่อจะต้องเสียหน้าอย่างมากและจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
ต้วนซินเยี่ยและหลินเฟิงทำให้พวกเขาต้องอับอายต่อหน้าฝูงชน
“พวกเ้ารักใคร่กันพอหรือยัง?”
จื่อโฉงกล่าวอย่างเ็า เขาในตอนนี้ดูโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยหากเป็เขาจื่อโฉง เดิมทีเขาควรต้องแต่งงานกับต้วนซินเยี่ย แต่ว่าที่ภรรยาของเขากลับทำลายชื่อเสียงของเขาเสียไม่มีดี
หลินเฟิงและต้วนซินเยี่ยมองไปที่จื่อโฉง หลินเฟิงดึงต้วนซินเยี่ยมาอยู่ข้างกายเขาขณะมองไปที่จื่อโฉงด้วยสายตาเ็า
ซึ่งรายละเอียดเล็กน้อยนี้ กลับทำให้ต้วนซินเยี่ยรู้สึกอบอุ่นใจมากขี่ณะนางยืนเงียบๆ อยู่ด้านหลังหลินเฟิง ซึ่งนางชอบความรู้สึกที่เป็อยู่ตอนนี้มาก นางรู้สึกเหมือนกับในวันนั้น วันที่หลินเฟิงได้ไล่ล่าพันลี้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนาง
“ต้วนซินเยี่ย ข้าจื่อโฉงไม่เคยทำร้ายเ้า หลายวันมานี้ข้าก็ไม่เคยแตะต้องตัวเ้าเลยสักนิด แต่วันนี้เ้ากลับอยู่กับชายอื่น ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจื่อโฉงก็จะไม่สงสารเ้าอีกต่อไป เ้าจะต้องเป็ของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!”
จื่อโฉงกล่าวเสียงเย็น ขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงและต้วนซินเยี่ย
“คนของตระกูลจื่อต่างเป็พวกไร้ยางอายกันหมดเลยหรือ?”
หลินเฟิงรู้สึกว่าตรรกะของจื่อโฉงช่างไร้สาระเหลือเกิน เขาจับต้วนซินเยี่ยมาเพื่อให้นางเป็ภรรยาของเขา ในเมื่อเขาไม่อาจทำอะไรต้วนซินเยี่ยได้เอง หรือนางต้องขอบคุณเขาเพราะเหตุนี้ด้วยหรือ?
“อย่างที่เ้าคิด หากมีใครจับตัวน้องสาวของเ้าไปเป็ภรรยาและไม่แตะต้องนางก่อนวันแต่งงาน น้องสาวเ้าควรจะรู้สึกซาบซึ้งหรือเต็มใจไปเป็ภรรยาของชายอื่น ซึ่งนี่เป็ตรรกะของตระกูลจื่อของเ้า?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส จึงทำให้สีหน้าของคนตระกูลจื่อเปลี่ยนไปเ็าขณะจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิง
“เ้ามีนามว่าหลินเฟิงสินะ ช่างกล้าหาญนัก ขนาดอยู่ในตำหนักตระกูลจื่อของข้ายังกล้าอวดดีเช่นนี้ ข้าจะทำให้เ้าต้องตายอย่างทรมาน”
จื่อโฉงมองไปที่หลินเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร หลินเฟิงนั้นยังเยาว์วัยมากนัก คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ามาอวดดีในที่ของเขา ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง
“ก็ลองดู”
หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หนึ่งคนในชุดสีขาวซึ่งแบกดาบโบราณไว้บนหลัง เขาช่างกล้าหาญและไร้ความหวั่นเกรง
สายลมที่พัดผ่านมาทำให้ชุดสีขาวของหลินเฟิงต้องกระพือไปตามสายลม
จื่อหลิงและจื่ออีต่างกลายเป็โง่งมขณะมองไปที่หลินเฟิง
เขาเปลี่ยนไป! หลินเฟิงในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็คนละคน พวกนางไม่รู้สึกว่าเขาเป็คนขี้ขลาดอีกต่อไป หลินเฟิงในตอนนี้เต็มไปด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่ง เขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับตระกูลจื่อเพียงลำพัง
ในตอนนี้หลินเฟิงดูโดดเด่นอย่างมาก ราวกับว่าเขาได้กลายเป็คมดาบที่แหลมคมและน่าสะพรึงกลัว
“หมอนี่ช่างอวดดีเกินไปแล้ว พี่จื่อโฉงให้ข้าช่วยท่านเถอะ”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวขณะก้าวออกไป ซึ่งตอนนี้นับว่าเป็โอกาสดีที่เขาจะได้แสดงฝีมือ
“งั้นต้องรบกวนน้องหลินแล้ว” จื่อโฉงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหลินฮ่าวเจี๋ยก็พุ่งออกไปทันที เพียงพริบตาเขาก็มาอยู่ต่อหน้าหลินเฟิงแล้ว เสื้อคลุมสีทองของเขาทำให้เขายิ่งดูน่าเกรงขามและสูงส่ง
“ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนเคยเจอเ้ามาก่อน?”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวขณะขมวดคิ้ว
หลินเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ลงมือเลยเถอะ”
“ไม่คิดว่าเ้าจะรนหาที่ตายเร็วขนาดนี้ งั้นข้าจะสนองให้ก็ได้ แต่จำไว้ว่าคนที่ฆ่าเ้ามีนามว่าหลินฮ่าวเจี๋ย ดาบห่าฝนทองคำ!”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวอย่างหยิ่งผยองขณะก้าวออกไป ซึ่งในตอนนี้สายฝนสีทองที่งดงามได้แผ่ไปทั่วท้องฟ้า ห่าฝนทองคำบนฟากฟ้าเริ่มกลายเป็แสงสีทองที่สว่างเจิดจ้าอย่างมาก
เมื่อฝนสีทองตกลงมามันกลายเป็แสงสีทองและเข้าปกคลุมร่างของหลินเฟิงไว้
หลินเฟิงยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาเพียงแค่ขยับมือขึ้นเล็กน้อย จากนั้นคลื่นดาบก็บุกทะลวงไปยังชั้นอากาศจนเกิดแสงระยิบระยับเพียงพริบตา แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตามหลินฮ่าวเจี๋ยกลับกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ดาบยาวของเขาร่วงสู่พื้นพร้อมกับแขน แขนของเขาถูกตัดออกั้แ่ข้อศอกลงมา
ดวงตาของผู้คนต่างเบิกกว้างขณะในใจกำลังเต้นระรัว พวกเขายังคงไม่รู้ว่าหลินเฟิงทำเช่นนั้นได้อย่างไร
ในตอนนี้หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ราวกับเขาไม่เคยขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย ทว่าแขนของหลินฮ่าวเจี๋ยกลับถูกตัดไป
“ดาบห่าฝนทองคำ เ้ามีสิทธิอะไรถึงเรียกตัวเองว่านักดาบ แม้แต่ดาบเ้าก็มิควรแตะต้อง!”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ทำให้ผู้คนต่างสั่นสะท้าน
โดยเฉพาะจื่อหลิงและจื่ออี ตอนนี้พวกนางกำลังสั่นเทาและไม่กล้าขยับไปไหน เพราะพวกนางกำลังตกตะลึงอย่างมาก
หลินฮ่าวเจี๋ย นักดาบ?
หลินเฟิง ขี้ขลาด? เศษขยะ?
เมื่อหลินฮ่าวเจี๋ยอยู่ต่อหน้าหลินเฟิง แม้แต่คุณสมบัติของนักดาบก็ไม่มีเลยสักนิด หลินฮ่าวเจี๋ยไม่สมควรที่จะจับดาบด้วยซ้ำ!