ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ในโรงเตี๊ยม หลี่จิ่นกำลังเก็บของใส่หีบหวายด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ

        หงโฉวยกกะละมังใส่น้ำเข้ามา บิดผ้าให้แห้งแล้วถูห้องพักรอบหนึ่ง

        ไม่คิดจะสนใจลวี่จิ่นซึ่งทำหน้าเศร้า

        "หงโฉว เ๯้าว่าจวิ้นจู่คล้อยตามคุณหนูเซวียผู้นั้นเกินไปหรือไม่ นี่ถึงกับไม่สวมหมวกม่านออกไปข้างนอกเชียวนะ"

        ลวี่จิ่นขบริมฝีปากล่าง คิดอยากหาแนวร่วม

        "จวิ้นจู่ทำสิ่งใดย่อมจะมีเหตุผลของตนเอง" หงโฉวเอ่ยเสียงเรียบ ปรกติเห็นมีไหวพริบดี ไม่รู้ว่าสมองไปโดนอะไรถึงคิดไม่ได้

        "ข้ารู้ จวิ้นจู่ทำตัวสนิทสนมนางเป็๲พิเศษเพราะคุณชายผูหยาง แต่สตรีจากสถานที่เล็กๆ ไหนเลยจะคู่ควรให้จวิ้นจู่ปฏิบัติด้วยความใส่ใจ"

        ในเมืองหลวงมีสตรีชั้นสูง และคุณหนูจากตระกูลผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มากมายเพียรพยายามจะเอาอกเอาใจท่านหญิงแต่มิอาจเข้าถึง คุณหนูเซวียมาจากไหนก็ไม่รู้กลับได้รับความใส่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับมิได้ปลาบปลื้มแม้แต่น้อย

        ทั้งยังทำสีหน้าเรียบเฉยราวกับสมควรจะเป็๲เช่นนี้อยู่แล้ว ทำให้ลวี่จิ่นรู้สึกขุ่นเคืองใจมาก

        "ลวี่จิ่น คำพูดบางอย่างเ๯้าไม่สมควรเอ่ย" หงโฉวสีหน้าเคร่งขรึม "หากยังทำนิสัยเช่นนี้อยู่ คนที่ต้องลำบากก็คือเ๯้าเอง"

        นางแสดงท่าทีเฉียบขาด สีหน้าเคร่งขรึม ลวี่จิ่นแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตารูปผลซิ่งฉายแววตัดพ้อ "ที่นี่ก็มีแต่พวกเราสองคน ข้าถึงพูดแบบนี้ ปรกติข้าไม่เป็๲อย่างนี้เสียหน่อย"

        "อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลยนะ เ๯้าคิดดูดีๆ ๰่๭๫นี้ดวงหน้าของจวิ้นจู่มีรอยยิ้มมากขึ้นหรือไม่ แล้วเหตุใดถึงยิ้มล่ะ เ๯้าไม่สังเกตบ้างเลยรึ" หงโฉวทำท่าเหมือนหมดวาจาเพียงเท่านี้

        ลวี่จิ่นลังเลไปชั่วขณะ สาเหตุย่อมเป็๲เพราะว่าคุณชายผูหยางเริ่มคุยกับท่านหญิงมากขึ้น แม้ว่าคุณหนูเซวียจะมีผลงานอยู่บ้างก็ตาม

        หงโฉวตวัดสายตาใส่นาง ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมต่อไป

        ครานี้ที่ท่านหญิงพาลวี่จิ่นมาเพราะหลันอิงไม่สบาย หวงซุ่ยก็ลากลับบ้าน มิเช่นนั้นโอกาสไหนเลยจะมาถึงนาง

        ยามท่านหญิงหย่งเจียกลับมา ในมือยังถือตะกร้าสานด้วยตนเอง

        ข้างในใส่ของเล่นจุกจิกมากมาย ทั้งตุ๊กตาดินปั้น ตุ๊กตาน้ำตาลปั้น ตุ๊กตาน้ำตาลเป่าลม กระดาษลวดลายมงคล ตั๊กแตนสานไม้ไผ่ เป็๲ต้น

        "จวิ้นจู่ ท่านซื้อของมามากมายเชียวนะเ๯้าคะ" หงโฉวยิ้มพลางนำของเล่นจากในตะกร้าออกมาวางทีละชิ้น

        "ใช่แล้ว ข้ากับเสี่ยวหรั่นเดินไป ซื้อไป ของที่ซื้อก็เลยเยอะโดยไม่รู้ตัว" ท่านหญิงหย่งเจียอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด

        ผิวพรรณผุดผ่องแลดูเปล่งประกายขึ้นมา

        "คุณหนูเซวียก็ซื้อเยอะหรือเ๽้าคะ" หงโฉวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

        "อื้อ นางซื้อเยอะกว่าข้าอีก เห็นบอกว่าจะซื้อไปฝากเสี่ยวเหล่ยกับหลันฮวา" ท่านหญิงหย่งเจียหยิบตุ๊กตาดินปั้นรูปสัตว์ขึ้นมา แววตาเปลี่ยนเป็๞อ่อนโยน

        วันนี้เขาคุยกับนางมากขึ้น ล้วนแต่อาศัยใบบุญของเซวียเสี่ยวหรั่นทั้งนั้น

        เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วสิ่งของไปห้องของเซวียเสี่ยวเหล่ย ก็พบว่าบนโต๊ะแปดเซียนในห้องของเขามีของกินเล่นวางอยู่กองหนึ่ง

        "ให้พวกเ๽้าไปเดินเล่น ซื้อของกินมาก็เสียเปล่าน่ะสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

        "คิกๆ ทุกคราที่พวกเราออกไปเดินเล่นก็เป็๞เช่นนี้เองมิใช่หรือ" อูหลันฮวาวิ่งมาดูของในตะกร้า "คุณหนูซื้ออะไรมาเ๯้าคะ"

        "ฮ่าๆ ดีที่ข้าไม่ได้ซื้อแต่ของกิน มิเช่นนั้นต้องกินไม่หมดแน่ๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าโชคดี เพราะออกไปข้างนอกกับท่านหญิงหย่งเจีย ท่านหญิงไม่อาจกินของสะเปะสะปะ ดังนั้นตนเองจึงเลือกซื้อของเล่นเป็๲ส่วนใหญ่ ของกินมีบ้างเล็กน้อย

        แท้จริงแล้วเธออยากซื้อขนมมากกว่า ทุกคนจะได้กินอย่างมีความสุขร่วมกัน

        "เอ้า เทพธิดาเหลียนฮวาตัวนี้ให้เ๽้า เสี่ยวเหล่ย เทพหน้าดำอันนี้เป็๲ของเ๽้า"

        เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบตุ๊กตาดินปั้นให้พวกเขาสองคน

        ดวงตาของเซวียเสี่ยวเหล่ยกับอูหลันฮวาทอประกายระยิบระยับ ยื่นมือออกไปรับ

        "พวกเราก็อยู่ที่ตลาด เหตุใดไม่เห็นแผงตุ๊กตาดินปั้นเลยเล่า?" อูหลันฮวารับของมาแล้ว ก็ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันขาว

        เซวียเสี่ยวเหล่ยหมุนตุ๊กตาดินปั้นในมือ ดวงหน้าของคนพูดน้อยพลันเปล่งประกาย ของหลายอย่างในหมู่บ้านของเขาไม่มี แต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นตุ๊กตาดินปั้นตัวจิ๋วเช่นนี้มาก่อน ช่างน่าสนใจยิ่งนัก

        "ใครใช้ให้พวกเอามัวแต่ห่วงกินกันล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเสียงดัง

        เช้าวันต่อมา พวกเขาออกเดินทางแต่เช้าตรู่

        ยิ่งใกล้เมืองหลวงเท่าไร หัวใจของทุกคนยิ่งมีความสุข เดินทางมายาวนาน หากตีแผ่นทองด้วยเหล็กก็คงบุบบี้กลายเป็๞โคลนเหลวกองหนึ่งไปแล้ว

        ในที่สุดก่อนพระอาทิตย์จะลับหลังเขา ก็ได้เห็นกำแพงเมืองสูงใหญ่และแข็งแกร่ง

        กำแพงเมืองทั้งโอ่อ่า สง่างาม แลดูแปลกตา ธงบนกำแพงโบกสะบัดไปตามสายลม

        ขณะที่แสงสายัณห์สีแดงสาดส่องไปบนกำแพงเมืองเก่าแก่ ให้ความรู้สึกสงบเงียบและเป็๲สุข แต่หลังจากดวงตะวันลับของฟ้า กำแพงในความมืดก็แลดูเคร่งขรึมและอึมครึม

        พวกเขาผ่านเข้าประตูเมืองอย่างราบรื่น ขณะที่มาถึงทางแยก รถม้าของท่านหญิงก็เลี้ยวแยกไปอีกทาง

        "เสี่ยวหรั่น พรุ่งนี้ข้าจะไปดูเรือนหลังใหม่ของพวกเ๽้านะ" ท่านหญิงหย่งเจียฝากถ้อยคำไว้ก่อนจากไป

        ผูหยางชิงหลันมองขบวนรถยาวเหยียดหายลับไปตรงทางแยก ก่อนที่จะสั่งให้ขบวนรถที่เหลือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง

        เรือนสามทางเข้าหลังเล็กของผูหยางชิงหลันมีคนดูแลอย่างเหมาะสม การตกแต่งพื้นฐานภายในก็เตรียมไว้อย่างพรั่งพร้อม พวกเซวียเสี่ยวหรั่นสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ทันที

        ม่านราตรีโรยตัวลงมา รถม้าที่หลั่งไหลอยู่บนถนนยังคงมีไม่น้อย แสงโคมจากร้านค้ายิ่งสว่างไสว ส่องแสงเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ

        "คุณหนู ในที่สุดพวกเราก็มาถึงเมืองหลวงแคว้นฉีกันแล้ว" อูหลันฮวาตื่นเต้นมาก พวกเขาเดินทางมาจากขู่หลิ่งถุน การเดินทางตลอดสองเดือนกว่าไม่ง่ายเลย

        "ใช่แล้ว ในที่สุดก็ถึงเสียที" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกโล่งอกเช่นเดียวกัน

        ๻ั้๹แ๻่วันที่หนึ่งเดือนสี่เดินทางมาถึงกลางเดือนหก แม่เ๽้า... แค่นึกดูเฉยๆ เธอก็รู้สึกเหมือนก้นถูกกระแทกจนสั่น

        "ข้างนอกคึกคักน่าดู สมกับเป็๞เมืองที่ยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองสูงสุดแห่งแคว้นฉี" อูหลันฮวาเข้ามาริมหน้าต่างมองออกไปข้างนอกอย่างอดไม่ได้

        "จะไม่คึกคักได้หรือ เมืองหลวงของแคว้นฉีเชียวนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นก็มองออกไปเช่นกัน

        แสงยามราตรียังไม่สว่างเต็มที่ แต่อาคารสูงรอบด้านยังคงสร้างความตื่นตะลึงให้เซวียเสี่ยวหรั่น

        สิ่งปลูกสร้างสามสี่ชั้นเรียงรายเป็๲ทิวแถว และยังมีที่สูงกว่านั้นเป็๲หอห้าหกชั้น

        "โอ้โห คุณหนู รีบดูตรงนั้น มีหอสูงมากทีเดียว" พอตื่นเต้น อูหลันฮวาก็เริ่มพูดไม่ชัดถ้อยชัดคำ

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองไป โอ จริงเสียด้วย  นับดูจากความมืดเหมือนจะเป็๲หอสูงราวเจ็ดแปดชั้น

        "นี่เป็๞อาคารสูงสุดในเมืองหลวงแล้วหรือ?"

        "ไม่ใช่อยู่แล้ว หอที่มีจำนวนชั้นสูงสุดอยู่ในวังหลวงโน่น" ผูหยางชิงหลันยิ้มพลางตอบกลับมา

        "สูงแค่ไหนหรือเ๯้าคะ?" อูหลันฮวาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

        "หอดูดาวสูงสิบเอ็ดชั้น" ผูหยางชิงหลันบอก

        "ว้าว..." อูหลันฮวาอุทานเสียงดัง

        "ต่อไปถ้ามีโอกาสก็ให้เสี่ยวชีพาพวกเ๽้าไปดู ดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนงดงามมากเชียวล่ะ" ผูหยางชิงหลันหัวเราะเบาๆ

        เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะตาม เธอแค่รู้สึกทึ่งกับความคิดสร้างสรรค์ของคนโบราณเท่านั้น แต่มิได้สนใจหอสูงดูดาวอะไรนั่นสักเท่าไร

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้