เมื่อเผชิญกับพลังที่ดุเดือดรุนแรงเช่นนี้ หลัวเลี่ยคิดออกเพียงคำเดียวเท่านั้น
ยื้อ!
ยื้อเวลาให้ได้มากที่สุด
โชคดีที่เวลาที่หลัวเลี่ย้ายื้อนั้นไม่นาน เขา้าเวลาอีกเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
เมื่อหลัวเลี่ยเริ่มคิด เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ก็เริ่มเป็รูปเป็ร่างมากขึ้นรวมทั้งดวงจันทร์สว่างไสวที่ลอยอยู่ด้านหลังของหลัวเลี่ยซึ่งถูกพลังจากดวงอาทิตย์กดดันอยู่ก็พลันส่องสว่างขึ้นมามากกว่าเดิมเช่นกัน
แสงจันทร์สาดส่องสู้เปลวเพลิงอย่างรุนแรง
และรัศมีของแสงจันทร์นี้ก็ขยายไปไกลราวสามจั้งส่งผลทำให้หลัวเลี่ยไม่ถูกพลังจากแสงอาทิตย์กดดันอีก
“เหอะ!”
“ตัวข้าในตอนนี้ไม่ใช่คนที่เ้าจะต่อสู้สูสีได้อีกต่อไป คิดจะต้านทานพลังของข้าหรือ เ้าฝันไปเสียเถอะ!”
ใบหน้าของไก้อู๋ซวงแสดงออกถึงความดูถูกเหยียดหยาม
มือทั้งสองข้างของนางค่อยๆ ส่งแรงกดดันออกมาไปทางหลัวเลี่ย
ตูม!
เปลวเพลิงที่กระจายไปทั่วท้องฟ้าะเิในทันที มันโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดและโปรยลงมาควบคู่ไปกับเปลวเพลิงที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ซึ่งส่องแสงร้อนแรงอยู่ด้านหลังของนาง ส่งผลให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยไอร้อนของเปลวเพลิง
แสงจันทร์ของหลัวเลี่ยถูกบีบให้หดพื้นที่ส่องสว่างลงจนเหลือน้อยกว่าสามจั้งแล้ว
และพื้นที่ส่องสว่างนี้ก็ยังคงถูกบีบเข้ามาเรื่อยๆ
หลัวเลี่ยไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเป็พิเศษอีก เขาทำเพียงนั่งขัดสมาธิอยู่บนหมอกอย่างสงบ โดยมีกระบี่เยวี่ยเจินลอยอยู่เคียงข้างเขาและดวงจันทร์ที่สว่างไสวลอยอยู่ข้างหลังของเขา แสงจันทร์ที่ส่องสว่างทำให้ทั้งตัวของหลัวเลี่ยเปล่งประกายสว่างไสวเป็สีขาว มันทำให้เขาดูเหมือนเ้าชายขี่ม้าขาวผู้ทรงเสน่ห์
หลัวเลี่ยทุ่มพลังทั้งหมดที่มีของตนเองสร้างเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์
แม้ว่าวิชายุทธ์ที่หลัวเลี่ยสร้างขึ้นเมื่อนำมาใช้กับตอนที่มีพลังหยินหยางไม่สมบูรณ์จนไม่อาจแสดงถึงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ออกมาได้สมบูรณ์แบบนัก แต่มันก็ยังคงสามารถปล่อยพลังหยินจากดวงจันทร์ออกมาเพื่อต้านแรงกดดันของพลังหยางจากดวงอาทิตย์และเปลวเพลิงได้
“มองไม่ออกเลยว่าเ้าจะเติบโตมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”
“แต่เมื่อเ้าอยู่ต่อหน้าข้าแล้ว ทุกสิ่งล้วนเปล่าประโยชน์”
“เปล่าประโยชน์น่า จงยอมรับความพ่ายแพ้เสีย!”
ไก้อู๋ซวงยังคงแข็งแกร่งเสมอ พลังในมือของนางเริ่มเปลี่ยนและกลายรูปร่างเป็ผนึกสามสิบหกอันในทันที โดยแต่ละอันปรากฏท่ามกลางแสงแดดที่ส่องร้อนแรงอยู่ด้านหลังของนาง
เมื่อผนึกทั้งสามสิบหกอันถูกสร้างขึ้นเสร็จแล้ว ไก้อู๋ซวงก็ก้าวถอยไปด้านหลังเล็กน้อย
นางถอยหลังไปจนร่างทั้งร่างของตัวเองถูกรวมเข้าไปในแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงนั้น
หากแสงอาทิตย์โดยรอบคือั ไก้อู๋ซวงก็เปรียบดั่งไข่มุก
เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกดวงอาทิตย์ลุกโชนร้อนแรงอยู่เต็มท้องฟ้าและกลายเป็ัเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวสองตัว มันโบยบินอย่างอิสระจากนั้นก็ตรงเข้ามาโจมตีหลัวเลี่ย
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงปล่อยพลังจากัเพลิง
ระยะน้อยกว่าสามจั้งที่รัศมีแสงจันทร์ต้านเปลวเพลิงอยู่นั้นลดลงอย่างต่อเนื่องเพราะัเพลิงทั้งสองยังคงปล่อยพลังเข้ามาไม่หยุด
สองจั้งครึ่ง!
สองจั้ง!
หนึ่งจั้งครึ่ง!
...
หนึ่งจั้ง!
ในชั่วพริบตาเดียว ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงก็แผ่ปกคลุมไปทั่วจนเหลือเพียงพื้นที่เดียวที่ไม่ถูกเปลวเพลิงปกคลุม
แสงจันทร์ซึ่งกินพื้นที่ราวหนึ่งจั้งอยู่รอบกายของหลัวเลี่ย ถูกบีบโดยแสงอาทิตย์จนทำให้แสงส่องสว่างเข้มขึ้นกว่าเดิมมากและบริเวณที่แสงจันทร์ส่องอยู่นี้ก็มีบรรยากาศแห่งความเย็นสบายกระจายตัวอยู่ด้วย
หลัวเลี่ยใช้โอกาสนี้ดูดซับแก่นพลังของหยินหยางจนใกล้จะเข้าสู่สภาวะสมดุลกันแล้ว
ในขณะที่กำลังจะสมดุลก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาเช่นกัน
เพราะพลังความสมดุลของเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมนั้นมีแนวโน้มที่เอนเอียงไปทางพลังหยาง
และความสมดุลที่หลัวเลี่ยกำลังตามหาคือความสมดุลที่พลังทั้งสองมีความเท่ากันอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อหลัวเลี่ยใกล้จะได้รับความสมดุลที่เขาตามหาแล้ว ก็หมายความว่าเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ที่เขาสร้างขึ้นก็จะใช้งานได้แล้วเช่นกัน
ในเวลานี้สิ่งแรกที่หลัวเลี่ยต้องทำคือการค้นหาจุดบกพร่องของเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์
ตอนที่หลัวเลี่ยสร้างเคล็ดวิชานี้ออกมา เขาไม่พบปัญหาใหญ่ใดๆ จะมีก็แต่ข้อบกพร่องเล็กๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้นเมื่อเขาได้นำเคล็ดวิชานี้มาใช้จริง เขาจึงต้องทำให้ข้อบกพร่องเล็กๆ นี้ปรากฏออกมาและแก้ไขมัน
ข้อบกพร่องเล็กๆ นี้แก้ไขได้ง่ายดายมาก เพียงแต่มันต้องใช้เวลาเสียหน่อยเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทีของหลัวเลี่ย ไก้อู๋ซวงก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้น
หญิงสาวที่ทะนงตัวเช่นไก้อู๋ซวงกลับถูกหลัวเลี่ยสังหารมาแล้วหนึ่งครั้ง เื่นี้นับว่าเป็ปมในใจของนางไปแล้ว ดังนั้นนางจึง้าจะสังหารหลัวเลี่ยให้เป็ที่ประจักษ์และไม่ให้เขาได้มีโอกาสแม้แต่จะหายใจอีก มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้นางรู้สึกดีขึ้นและเป็วิธีที่จะประกาศออกไปให้ผู้คนได้รู้ว่านางแข็งแกร่งเพียงใด
ดังนั้นเมื่อไก้อู๋ซวงเห็นว่าหลัวเลี่ยยังสามารถต้านทานพลังของนางเอาไว้ได้ นางจึงรู้สึกโมโหแล้วส่งพลังภายในไปที่มือทั้งสองข้างของนางมากขึ้น
ทันใดนั้นรอยผนึกพลังของไก้อู๋ซวงนับร้อยก็ปรากฏขึ้น
พลังของไก้อู๋ซวงส่งเสริมให้ัเพลิงทั้งสองตัวยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
และดูเหมือนว่าเปลวเพลิงที่ลอยอยู่ในอากาศอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดจะถูกัเพลิงทั้งสองดูดซับเพื่อเสริมพลังของมันเช่นกัน
ัเพลิงทั้งสองม้วนตัวเชื่อมต่อกันจนก่อตัวเป็วงแหวนแห่งไฟล้อมรอบร่างของหลัวเลี่ยไว้ในระยะที่ห่างจากตัวของหลัวเลี่ยเพียงหนึ่งจั้ง จากนั้นมันก็ค่อยๆ บีบวงแหวนลดระยะห่างเข้าใกล้ตัวของหลัวเลี่ยขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะแผดเผาร่างของเขาให้กลายเป็เถ้าถ่าน
“หลัวเลี่ยเลิกขัดขืนเสียที”
“ชีวิตของเ้ามาถึงจุดจบแล้ว”
นิ้วทั้งห้าในสองมือของไก้อู๋ซวงแบออกและยืดขึ้นตรง นางประสานนิ้วทั้งห้าของสองมือไว้ตรงอก จากนั้นก็คลายออกและดันมือทั้งสองมาข้างหน้า ทันใดนั้นเสียงัคำรามก็ดังขึ้นพร้อมกัน
นางรวมร่างของตัวเองเข้ากับดวงอาทิตย์ด้านหลัง จากนั้นัสองตัวที่ล้อมรอบนางอยู่ก็พุ่งออกมาในทันที
ตูม!
พลังนี้ทำให้ฟ้าร้องและผืนดินแตกระแหง
ผู้คนไม่สามารถมองเห็นร่างของหลัวเลี่ยที่อยู่ภายใต้พระจันทร์สว่างไสวซึ่งถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงได้อีกต่อไป
พวกเขาได้ยินเพียงเสียงะเิที่ดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง
หลังจากเวลาผ่านไปชั่วอึดใจ เสียงะเิก็จางหายไป แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบ
เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ
ผู้คนมองไปรอบๆ
ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่นั้นอยู่ห่างจากร่างของหลัวเลี่ยเพียงหนึ่งคืบเท่านั้น มันถูกหลัวเลี่ยใช้พลังหยุดเอาไว้ นอกจากนี้เขายังแบ่งพลังส่วนหนึ่งไปปกป้องกระบี่เยวี่ยเจินอีกด้วย
ไก้อู๋ซวงยังคงทำไม่สำเร็จ
“เ้าทำไม่ได้”
หลัวเลี่ยคลี่ยิ้มเล็กน้อย
ไก้อู๋ซวงโกรธมากและนางก็้าแสดงพลังอีกครั้ง
ครั้งนี้หลัวเลี่ยไม่เปิดโอกาสให้นางอีกแล้ว ร่างของเขาส่งเสียง “แกร็กๆ” ออกมาเล็กน้อย มันเป็สิ่งที่แสดงว่าข้อบกพร่องเล็กๆ ของเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ได้รับการแก้ไขแล้ว ส่งผลให้ร่างกายของเขาได้รับการชำระล้างและมีพลังมากขึ้น
มุมปากของหลัวเลี่ยยกโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม ดวงจันทร์ข้างหลังเขาที่ถูกพลังจากดวงอาทิตย์กดดันอยู่กำลังจะะเิออกมาอย่างช้าๆ คล้ายกับลูกโป่งที่พองออกจนแตก
แสงสว่างจากดวงจันทร์นั้นทวีความเข้มขึ้นเรื่อยๆ มันมีพลังแข็งแกร่งขึ้นจนดันเปลวเพลิงออกไปอีกครั้งแล้วอาณาเขตของแสงจันทร์ก็ขยายแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผนึกนิพพาน!”
ไก้อู๋ซวงกำลังจะเป็บ้าแล้ว
เดิมทีนางก็เกลียดหลัวเลี่ยจนจะเป็บ้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นางยังล้มเหลวในการโจมตีเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางยังถูกเขาเยาะเย้ย เื่ราวมากมายเช่นนี้จะไม่ทำให้นางเป็บ้าได้อย่างไร
ในที่สุดผลึกพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไก้อู๋ซวงซึ่งเป็พลังส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายก็ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
ตูม!
เมื่อผนึกพลังแห่งนิพพานเป็ตายที่น่าหวาดกลัวถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นสูงทันที เหตุการณ์นี้ทำให้จัตุรัสเยียนหลงกลายเป็ทะเลเพลิงที่น่ากลัวจนทำให้ผู้ที่มองดูอยู่หยุดหายใจไปชั่วขณะ
หลัวเลี่ยยืนขึ้นช้าๆ และในขณะเดียวกันนั้นเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ของเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน
ชิ้ง!
มีเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
ดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ด้านหลังหลัวเลี่ยจู่ๆ ก็มีเส้นบางๆ เส้นหนึ่งปรากฏขึ้นตรงกลางดวง เส้นนี้ลากยาวแบ่งครึ่งดวงจันทร์ บริเวณด้านซ้ายของเส้นยังคงเป็พลังหยินจากดวงจันทร์แต่บริเวณด้านขวาของเส้นกลับค่อยๆ มีเปลวเพลิงที่เป็สัญลักษณ์ของพลังหยางปรากฏขึ้น อีกทั้งเปลวเพลิงนี้ยังแข็งแกร่งจนแทบจะเทียบเท่ากับเปลวเพลิงที่กระจายตัวอยู่รอบๆ หลัวเลี่ย
จากนั้นดวงจันทร์ก็แบ่งครึ่งแยกออกจากกัน
ซีกหนึ่งเป็พลังหยินจากดวงจันทร์ ส่วนอีกซีกหนึ่งเป็พลังหยางจากดวงอาทิตย์
หยินและหยาง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แบ่งเป็ด้านซ้ายและด้านขวาแสดงถึงการบรรลุถึงความสมดุลระหว่างหยินหยางในเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ของหลัวเลี่ย และไม่ว่าเปลวเพลิงรอบกายของหลัวเลี่ยจะมีความรุนแรงเพียงใดแต่มันก็ไม่สามารถทำร้ายหลัวเลี่ยได้เลยแม้แต่น้อย
“เป็ไปไม่ได้!” ดวงตาของไก้อู๋ซวงเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ
หลัวเลี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ยังมีสิ่งที่เป็ไปไม่ได้มากกว่านี้อีก”
เขานำมือซ้ายขวาออกมา
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันเป็ตัวแทนของพลังหยินและหยางถูกรวมเข้าด้วยกันในทันที
หลังจากที่พลังทั้งสองรวมกันแล้ว มันก็กลายเป็ถนนเส้นหนึ่งที่ทอดยาวนำไปสู่ความลึกลับของ์
ในที่สุดเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
ทันทีที่มันเริ่มเป็รูปเป็ร่าง จู่ๆ นิมิตแปลกประหลาดก็ตกลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ผู้ชมต่างตกอยู่ในความโกลาหล