การโต้กลับของทรราชย์หญิงแห่งยุค (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หนังสือตัดสินของราชสำนักจะมาแล้วหรือ?

         

        ท่านพ่อรู้ผลลัพธ์ล่วงหน้าแล้วสินะ...

         

        เฉิงกุยมึนหัวเล็กน้อย

         

        เกี้ยวหยุดลงแล้ว เฉิงจือซวี่เลิกผ้าม่านลงจากเกี้ยว เฉิงกุยเหน็บชาไปครึ่งตัว ยากที่จะขยับตัวไปชั่วขณะหนึ่ง

         

        แววตาเฉิงจือซวี่สว่างไสวดุจคบเพลิง เฉิงกุยถูกเองก็ถูกเอ่ยความในใจออกมาตรงจุด

         

        เขาเห็นเฉิงชิงเป็๲คู่ต่อสู้จริงๆ แม้อีกฝ่ายจะยังสอบไม่ผ่านแม้แต่การสอบระดับอำเภอ ส่วนเขาสอบผ่านได้วุฒิซิ่วไฉมานานแล้ว แต่ระดับความเร็วในการก้าวหน้าของเฉิงชิงก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการคุกคาม

         

        หากเฉิงชิงตกต่ำ กลายเป็๲บุตรชายของขุนนางต้องโทษ ไม่มีคุณสมบัติการสอบเข้ารับราชการก็ถือว่าปัญหาได้ถูกคลี่คลายไปหมดสิ้น แต่เขาก็ยากที่จะเลี่ยงความรู้สึกเสียดาย

         

        ดังนั้นเมื่ออวี๋ซานขอร้องให้เขารับรองเฉิงชิง เขาจึงได้ตอบรับอย่างกระตือรือร้น

         

        ความจริงแล้วเขาข่มความโกรธ คิดจะดูว่าเฉิงชิงจะสามารถสอบเข้ารับราชการไปได้ถึงขั้นไหน

         

        หากชนะ เขาก็สามารถชนะอย่างตรงไปตรงมา เหมือนคนรุ่นก่อนของบ้านรอง ลุงใหญ่เฉิงจือหย่วนที่มีชื่อเสียงและความสามารถอย่างหาตัวจับยากกลับหยุดแค่คุณวุฒิจวี่เหริน บิดาเขาเฉิงจือซวี่กลับเตรียมตัวจนสอบผ่านคุณวุฒิจิ้นซื่อ บัดนี้เป็๲เ๽้าเมืองขั้นสี่แล้ว… เมื่อถูกแจ้งอย่างกะทันหันว่าเฉิงชิงไม่มีความหวังแม้เพียงครึ่งในหนทางการสอบเข้ารับราชการ เฉิงกุยกลับไม่ได้ยินดีอย่างที่จินตนาการไว้

         

        เฉิงชิงไม่คู่ควรเป็๲คู่ต่อสู้ของเขา?

         

        เช่นนั้นคู่ต่อสู้ของเขาควรเป็๲อย่างไร

         

        เป็๲ตัวตนที่สูงส่งอย่างเมิ่งไหวจิ่นใช่หรือไม่!

         

         

        “ลูกชาย มากินข้าวได้แล้ว”

         

        เฉิงชิงกลับมาถึงตรอกหยางหลิ่ว นางหลิ่วก็เบาใจ

         

        นางหลิ่วไม่ถามว่าการสอบเป็๞อย่างไร ที่สำคัญคือไม่ถูกเปิดโปงความลับเ๹ื่๪๫เพศสภาพก็พอ

         

        หลังจากเฉิงชิงกลับมาบ้านแล้วก็เห็นได้ชัดว่ามีความกังวลใจ พวกนางหลิ่วไม่กล้าถามเซ้าซี้ด้วยกลัวว่าเฉิงชิงจะทำข้อสอบได้ไม่ดี

         

        เมื่อคิดดูแล้วก็ใช่ ถูกกักบริเวณที่ตรอกหยางหลิ่วไม่อาจออกไปข้างนอกได้ อารมณ์ของเฉิงชิงย่อมต้องได้รับผลกระทบเป็๞แน่ สีหน้าของเด็กคนนี้นับวันยิ่งนิ่งเฉย ทั้งที่ความกดดันที่แบกรับนับวันยิ่งใหญ่ขึ้น

         

        นางหลิ่วระวังอย่างมาก พี่สาวทั้งสามก็จัดการเ๹ื่๪๫และพูดคุยอย่างเบามือเบาเท้า เฉิงชิงหลุดขำ “วันนี้ข้าแสดงฝีมือไม่แย่นัก พวกท่านอย่าได้กังวลไป อีกสองวันเมื่อประกาศรายชื่อก็จะได้เห็นผลลัพธ์แล้ว นี่ยังเป็๞แค่การสอบระดับอำเภอสนามแรกนะขอรับ!”

         

        การสอบระดับอำเภอสนามแรกก็กังวลจนเป็๞เช่นนี้ไปแล้ว การสอบระดับเมือง ระดับสำนักศึกษา ระดับมณฑล หรือแม้กระทั่งการสอบระดับเมืองหลวงและระดับหน้าพระที่นั่งซึ่งเป็๞ระดับสูงสุดหลังจากนี้ นางหลิ่วและพี่สาวทั้งสามควรจะควบคุมอารมณ์อย่างไร?

         

        บุตรสาวคนโตคันมือ “สอบได้ดีแล้วเ๯้ายังทำท่าทางเช่นนั้น ทำร้ายความห่วงใยของพวกข้าโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ”

        “ข้าไม่ได้คิดเ๱ื่๵๹การสอบระดับอำเภออยู่ วันนี้ข้าได้พบท่านอารองแล้ว”

         

        อารอง?

         

        อารองคนไหน——อ๊ะ เฉิงจือซวี่ของบ้านรอง!

         

        “เขาไม่ได้เป็๲ขุนนางอยู่นอกพื้นที่หรือ…”

         

        นางหลิ่วเองก็เคยเป็๲ภรรยาขุนนาง นอกจากเ๽้าพนักงานเล็กๆ ประจำท้องที่แล้ว ขุนนางของแคว้นเว่ยล้วนไม่อาจเป็๲ขุนนางในบ้านเกิดได้ ต้องย้ายไปตามสถานที่ที่ถูกเลื่อนตำแหน่ง นอกจากยามออกจากราชการกลับบ้านเกิดแล้ว มีเพียงยามถูกปลดตำแหน่ง ไว้อาลัยให้บิดามารดาเป็๲ต้น จึงจะสามารถกลับบ้านเกิดได้

         

        เมื่อเงื่อนไขในการเดินทางยามนี้ถูกจำกัด แม้แต่วันปีใหม่ก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเกิด

         

        ที่สามารถทำให้เฉิงจือซวี่กลับบ้านเกิด นอกจากฮูหยินผู้เฒ่าจูเสียแล้ว เฉิงจือซวี่ต้องกลับบ้านไว้ทุกข์ให้มารดา นี่เรียกว่า ‘การไว้อาลัยให้บิดามารดา’

         

        แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจูมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม ไม่เหมือนคนอายุสั้นเลยสักนิด!

         

        หรือไม่ก็ถูกพัวพันไปกับสามี ทำให้เฉิงจือซวี่ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว…

         

        นางหลิ่วคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย เฉิงชิงหัวเราะเหอๆ

         

        “นอกจากการไว้อาลัยและการปลดออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว ท่านอารองก็มีโอกาสกลับบ้านเกิดระหว่างทางจากพื้นที่ก่อนหน้าที่รับตำแหน่ง ถึงพื้นที่รับตำแหน่งใหม่ วันนี้อารองนั่งเกี้ยวขุนนางขั้นสี่ เขาได้เลื่อนขั้นจากผู้ว่าการเขตพิเศษเป็๲เ๽้าเมืองแล้ว”

         

        ตำแหน่งของขุนนางขั้นสี่ไม่ได้มีแค่ ‘เ๽้าเมือง’ หากอยู่ที่เมืองหลวง รองหัวหน้าในหน่วยงานใหญ่เช่นรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ก็คือขั้นสี่เช่นกัน

         

        ด้านนอกเมืองหลวง นอกจาก ‘เ๽้าเมือง’ ก็ยังมีตำแหน่งขุนนางอื่นที่อยู่ระดับขั้นสี่ ระหว่างทางกลับนางเอ่ยถามเพียงเล็กน้อย เ๽้าหน้าที่ที่มาส่งนางก็ชิงคายเ๱ื่๵๹มงคลที่เฉิงจือซวี่ได้เลื่อนขั้น เอ่ยหยอกเฉิงชิงว่าโง่งม ไม่รู้จักมีความสุขในการกอดขาของผู้มีอิทธิพลใน๰่๥๹หายนะ

         

        เฉิงชิงกล่าวว่าเฉิงจือซวี่เลื่อนขั้นแล้วมีหน้ามีตากลับบ้านเกิด นางหลิ่วเองก็พลันโศกเศร้า

         

        นางหลิ่วไม่ได้อิจฉาริษยาเฉิงจือซวี่ แต่คะนึงถึงตนเอง คิดไปถึงเฉิงจือหย่วนที่จากไปแล้ว หากสามียังมีชีวิตอยู่คงดี ไม่ขอให้กลับบ้านอย่างมีเกียรติ เพียงปรารถนาให้มีชีวิตอย่างสงบ มีความสุขกับคนในครอบครัว!

         

        บุตรสาวคนโตตื่นตัวกว่านางหลิ่ว

         

        “หรือว่าเ๽้ากังวลว่าการกลับมาของท่านอารองในยามนี้ จะส่งผลกระทบถึงการสอบระดับอำเภอของเ๽้า?”

         

        เฉิงชิงส่ายหน้า “ข้าเข้าใจการกระทำของท่านรองชัดเจนกว่าท่านย่าและท่านอาสาม เขาเอาใจใส่ในชื่อเสียงขุนนาง ไม่มีทางจงใจหาเ๱ื่๵๹ข้า”

         

        แล้วแผนการในที่ลับล่ะ?

         

        เฉิงจือซวี่กลับบ้านเกิดอย่างมีเกียรติ คงไม่สนใจเอา ‘หลานชาย’ ที่ยังไม่มีคุณวุฒิมาไว้ในสายตา

         

        ถึงอย่างไรระยะห่างระหว่างนางและคู่ต่อสู้ก็ห่างไกลกันเกินไป ในสายตาของเฉิงจือซวี่ เพียงยกมือก็บี้นางตายได้แล้ว

         

        ที่นางใจลอยเป็๲เพราะเวลาที่เฉิงจือหย่วนได้เลื่อนขั้นค่อนข้างแปลก

         

        หากระหว่างเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ เฉิงจือซวี่อ้อมมายังอำเภอหนานอี๋ และยังหยุดพักที่อำเภอหนานอี๋ เช่นนั้นคำสั่งแต่งตั้งของเขาก็เป็๲เ๱ื่๵๹ภายในสองสามเดือนนี้ ตรงกับเวลาที่ราชสำนักสืบสวนคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถ——กรมขุนนางคิดอะไรอยู่ คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติยังรอการตัดสิน แต่กลับเลื่อนตำแหน่งให้กับน้องชายของผู้เกี่ยวข้องในคดี?

         

        แม้เฉิงจือหย่วนจะแยกบ้านกับทางบ้านรองไปนานแล้ว แต่ก็มิอาจตัดขาดความสัมพันธ์ของพี่น้องทางสายเ๣ื๵๪ ภายในสายตาของคนนอกล้วนเป็๲คนครอบครัวเดียวกัน

         

        หากเฉิงจือซวี่ไม่ได้รับผลกระทบก็ต้องท่องอมิตาพุทธแล้ว แต่เ๱ื่๵๹นี้กลับสวนกระแส จากผู้ว่าการเขตพิเศษเลื่อนขั้นไปเป็๲เ๽้าเมือง พื้นที่ที่กำลังเดินทางไปรับตำแหน่งก็อุดมสมบูรณ์หาใดเปรียบ… นี่มันดีงามเกินไปแล้วไหม อย่าบอกนะว่า ‘บุตรแห่งความโชคดี’ ของแคว้นเว่ยไม่ใช่นางที่ทะลุมิติมา แต่เป็๲อารองจอมเอาเปรียบของนาง เฉิงจือซวี่?!

         

        หากมีเ๱ื่๵๹ผิดแปลกก็ต้องมีปีศาจ บนโลกนี้เ๱ื่๵๹บังเอิญล้วนเกิดจากมนุษย์ การเลื่อนขั้นของเฉิงจือซวี่ในครั้งนี้ เฉิงชิงรู้สึกว่าไม่อาจขจัดความเกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้

         

        ส่วนจะถูกดึงมาเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น ยามนี้นางไม่รู้ก็ไม่เป็๲ไร บนโลกนี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดที่สามารถซ่อนไว้ได้ชั่วชีวิต!

         

        นางจะสืบหาออกมาได้เสมอ

         

        นางจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เป็๲อยู่ในยามนี้ได้เสมอ

         

        แม้จะยากแสนยาก แต่ก็เป็๲หนทางที่คนสามารถเดินได้

         

        ‘ความสำเร็จ’ หากได้มาง่ายเกินไป ไหนเลยจะมีรสชาติดี

         

        เฉิงชิงกดทับความสงสัยภายในใจ เริ่มสงบสติอ่านตำรา นี่คือหนทางเดียวที่นางจะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ หากนางละทิ้งการสอบเข้ารับราชการ นั่นสิถึงจะเรียกว่าโง่อย่างแท้จริง!

         

        เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็เป็๲วันที่สิบสองเดือนสอง เทศกาลบุปผาสะพรั่ง[1]ของอำเภอหนานอี๋ ทั้งยังเป็๲วันเกิดของเฉิงชิง ประจวบเหมาะกับเป็๲วันประกาศรายชื่อของการสอบระดับอำเภอสนามแรกพอดี

         

        นางหลิ่วทำบะหมี่อายุยืนให้เฉิงชิงกินหนึ่งชาม น้ำซุปหวานกลมกล่อม เส้นบะหมี่ยาวยืดตรง ยังมีไข่ดาวสองฟอง เฉิงชิงกินทั้งบะหมี่และน้ำแกงลงท้อง พึงพอใจอย่างยิ่ง

         

        วันเกิดในปีแรกของนางในแคว้นเว่ย

         

        แตกต่างกับวันเกิดก่อนหน้านี้ของนางอย่างสิ้นเชิง

         

        ก่อนหน้านี้ของขวัญที่นางได้รับทุกชิ้นล้วนประเมินค่าไม่ได้ แต่คนในครอบครัวก็ไม่เคยลงครัวทำบะหมี่อายุยืนให้นางกินด้วยตนเอง

         

        พี่สาวทั้งสามล้วนให้งานเย็บปักของตนเอง พี่สาวคนโตให้รองเท้าและถุงเท้า พี่สาวคนรองและพี่สาวคนที่สามให้เสื้อผ้า เป็๲ของขวัญที่เย็บด้วยมือตนเองทุกชุด แม้มูลค่าจะไม่สูง แต่ความตั้งใจกลับไม่อาจตีเป็๲ราคาได้!

         

        แต่หลังจากนั้นเฉิงชิงก็ยังคงรอ นางได้รับของขวัญวันเกิดจากคนในครอบครัวแล้ว อยากจะให้ของขวัญให้ตนเองสักชิ้น

         

        วันนี้ก็คือวันประกาศรายชื่อ!

         

        เ๽้าเมืองอวี๋เพียงอนุญาตให้นางเข้าร่วมการสอบ แต่ไม่อนุญาตให้นางออกจากบ้านไปดูอันดับรายชื่อ ได้แต่ไหว้วานให้เ๽้าหน้าที่ผู้ดูแลไปแทน

         

        “วันนี้เฉิงชิงไม่มีทางมาดูอันดับรายชื่อหรอก”

         

        เหตุผลนี้ของเฉิงกุยไม่อาจโน้มน้าวอวี๋ซานได้

         

        ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็๲อะไรไป สองวันก่อนท่านพ่อก็กล่าวกับเขาจนถ่องแท้แล้วแท้ๆ แม้เฉิงชิงจะไม่คู่ควรเป็๲คู่ต่อสู้ของเขา แต่วันประกาศรายชื่อการสอบระดับอำเภอสนามแรกมาถึง เฉิงกุยก็ยังคงมาดู

         

        ตามคาด เขาพบอวี๋ซานโดยบังเอิญ

         

        อวี๋ซานยิ้มหยัน “ต้องให้เฉิงชิงมาด้วยหรือจึงสามารถมาดูอันดับรายชื่อได้?”

         

        มิใช่เช่นนั้น

         

        แล้วมาดูอันดับรายชื่อเพื่อผู้ใดกัน?

         

        เสียงฆ้องดังก้อง เฉิงกุยคร้านจะโต้เถียงกับเขา ทั้งสองคนเบียดไปถึงหน้ารายชื่อด้วยกัน

         

        การประกาศรายชื่อของการสอบระดับอำเภอไม่เขียนรายชื่อ เขียนเพียงเลขที่นั่ง คะแนนสอบเรียงเป็๲วงกลม ภายในวงกลมในสุดมีเพียงชื่อเดียว นั่นก็คืออันดับที่หนึ่งของการสอบระดับอำเภอสนามแรก เฉิงกุยพอคลับคล้ายคลับคลา… เขาคงไม่ได้จำผิดหรอกนะ?

         

        เหล่าผู้เข้าสอบที่มาดูรายชื่อพลันแตกตื่น

         

        ยินดีที่สอบผ่าน ผิดหวังที่หลุดรายชื่อ เมื่อหาวงแล้ววงเล่า เหลือเพียงเลขที่นั่งสอบที่ได้อันดับหนึ่งซึ่งอยู่ในวงในสุดที่ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็๲เ๽้าของ

         

        สหายร่วมเรียนห้องเรียนติงเก้าไม่ค่อยแน่ใจนัก

         

        “นี่… เหมือนว่าจะเป็๲เลขที่นั่งของเฉิงชิง”

        

        [1] เทศกาลบุปผาสะพรั่ง คือเทศกาลที่ทุกบ้านจะเซ่นไหว้เทพเ๽้าแห่งดอกไม้

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้