หนังสือตัดสินของราชสำนักจะมาแล้วหรือ?
ท่านพ่อรู้ผลลัพธ์ล่วงหน้าแล้วสินะ...
เฉิงกุยมึนหัวเล็กน้อย
เกี้ยวหยุดลงแล้ว เฉิงจือซวี่เลิกผ้าม่านลงจากเกี้ยว เฉิงกุยเหน็บชาไปครึ่งตัว ยากที่จะขยับตัวไปชั่วขณะหนึ่ง
แววตาเฉิงจือซวี่สว่างไสวดุจคบเพลิง เฉิงกุยถูกเองก็ถูกเอ่ยความในใจออกมาตรงจุด
เขาเห็นเฉิงชิงเป็คู่ต่อสู้จริงๆ แม้อีกฝ่ายจะยังสอบไม่ผ่านแม้แต่การสอบระดับอำเภอ ส่วนเขาสอบผ่านได้วุฒิซิ่วไฉมานานแล้ว แต่ระดับความเร็วในการก้าวหน้าของเฉิงชิงก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการคุกคาม
หากเฉิงชิงตกต่ำ กลายเป็บุตรชายของขุนนางต้องโทษ ไม่มีคุณสมบัติการสอบเข้ารับราชการก็ถือว่าปัญหาได้ถูกคลี่คลายไปหมดสิ้น แต่เขาก็ยากที่จะเลี่ยงความรู้สึกเสียดาย
ดังนั้นเมื่ออวี๋ซานขอร้องให้เขารับรองเฉิงชิง เขาจึงได้ตอบรับอย่างกระตือรือร้น
ความจริงแล้วเขาข่มความโกรธ คิดจะดูว่าเฉิงชิงจะสามารถสอบเข้ารับราชการไปได้ถึงขั้นไหน
หากชนะ เขาก็สามารถชนะอย่างตรงไปตรงมา เหมือนคนรุ่นก่อนของบ้านรอง ลุงใหญ่เฉิงจือหย่วนที่มีชื่อเสียงและความสามารถอย่างหาตัวจับยากกลับหยุดแค่คุณวุฒิจวี่เหริน บิดาเขาเฉิงจือซวี่กลับเตรียมตัวจนสอบผ่านคุณวุฒิจิ้นซื่อ บัดนี้เป็เ้าเมืองขั้นสี่แล้ว… เมื่อถูกแจ้งอย่างกะทันหันว่าเฉิงชิงไม่มีความหวังแม้เพียงครึ่งในหนทางการสอบเข้ารับราชการ เฉิงกุยกลับไม่ได้ยินดีอย่างที่จินตนาการไว้
เฉิงชิงไม่คู่ควรเป็คู่ต่อสู้ของเขา?
เช่นนั้นคู่ต่อสู้ของเขาควรเป็อย่างไร
เป็ตัวตนที่สูงส่งอย่างเมิ่งไหวจิ่นใช่หรือไม่!
“ลูกชาย มากินข้าวได้แล้ว”
เฉิงชิงกลับมาถึงตรอกหยางหลิ่ว นางหลิ่วก็เบาใจ
นางหลิ่วไม่ถามว่าการสอบเป็อย่างไร ที่สำคัญคือไม่ถูกเปิดโปงความลับเื่เพศสภาพก็พอ
หลังจากเฉิงชิงกลับมาบ้านแล้วก็เห็นได้ชัดว่ามีความกังวลใจ พวกนางหลิ่วไม่กล้าถามเซ้าซี้ด้วยกลัวว่าเฉิงชิงจะทำข้อสอบได้ไม่ดี
เมื่อคิดดูแล้วก็ใช่ ถูกกักบริเวณที่ตรอกหยางหลิ่วไม่อาจออกไปข้างนอกได้ อารมณ์ของเฉิงชิงย่อมต้องได้รับผลกระทบเป็แน่ สีหน้าของเด็กคนนี้นับวันยิ่งนิ่งเฉย ทั้งที่ความกดดันที่แบกรับนับวันยิ่งใหญ่ขึ้น
นางหลิ่วระวังอย่างมาก พี่สาวทั้งสามก็จัดการเื่และพูดคุยอย่างเบามือเบาเท้า เฉิงชิงหลุดขำ “วันนี้ข้าแสดงฝีมือไม่แย่นัก พวกท่านอย่าได้กังวลไป อีกสองวันเมื่อประกาศรายชื่อก็จะได้เห็นผลลัพธ์แล้ว นี่ยังเป็แค่การสอบระดับอำเภอสนามแรกนะขอรับ!”
การสอบระดับอำเภอสนามแรกก็กังวลจนเป็เช่นนี้ไปแล้ว การสอบระดับเมือง ระดับสำนักศึกษา ระดับมณฑล หรือแม้กระทั่งการสอบระดับเมืองหลวงและระดับหน้าพระที่นั่งซึ่งเป็ระดับสูงสุดหลังจากนี้ นางหลิ่วและพี่สาวทั้งสามควรจะควบคุมอารมณ์อย่างไร?
บุตรสาวคนโตคันมือ “สอบได้ดีแล้วเ้ายังทำท่าทางเช่นนั้น ทำร้ายความห่วงใยของพวกข้าโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ”
“ข้าไม่ได้คิดเื่การสอบระดับอำเภออยู่ วันนี้ข้าได้พบท่านอารองแล้ว”
อารอง?
อารองคนไหน——อ๊ะ เฉิงจือซวี่ของบ้านรอง!
“เขาไม่ได้เป็ขุนนางอยู่นอกพื้นที่หรือ…”
นางหลิ่วเองก็เคยเป็ภรรยาขุนนาง นอกจากเ้าพนักงานเล็กๆ ประจำท้องที่แล้ว ขุนนางของแคว้นเว่ยล้วนไม่อาจเป็ขุนนางในบ้านเกิดได้ ต้องย้ายไปตามสถานที่ที่ถูกเลื่อนตำแหน่ง นอกจากยามออกจากราชการกลับบ้านเกิดแล้ว มีเพียงยามถูกปลดตำแหน่ง ไว้อาลัยให้บิดามารดาเป็ต้น จึงจะสามารถกลับบ้านเกิดได้
เมื่อเงื่อนไขในการเดินทางยามนี้ถูกจำกัด แม้แต่วันปีใหม่ก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเกิด
ที่สามารถทำให้เฉิงจือซวี่กลับบ้านเกิด นอกจากฮูหยินผู้เฒ่าจูเสียแล้ว เฉิงจือซวี่ต้องกลับบ้านไว้ทุกข์ให้มารดา นี่เรียกว่า ‘การไว้อาลัยให้บิดามารดา’
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจูมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม ไม่เหมือนคนอายุสั้นเลยสักนิด!
หรือไม่ก็ถูกพัวพันไปกับสามี ทำให้เฉิงจือซวี่ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว…
นางหลิ่วคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย เฉิงชิงหัวเราะเหอๆ
“นอกจากการไว้อาลัยและการปลดออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว ท่านอารองก็มีโอกาสกลับบ้านเกิดระหว่างทางจากพื้นที่ก่อนหน้าที่รับตำแหน่ง ถึงพื้นที่รับตำแหน่งใหม่ วันนี้อารองนั่งเกี้ยวขุนนางขั้นสี่ เขาได้เลื่อนขั้นจากผู้ว่าการเขตพิเศษเป็เ้าเมืองแล้ว”
ตำแหน่งของขุนนางขั้นสี่ไม่ได้มีแค่ ‘เ้าเมือง’ หากอยู่ที่เมืองหลวง รองหัวหน้าในหน่วยงานใหญ่เช่นรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ก็คือขั้นสี่เช่นกัน
ด้านนอกเมืองหลวง นอกจาก ‘เ้าเมือง’ ก็ยังมีตำแหน่งขุนนางอื่นที่อยู่ระดับขั้นสี่ ระหว่างทางกลับนางเอ่ยถามเพียงเล็กน้อย เ้าหน้าที่ที่มาส่งนางก็ชิงคายเื่มงคลที่เฉิงจือซวี่ได้เลื่อนขั้น เอ่ยหยอกเฉิงชิงว่าโง่งม ไม่รู้จักมีความสุขในการกอดขาของผู้มีอิทธิพลใน่หายนะ
เฉิงชิงกล่าวว่าเฉิงจือซวี่เลื่อนขั้นแล้วมีหน้ามีตากลับบ้านเกิด นางหลิ่วเองก็พลันโศกเศร้า
นางหลิ่วไม่ได้อิจฉาริษยาเฉิงจือซวี่ แต่คะนึงถึงตนเอง คิดไปถึงเฉิงจือหย่วนที่จากไปแล้ว หากสามียังมีชีวิตอยู่คงดี ไม่ขอให้กลับบ้านอย่างมีเกียรติ เพียงปรารถนาให้มีชีวิตอย่างสงบ มีความสุขกับคนในครอบครัว!
บุตรสาวคนโตตื่นตัวกว่านางหลิ่ว
“หรือว่าเ้ากังวลว่าการกลับมาของท่านอารองในยามนี้ จะส่งผลกระทบถึงการสอบระดับอำเภอของเ้า?”
เฉิงชิงส่ายหน้า “ข้าเข้าใจการกระทำของท่านรองชัดเจนกว่าท่านย่าและท่านอาสาม เขาเอาใจใส่ในชื่อเสียงขุนนาง ไม่มีทางจงใจหาเื่ข้า”
แล้วแผนการในที่ลับล่ะ?
เฉิงจือซวี่กลับบ้านเกิดอย่างมีเกียรติ คงไม่สนใจเอา ‘หลานชาย’ ที่ยังไม่มีคุณวุฒิมาไว้ในสายตา
ถึงอย่างไรระยะห่างระหว่างนางและคู่ต่อสู้ก็ห่างไกลกันเกินไป ในสายตาของเฉิงจือซวี่ เพียงยกมือก็บี้นางตายได้แล้ว
ที่นางใจลอยเป็เพราะเวลาที่เฉิงจือหย่วนได้เลื่อนขั้นค่อนข้างแปลก
หากระหว่างเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ เฉิงจือซวี่อ้อมมายังอำเภอหนานอี๋ และยังหยุดพักที่อำเภอหนานอี๋ เช่นนั้นคำสั่งแต่งตั้งของเขาก็เป็เื่ภายในสองสามเดือนนี้ ตรงกับเวลาที่ราชสำนักสืบสวนคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถ——กรมขุนนางคิดอะไรอยู่ คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติยังรอการตัดสิน แต่กลับเลื่อนตำแหน่งให้กับน้องชายของผู้เกี่ยวข้องในคดี?
แม้เฉิงจือหย่วนจะแยกบ้านกับทางบ้านรองไปนานแล้ว แต่ก็มิอาจตัดขาดความสัมพันธ์ของพี่น้องทางสายเื ภายในสายตาของคนนอกล้วนเป็คนครอบครัวเดียวกัน
หากเฉิงจือซวี่ไม่ได้รับผลกระทบก็ต้องท่องอมิตาพุทธแล้ว แต่เื่นี้กลับสวนกระแส จากผู้ว่าการเขตพิเศษเลื่อนขั้นไปเป็เ้าเมือง พื้นที่ที่กำลังเดินทางไปรับตำแหน่งก็อุดมสมบูรณ์หาใดเปรียบ… นี่มันดีงามเกินไปแล้วไหม อย่าบอกนะว่า ‘บุตรแห่งความโชคดี’ ของแคว้นเว่ยไม่ใช่นางที่ทะลุมิติมา แต่เป็อารองจอมเอาเปรียบของนาง เฉิงจือซวี่?!
หากมีเื่ผิดแปลกก็ต้องมีปีศาจ บนโลกนี้เื่บังเอิญล้วนเกิดจากมนุษย์ การเลื่อนขั้นของเฉิงจือซวี่ในครั้งนี้ เฉิงชิงรู้สึกว่าไม่อาจขจัดความเกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้
ส่วนจะถูกดึงมาเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น ยามนี้นางไม่รู้ก็ไม่เป็ไร บนโลกนี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดที่สามารถซ่อนไว้ได้ชั่วชีวิต!
นางจะสืบหาออกมาได้เสมอ
นางจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เป็อยู่ในยามนี้ได้เสมอ
แม้จะยากแสนยาก แต่ก็เป็หนทางที่คนสามารถเดินได้
‘ความสำเร็จ’ หากได้มาง่ายเกินไป ไหนเลยจะมีรสชาติดี
เฉิงชิงกดทับความสงสัยภายในใจ เริ่มสงบสติอ่านตำรา นี่คือหนทางเดียวที่นางจะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ หากนางละทิ้งการสอบเข้ารับราชการ นั่นสิถึงจะเรียกว่าโง่อย่างแท้จริง!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็เป็วันที่สิบสองเดือนสอง เทศกาลบุปผาสะพรั่ง[1]ของอำเภอหนานอี๋ ทั้งยังเป็วันเกิดของเฉิงชิง ประจวบเหมาะกับเป็วันประกาศรายชื่อของการสอบระดับอำเภอสนามแรกพอดี
นางหลิ่วทำบะหมี่อายุยืนให้เฉิงชิงกินหนึ่งชาม น้ำซุปหวานกลมกล่อม เส้นบะหมี่ยาวยืดตรง ยังมีไข่ดาวสองฟอง เฉิงชิงกินทั้งบะหมี่และน้ำแกงลงท้อง พึงพอใจอย่างยิ่ง
วันเกิดในปีแรกของนางในแคว้นเว่ย
แตกต่างกับวันเกิดก่อนหน้านี้ของนางอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ของขวัญที่นางได้รับทุกชิ้นล้วนประเมินค่าไม่ได้ แต่คนในครอบครัวก็ไม่เคยลงครัวทำบะหมี่อายุยืนให้นางกินด้วยตนเอง
พี่สาวทั้งสามล้วนให้งานเย็บปักของตนเอง พี่สาวคนโตให้รองเท้าและถุงเท้า พี่สาวคนรองและพี่สาวคนที่สามให้เสื้อผ้า เป็ของขวัญที่เย็บด้วยมือตนเองทุกชุด แม้มูลค่าจะไม่สูง แต่ความตั้งใจกลับไม่อาจตีเป็ราคาได้!
แต่หลังจากนั้นเฉิงชิงก็ยังคงรอ นางได้รับของขวัญวันเกิดจากคนในครอบครัวแล้ว อยากจะให้ของขวัญให้ตนเองสักชิ้น
วันนี้ก็คือวันประกาศรายชื่อ!
เ้าเมืองอวี๋เพียงอนุญาตให้นางเข้าร่วมการสอบ แต่ไม่อนุญาตให้นางออกจากบ้านไปดูอันดับรายชื่อ ได้แต่ไหว้วานให้เ้าหน้าที่ผู้ดูแลไปแทน
“วันนี้เฉิงชิงไม่มีทางมาดูอันดับรายชื่อหรอก”
เหตุผลนี้ของเฉิงกุยไม่อาจโน้มน้าวอวี๋ซานได้
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็อะไรไป สองวันก่อนท่านพ่อก็กล่าวกับเขาจนถ่องแท้แล้วแท้ๆ แม้เฉิงชิงจะไม่คู่ควรเป็คู่ต่อสู้ของเขา แต่วันประกาศรายชื่อการสอบระดับอำเภอสนามแรกมาถึง เฉิงกุยก็ยังคงมาดู
ตามคาด เขาพบอวี๋ซานโดยบังเอิญ
อวี๋ซานยิ้มหยัน “ต้องให้เฉิงชิงมาด้วยหรือจึงสามารถมาดูอันดับรายชื่อได้?”
มิใช่เช่นนั้น
แล้วมาดูอันดับรายชื่อเพื่อผู้ใดกัน?
เสียงฆ้องดังก้อง เฉิงกุยคร้านจะโต้เถียงกับเขา ทั้งสองคนเบียดไปถึงหน้ารายชื่อด้วยกัน
การประกาศรายชื่อของการสอบระดับอำเภอไม่เขียนรายชื่อ เขียนเพียงเลขที่นั่ง คะแนนสอบเรียงเป็วงกลม ภายในวงกลมในสุดมีเพียงชื่อเดียว นั่นก็คืออันดับที่หนึ่งของการสอบระดับอำเภอสนามแรก เฉิงกุยพอคลับคล้ายคลับคลา… เขาคงไม่ได้จำผิดหรอกนะ?
เหล่าผู้เข้าสอบที่มาดูรายชื่อพลันแตกตื่น
ยินดีที่สอบผ่าน ผิดหวังที่หลุดรายชื่อ เมื่อหาวงแล้ววงเล่า เหลือเพียงเลขที่นั่งสอบที่ได้อันดับหนึ่งซึ่งอยู่ในวงในสุดที่ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็เ้าของ
สหายร่วมเรียนห้องเรียนติงเก้าไม่ค่อยแน่ใจนัก
“นี่… เหมือนว่าจะเป็เลขที่นั่งของเฉิงชิง”
[1] เทศกาลบุปผาสะพรั่ง คือเทศกาลที่ทุกบ้านจะเซ่นไหว้เทพเ้าแห่งดอกไม้
