จวินจิ่วเฉินมองกูเฟยเยี่ยนโดยไม่เคลื่อนไหวอยู่นาน
เขากำลังใช้ดุลพินิจคาดคะเน เพราะถึงแม้ว่าขาของเฉิงอี้เฟยจะสำคัญ แต่ถ้ากูเฟยเยี่ยนเปิดเผยสมบัติล้ำค่าอย่างหวางเป่าติงออกมา มันจะไม่เพียงแค่สร้างปัญหายุ่งยากให้นางเท่านั้น แต่ยังจะก่อให้เกิดการฆ่าฟันอีกด้วย!
กูเฟยเยี่ยนไม่ทราบว่าจวินจิ่วเฉินรับรู้ถึงหวางเป่าติง นางเพียงแค่คิดว่าจวินจิ่วเฉินไม่เชื่อว่านางจะมีความสามารถในการเอาชนะได้
ระยะเวลามีจำกัดนางจึงไม่เกลี้ยกล่อมให้จวินจิ่วเฉินวางดาบลง แต่จ้องมองไป๋หลี่ิชวนด้วยความเ็าพลางกล่าวว่า “จากความหมายของเ้าแล้วเพียงแค่เป็สมุนไพรที่ปรากฏภายในห้องมันก็จะถูกนับรวมทั้งหมดใช่หรือไม่? ”
ั์ตาของไป๋หลี่ิชวนทอประกายความเ้าเล่ห์ เขาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว! ”
เขามั่นใจมากว่านอกจากสมุนไพรที่ซ่อนอยู่ในตัวแล้ว ภายในห้องแห่งนี้ไม่มีสมุนไพรอื่นๆ อีก ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็รับรู้ว่ากูเฟยเยี่ยนซ่อนสมุนไพรไว้บนตัวเช่นกัน ทว่าเขาไม่หวาดกลัว
ในโลกของทักษะยาสมุนไพร เขาพกสมุนไพรติดตัวมากที่สุดอย่างแน่นอน เขาคุ้นชินกับการเคี่ยวสมุนไพรให้กลายเป็แก่นสารสำคัญเพื่อนำมาทำเป็เม็ดยาเล็กๆ แล้วพกติดตัว สมุนไพรหนึ่งชนิดคือเม็ดยาเล็กๆ หนึ่งเม็ด ในหนึ่งขวดยาอย่างน้อยมียี่สิบเม็ดซึ่งก็คือสมุนไพรยี่สิบชนิด เมื่อสักครู่นี้เขานำออกมาเพียงแค่ขวดเดียว บนร่างกายเขายังมีซ่อนเอาไว้อีกไม่น้อยเลย!
เมื่อไม่นานมานี้เขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ในเงื้อมมือของนังหนูผู้นี้ ในคราวนี้เขา้าจะแกล้งนางจึงต้องยั้งมือเอาไว้ก่อน เขาจะรอดูว่าร่างเล็กเปราะบางของกูเฟยเยี่ยนจะซ่อนสมุนไพรได้มากน้อยเพียงใดกันเชียว?
เมื่อเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของไป๋หลี่ิชวน กูเฟยเยี่ยนจึงเผยรอยยิ้มแห่งความชั่วร้ายออกมา! เดิมทีนางดูิ่การทุจริต ทว่าในเมื่อไป๋หลี่ิชวน้าโกง นางก็จะร่วมด้วยให้ถึงที่สุด! นางจะแสดงความสามารถให้เขาได้เปิดหูเปิดตาว่าชัยชนะที่ได้มาโดยไร้ซึ่งกำลังนั้นแท้จริงแล้วเป็เช่นไร!
หญิงสาวแบมือขึ้นมาข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งจับพู่กันเขียนคำว่า “ซินหยี” ทันทีที่เขียนคำว่าหยีจบลง บนฝ่ามือของนางก็มีดอกซินหยีปรากฏออกมาหนึ่งดอก
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้จึงตกตะลึงเป็อย่างมาก แทบจะเรียกได้ว่าไม่กล้าเชื่อในสายตาของตนเอง! นี่…นี่คือการแสดงกลหรือ? สมุนไพรนี้มาได้อย่างไรกัน?
จวินจิ่วเฉินตกตะลึงเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากูเฟยเยี่ยนจะมีความสามารถเช่นนี้ นางสามารถทำให้สมุนไพรปรากฏขึ้นมากลางอากาศได้โดยไม่แม้แต่จะขอร้องอ้อนวอน!
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจว่าทุกคนจะคิดอย่างไร นางก้มหน้าก้มตาไม่แสดงสีหน้าใดๆ แล้วโยนดอกซินหยีทิ้งไป ไม่ช้าเมล็ดชุมเห็ดเทศหนึ่งกำก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือ ใช่แล้ว สิ่งที่นางเขียนลงไปบนกระดาษก็คือเมล็ดชุมเห็ดเทศ
ไป๋หลี่ิชวนมองด้วยความตกตะลึงตาค้าง เขาไม่ได้สติไปชั่วขณะหนึ่ง อดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงดำเนินการต่อไป!
นางโยนเมล็ดชุมเห็ดเทศทิ้งไปแล้วถั่วแดงก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือ ด้วยวิธีนี้นางจึงเขียนชื่อสมุนไพรไปพร้อมกับเรียกสมุนไพรออกมาจากหวางเป่าติงจากนั้นจึงโยนทิ้ง และเปลี่ยนชนิดของสมุนไพรไปเรื่อยๆ
สำหรับกูเฟยเยี่ยนแล้ว การเรียกสมุนไพรธรรมดาออกมาจากหวางเป่าติงนั้นถือเป็เื่ที่ง่ายดายมาก บวกกับระยะเวลาที่ผ่านมานี้นางได้บำเพ็ญญาณ การเรียกสมุนไพรออกมาเรียกได้ว่าง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ และเป็เื่ที่ดำเนินการผ่านความคิดเพียงแวบเดียว
ระยะเวลาค่อยๆ ผ่านไปและสมุนไพรทีละชนิดก็ถูกสับเปลี่ยนอย่ารวดเร็ว จวบจนกระทั่งธูปมอดลง บริเวณโดยรอบของกูเฟยเยี่ยนไม่ว่าจะเป็โต๊ะ เก้าอี้ หรือบนพื้นต่างก็เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย ในส่วนของกระดาษสีขาวแผ่นนั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังล้วนเต็มไปด้วยชื่อสมุนไพรอย่างอัดแน่น!
ภายในห้องโถงรับรองขนาดใหญ่มีความเงียบสงบราวกับโลกอันไร้เสียง ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่กูเฟยเยี่ยน พวกเขาไม่เพียงแค่ตื่นตระหนกใ แต่เรียกได้ว่าสั่นะเื จนถึงบัดนี้พวกเขาแต่ละคนก็ยังไม่ได้สติกลับมา
กูเฟยเยี่ยนโยนสมุนไพรชนิดสุดท้ายลงและในเวลาเดียวกันก็โยนพู่กันออกไป ศีรษะเล็กค่อยๆ หันไปมองไป๋หลี่ิชวน นางคลึงนิ้วมือที่เมื่อยล้าพลันอมยิ้มกล่าวไปว่า “องค์ชายสาม สมุนไพรของข้าล้วนนับรวมทั้งหมดใช่หรือไม่? ”
ในที่สุดไป๋หลี่ิชวนก็ได้สติกลับมาจากความใแล้วโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด “กูเฟยเยี่ยน เ้าทำได้อย่างไร? สมุนไพรเหล่านี้มาจากที่ใดกัน? ”
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะยิ้ม ทว่าท่าทีของนางไม่อ่อนแอ “เ้าเพียงแค่ตอบข้ามาว่าสมุนไพรหนึ่งร้อยยี่สิบชนิดของข้านับรวมอยู่ในการทดสอบหรือไม่? ”
วินาทีนั้นไป๋หลี่ิชวนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร แม้แต่การเถียงข้างๆ คูๆ เขายังมิอาจทำได้เลย
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ไล่ถามแต่หันไปมองกู้อวิ๋นหย่วนแทน นางพบว่ากู้อวิ๋นหย่วนยังคงตกตะลึงมาจนถึงปัจจุบันนี้ เขาจ้องมองนางราวกับว่ากำลังจ้องมองสัตว์ประหลาด
หัวใจของกูเฟยเยี่ยนเ็ปเหลือเกิน เพียงแต่นางมองข้ามไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แพทย์กู้ การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว โปรดตัดสินว่าใครคือผู้แพ้ผู้ชนะ! ”
ดูเหมือนว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะเพิ่งได้สติ เขารีบหลบอยู่ด้านหลังของทหารคุ้มกันประหนึ่งว่าหวาดกลัวกูเฟยเยี่ยน จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก “แพทย์…แพทย์หญิงกู เ้า เ้า…เ้ามีเวทมนตร์? ”
เวทมนตร์?
นางยังมีเวทมนตร์ปีศาจอีกนะ!
กูเฟยเยี่ยนแค้นเคืองอย่างไม่มีสาเหตุ ทันใดนั้นก็ดุเขาเสียงดังลั่น “ตกลงว่าท่านจะตัดสินหรือไม่ว่าใครแพ้ใครชนะ! ”
กู้อวิ๋นหย่วนใจนพูดออกมาอย่างไม่ลังเล “ตาที่สามแพทย์หญิงกูชนะ! การประลองฝีมือในครั้งนี้แพทย์หญิงกูเป็ฝ่ายชนะ! ข้าน้อย…ข้าน้อยยินยอมออกจากูเาเพื่อไปช่วยชีวิตคนกับแพทย์หญิงกู”
เมื่อได้ยินเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางหันไปมองจวินจิ่วเฉินด้วยรอยยิ้มที่รู้ใจพลางพูดแ่เบา “เตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้ชนะแล้ว”
จวินจิ่วเฉินจึงชักดาบยาวกลับมา เขากล่าวชมเชยนางพลางหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ชนะได้งดงามเหลือเกิน! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่เคยเห็นใบหน้าเ็าและหล่อเหลาของจวินจิ่วเฉินปรากฏถึงรอยยิ้มมาก่อน
นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยิ้มแย้มหัวเราะออกมา ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดไม่ถึงว่าคนที่เฉยเมยอย่างเขาเมื่อยิ้มออกมาแล้วจะอบอุ่นเช่นนี้ รอยยิ้มนี้ราวกับว่าเป็สายลมในฤดูใบไม้ผลิยามเดือนสี่ที่พัดพาความอ่อนโยนละมุนละไมมาปัดเป่าความหนาวเหน็บทั้งหมด ความเ็ปทั้งหมด และความไม่สบายใจทั้งหมดออกไปเพื่อให้ความกระวนกระวายใจสงบลง
แม้ว่าจะชนะแล้วแต่อารมณ์ของกูเฟยเยี่ยนยังคงหนักหน่วงเพราะกู้อวิ๋นหย่วน ทว่าทันทีที่พบเห็นรอยยิ้มของจวินจิ่วเฉิน หัวใจทั้งดวงของนางก็เหมือนจะปล่อยวางและผ่อนคลายลง
นางไม่ยิ้มบางเบาแต่ยิ้มด้วยความเจิดจรัสที่สดใสกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก นางจงใจมองไปที่ไป๋หลี่ิชวนพลางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายสาม ท่านแพ้แล้ว! ”
นางพูดกับจวินจิ่วเฉินว่า “ข้าชนะแล้ว”
แต่พูดกับเขาว่า “ท่านแพ้แล้ว”
ไป๋หลี่ิชวนมีความรู้สึกปวดร้าวในใจโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกนี้ตนเองถึงกับอธิบายออกมาไม่ได้ ทว่าไม่ช้าเขาก็มองข้ามความรู้สึกนี้ออกไป เขาไม่มีเวลามาครุ่นคิดว่าความสามารถในการนำสมุนไพรออกมากลางอากาศของกูเฟยเยี่ยนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาทราบเพียงแค่ว่าการที่ตนเองเชิญแพทย์กู้ไปไม่ได้จะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากมาก เขาจะไม่กลับไปที่ว่านจิ้นแล้ว
เขามองไปที่กูเฟยเยี่ยน เดิมทีควรที่จะเกลียด แต่นอกจากความไม่สมัครใจแล้วเขาถึงกับเกลียดไม่ลง
เขาจ้องมองนางโดยที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่เพราะจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้เยาะเย้ยตนเองสามส่วน โดยที่เหลืออีกเจ็ดส่วนเกรงว่าตนเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร
“เสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์ พวกเราจะได้พบกันอีก! ”
หลังจากที่เขาพูดจบก็ฉวย่เวลาที่ไม่มีคนสนใจถือโอกาสหนีไปทางประตูใหญ่ทันที ทางด้านของจวินจิ่วเฉินนั้นไม่ไว้วางใจที่จะปล่อยให้กูเฟยเยี่ยนอยู่ที่นี่คนเดียว เขาลังเลครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจไม่ไล่ตามออกไป
จวินจิ่วเฉินกล่าวต่อกู้อวิ๋นหย่วนด้วยความจริงจัง “แพทย์กู้ ตอนนี้เป็ระยะเวลาคับขัน ดังนั้นท่านสามารถออกเดินทางได้เลยหรือไม่?”
กู้อวิ๋นหย่วนหันไปมองดาบบนมือของจวินจิ่วเฉินราวกับยังคงหวาดกลัว ก่อนจะหันไปมองฝ่ามือของกูเฟยเยี่ยนที่น่าหวาดกลัวเช่นกัน เขาไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้จึงเอ่ยเพียงแค่ว่า “ข้าน้อยจะไปเตรียมตัวครู่หนึ่ง ท่านทั้งสองโปรดรอสักครู่”
เขารีบวิ่งออกไปที่แม้แต่แผ่นหลังยังเต็มไปด้วยความขี้ขลาดตาขาว
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวไม่ได้ขี้กลัวขนาดนี้!
กูเฟยเยี่ยนมองแผ่นหลังที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและให้ความรู้สึกแปลกหน้า จากนั้นจึงแอบนำลูกอมชะเอมหนึ่งเม็ดใส่เข้าไปในปาก เมื่อได้รสชาติที่คุ้นเคย ในที่สุดจิตใจของนางก็ควบคุมความรู้สึกปวดร้าวไม่ได้อีก
นางคิดว่าระหว่างทางกลับไปเมืองจิ้นหยางจะต้องหาโอกาสเลี่ยงจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเพื่อไปซักถามเขา…