เมื่อได้ยินชื่อ ‘เฉิงชิง’ ฮูหยินผู้เฒ่าจูก็พลันโมโหขึ้นมา
ั้แ่ฤดูใบไม้ผลิที่ครอบครัวเฉิงชิงเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิด ชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าจูก็ไม่สบายใจเหมือนแต่ก่อน บางครั้งเฉิงชิงก็ออกมาเคลื่อนไหวทำให้นางรู้สึกรังเกียจ——เห็นได้ชัดว่านางติดตามเฉิงชิง ในทุกครั้งเฉิงชิงมีพัฒนาการ หญิงชราใจคอคับแคบผู้นี้ก็จะรู้สึกไม่สบายใจ หาเื่ใส่ตนเองแล้วยังไปโทษคนอื่น!
แต่คนทั้งห้องไม่มีผู้ใดที่รู้สึกว่าเฉิงชิงมีปัญหาที่ตรงไหน
ใน่ระหว่างเติบโต สองพี่น้องเฉิงจือซวี่และเฉิงจือซู่มักจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าจูสอนแนวความคิดให้เป็ปฏิปักษ์กับเฉิงจือหย่วนอยู่ตลอด พวกเขาล้วนเคยชินแล้ว
ในเมื่อพวกเขาเป็ผู้ได้รับผลประโยชน์ ย่อมไม่มีทางไปแก้ไขความใจแคบเห็นแก่ตัวของมารดา
หากไม่มีฮูหยินผู้เฒ่าจูทำเื่พวกนั้น เดิมสมบัติตระกูลของบ้านรองส่วนใหญ่ก็ควรจะตกทอดไปให้บุตรชายคนโตที่ภรรยาเดิมของเฉิงจือหย่วนให้กำเนิด สองพี่น้องก็ไม่มีทางมีความเป็อยู่ที่ดีเช่นตอนนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่ปิดบังความเกลียดชังที่มีต่อเฉิงชิงเลยแม้แต่น้อย เฉิงจือซู่เองก็กล่าวสนับสนุนด้วย
“พี่รอง เ้าเด็กนั่นเ้าเล่ห์ชั่วร้ายจริงแท้แน่นอน โชคดีที่อายุยังน้อย ทั้งไม่มีอนาคต ไม่เช่นนั้นต้องมาก่อกวนจนบ้านเราไม่สงบสุขแน่!”
เป็หลานชายอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าเป็ศัตรู
เฉิงจือซู่ด่าเฉิงชิงอย่างไม่ไว้ไมตรี ทั้งยังกล่าวเื่ที่เกิดขึ้นใน่นี้ “ราชสำนักต้องรีบตัดสินคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติให้เร็วหน่อยจึงจะดี”
หากสรุปตัดสินโทษของพี่ใหญ่เฉิงจือหย่วนแล้ว คนในตระกูลก็คงไม่แอบปกป้องเ้าเด็กเวรนั่นอีก บุตรชายของขุนนางต้องโทษผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะแสดงเล่ห์เหลี่ยมอย่างไรก็ไม่มีทางขึ้นมามีอำนาจ เป็ได้แค่แมลงวันที่บินหึ่งๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
“คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ… ช่างเถิด ยังคงต้องรอราชสำนักสรุป พรุ่งนี้ข้าจะไปคารวะท่านอาห้าก่อน”
เฉิงจือซวี่กล่าวได้ครึ่งทางแล้วก็หยุด
ภายในใจของฮูหยินผู้เฒ่าจูมีความไม่สบายใจเบาบาง
ระหว่างทางที่บุตรชายเดินทางไปรับตำแหน่งยังตั้งใจอ้อมกลับหนานอี๋ ที่จริงแล้วอยากไปพบไอ้แก่บ้านห้าสินะ
ยามเป็ผู้ว่าการเขตพิเศษ บ้านรองก็ต้องทำตามแนวทางของบ้านห้า ยามนี้เป็เ้าเมืองขั้นสี่แล้ว ยังไม่อาจหลุดพ้นจากการบังคับของบ้านห้าอีกหรือ?
ว่ากันตามนี้แล้ว ยามใดจึงจะสามารถลืมตาอ้าปากให้ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋เคารพบ้านรองได้เสียที!
แต่เฉิงจือซวี่บุตรชายคนนี้ก็เป็กระดูกสันหลังของบ้าน ฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่อาจทำบุตรชายเสียหน้า ปิดบังความไม่สบายใจ สั่งให้คนไปทำความสะอาดห้องพัก และสั่งให้แม่นมโจวพาคนไปท่าน้ำเพื่อต้อนรับภรรยาของเฉิงจือซวี่ อีกทั้งสั่งคนให้ไปแจ้งข่าวที่สถานศึกษาให้เฉิงกุยขอลากลับบ้าน
เฉิงจือซวี่ไม่ได้กลับบ้านหลายปี บิดาและบุตรชายไม่ได้พบหน้า เมื่อผู้เป็บิดากลับมาแล้ว ผู้เป็บุตรก็ย่อมต้องมาคารวะทักทาย ในคุณธรรมร้อยข้อมีความกตัญญูนำหน้า ความสำคัญของการเรียนก็ไม่อาจอยู่เหนือความกตัญญูได้
ณ ตรอกหยางหลิ่ว
ความครึกครื้นในยามกลางวันได้สลายไปแล้ว ตรอกหยางหลิ่วเหลือเพียงความเงียบเหงา
เฉิงชิงยังไม่รู้ว่าเฉิงจือซวี่ อารองจอมเอาเปรียบของตนกลับมาแล้ว
ถึงรู้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยามนี้เื่ใดก็ล้วนไม่สำคัญเท่าการที่นางเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ
เวลาที่นางมีเหลือเพียงสิบวันเท่านั้น
แม้ก่อนหน้าที่เมิ่งไหวจิ่นจะจากไป ได้สอนนางถึงเทคนิคที่ใช้ในการสอบมากมาย ทั้งยังวิเคราะห์ความชอบของนายอำเภอหลี่ แต่เมิ่งไหวจิ่นไม่ใช่เทพ ไหนเลยจะล่วงรู้ว่าการสอบระดับอำเภอในปีนี้จะสอบอะไรอย่างแน่ชัดไร้ข้อผิดพลาด
ให้เมิ่งไหวจิ่นเก็งหัวข้อออกสอบดูเหมือนจะเป็การใช้คนไม่เหมาะกับงานเท่าใดนัก
เนื้อหาการสอบระดับอำเภอล้วนเป็พื้นฐานขั้นสุด สามารถท่องสี่ตำรามาเขียนได้หรือไม่ สามารถเขียนกลอนของหัวข้อและคำััที่กำหนดให้ได้หรือไม่ และยังต้องเขียนเรียงความวิจารณ์อีกหนึ่งแผ่น เนื้อหาเหล่านี้ล้วนมีแบบแผนที่แน่นอน ไม่อาจฝ่าฝืนกล่าวถึงพระนามเรียกขาน พระนามแต่งตั้งและชื่อจอมปราชญ์เป็ต้น
เฉิงชิงรู้สึกว่าเป็การทดสอบพื้นฐาน หากพื้นฐานแน่นพอ การสอบระดับอำเภอก็สามารถผ่านไปได้ตาม้า
พระนามเรียกขานคือพระนามของฮ่องเต้ในราชวงศ์นี้ที่ตไปแล้ว พระนามแต่งตั้งก็คือพระนามของโอรส์องค์ปัจจุบัน ชื่อจอมปราชญ์ก็คือชื่อของท่านปราชญ์ขงจื๊อ… ยามตอบคำถามถ้อยคำที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถือเป็คำต้องห้าม หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเขียนให้สั้นลงหนึ่งขีดหรือใช้ชื่ออื่นแทน
ข้อบังคับเหล่านี้นางท่องจนขึ้นใจ สามารถกล่าวได้ว่านางเตรียมพร้อมสำหรับการสอบระดับอำเภอทั้งหมดแล้ว
ตัวนางเองมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมและกลัวว่าเกิดความผิดพลาดที่ไม่คาดฝัน ก่อนหน้าที่ยังสอบไม่ผ่านระดับอำเภอก็ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ เมื่อกลับมายังตรอกหยางหลิ่วก็จดจ่ออยู่กับการเตรียมสอบ
นางหลิ่วและเหล่าพี่สาวต่างไม่รบกวนนาง บัดนี้ผู้ใดก็ไม่หยิบยกเื่ที่ว่าราชสำนักจะตัดสินเฉิงจือหย่วนอย่างไรขึ้นมา ตัวเฉิงชิงเองก็ไม่ไปคิดด้วยเช่นกัน
คนทั้งครอบครัวตัดขาดจากข่าวสารโลกภายนอก ไม่รู้ว่าเฉิงจือซวี่แห่งบ้านรองกลับมายังหนานอี๋แล้ว วันที่สองก็ได้ไปคารวะนายท่านห้าเฉิงที่บ้านห้า สองอาหลานแลกเปลี่ยนคำทักทายแล้วเฉิงจือซวี่ก็มุ่งเข้าสู่ประเด็นหลัก
“ท่านอาห้าขอรับ ท่านและท่านอาหกคิดเช่นไรกันแน่? บัดนี้พี่ใหญ่อยู่ใจกลางพายุ ตามที่หลานมอง เขาหมดหวังที่จะปลดเปลื้องความผิดแล้ว เหตุใดท่านจึงยังคงช่วยเหลือเฉิงชิงในที่ลับ ให้ความหวังเขา สุดท้ายแล้วก็เป็การทำให้เฉิงชิงผิดหวัง… เฮ้อ!”
แม้เฉิงจือซวี่จะเพิ่งกลับมายังอำเภอหนานอี๋ได้วันเดียว แต่ก็ได้ยินเื่ที่เกิดขึ้นหลังจากเฉิงชิงเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิด ทั้งจากที่ได้ยินเองและสอบถาม เขาพอรู้เื่ทั้งหมดคร่าวๆ แล้ว
ราษฎรของหนานอี๋เพิ่งจะเชื่อว่าเ้าเมืองอวี๋ถูกกดดันโดยการเรียกร้องของศิษย์จำนวนหลายคน จึงปล่อยเฉิงชิงให้ออกมาเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ เฉิงจือซวี่ดีร้ายอย่างไรก็เป็ขุนนางมาหลายปี เมื่อลองคิดเอาตนเองไปอยู่ในจุดของเ้าเมืองอวี๋ก็เข้าใจว่าเื่ราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
แม้ราชสำนักจะยังไม่ได้มีหนังสือตัดสินลงมา แต่ก็มีความเป็ไปได้สูงที่เฉิงจือหย่วนจะได้รับโทษ ในเวลาเช่นนี้ เ้าเมืองอวี๋ยังยินยอมให้บุตรชายของเฉิงจือหย่วนเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ เป็ไปได้ว่าตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ใช้อำนาจอยู่เื้ั——
หรือก็คือนายท่านห้าเฉิงที่สนับสนุนเฉิงชิง
เฉิงจือซวี่ไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไร
คนในตระกูลใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อเฉิงจือหย่วน ผู้ที่มีโอกาสสูงที่จะได้รับโทษ ถือเป็การสูญเปล่าอย่างยิ่ง
นายท่านห้าเฉิงขมวดคิ้ว “คนในตระกูลไม่ได้ออกแรงอะไร เป็ชิงเกอเองที่ทำกรรมดีไว้”
ด้วยมีเหตุจึงมีผล
เหมือนเศรษฐีเฒ่าเหอที่มีจิตใจเมตตา เป็ชายชราผู้ทรงอิทธิพลที่ได้รับการเคารพในอำเภอหนานอี๋ เห็นได้ชัดเจนว่าพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งก็ชื่นชมเฉิงชิงแล้ว
เหมือนชุยเยี่ยนผู้นั้นที่เป็บุตรชายพ่อค้าต่างถิ่น กล่าวได้ว่าเป็ผู้ที่เข้าใจการไล่ตามผลประโยชน์หลีกเลี่ยงอันตราย แต่ก็ยอมออกหน้าเพื่อเฉิงชิง
ยังมีนายอำเภอหลี่ ขุนนางผู้เป็ดั่งบิดามารดาของอำเภอ หากไม่ใช่ว่าในงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดู เฉิงชิงหลงเหลือความประทับใจที่ไม่เลวให้เขา เขาก็คงไม่ยินยอมที่จะออกหน้าให้… คนในครอบครัวกล่าวเื่ในครอบครัวตนเองได้อย่างชัดเจน ในตระกูลมีบุตรหลานอายุน้อยมากมาย นายท่านห้าไหนเลยจะมีเรี่ยวแรงไปดูแลทุกคน เฉิงชิงพึ่งพาความสามารถของตนเองจนโดดเด่นขึ้นมาได้ วันนั้นที่เชิญดวงิญญากลับบ้านเกิดก็ได้หลงเหลือความประทับใจอันล้ำลึกให้แก่นายท่านห้า หลังจากนั้นทุกย่างก้าวก็ล้ำลึกแข็งแกร่ง ทำให้นายท่านห้าเริ่มให้ความสำคัญเฉิงชิง!
น่าเสียได้ที่เมื่อพูดออกมาแล้ว เฉิงจือซวี่กลับไม่เชื่อ ทั้งสองคนไม่อาจพูดคุยเื่เดียวกันได้ กล่าวได้ว่าแยกจากกันไม่ค่อยดีนัก
เฉิงจือซวี่คิดว่าคนในตระกูลทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็ นายท่านห้าเองก็สงสัยเฉิงจือซวี่เช่นกัน ปีก่อน จู่ๆ เฉิงจือซวี่ก็ได้เลื่อนตำแหน่งสองขั้น ทั้งยังได้ไปรับตำแหน่งในพื้นที่อุดมสมบูรณ์มั่งคั่งอย่างมาก ภายในตระกูลไม่ได้รับข่าว การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ภายในใจของนายท่านห้าไม่ค่อยมั่นคงนัก
เริ่มั้แ่ปีที่แล้ว เื่ราวมากมายก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เมิ่งไหวจิ่นและเฉิงจือซวี่ล้วนทำให้นายท่านห้ารู้สึกเหมือนตนเองหลุดการควบคุม
เมื่อมองตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋เป็เรือลำหนึ่ง นายท่านหกเฉิงที่อยู่เมืองหลวงคือนายท้ายเรือ นายท่านห้าเป็กัปตันเรือที่จัดการให้เกิดความเป็อันหนึ่งอันเดียวกัน บัดนี้ฝีพายที่พายเรือแต่ละคนล้วนมีความคิดของตน ไม่ฟังการจัดการของกัปตันเรือแล้ว เพียงเท่านี้ก็สามารถจินตนาการได้ถึงอารมณ์ของนายท่านห้าได้เลย!
