แม้จะกล่าวว่าเป็ไทเฮามารดาของฮ่องเต้แต่สตรีนางนี้ดูไปแล้วมีอายุน้อยยิ่งนัก อายุของนางน่าจะอยู่ราวๆยี่สิบกว่าปีไม่ถึงสามสิบปี นางมีบุคลิกท่าทางราวกับคนชราทว่ากลับมีหน้าตารูปโฉมงดงามยิ่งนักผนวกกับเมื่อได้รับการประทินโฉมอย่างประณีต ในความสง่างามนั้นกลับปรากฏให้เห็นถึงความเ็าที่แฝงอยู่ในนั้น
นี่ไม่ใช่การพบหน้ากันครั้งแรกหลินชิงเวยจดจำได้ว่าครั้งที่แล้วเมื่อนางถูกส่งตัวไปอยู่ในตำหนักเย็นก็เป็สตรีรูปโฉมงดงามนางนี้ที่เป็ตัวตั้งตัวตี
การแบ่งชนชั้นศักดินาในยุคสมัยโบราณนั้นเป็เื่ที่เคร่งครัดอย่างยิ่งไม่ว่าจะทำอะไรล้วนต้องคุกเข่าอีกทั้งที่นี่ยังเป็วังหลวง คุกเข่าต่อฟ้าต่อดินต่อเ้านายนั่นถือเป็เื่ปกติธรรมดาไปแล้ว
ทว่าเหตุการณ์ยามนี้แตกต่างจากในตำหนักเย็นในตำหนักเย็นหลินชิงเวยสามารถประกาศตัวเป็ศัตรูกับพวกนางได้อย่างเปิดเผยเพราะอย่างไรก็ไม่มีใครมาเรียกร้องให้นางรับผิดชอบ เวลานี้สถานการณ์ต่างออกไป
สตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางเป็ประมุขของตำหนักในเป็สตรีที่มีอำนาจกำหนดความเป็ความตายและโชคชะตาของนาง
นางเห็นโทสะบนใบหน้าของไทเฮาชัดเจนยังมีสีหน้าท่าทางรังเกียจที่มีต่อนาง ต่อมาไทเฮาเงื้อมือขึ้นแล้วตบลงมาเต็มแรง
พ่าง
หลินชิงเวยหน้าหันไปด้านข้างนางรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงฝ่ามือของไทเฮาที่ตบผ่านใบหน้าด้านข้างของตนปลายเล็บนั้นข่วนผิวหน้าเสียงนั้นดังก้องเข้ามาในโสตประสาท บริเวณใกล้ๆ กกหูของนางแก้วหูของนางเกิดเสียงดังหวึ่งๆความรู้สึกเ็ปขึ้นมาเป็ริ้ว ราวกับจู่ๆ นางก็ได้ยินอะไรไม่ถนัดนัก
นางขยับปากและฟันฝ่ามือฉาดนี้เจ็บเหลือทนจริงๆ ให้ตายสิ
ไทเฮาถึงกับลงมือตบตีนางด้วยตนเองนางควรจะรู้สึกว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะ?ภายในลานเรือนนี้ล้อมรอบไปด้วยผู้คนต่างจากในศาลาเมื่อยามบ่ายซึ่งมีเพียงกุ้ยเหรินนางนั้นย่อมรับมือได้ง่ายกว่า
ไทเฮาตรัสเสียงเย็น“เ้าจะพลิกแผ่นฟ้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงกับกล้าผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกลงไปในน้ำจ้าวกุ้ยเหรินจมน้ำเวลานี้นอนอยู่บนเตียงยังไม่รู้เป็หรือตายเปิ่นกงอยากจะถามเ้านัก ใครกันที่ให้ความกล้าหาญเช่นนี้กับเ้า!”ตำหนักในที่เงียบสงบตลอดมา พลันเกิดเื่วุ่นวายใหญ่โจเช่นนี้ขึ้นนางไหนเลยจะนิ่งดูดายได้
และผู้ที่เป็ตัวการสำคัญในการก่อเื่วุ่นวายครั้งนี้ยังถึงกับเป็นางสนมที่ไทเฮาเป็ผู้สั่งให้ส่งตัวไปกักขังในตำหนักเย็นไทเฮาไม่รู้ว่านางใช้วิธีการใดจึงออกมาจากตำหนักเย็นได้
หลินชิงเวยปิดหน้าของตนเองและกล่าวเสียงเบาว่า“เซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ”
ไทเฮาตื่นตะลึงตามมาด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ปรากฏบนใบหน้ามากขึ้น “เ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่าเป็เซ่อเจิ้งอ๋อง...”
ทันที่พูดจบไทเฮาก็เงื้อฝ่ามือขึ้นนตบลงไปบนใบหน้าของหลินชิงเวยอีกครั้งดูจากสีหน้าและท่าทีของนางแล้วยากที่จะควบคุมสติอารมณ์ของตนเอาไว้ได้นางกล่าวด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “กำเริบเสิบสาน เซ่อเจิ้งอ๋องมีราชกิจมากมายเช่นนั้นไหนเลยจะมีเวลาให้เ้ามาก่อความวุ่นวายในตำหนักในเช่นนี้เ้าคิดว่าเ้าและเซ่อเจิ้งอ๋องมีความเกี่ยวพันกันเปิ่นกงก็จะมิกล้าทำอะไรเ้าใช่หรือไม่?”
ทุกคนในตำหนักในต่างรู้ดีว่าเซ่อเจิ้งอ๋องประคับประคองฮ่องเต้องค์ใหม่ในการบริการราชการแผ่นดิน ไทเฮาเองล้วนฟังคำพูดของเขาการไว้ชีวิตของหลินชิงเวยในครั้งที่แล้วเป็ความเห็นของเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นกันหาไม่แล้วหลินชิงเวยไหนเลยจะมีโอกาสมีชีวิตรอดจนถึงวันนี้
ในสายตาของไทเฮาหลินชิงเวยช่างไม่รู้ดีชั่ว ครั้งที่แล้วไว้ชีวิตนางถือว่าเป็ความเมตตาขั้นสูงสุดแล้วเวลานี้นางยังคิดจะนำเซ่อเจิ้งอ๋องมาเป็โล่บังธนูอีก
ไม่มีทางเสียละ
“เด็กๆลากตัวคนชั้นต่ำผู้นี้ส่งไปยังตำหนักเชียนเหอ เปิ่นกงจะไต่สวนให้กระจ่างแจ้ง!”
ดังนั้นไม่รอให้หลินชิงเวยดิ้นรนต่อสู้หมัวมัวเรี่ยวแรงดีสองนางจึงก้าวเข้ามาหิ้วตัวหลินชิงเวยขึ้นอย่างง่ายดาย
“พี่สาว!”ซินหรูที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าลุกขึ้นมา ได้แต่ร่ำไห้และร้องเรียก “พี่สาว!”
ไทเฮาหันกลับมามองซินหรูซินหรูตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ไทเฮาถาม“ในวังมีคนชั้นต่ำเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน?”
นางกำนัลคนสนิทตอบว่า“ทูลไทเฮา เท่าที่บ่าวรู้มานางถือกำเนิดจากสตรีในตำหนักเย็นเพคะอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นมาโดยตลอดคิดดูแล้วน่าจะเป็หลินซื่อที่นำตัวนางออกมาพร้อมกันด้วยวันนี้ยามบ่ายนางทำให้สถานที่ของจ้าวกุ้ยเหรินแปดเปื้อนจ้าวกุ้ยเหรินให้คนตบปากนางแค่ไม่กี่ทีหลินซื่อจึงเอาคืนด้วยการทำร้ายสาวใช้ของจ้าวกุ้ยเหรินจนได้รับาเ็อีกทั้งยังผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกลงไปในสระน้ำเพคะ”