“อ้าว มากันแล้วรึ วันนี้ไปตะเวนเที่ยวไหนกันมาล่ะ!” อี้เฟินที่กำลังทำอาหารเอี้ยวหน้ามามองสองสาว
“ไม่ไปโดนต่อยตีที่ไหนมาใช่หรือไม่!”
“ไม่จ๊ะ ปลอดภัยไร้รอยข่วน! ป้าอี้เฟิน วันนี้ข้ากับพี่อี้ิไปหาทำเลขายของในตลาดมา ได้มาแล้วด้วยนะ”
“จริงรึ แล้วิอี้จะขายอะไรล่ะลูก” อี้เฟินที่กำลังลงมือต้มน้ำซุปอยู่หันมาถามลูกสาว
“ถั่วงอก นี่ไง ๆ ท่านดูสิ อีก 3 วันก็ขายได้แล้ว”
“ฮือ! นั่นเ้าทำอันใด พิลึกคนจริง นั่นอะไรรึ”
อี้เฟินเมื่อเห็นสิ่งที่ลูกสาวชี้เชิญให้ดูก็ขมวดคิ้วแปลกใจ อะไรกันละนั่น
“เอาหน่าท่าน เดี๋ยวก็รู้ระหว่างนี้ ทุก 2 ชั่วยาม ต้องคอยรดน้ำบ่อย ๆ อีก 3 วันก็ขายได้แล้วละ แล้วเดี๋ยวข้าก็จะมีเงินมาซื้อของอร่อย ๆ ให้ท่านยังไงล่ะ” อี้ิยิ้มอวดซี่ฟันสวยเต็มวงหน้าให้กับอี้เฟิน
“อ่ะ ๆ แล้วแต่เ้าแล้วกัน เฟิน เฟิน วันนี้กินข้าวกับข้าสิ ได้ผักกับเนื้อมาอีกแล้วล่ะ”
“พี่ไป๋อู๋ละสิให้ท่านมา”
เฟิน เฟินถามยิ้ม ๆ
“นี่พี่ิอี้ เฟิน เฟิน ว่าถ้าพี่ไม่มีใคร พี่ไป๋อู๋ก็ไม่เลวนะ ขยันทำมาหากิน แต่อ้วนน่าเกียจไปหน่อยแค่นั้นเอง”
อ้าว! เ้าเด็กนี่ บูลลี่แล้ว นึกขำในใจ
“ไม่ล่ะ ข้ายังไม่สนใจเื่นี้ ขอข้ารวยก่อนแล้วกันนะตอนนี้ข้าลำบากสุด ๆ ”
อี้ิกล่าวติดตลก
“มะ มา กับข้าวมาแล้ว”
อี้เฟินยกสำรับอาหารออก็มาวางให้สองสาว มือเอื้อมไปเปิดชามที่มีหมูสามชั้นตุ๋นใบชาหอมๆ ส่งกลิ่นฟุ้งหอมไปทั่วบริเวณเรือนเล็ก
“ฮื้มมมม หอมม อึก!” สองสาวเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเผลอไผล เมื่อจมูกเล็กได้แตะกับกลิ่นของอาหาร ตามด้วยการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กระเพาะน้อย ๆ เริ่มส่งเสียงประท้วง เมื่อได้รับการกระตุ้นจากอาหารหอมกรุ่น
“อ่ะ ทาน ๆ กันเลย กินเยอะๆ นะลูก อะนี่ อ่ะเฟิน ๆ ” มืออวบคีบหมูสามชั้นใส่ชามข้าวของลูกสาว และสาวน้อยเฟิน เฟิน ทั้งสามลงมือทานข้าวและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยอี้ิได้เล่าถึงภารกิจที่นางมีแพลนที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ว่ามีอะไรบ้าง พลอยทำให้อี้เฟินยิ้มไปด้วยที่เห็นลูกสาวนางคุยเจื้อยแจ้วอย่างหมายมาด
และจากการคุยกันนั้นอี้เฟินจะอาสาไปหาอู๋ไป๋ จะไปขอให้ช่วยทำโต๊ะแคร่ไม้ไผ่ เอาไว้ตั้งเป็แผงเพื่อวางผักขาย ส่วนอี้ิตอนนี้ในหัวกำลังขบคิดว่าจะใส่ชุดที่สวมใส่ตอนนี้ไปขายผักไม้ได้เลย เสื้อผ้าสะอาดก็จริงแต่มองแล้ว มอซอไม่ไหว ไม่ได้ ไม่ได้! การขายของ First impression เป็สิ่งสำคัญ เมื่อคิดไม่ตกก็เอ่ยออกมากลางสำรับอาหารที่กำลังทานอยู่
“ท่านแม่ ข้าอยากได้ชุดสะอาด ๆ ซักชุด ไม่ต้องดีมากก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่แบบที่ข้าใส่อยู่ อ่อ! สองชุด ให้เฟิน เฟินด้วยเพราะนางต้องไปขายช่วยข้า”
“หึ! ชุดสะอาดๆ รึ ไม่มีเลยิอี้” ตอบเสร็จอี้เฟินก็ก้มหน้าลงอย่างเศร้าสลด นางเวทนาตนเองที่ไม่มีกำลังทรัพย์ใด ๆ ช่วยลูกสาวได้เลย แม้แต่อาภรณ์ดี ๆ ซักผืนก็ยังไม่มีปัญญาหาให้ได้ คิดแล้วก็สะท้อนในอก ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าที่เริ่มหย่อยคล้อยแต่ยังคงเค้าโครงความงามพลันเศร้าหมองลงทันตา
อี้ิเห็นเช่นนั้นก็อดสงสารนางไม่ได้ ยื่นมือไปกอบกุมมือมารดาแล้วให้กำลังใจ
“ไม่เป็ไรท่านอย่าคิดมากนะ ท่านนะดีที่สุดแล้ว ดูสิอาหารที่ข้าได้กินแต่ละมื้อถึงแม่จะน้อย แต่ท่านทำอร่อยทุกอย่างเลยนะ ไม่มีไม่เป็ไรนะท่าน ไว้ข้าขายผักได้เงินเยอะ ๆ เดี๋ยวค่อยไปซื้อก็ได้ ท่านวางใจเถอะนะ!”
อี้เฟินค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดูลูกสาว ปีนี้ลูกสาวนางโตเป็ผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ สินะ อดยิ้มกับคำพูดเมื่อครู่ของนางไม่ได้ แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะสวยอย่างรักใคร่เอ็นดู ทั้งสามเมื่อทานอานหารเสร็จก็แยกย้ายกัน
“ิอี้ ข้าจะดับไฟแล้วนะ”
เมื่อไร้การตอบรับ อี้เฟินก็ดับตะเกียงแล้วล้มตัวลงนอนบนตั่งเตียงแข็งแล้วเข้าค่อย ๆ ดำดิ่งเข้าสู่นิทราในที่สุด
ด้านิอี้ กายบางพลิกไปมา เปลือกตาบางที่หลับอยู่ขยับขยุกขยิกไปมา ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเปิดเปลือกตาสวยแล้วมองไปในความมืดอย่างใช้ความคิด เธออยากให้วันแรกของการเปิดร้านดีที่สุด อยากให้ตอนที่ผู้คนที่ผ่านไปมามองร้านนางแล้วประทับใจ ฉะนั้น First impression จึงสำคัญที่สุด เธอเชื่อว่าถ้าเริ่มต้นได้ดี ทุกอย่างก็จะราบรื่นตามไปด้วย อื้มมม! เมื่อพลิกตัวไปมาเช่นไรก็นอนไม่หลับ ร่างบางจึงลุกขึ้นนั่งจุดตะเกียง แล้วเดินไปส่องดูถั่วงอกที่เพาะไว้ มือบางค่อย ๆ คลี่เปิดกระสอบป่านออก ล้วงมือลงไปหยิบผ้าที่ใช้ปิดทับเมล็ดถัวเขียวออก แล้วใช้ตะเกียงส่องดูผลงานตนเอง พลันใบหน้านวลปรากฎรอยยิ้มสวยออกมาเต็มวงหน้า เมื่อแลเห็นเมล็ดถั่วเขียวเริ่มแตก พร้อมแตกโตเป็ถั่วงอกต่อไป วางตะเกียงไว้แล้วคว้าเอาถังน้ำที่เตรียมไว้ข้าง ๆ ขึ้นมา มือบางค่อย ๆ จุ่มลงไป แล้วตวัดน้ำค่อยๆ ใช้มือรดลงไปยังถั่วเขียวจนเปียกชุ่ม เมื่อรดจนทั่วแล้วก็ปิดกระสอบกลับไว้ที่เดิม เดินไปยังตั่งเตียงแข็งที่บัดนี้เริ่มจะคุ้นชินกับมันบ้างแล้ว สอดตัวล้มลงนอนแล้วดึงผ้าห่มผืนบางกลางเก่ากลางใหม่มาคลุมตัว ปากสวยเป่าตะเกียงให้ดับ ล้มศีรษะทุยสวยลงที่หมอนแล้วหลับเข้าสู่นิทราตามมารดาไป
ߍ㰟탰ߍ㰟탰ߍ㰟탰
