“จะมีสองคนถูกคัดออกในบรรดาพวกเ้าห้าคน สามคนที่เหลือเข้ารอบตัดสินสุดท้าย ส่วนการประลองจะเป็อย่างไร พวกเ้าต้องตัดสินเอง!” เสียงของเฉินเซี่ยงเทียนดังมาจากอัฒจันทร์หลัก ผู้คนประหลาดใจกับการประลองในครั้งนี้ เมื่อถึงศึกสามอันดับแรก จะสามารถตัดสินเองได้อย่างนั้นหรือ
“พวกเ้าสี่คนจับคู่แล้วสู้หนึ่งสนาม ใครแพ้ถูกคัดออก คิดเห็นเช่นไร?” ตู๋กูหลงกล่าวขณะมองอีกสี่คน
“จับคู่แล้วสู้กัน ใครแพ้ก็ตกรอบ ตู๋กูหลงทำเช่นนี้ก็ถือว่าได้เข้ารอบสามอันดับแรกแล้วสิ” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว
“ใช่ ตู๋กูหลงแข็งแกร่ง ไม่ว่าใครในสี่คนนั้นสู้กับตู๋กูหลง ก็ต้องพ่ายแพ้ทั้งสิ้น” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว ความแข็งแกร่งของตู๋กูหลงล้วนเป็ที่ประจักษ์ และอันดับที่ 1 ของงานประลองครั้งนี้ก็ถูกกำหนดเป็ของตู๋กูหลงมาั้แ่แรกแล้ว
นี่จ้านเทียนได้ยินคำพูดของตู๋กูหลงก็เผยสีหน้าไม่ยอม แต่สุดท้ายเขาไม่พูดอะไรออกไป ถึงอย่างไรในความคิดเขา ไม่ว่าจะเอาชนะอวิ๋นเจี๋ยหรือเย่เฟิงก็ล้วนเป็เื่ง่ายดาย ถึงเวลานั้นเขาจะเข้าสามอันดับแรกและต่อสู้กับตู๋กูหลง
“ข้าจัดการสวะนี่เอง ส่วนเ้าจัดการคนนั้น” เฉินอ้าวเทียนกล่าวกับนี่จ้านเทียน
นี่จ้านเทียนกะพริบตาปริบ ๆ เขาได้ยินเื่ความบาดหมางระหว่างเย่เฟิงกับเฉินอ้าวเทียนมาบ้างแล้ว ให้เฉินอ้าวเทียนจัดการเย่เฟิงก็ดี เขาเชื่อว่าเฉินอ้าวเทียนจะจัดการเย่เฟิงได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบกลับก่อนจะเดินไปหาอวิ๋นเจี๋ย
“เย่เฟิง บุญคุณความแค้นระหว่างเ้ากับข้ามาสะสางที่นี่เถอะ!” เฉินอ้าวเทียนกล่าวขณะมองเย่เฟิง ตอนที่เย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 2 เฉินอ้าวเทียนสั่งหนานกงเฉินสังหารเย่เฟิง แต่เพราะเหตุผลบางประการจึงลงมือไม่สำเร็จ ต่อมาเย่เฟิงมาที่เมืองหลวงตัวคนเดียวและเข้าร่วมสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เติบโตภายใต้จมูกเขาเฉินอ้าวเทียน ระหว่างนั้นพวกเขาปะทะกันหลายครั้ง เขาก็ยังสังหารอีกฝ่ายไม่สำเร็จ กลับกันอีกฝ่ายสังหารผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉินไปไม่น้อย เื่นี้เป็ปมในใจของเฉินอ้าวเทียนมาตลอด ดังนั้นเขาจึง้าฆ่าเย่เฟิง หากเย่เฟิงยังอยู่ จิตใจเขาก็ไม่มีวันสงบ
“ถึงเ้าไม่พูด วันนี้ข้าก็จะตามหาเ้าเฉินอ้าวเทียน ศึกระหว่างเ้ากับข้าย่อมต้องเกิดขึ้น!” เย่เฟิงกล่าว ตอนนั้นที่เฉินอ้าวเทียนสั่งหนานกงเฉินให้สังหารเขาเย่เฟิง ทั้งสองก็เป็ศัตรูตัวฉกาจกันแล้ว สุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องตัดสินเฉกเช่นในวันนี้ ยิ่งกว่านั้นหลังจากเย่เฟิงเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เฉินอ้าวเทียนใช้วิธีต่ำทรามเพื่อลอบสังหารเย่เฟิงหลายครั้งหลายครา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เย่เฟิงเกลียดชังเฉินอ้าวเทียนและตระกูลเฉิน กล่าวได้ว่าไม่ตายไม่เลิกรา!
“วาจาโอหังนัก ข้าก็อยากเห็นว่าเ้าจะมีฝีมือสักแค่ไหน!” เฉินอ้าวเทียนกล่าวพลางยิ้มหยันมุมปาก จากนั้นพลังปราณปะทุออกจากร่างเขาพร้อมแสงเรืองรอง
“วูบ!” ผู้คนเห็นเฉินอ้าวเทียนเหยียดนิ้วไปทางเย่เฟิง ก่อนจะมีลำแสงถูกยิงออกมาแล้วตรงไปหาเย่เฟิงด้วยความเร็ว
ด้านล่างเวทีประลอง หนานกงหลิงซวงเผยสีหน้าสับสน สุดท้ายเฉินอ้าวเทียนกับเย่เฟิงก็ปะทะกัน ถึงนางจะไม่เกี่ยวข้องกับเย่เฟิงแล้ว แต่พอเย่เฟิงได้สู้กับเฉินอ้าวเทียนจริง ๆ นางกลับไม่อยากเห็นเย่เฟิงตายในน้ำมือของเฉินอ้าวเทียน ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เติบโตมาด้วยกัน บางความรู้สึกมิอาจลบเลือน แต่ดูเหมือนนางจะลืมไปว่า นางเคยเืเย็นกับเย่เฟิงมากแค่ไหน เพื่อแต่งเข้าตระกูลเฉินแล้ว นางถึงกับเห็นด้วยที่บิดาจะฆ่าเย่เฟิง
บัดนี้ศักยภาพของเย่เฟิงค่อย ๆ ถูกเปิดเผย ทั้งยังเมินใส่ตระกูลเฉิน ลึก ๆ แล้วในใจของหนานกงหลิงซวงรู้สึกเสียใจมาก ทำให้นางหวนนึกถึงความรักระหว่างนางกับเย่เฟิงในตอนแรก เื่เหล่านี้มิอาจย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงได้ แม้นางหนานกงหลิงซวงจะห่วงใยเย่เฟิง แต่ความรักที่พวกเขาเคยมีจะฟื้นกลับมาได้หรือ? เกรงว่าชาตินี้ก็ไม่มีทางกลับคืนมาได้
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น หอกัเงินประกายปรากฏในมือ ก่อนจะแทงหอกออกไป เพื่อต้านพลังดัชนีของเฉินอ้าวเทียน
เฉินอ้าวเทียนนั้นถูกขนานนามว่าเป็อัจฉริยะที่หาพบได้ยากแห่งอาณาจักรจ้าว ทั้งพร์และพลังไร้ซึ่งข้อกังขาใด ๆ อีกอย่างระดับการบ่มเพาะยังสูงกว่าเย่เฟิงมาก ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว
“เฉินอ้าวเทียนสู้กับเย่เฟิง นี่จ้านเทียนสู้กับอวิ๋นเจี๋ย รอบนี้เฉินอ้าวเทียนกับนี่จ้านเทียนคงจะเอาชนะสองคนนั้นและเข้าสามอันดับแรกได้แน่นอน” ผู้คนตาเป็ประกายขณะมองสองศึกตรงหน้า ศึกสามอันดับแรกแห่งงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต้องน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง นี่จ้านเทียนเดินไปที่ด้านหน้าอวิ๋นเจี๋ย แล้วมองด้วยสายตาโอหัง พลางกล่าวว่า “มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไสหัวไปอีก?”
ถ้อยคำของนี่จ้านเทียนยโสโอหังยิ่งราวกับว่าทุกอย่างควรเป็เช่นนี้ เขาให้อวิ๋นเจี๋ยไสหัวไป อวิ๋นเจี๋ยก็ต้องทำตาม
“กว่าอวิ๋นเจี๋ยจะมาถึงรอบห้าอันดับแรกไม่ง่าย นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกับนี่จ้านเทียน ดวงซวยเสียจริง!” ผู้คนคิดในใจ ก่อนหน้านี้อวิ๋นเจี๋ยเจอกับตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียน แต่อวิ๋นเจี๋ยเป็คนฉลาด จึงเลือกที่จะยอมแพ้อย่างไม่ลังเล ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าอวิ๋นเจี๋ยเป็คนขี้ขลาดตาขาว ทว่ารอบนี้อวิ๋นเจี๋ยเจอกับนี่จ้านเทียนอีกครั้ง อวิ๋นเจี๋ยคงยอมแพ้และอ้อนวอนนี่จ้านเทียน
“ฮ่า ๆ ๆ!” ตอนที่ผู้คนคิดว่าอวิ๋นเจี๋ยจะต้องพูดยอมแพ้อีกครั้ง กลับได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังออกมา
“คุกเข่าขอโทษข้าซะ แล้วข้าจะพิจารณาไม่ลงมือกับเ้า ว่าไง?” ผู้คนเห็นอวิ๋นเจี๋ยตาทอประกายคมกริบ สีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“เขาพูดว่าอะไรนะ หมอนี่บ้าไปแล้วหรือ? กล้าพูดกับนี่จ้านเทียนเยี่ยงนี้ได้อย่างไร รนหาที่ตายชัด ๆ!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตกตะลึง
“สวะอย่างเ้าจะให้ข้าคุกเข่าขอโทษเ้างั้นหรือ? ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม!” นี่จ้านเทียนกล่าวพลางเผยสีหน้าสนใจ
“ทำไม? ให้โอกาสแต่เ้ากลับไม่เห็นค่า ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้ากับข้ามาสู้กัน!”
อวิ๋นเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เปิดเผยพลังที่แท้จริง ทั้งยังยอมแพ้ตอนเผชิญหน้ากับตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียน ทำให้ผู้คนเห็นเขาเป็คนขี้ขลาด แต่บัดนี้อวิ๋นเจี๋ยหาใช่คนก่อนหน้านี้ไม่ กระทั่งบดบังความโอหังของนี่จ้านเทียนจนมิด
ทันใดนั้นพลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างอวิ๋นเจี๋ย อำนาจฟ้าดินมาที่กลางอากาศพร้อมสาดแสงโชติ่ ก่อนจะก่อตัวเป็ฝ่ามือแห่งอำนาจแล้วพุ่งโจมตีนี่จ้านเทียน
“อวิ๋นเจี๋ยคนนี้ลงมือโจมตีนี่จ้านเทียนตรง ๆ ข้าก็อยากเห็นว่าเขาจะตายอย่างไร!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวดูถูกขณะมองอวิ๋นเจี๋ยโจมตีนี่จ้านเทียน
นี่จ้านเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ฝ่ามือของอวิ๋นเจี๋ยยังมาไม่ถึง แต่เขาได้กลิ่นทะแม่ง ๆ จากฝ่ามือนั่น จู่ ๆ นี่จ้านเทียนเหวี่ยงหมัดโจมตีฝ่ามืออวิ๋นเจี๋ย ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ตอนนี้เองนี่จ้านเทียนรู้สึกว่าร่างตนถูกอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุม ความรู้สึกนั้นแทรกซึมยันกระดูกราวกับว่าจำกัดพลังของเขาที่จะสำแดงออกมา
อีกด้านหนึ่ง ศึกของเย่เฟิงกับเฉินอ้าวเทียนก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เห็นทั้งสองคนลอยตระหง่านกลางอากาศ ปลดปล่อยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทุกการปะทะล้วนะเืเลื่อนลั่นไปทั่วฟ้าดิน
“สวะ ไม่นึกว่าเ้าจะยังไม่ตาย!” แววตาของเฉินอ้าวเทียนเผยประกายเย็นเยือก รอบกายเขารายล้อมไปด้วยแสงแห่งการทำลายล้าง และทุกการโจมตีที่เขาปล่อยออกไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 ทั่วไปจะเทียบเคียงได้
“ตายซะเถอะ!” เฉินอ้าวเทียนแผดเสียงะโ พลันพลังทำลายล้างมารวมตัวที่ฝ่ามือเขา ก่อนจะปล่อยออกไปโจมตีเย่เฟิง
เย่เฟิงยกมือขึ้นต้านการโจมตีของเฉินอ้าวเทียน ก่อนจะถูกซัดกระเด็นและเืไหลออกมุมปาก
อาศัยระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า รวมถึงพลังควบคุมที่แข็งแกร่งกว่า เฉินอ้าวเทียนจึงกลายเป็ฝ่ายได้เปรียบ ทำให้เย่เฟิงได้รับาเ็เพราะฝ่ามือนี้
“ระดับการบ่มเพาะของข้าต่ำต้อย แม้ข้าจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังคงเป็ฝ่ายเสียเปรียบเมื่อประจันหน้ากับยอดฝีมืออย่างเฉินอ้าวเทียน” เย่เฟิงคิดในใจพร้อมดวงตาฉายแววเย็นเยือก หลังจากปะทะกันหลายรอบ ในที่สุดเย่เฟิงก็รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของเฉินอ้าวเทียน การป้องกันและการโจมตีล้วนทรงพลัง การควบคุมในศึกต่อสู้ก็ยังเหนือกว่าจนแทบไร้จุดอ่อน คนประเภทนี้เป็คู่ต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวจริง ๆ
“เฉินอ้าวเทียนแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้มาก เย่เฟิงคนนี้คงจะแพ้ในอีกไม่นาน เขาสู้กับเฉินอ้าวเทียนมาถึงจุดนี้ได้ก็ถือว่าน่าภาคภูมิใจแล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างคิดเช่นเดียวกัน
“ถ้าเย่เฟิงอยู่ระดับเดียวกับเฉินอ้าวเทียน บางทีอาจมีกำลังในการต่อสู้ แต่บัดนี้ยังขาดไปอีกมากโข” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนพึมพำ เหล่าผู้คนไม่ได้ปฏิเสธพร์ของเย่เฟิง เพียงแต่จุดอ่อนในเวลานี้คือระดับการบ่มเพาะ หากให้เวลาเย่เฟิงมากกว่านี้ บางทีเวทีนี้อาจเป็ของเขา แต่บัดนี้ยังไม่ใช่ สุดท้ายเขาก็มิอาจก้าวข้ามูเาลูกใหญ่อย่างเฉินอ้าวเทียนไปได้
“เ้าบื้อ เ้าต้องอดทนให้ได้!” ฉินเยียนหรานเผยสีหน้าเป็กังวล พร้อมกับพนมมือคล้ายภาวนาให้เย่เฟิง
“เ้าทนทายาดเสียจริง ดูซิว่าเ้าจะรับการโจมตีได้หรือไม่?”
เฉินอ้าวเทียนยืนตระหง่านกลางอากาศพร้อมร่างกายเปล่งแสงอย่างโชติ่ ก่อนจะปรากฏฝ่ามือั์แห่งการทำลายล้างบนฟากฟ้า กระทั่งปกคลุมทั่วทั้งเวทีประลองหมายบดขยี้ร่างเย่เฟิงให้แหลกเป็ผุยผง!