เขาตามล่าฆาตกร แต่เื้ัของฆาตกร กลับมีมือสังหารที่แข็งแกร่งกว่าซ่อนอยู่
“การล้างแค้นให้แม่ข้า เหตุใดถึงได้ยากเย็นเช่นนี้?” หลงหว่านชิงกล่าว พลางแสดงสีหน้าเศร้าหมอง
ไต้ซือหลิวเหนียนส่ายหน้าไปมา อย่างไร้ซึ่งหนทาง
“ข้าสามารถช่วยปิดบังท่านตาของเ้าได้ แต่คนผู้นี้กลับทำให้เื่ทุกอย่างยุ่งยากขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็ใคร ข้าก็จะแก้แค้นแทนเสี่ยวเยว่ให้ได้!” เว่ยเซิงเหรินพูดเสียงต่ำ
“แล้วศพของหลี่ฮ่าวหรานล่ะ จะทำอย่างไร?” หลงหว่านชิงเอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วแน่น
“ท่านถังจู่หลง ท่านผู้าุโ โปรดละเว้นศพของท่านผู้บัญชาการด้วยเถอะขอรับ บัดนี้ เขาก็ได้ตายไปแล้ว บุญคุณและความแค้นทั้งหมด ควรจะสิ้นสุดเสียที” ขณะนั้นเอง คนจากกองกำลังเฉินจีหยิงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ถลันเข้ามาหาพวกเขาเพื่อร้องขอ
คนเ่าั้คุกเข่าต่อหน้าหลงหว่านชิง พลางอ้อนวอนขอความเมตตาแทนหลี่ฮ่าวหราน
“ฆ่าพวกมันเสีย!” ผู้ฝึกตนรอบด้านต่างถลึงตาใส่ เห็นได้ชัดว่าโทสะของเขายังไม่เหือดหาย
ทว่า แม้ผู้ฝึกตนหลายคนจะะโอย่างเคียดแค้น แต่ก็ไม่มีใครพุ่งเข้าใส่เหมือนก่อนหน้านี้
คนของเฉินจีหยิงที่ยังคงมีชีวิตอยู่นั้น มีไม่ถึงร้อยคน บนร่างมีาแนับไม่ถ้วน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังคุกเข่าอ้อนวอน ขอความเมตตาแทนผู้เป็นาย ซึ่งกลายเป็ร่างไร้ิญญา นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
สีหน้าของหลงหว่านชิงราวกับกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไรดี
ไต้ซือหลิวเหนียนทอดถอนใจ ก่อนเอ่ยปาก “เอาละ! พวกเ้าเก็บศพของหลี่ฮ่าวหรานไปเถอะ จากนั้นจงส่งกลับไปยังหลี่เฉินจี และอธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจนด้วย ว่าหลี่ฮ่าวหรานถูกสังหารโดยมือมืดปริศนา”
“ขอรับ! ขอบคุณท่านไต้ซือหลิวเหนียน พวกเราจะนำคำพูดนี้ไปแจ้งโดยไว” คนของกองกำลังเฉินจีหยิงเกือบร้อยคน โขกศีรษะขอบคุณอย่างต่อเนื่อง
ท่านผู้บัญชาการหลี่?
หลายคนดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ตอนนี้หลี่ฮ่าวหรานได้ตายไปแล้ว และทุกคนก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้กับตัวเอง เพียงเพื่อร่างไร้ิญญาตรงหน้า
เหล่าผู้ฝึกตนค่อยๆ ถอยออกห่าง แล้วกลุ่มคนของเฉินจีหยิงก็นำท่อนไม้ขนาดใหญ่ออกมา ขุดผิวไม้จนกลายเป็โลงศพที่เรียบง่าย ก่อนจะใส่ศพไร้ศีรษะของหลี่ฮ่าวหรานและกระดูกแขนทั้งสองข้าง เข้าไปอย่างระมัดระวัง
พวกเขาวางหลี่ฮ่าวหรานไว้ในโลง ก่อนโค้งคำนับไต้ซือหลิวเหนียนอย่างนอบน้อม ตามด้วยการโค้งคำนับกู่ไห่ แล้วจะค่อยๆ ถอยออกไปด้านข้าง
ดวงตาของหลงหว่านชิงฉายแววไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก “เงื่อนงำขาดหายไปแล้ว เช่นนั้น ต่อไปเราจะตรวจสอบกันอย่างไร?”
แต่กู่ไห่กลับบอกว่า “ท่านถังจู่ หลังจากที่ติงรุ่ยตาย ข้าพบจดหมายของนาง แต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน อีกทั้งหลี่ฮ่าวหรานอาจจะมีเงื่อนงำอื่นอีกก็ได้ โปรดรอข้าตรวจสอบสักหน่อยเถอะ!”
พูดจบ กู่ไห่ก็เก็บเขตแดนป้องกัน พร้อมหยิบกล่องใบเล็กออกมา นี่เป็สมบัติของติงรุ่ย ที่มีจดหมายซ่อนอยู่ข้างใน แต่เขาไม่ได้เปิดอ่าน และเก็บเอาไว้อย่างดีจนถึงทุกวันนี้
“เอ๋?” ไต้ซือหลิวเหนียนรับกล่องมาถือไว้ พลางจ้องอย่างสงสัย
เนื่องจากหลี่ฮ่าวหรานตายไปแล้ว กำไลข้อมือของเขาจึงสามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย เพียงพริบตากู่ไห่ก็เข้าถึงช่องว่างมิติในนั้นแล้ว
เมื่อจิตสำนึกของเขาเข้าไปข้างใน จึงเห็นเรือเหาะของกองกำลังเฉินจีหยิง จากนั้นก็เป็หินิญญาชั้นสูงนับพันล้านก้อน และท้ายที่สุด ก็คือของจิปาถะต่างๆ ทั้งยา กับดัก ลูกศรสีทอง ดาบทอง และหยกั ล้วนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ทั้งสิ้น
ฟู่!
กู่ไห่หยิบหยกั พร้อมจดหมายนับสิบฉบับออกมา ทว่ามิได้เปิดออกอ่าน แต่กลับมอบให้ไต้ซือหลิวเหนียนแทน
“ถังจู่ หยกัของท่าน” กู่ไห่กล่าว ก่อนจะส่งของในมือให้
หลงหว่านชิงส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนเอ่ย “ตอนนั้น ที่ท่านแม่ของข้าตาย ก็เป็เพราะชีพจรันี้ได้ล่อหยกัมา ชีพจรัไร้ประโยชน์สำหรับข้า ดังนั้น เ้าเก็บหยกันี้ไว้เถอะ เพราะเ้าสมควรที่จะเก็บชีพจรัเอาไว้”
กู่ไห่จึงพยักหน้ารับอย่างไม่เกรงใจ
สำหรับของสะสมอื่นๆ ของหลี่ฮ่าวหราน เขาก็ไม่ได้หยิบออกมา แต่ยังคงเก็บเอาไว้ในที่เดิมของมัน
“หืม?” ไต้ซือหลิวเหนียนเลิกคิ้วทันที “จดหมายฉบับนี้?”
“มีอะไรหรือ?” หลงหว่านชิงถามด้วยความกังขา
“จดหมายทั้งสิบฉบับของหลี่ฮ่าวหราน เก้าฉบับนี้ไม่สำคัญ ทว่า มีเพียงฉบับเดียวที่ไม่มีการลงชื่อ ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆ มีเพียงประโยคเดียว แต่ข้ากลับคิดว่ามันแปลกพิกล” ไต้ซือหลิวเหนียนเอ่ยเสียงต่ำ
กู่ไห่เดินหลบไปด้านข้าง ราวกับไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น
“ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ ท่านไม่จำเป็ต้องหลบหลีก บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับท่านก็เป็ได้ ท่านไม่สามารถเลี่ยงหนีได้อีกแล้ว ท่านคงไม่อยากอ่านมันอย่างโจ่งแจ้งนักใช่หรือไม่?” ไต้ซือหลิวเหนียนพูด พลางยกยิ้ม
กู่ไห่ขมวดคิ้ว ก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พลางพยักหน้า
แต่หลงหว่านชิงกลับจดหมายเสียงดังเสียแล้ว “หลี่ฮ่าวหราน จุดหมายปลายทางของหลงหว่านชิงในคราวนี้ ต้องมีชีพจรัแน่นอน!”
จดหมายนี้มีทั้งหมดยี่สิบสามคำ เป็ถ้อยคำที่ไม่ต้องอธิบาย แต่กลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด
“ที่หลี่ฮ่าวหรานร้องขอท่านตา เพื่อตามมาช่วยปกป้องข้าตลอดการเดินทาง เป็เพราะจดหมายฉบับนี้เองหรือ? ผู้เขียนรู้จักข้าดีขนาดนี้ได้อย่างไร? นั่นคือมือมืดหรือ? และข้าก็น่าจะรู้จักเขาด้วย?” หลงหว่านชิงเอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วแน่น
“คุ้นลายมือบ้างหรือไม่?” กู่ไห่ถามกลับ
ไต้ซือหลิวเหนียนส่ายหน้าก่อนตอบ “ไม่รู้จักลายมือนี้ ทั้งยังจงใจเขียนขึ้นโดยใช้คำกึ่งทางการ”
“ท่านผู้นี้ช่างลายมือสะอาดสะอ้านเสียจริง” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“จดหมายของติงรุ่ยล่ะ?” หลงหว่านชิงถามกลับ พลางมองท่านไต้ซือหลิวเหนียน
ภิกษุชราเปิดซองจดหมายอย่างระมัดระวัง พลางจ้องจดหมายด้านในนิ่ง
“ไม่มีการลงชื่อ อีกทั้งลายมือก็ยังเหมือนกัน มีแค่ประโยคเดียว และใช้คำกึ่งทางการเช่นกัน” ท่านไต้ซือหลิวเหนียนตอบ ด้วยสีหน้าที่สับสน
“ติงรุ่ย จงร่วมมือกับหลี่ฮ่าวหราน เพื่อกวนน้ำให้ขุ่น[1]!” หลงหว่านชิงอ่านคำสิบสี่คำในจดหมายฉบับนี้ ก่อนที่ทุกคนจะตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง
“เช่นนั้น ติงรุ่ยคงจะรู้อะไรบางอย่าง แล้วศพของนางล่ะอยู่ที่ใด? พาข้าไปที่นั่นที” เว่ยเซิงเหรินพูดเสียงต่ำ
“กู่ฉิน เ้าพาคนกลุ่มหนึ่ง นำทางท่านเว่ยเซิงเหรินไปยังสุสานของติงรุ่ย!” กู่ไห่ที่กำลังถือหมากสีทองอยู่ในมือสั่งการ
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบรับ
แม้ว่ากู่ไห่จะมองไม่เห็นกู่ฉิน แต่คนภายนอกก็ยังสามารถเห็นกู่ไห่ได้เช่นเดิม
เว่ยเซิงเหรินไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เพียงก้าวเท้า ก็ออกจากกลหมากแห่งความตายไปได้อย่างน่าพิศวง
“เขาออกไปได้อย่างไร?” หลายคนแสดงความแปลกใจ
“เมื่อท่านเว่ยเซิงเหรินเข้ามาในโลกของหมากล้อม เหตุใดจึงไม่มีหมากเป็ร่างแยก?” กู่ไห่มองไต้ซือหลิวเหนียน พลางถามอย่างข้องใจ
ไต้ซือหลิวเหนียนฝืนยิ้ม ก่อนตอบ “เพราะว่าเขายังไม่เกิดอย่างไรเล่า ผู้ที่ยังไม่เกิด จึงไม่มีอยู่แต่แรก แล้วจะถูกนับรวมได้อย่างไร?”
“ยังไม่ได้เกิด? คล้ายกับทารกในครรภ์อย่างนั้นหรือ? คนที่ไม่มีตัวตน?” กู่ไห่แสดงความงุนงงผ่านทางสีหน้า
“ต่อไปเ้าก็จะรู้เอง ชีพจรของพวกเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่กลับเ็ปอยู่มากเช่นกัน... เฮ้อ!” ไต้ซือหลิวเหนียนส่ายศีรษะ
“แล้วตอนนี้ล่ะ มือมืดที่มีลายมือสะอาดเป็ระเบียบผู้นี้ เราจะสืบเสาะไปถึงตัวเขาได้อย่างไร?” หลงหว่านชิงถามด้วยความกังวล
ไต้ซือหลิวเหนียนขมวดคิ้ว
“บางที...” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น
“บางทีอะไรหรือ?” ไต้ซือหลิวเหนียนถามอย่างสงสัย
“ท่านสามารถตรวจสอบกระดาษเขียนจดหมายสองฉบับนี้ ว่าใช้วัสดุชนิดใด และผลิตจากที่ไหน เท่านี้ก็พอที่จะทำให้เรารู้ได้ ว่ามันมาจากที่ใด จริงหรือไม่?
นอกจากนี้ ในส่วนของลายมือนั่น ไม่ง่ายที่จะตรวจสอบ แต่ท่านสามารถตรวจสอบน้ำหมึกได้! ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ต้องลองดูสักหน่อย!” กู่ไห่กล่าว พลางถอนหายใจเล็กน้อย
“โอ้... จริงด้วย! ขอบคุณท่านหัวหน้าสังกัดวารี” ภิกษุชราตาเป็ประกายทันที เมื่อได้ยินคำแนะนำ
แม้จะมีการผลิตกระดาษขึ้นทั่วทุกพื้นที่ ทว่า วัสดุที่ใช้ย่อมจะมีความแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ จึงพอจะสืบสาวไปถึงสิ่งที่พวกเขา้าได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
“ท่านกู่ โปรดช่วยแก้กลหมากแห่งความตายได้หรือไม่? ท่านจะไม่ปล่อยพวกเราออกไปหรือขอรับ?”
“ใช่! ท่านกู่... ข้าไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว!”
ผู้คนมองชายหนุ่มอย่างคาดหวัง แม้เขาจะเอาชนะหลี่ฮ่าวหรานมาได้ แต่ทุกคนก็ยังกังวล ว่ากู่ไห่จะบ้าคลั่ง เหมือนเิไท่กับหลี่ฮ่าวหรานหรือไม่?
“พวกเ้าอยากออกไปข้างนอกหรือ?”
“ขอรับ!” ทุกคนพยักหน้า
“เช่นนั้น ก็เตรียมตัวกันเถอะ ข้าจะส่งพวกเ้าออกจากค่ายกล”
“อา? ขอบคุณท่านกู่!” พวกเขาต่างดีใจทันที
“ไม่ต้องเกรงใจ! ตอนนี้ผู้ควบคุมหมากทั้งสามประเภทล้วนเป็ข้า จึงสามารถปลดหมากได้ทุกเมื่อ” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
ขณะเดียวกัน ก็โบกมือขึ้น
ตูมๆ!
ทันใดนั้น สายลมแรงก็พัดพาทุกคนขึ้นไปบนท้องฟ้า รวมถึงพวกหลงหว่านชิงและไต้ซือหลิวเหนียนด้วย
“อ๊าก!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของทุกคน พลังสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า พาทุกคนทะยานขึ้นสู่เวหาอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา ก็ข้ามเขตแดนเมฆหมอกไปเสียแล้ว
ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ...!
ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้ออกจากกลหมากแห่งความตายสมดั่งใจปรารถนา และพากันลอยออกจากดอกโบตั๋นั์ ราวกับกลีบดอกไม้โปรยปราย
“อ๊า!”
“ฮ่าๆๆ”
“ท่านกู่... ขอบคุณท่านมาก!”
ผู้คนนับหมื่นร่วงหล่นลงพื้น พลางสูดลมหายใจลึก แล้วกล่าวขอบคุณกู่ไห่อย่างจริงใจ ความรู้สึกปีติยินดี ที่ตนสามารถรอดชีวิตจาก่เวลาอันโหดร้ายนี้ กำลังโลดแล่นอยู่ในใจของทุกคน
ตูมๆ!
ทุกคนล้มลง แม้ว่าบางคนจะได้รับาเ็ แต่ดีกว่าตายอยู่ข้างในนั้น
เมื่อพ้นโลกของหมากล้อมมาได้ ผู้คนต่างก็พากันถอยห่างจากดอกโบตั๋นั์อย่างรวดเร็ว
หลงหว่านชิงและองครักษ์ทั้งสาม ประคองไต้ซือหลิวเหนียน แล้วเหาะไปยังยอดเขาแห่งหนึ่ง
“เมื่อทุกคนออกมา หมากบนกระดานทั้งหมดก็หายไป.. เอ๋? ไม่สิ! ยังเหลืออีกสองเม็ด?” หลงหว่านชิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“หมากสีทองนั่นคือกู่ไห่ใช่หรือไม่? แต่หมากสีดำล่ะ คือใครกัน?” องครักษ์คนหนึ่งถามอย่างสงสัย
...
ในโลกของหมากล้อมแห่งความตาย
ทุกคนถูกส่งออกไปโดยกู่ไห่ รวมถึงกลุ่มคนของเฉินจีหยิงด้วย ตอนนี้จึงมีเหลือแค่คนเดียวที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
กู่ไห่ค่อยๆ เดินไปหาชายคนสุดท้าย ที่กำลังทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
“แค่กๆๆ! ฮ่าๆ! กู่ไห่… เ้าฆ่าข้าเถอะ!” เขาปาดคราบโลหิตข้างปาก ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ ดูแล้วน่าสมเพชนัก
“เิไท่!” กู่ไห่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“จงใจทิ้งข้าไว้คนเดียว? ข้ารู้ว่าเ้าจะไม่ปล่อยข้าไป” เิไท่เอ่ย ก่อนหัวเราะอย่างน่าเวทนา
“เ้ารู้หรือไม่? สิ่งที่ทำให้เ้ากลายเป็คนที่น่ารังเกียจสำหรับข้า คืออะไร? นั่นก็คือ เมื่อเ้า้าอะไรสักอย่าง แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา โดยไม่คำนึงถึงวิธีการอย่างไรเล่า! สำหรับข้าแล้ว มันช่างน่ารังเกียจนัก!” กู่ไห่หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ
“แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ข้าจะทำ แม้จะถึงวาระสุดท้าย ข้าก็ยังจะทำเช่นเดิม ไม่เปลี่ยน!” เิไท่กล่าว พลางยิ้มเยาะ
ตูม!
กู่ไห่ตบเข้าที่ศีรษะของเิไท่ด้วยฝ่ามือเดียว
“ฮึ่ม!”
เิไท่กลอกตาไปมา ก่อนจะสิ้นสติไป
กู่ไห่พลิกมือหยิบโลงศพออกมา แล้วโยนร่างของเขาเข้าไป หลังจากปิดฝาโลงศพแล้ว จึงโบกมือขึ้น
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น โลงศพก็ลอยออกจากหมากล้อมแห่งความตายไป
“กู่ฉิน เ้าจงดูแลโลงศพนี่ให้ดี!” กู่ไห่กำหมากสีทองในมือแน่น ก่อนกำชับบุตรชาย
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบรับ
-------------------------------------------
[1] กวนน้ำให้ขุ่น เป็คำเปรียบเปรย หมายถึงทำให้เกิดความวุ่นวาย สับสน เข้าใจผิด