สองแม่ลูกที่ถูกทิ้งเป็คนไร้ตัวตนจะทนไหวได้หรือ เวยฮูหยินจึงยอมเสียมารยาทเอ่ยแทรกการสนทนาเสียเอง “ดีจริง ๆ ที่คุณชายหยางกลับมาถึงวันนี้ พอดีว่าซีเอ๋อร์เพิ่งตัดเย็บเสื้อคลุมให้กับคุณชายหยางเสร็จ จึงนำมาฝากไว้กับองค์หญิงใหญ่น่ะ”
“ใช่เ้าค่ะ ข้าเพิ่งทำเป็ครั้งแรกฝีมืออาจไม่ค่อยดีนัก หวังว่าคุณชายหยางจะไม่ถือสา หากลวดลายที่ปักลงไปบนเสื้อคลุมไม่งดงามเ้าค่ะ” เวยหนิงซีกล่าวเสริมคำพูดของมารดา ถ้าเป็คนไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง คงชื่นชมท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานของนาง แต่ไม่ใช่กับหยางไท่ิ
“ในเมื่อรู้ตัวว่าฝีมือการทำไม่ดี เหตุใดยังกล้ามอบมันให้ข้าอีกเล่า ไม่ทราบว่าคุณหนูเวยอยากให้ข้ากลายเป็ที่ขบขัน ยามใส่เสื้อคลุมที่มีลายปักโย้ไปเย้มางั้นหรือ ข้าคงรับไว้ไม่ได้ท่านนำกลับไปเถิด ข้าไม่เคยสวมเสื้อคลุมฝีมือคนอื่น นอกเสียจากเสื้อคลุมที่ส่งมาจากวังหลวงเท่านั้น” หยางไท่ิไม่คิดผ่อนปรนคำพูด ที่ใช้ดูถูกงานเย็บปักของเวยหนิงซี
เวยหนิงซีรู้สึกเจ็บที่หัวใจเหลือเกินกับคำพูดของบุรุษที่นางแอบรัก “คุณชายหยา...”
เวยฮูหยินโกรธแค้นแทนบุตรสาว ที่ถูกหยางไท่ิพูดจาหักหาญน้ำใจต่อหน้า “คุณชายหยางใช้คำพูดรุนแรงไปกระมัง ท่านยังมิได้เปิดออกดูจะรู้ได้อย่างไรว่าซีเอ๋อร์ไม่มีฝีมือ”
อิ่นฮูหยินออกหน้าตำหนิแขกของมารดา ที่กล้าตำหนิความรู้ของผู้เป็น้องชายของตน “เวยฮูหยินคงยังไม่รู้กระมัง ว่าความชอบส่วนตัวน้องชายของข้า คือการค้นหาผ้าไหมชั้นเลิศและศึกษาลวดลายการปักผ้า ที่หาได้ยากของหัวเมืองต่าง ๆ ในแคว้นเป่ยชางของเรา แม้แต่กองภูษาในวังหลวงยามคิดลวดลายไม่ออก ยังต้องขอความช่วยเหลือจากน้องชายของข้านะ”
ขณะที่แขกของจวนและบุตรของเ้าของจวน กำลังถกเถียงกันอยู่่นั้นกลับมีคำถามเอ่ยสวนทางขึ้นมา “นี่ข้ายังเป็เ้าของจวนอยู่ใช่หรือไม่ เหตุใดแขกผู้มาเยือนถึงได้กล้าพูดจาดูถูกบุตรชายต่อหน้าของข้าได้นะ”
หยางไท่ิไม่้าให้มารดาต้องอารมณ์เสีย เขาจึงรีบพูดถึงของที่อยู่ในหีบไม้แทน “ท่านแม่อย่าได้หงุดหงิดกับเื่ไม่เป็เื่เลยนะขอรับ ท่านแม่กับพี่หญิงมาดูของฝากที่ข้าได้มาดีกว่า นอกจากจะเป็ผ้าไหมชั้นเลิศที่หาได้ยากแล้ว ยังมีถุงหอมที่ทำจากผ้าไหมทองคำด้วยนะขอรับ”
ขวับ! “หืม ิเอ๋อร์แม่ไม่ได้หูฝาดไปกระมัง เ้าบอกว่าถุงหอมทำจากผ้าไหมทองทำงั้นรึ? อย่าโกหกให้แม่ดีใจเก้อนะ ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าการทำผ้าไหมด้วยทองคำนั้นยากมากเพียงใด” องค์หญิงใหญ่เคยได้ยินเื่เล่ามาบ้าง แต่นั่นก็เป็เื่ของบรรพบุรุษเมื่อนานมาแล้ว
“นั่นสิน้องพี่ เ้าจะพูดปากเปล่าไม่มีหลักฐานไม่ได้เด็ดขาด ถ้าอยากให้พี่กับท่านแม่เชื่อที่เ้าพูด ก็นำมันออกมาให้พวกเราได้ดูตอนนี้มิดีกว่าหรือ” อิ่นฮูหยินเองก็หูผึ่งทันทีหลังได้ยินคำว่าผ้าไหมทองคำ
หยางไท่ิเห็นอาการตื่นเต้นของสตรีอันเป็ที่รักทั้งสอง มีความสนใจกับของฝากที่ตนเองนำมา จึงให้อู๋ซวนเปิดหีบไม้ที่วางอยู่ออกทันที และสิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้นถุงหอมทองคำที่วางอยู่้าสุด
“ท่านแม่เ้าคะ ิเอ๋อร์ไม่ได้โกหกนี่มันถุงหอมผ้าไหมทองคำจริง ๆ เ้าค่ะ!” อิ่นฮูหยินหันไปพูดกับมารดา เพราะนางไม่กล้าแตะถุงหอมที่อยู่ในหีบไม้ ด้วยเกรงว่าจะทำมันเสียหาย
หยางไท่ิเห็นท่าทางนิ่งค้างของมารดา เขาจึงก้มลงหยิบถุงหอมขึ้นมายืนไปทางมารดาเสียเอง “ท่านแม่ขอรับ ถุงหอมที่ทำจากผ้าไหมทองคำนี้ ในเมืองหลวงมีเพียงท่านแม่กับพี่หญิง อ้อ น่าจะมีฮูหยินของอิงกั๋วกงอีกคนที่มีนะขอรับ”
องค์ใหญ่รับของฝากจากบุตรชายมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา มิใช่ว่าไม่เคยเห็นทองคำแต่วันนี้มันต่างออกไป “โอ้ ิเอ๋อร์ลูกแม่เ้าได้สิ่งนี้มาจากที่ใดกัน ไหนจะผ้าไหมสีสดใสในหีบไม้นั่นอีก หากจะบอกว่าฝีมือผู้เป็เ้าของผ้าไหมนี้ สูงส่งกว่ากองภูษาในวังหลวงก็ไม่ผิดนัก”
อิ่นฮูหยินเห็นด้วยกับมารดาในข้อนี้ “จริงเ้าค่ะท่านแม่ ดูฝีเข็มที่ปักลวดลายแต่ละเส้นสิเ้าคะ ไม่มีขัดกับเส้นด้ายสีทองเลยสักนิด หากเสด็จย่าและเสด็จลุงได้ทอดพระเนตรละก็ คงมีพระกระแสรับสั่งให้คนไปตามเ้าของถุงหอม เดินทางมาเข้าเฝ้าเป็แน่เ้าค่ะท่านแม่”
หยางไท่ิรีบพูดสำทับถึงเ้าของผ้าไหมเพิ่มทันที “ท่านแม่ขอรับเ้าของผ้าไหมทองคำ และผ้าไหมพับอื่น ๆ ที่งดงามเหล่านี้ ข้ากับอาฮ่าวบังเอิญได้พบที่เมืองผู่เถียน ซึ่งเ้าของเป็ครอบครัวเล็ก ๆ ที่บิดามารดามีความสามารถด้านการปักผ้า นอกจากนี้บุตรสาวทั้งสองคนของพวกเขา ยังมีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันด้วยขอรับ”
“หืม ฮวาเอ๋อร์สงสัยวันนี้ที่เมืองหลวงจะเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ หรือไม่ อยู่ดี ๆ น้องชายของเ้าก็พูดถึงสตรีด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แม่รู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้สิฮวาเอ๋อร์” องค์หญิงใหญ่เลี้ยงบุตรทั้งสองด้วยตนเอง จะรู้สึกผิดสังเกตจากน้ำเสียงและแววตา ยามที่พูดคำว่าบุตรสาวทั้งสองคนนั้น ได้แตกต่างจากการพูดถึงสตรีในเมืองหลวง
อิ่นฮูหยินหรือชื่อของนางก่อนออกเรือนคือหยางจวี๋ฮวา ย่อมเห็นด้วยกับมารดาเพราะนางเองยังคิดว่าน้องชาย ไม่เป็ตัวของตัวเองเท่าที่ควร “เอ๊ะ! หรือว่าการเดินทางของิเอ๋อร์ครั้งนี้ ท่านแม่จะได้ว่าที่ลูกสะใภ้กับเขาบ้างแล้วกระมังเ้าคะ คิ ๆ ๆ พี่พูดถูกหรือไม่ิเอ๋อร์?”
ครอบครัวหยางกำลังมีความสุข แต่กลับมีเสียงมารมาขัดให้เสียเื่จนได้ เวยหนิงซีเหมือนถูกมีดแทงที่หน้าอก เมื่อสามคนแม่ลูกพูดถึงเื่ว่าที่ลูกสะใภ้ “อิ่นฮูหยินกล่าวผิดแล้วกระมังเ้าคะ คุณชายหยางฐานะสูงส่งเช่นนี้บุตรสาวพ่อค้าไม่คู่ควรกับคุณชายหรอกเ้าค่ะ แต่บางทีคุณชายอาจให้ตำแหน่งอนุภรรยากับนางได้ ส่วนตำแหน่งที่สูงกว่านั้นคงไม่เหมาะสมนะ..”
ฟืดดด “แล้วคุณหนูเวยมีสิทธิ์อันใด เข้ามาวุ่นวายเื่ส่วนตัวของข้าผู้นี้หรือ เป็บุตรสาวพ่อค้าแล้วอย่างไร ในเมื่อข้าก็ทำการค้าขายเช่นเดียวกับครอบครัวของนาง เหอะ คิดว่าตนเองเป็บุตรสาวขุนนาง แล้วจะอยู่เหนือกว่าผู้ใดถึงได้ใช้วาจาหยาบคาย ดูถูกการงานอาชีพของผู้อื่นว่าต่ำต้อย เหตุใดไม่ย้อนมองดูตัวท่านเองบ้าง
นอกจากเรียนศาสตร์ทั้งสี่แล้ว ก็รู้จักแค่แต่งหน้าทาปากคิดว่าตัวเองงดงามมากกระนั้นหรือ เงินทองที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็มิได้หาด้วยตนเอง กลับทำท่าทางภูมิใจเสียเหลือเกิน คุณหนูเวยท่านว่าบุตรสาวพ่อค้าไม่เหมาะสมกับข้า แล้วผู้ใดที่เหมาะสมอย่าบอกนะว่าเป็ท่าน?
ข้าจะบอกอะไรให้นะคุณหนูเวย ตระกูลหยางกับตระกูลเวยไม่มีวันเกี่ยวดองกัน อย่ามัวเสียเวลามาที่จวนแห่งนี้อีกจะดีกว่า รบกวนเวยฮูหยินกลับไปบอกสามีของท่านด้วย ลับหลังแอบทำสิ่งใดไว้อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ หากยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจ วันหนึ่งข้างหน้าราชโองการปะาเก้าชั่วโคตร อาจจะตกลงบนหัวตระกูลเวยของท่านก็เป็ได้
ถ้าไม่มีธุระอันใดแล้วเชิญพวกท่านกลับไปเถิด ข้าไม่อยากพูดเื่ส่วนตัวให้คนนอกได้รับฟังสักเท่าใด มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นนะ คงมิได้ความจำเสื่อมจนหาทางกลับไม่เจอ หากเป็เช่นนั้นบ่าวไพร่ของข้าต้องหยุดงานในมือ แล้วเดินนำทางให้พวกท่านอีกเสียเวลาจริง ๆ” หยางไท่ิร่ายยาวไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโต้แย้ง พร้อมไล่สองแม่ลูกออกจากจวนอย่างโจ่งแจ้ง
เวยหนิงซีหน้าม้านนางรู้สึกอับอายมาก ที่ถูกหยางไท่ิเหยียดหยาม แม้จะส่งสายตาน่าสงสารไปทางองค์หญิงใหญ่ แต่สิ่งที่นางเห็นคือองค์ใหญ่มิได้สนใจสิ่งรอบตัว เพราะเอาแต่พูดคุยกับบุตรสาวเื่ผ้าไหม เวยหนิงซีร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่ไม่มีเสียงสะอึกสะอื้นให้ได้ยิน
เวยฮูหยินที่ฟังคำพูดคล้ายกับคำเตือนกลาย ๆ จากปากของหยางไท่ิ นางเริ่มรู้สึกว่าบุตรชายของเสนาบดีหยาง ต้องรู้อันใดที่เกี่ยวกับงานของสามีนางเป็แน่ จากที่มีอารมณ์โกรธเคืองยามนี้กลับกลายเป็ความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแทน
“ซีเอ๋อร์กลับจวนของเรากันเถิด ไว้แม่จะหาบุรุษที่ดีให้เ้าได้แต่งอย่างสมเกียรติเอง หม่อมฉันและบุตรสาวทูลลาเพคะองค์หญิง”
“......”
หลังจากสองแม่ลูกตระกูลเวยพ้นประตูไปแล้ว หยางไท่ิจึงลองหยั่งเชิงมารดาของตน เื่ฐานะของสตรีที่จะแต่งเข้ามาเป็ลูกสะใภ้ “ท่านแม่ขอรับ ท่านคิดอย่างไรกับคำพูดของเวยหนิงซี เกี่ยวกับสตรีที่เป็บุตรสาวของพ่อค้าหรือขอรับ”
องค์หญิงใหญ่จ้องมองดวงตาของบุตรชาย ซึ่งบ่งบอกว่า้าคำตอบที่จริงจังเท่านั้น “อันใดกันิเอ๋อร์ เมื่อครู่ยังพูดเสียยาวเหยียดเื่ฐานะ ทำไมถึงถามความเห็นของแม่เอาตอนนี้เล่า หรือว่าเป็อย่างที่พี่สาวของเ้าพูด สตรีหนึ่งในสองคนบุตรสาวเ้าของผ้าไหมนี้ คือคนที่เ้าอยากแต่งนางมาเป็ฮูหยินน้อยของตระกูลหยางสินะ”
หยางไท่ิทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เมื่อมารดาคาดเดาความคิดของเขาได้ถูกต้อง “ฮื้อ ท่านแม่ละก็ท่านทำข้าพูดไม่ออกแล้วนะขอรับ แต่ข้ายอมรับว่านางเป็สตรีที่น่าค้นหา มิใช่สตรีที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ แต่ไม่ได้แข็งกระด้างไร้การอบรมสั่งสอนมารยาท นอกจากนางจะเก่งเื่การค้าแล้ว เื่การต่อสู้ฝีมือของนางถือว่าไม่เป็รองข้าเสียด้วยซ้ำ บุรุษบางคนอาจไม่ชอบสตรีที่ฉลาด นั่นเป็ความคิดที่ล้าหลังมากขอรับท่านแม่”
“นางต่อสู้เป็ด้วยหรือิเอ๋อร์ ที่สำคัญเ้าก็ยอมรับว่าฝีมือของนาง สามารถต่อกรกับเ้าได้อีกด้วย!” เื่นี้สร้างความประหลาดใจให้องค์หญิงใหญ่อย่างมาก
“ใช่แล้วขอรับท่านมะ..”
ก่อนหยางไท่ิจะพูดจบกลับมีเสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นขัดขวางการสนทนาเสียอย่างนั้น “สตรีจากจวนไหนกันที่ฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกับเ้าได้ อาิเ้าช่วยเล่าใหม่อีกครั้งสิข้าฟังไม่ทัน”
ผู้เป็บุตรชายถึงกับกลอกตามองบน พร้อมถอนหายใจเสียหนึ่งที ยามที่เขาอยู่กับมารดาทีไร บิดามักจะกลับมาได้จังหวะเสียทุกครั้ง “ท่านแม่ชายบำเรอของท่านช่างมาได้ถูกเวลาเหลือเกิน เอาเป็ว่าข้างกายข้าต้องเป็นางเท่านั้น ตอนนี้ข้าต้องขอตัวกลับเรือนก่อนขอรับ กลางดึกยังต้องเข้าเฝ้าเสด็จลุงเกี่ยวกับนักโทษที่จับตัวกลับมา พรุ่งนี้เช้าข้าจะมารับสำรับเช้ากับท่านแม่นะขอรับ”
เสนาบดีหยางผู้เป็ไม้เบื่อไม้เมากับบุตรชาย ที่หวงมารดากับพี่สาวั้แ่เริ่มเดินได้ เขาทันได้ยินเกี่ยวกับฮูหยินน้อยตระกูลหยาง แต่ยังไม่รู้รายละเอียดมากนักอยากจะถามดูเสียหน่อย เ้าบุตรชายตัวดีกลับเดินสวนทางออกไป ด้วยการเชิดหน้าไม่มองผู้เป็บิดา
“ฮึ..”
“จะ จะ เ้าลูกคนนี้นี่พอข้ากลับมา ก็รีบเดินหนีกลับเรือนเสียอย่างนั้น ฮึ่ย! เมียจ๋าดูเ้าลูกชายตัวดีสิ ไม่ยอมอยู่เล่าเื่การเดินทางให้สามีฟัง เมียจ๋าต้องลงโทษเ้าลูกชายหน้าเหม็นให้สามีนะ”
องค์หญิงใหญ่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับพ่อลูกคู่นี้จริง ๆ ชอบเย้าแหย่กันไปมาได้ทุกครั้งที่เจอหน้าสิน่า “ถ้าท่านพี่ให้ข้าลงโทษิเอ๋อร์ เช่นนั้นเื่ว่าที่ลูกสะใภ้ท่านพี่ก็ไม่อยากรู้แล้วน่ะสิ งั้นข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้ชิ่งหลี..”
“หยะ หยะ อย่าลงโทษลูกเลยนะเมียจ๋า ิเอ๋อร์ก็แค่แกล้งเล่น ๆ ไปอย่างนั้นไม่ได้จริงจังอันใด ว่าแต่เมียจ๋าจะเล่าถึงว่าที่ลูกสะใภ้ได้หรือยังเล่า แหะ ๆ ๆ”
อิ่นฮูหยินไม่อยากอยู่เป็ก้างขวางคอบิดามารดา นางจึงขอตัวกลับจวนพร้อมถุงหอมทองคำหนึ่งใบ และผ้าไหมชั้นเลิศอีกสามพับ ส่วนเื่น้องสะใภ้นางเชื่อว่าหยางไท่ิ ย่อมมีวิธีพามาทำความรู้จักคนในครอบครัวแน่นอน
