หยางฮั่นร่วงพื้น ดวงตาว่างเปล่าไร้ประกาย ราวกับชั่วขณะนี้ เขาถูกสูบพลังทั่วร่างไปจนหมดแล้ว
เพิ่งเริ่มต่อสู้ก็ถูกกำราบ
เขาต้านรับเฉินเซียวไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
การต่อสู้ครั้งนี้นำความอัปยศมาสู่ตระกูลหยาง
เพราะเื่นี้เขายื่นหน้าไปให้เฉินเซียวชกเอง คิดถึงตรงนี้ หัวใจของหยางฮั่นยิ่งเดือดดาล กระอักโลหิตจากปาก ไอไม่หยุด เหมือนาเ็หนัก
เซียวเฉินมองเขาแล้วเอ่ยช้าๆ “หยางฮั่น เ้าเคยบอกว่า พวกเราสู้กันเพื่อคลี่คลายบุญคุณความแค้น หวังว่าเ้าจะรักษาสัจจะ พูดได้ทำได้ มิใช่ข้าเกรงกลัวตระกูลหยางของเ้า หากตระกูลหยางของพวกเ้ายังมีคนมายั่วยุข้าอีก ต่อให้เป็เมืองหลวง ข้าก็ไม่ยั้งมือ หากาเ็ล้มตายจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น!”
คำพูดอหังการและเหิมเกริมสะท้านจิตใจของหยางฮั่น
แม้หยางฮั่นจะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ก็จนปัญญา เขาแพ้แล้ว หากยังไร้สัจจะอีก ก็มีแต่จะทำลายชื่อเสียงของตระกูลหยาง
ดังนั้น หยางฮั่นจึงกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าพูดได้ทำได้ นับจากนี้ไป ระหว่างเ้ากับตระกูลหยางไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกันอีก” ว่าแล้วก็พาคนจากไป ฉู่หยวนที่อยู่ด้านข้างก็มีใบหน้ายิ้มแย้ม
“สหาย เยี่ยมมาก!”
ฉู่หยวนหัวเราะลั่น “ต่อยได้ดี เรียกได้ว่าความสามารถอย่างเ้าอยู่ในกลุ่มอิทธิพลใดก็เป็อัจฉริยะอันหาได้ยาก!”
เซียวเฉินยิ้ม
“ข้ารักอิสรเสรีและไม่ชอบการผูกมัดจนเคยชินเสียแล้ว” คำพูดนี้ของเซียวเฉินปฏิเสธการชักชวนเป็นัยของฉู่หยวนทางอ้อม เขาไม่ชอบอยู่ใต้ชายคาบ้านของคนอื่นและถูกคนอื่นควบคุม ดังนั้น เขาจึงไม่คิดที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มอิทธิพลใดๆ
ฉู่หยวนยิ้ม “สหายเป็คนพูดตรงๆ ทำให้ข้านับถือนัก”
คนทั้งสองเดินเคียงกันไป
พวกเขามาถึงคฤหาสน์อันหรูหราแห่งหนึ่ง คฤหาสน์กินพื้นที่ร้อยฉิ่ง [1] โอ่อ่าอลังการ ถึงขั้นเอ่ยโดยไม่คุยโวได้ว่าคฤหาสน์หลังนี้เปรียบได้กับวังหลวงขนาดย่อมๆ
เห็นได้ถึงอำนาจและอิทธิพลของคนตระกูลนี้
มีอักษรขนาดใหญ่สีทองสุกปลั่งบนป้ายเหนือคฤหาสน์สองตัวเขียนว่า ‘จวนฉู่’
ที่นี่คือบ้านของฉู่หยวน!
เซียวเฉินในิดๆ แม้เตรียมใจไว้แล้วว่าตระกูลที่ทำให้ตระกูลหยางเกรงกลัวได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลฉู่จะทรงอำนาจถึงเพียงนี้
“ท่านลุงคัง ข้ากลับมาแล้ว”
ฉู่หยวนะโเรียกในคฤหาสน์ลั่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอยู่นอกประตู ไม่นานนัก ประตูใหญ่ก็เปิดออก มีบุรุษวัยกลางคนเดินออกมา อายุประมาณสามสิบปี แต่กลับมีความสามารถขั้นเสวียนเต๋า เมื่อเห็นฉู่หยวน ดวงตาก็มีรอยยิ้ม
“หยวนเอ๋อร์” คังเจิ้งหลงเรียกและเข้ามารับหน้า
คังเจิ้งหลงเป็ผู้ดูแลของตระกูลฉู่และเป็คนสนิทของท่านพ่อฉู่หยวน จงรักภักดีต่อตระกูลฉู่ อุทิศชีวิตเพื่อตระกูลฉู่ได้ ไร้บุตรไร้ภรรยา เห็นฉู่หยวนมาั้แ่เล็กจนโต แม้เป็นายกับบ่าว แต่ตระกูลฉู่ไม่เคยเห็นเขาเป็คนนอก ส่วนเขาก็รักฉู่หยวนเหมือนบุตรชายแท้ๆ
แม้เขากับฉู่หยวนจะไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ แต่ก็เป็เหมือนพ่อลูก
ท่านพ่อของฉู่หยวนเห็นคังเจิ้งหลงโดดเดี่ยวทีไรก็จะรู้สึกผิด เขาเคยบอกกับฉู่หยวนว่า ให้กตัญญูต่อคังเจิ้งหลงเสมือนบิดา ดังนั้น นอกจากท่านพ่อและท่านปู่แล้ว คังเจิ้งหลงจึงเป็คนที่ได้รับความเคารพที่สุดในตระกูลฉู่
ไม่ได้เจอกันเสียนาน คนทั้งสองจึงใกล้ชิดเป็พิเศษ
“ท่านลุงคัง นี่คือสหายของข้า เฉินเซียว” ว่าแล้ว ฉู่หยวนก็แนะนำเซียวเฉินให้คังเจิ้งหลงรู้จัก
ใบหน้าของเซียวเฉินมีรอยยิ้ม
“ผู้เยาว์เฉินเซียว คารวะท่านลุงคัง” เซียวเฉินเอ่ยอย่างเคารพ เขามองแวบเดียวก็ดูความสามารถของท่านลุงคังออกแล้ว ถึงกับเป็ขั้นเสวียนเต๋า จึงรู้จักตระกูลฉู่มากขึ้น แค่ผู้ดูแลยังเป็ผู้เข็มแข็งขั้นเสวียนเต๋า แล้วท่านพ่อของฉู่หยวนจะมีความสามารถขั้นใด?
หรือว่าขั้นยุทธ์์!
เซียวเฉินคิดถึงตรงนี้ ในใจก็เกิดระลอกคลื่น
ตระกูลฉู่สมเป็ตระกูลอันดับหนึ่งนอกเหนือจากราชวงศ์!
พยัคฆ์ซุ่มัซ่อน เื้ัไม่ธรรมดาจริงๆ
คังเจิ้งหลงเห็นเซียวเฉิน ดวงตาก็เป็ประกายทันที ตบบ่าฉู่หยวน จากนั้นยิ้มกล่าว “สหายของเ้ายอดเยี่ยมมาก”
“แน่นอน ไม่ดูเสียบ้างว่าเป็สหายของใคร”
ฉู่หยวนยิ้ม คนทั้งสามเข้าไปในตระกูลฉู่พร้อมกัน
ระหว่างทาง คังเจิ้งหลงได้สนทนากับเซียวเฉินอยู่บ้าง เขารู้ว่าเซียวเฉินไม่ใช่คนแคว้นเยี่ยแต่เป็คนของแคว้นชางหวง มาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์และได้คบหากับฉู่หยวน คนทั้งสามสนทนากันอย่างยิ้มแย้ม
“คุณชายเฉิน ให้หยวนเอ๋อร์จัดการเื่ที่พักของเ้า ส่วนที่เหลือหาก้าอะไรก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ อยู่ในตระกูลฉู่ให้อิสระ” คังเจิ้งหลงยิ้มกล่าว ความสำคัญของเขาในตระกูลฉู่เรียกได้ว่าเป็รองแค่ท่านพ่อของฉู่หยวนซึ่งเป็ประมุขของตระกูลฉู่ที่มีตำแหน่งสำคัญสูงสุด
เซียวเฉินอมยิ้ม “อืม รบกวนท่านลุงคังแล้ว”
คังเจิ้งหลงออกไป ทิ้งฉู่หยวนและเซียวเฉินไว้ในห้องว่าง
“เป็อย่างไรสหาย ตระกูลข้าน่ามาอยู่ด้วยสินะ”
ฉู่หยวนหัวเราะหึหึ มองเซียวเฉิน และเอ่ยอย่างโอ้อวดสุดๆ
เซียวเฉินยิ้ม
“ใช่ ใช่มากๆ คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเป็ทายาทรุ่นที่สอง...”
ฉู่หยวนได้ยินคำพูดของเซียวเฉินก็อดภาคภูมิใจไม่ได้
“แน่นอน ไม่ดูเสียบ้างว่านี่บ้านของใคร ขอพูดอย่างไม่เกรงใจ ในแคว้นเยี่ย แม้แต่ราชวงศ์ของแคว้นเยี่ยยังต้องให้เกียรติตระกูลฉู่เราสามส่วน นอกจากเชื้อพระวงศ์และสำนักก้งเฟิ่งแล้ว ตระกูลฉู่เราคือตระกูลอันดับหนึ่งในแคว้นเยี่ย”
ฉู่หยวนเอ่ยอย่างภาคภูมิ
“เ้าเป็สหายข้า ของข้าก็คือของเ้า ถึงอย่างไร ตอนนี้เ้าก็ไม่มีที่อยู่ เ้าก็อยู่ที่บ้านข้า ้าอะไรก็บอกข้ามาได้เต็มที่”
เซียวเฉินยิ้มขื่น
เ้าหมอนี่พูดตรงเกินไปแล้ว...
แต่เขามีเื่ต้องถามฉู่หยวน
“ฉู่หยวน ข้ามีเื่ต้องถามเ้า” เซียวเฉินยิ้มกล่าว “ข้ายังเข้าใจแคว้นเยี่ยไม่กระจ่างนัก เ้าช่วย...”
เซียวเฉินยังเอ่ยไม่จบ จู่ๆ ก็มีสาวน้อยคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
สาวน้อยคนนั้นอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี เติบโตเป็สาวงามอรชรแล้ว วงพักตร์พิลาสล้ำเข้ากับเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ ทำให้สาวน้อยแผ่ซ่านเสน่ห์ออกมาจางๆ
“พี่ ท่านกลับมาแล้ว”
ฉู่เยียนหรานโผใส่อ้อมอกของฉู่หยวนด้วยความยินดีเหลือจะกล่าว
ฉู่หยวนมองน้องสาวในอ้อมอก ใบหน้าแกร่งกร้าวพลันมีรอยยิ้มอ่อนโยนรักใคร่อย่างหาได้ยาก น้องสาวของเขาคนนี้มิเพียงเป็ดวงใจของบิดามารดาเท่านั้น แต่ยังเป็สิ่งล้ำค่าของเขาด้วย ตอนเขาออกจากบ้าน นางยังเป็เด็กน้อยอยู่ บัดนี้โตเป็สาวงามแล้ว
“คิดถึงพี่หรือ?” ฉู่หยวนแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน
ฉู่เยียนหรานผงกศีรษะ ยิ้มกล่าว “แน่นอน ท่านลุงคังบอกว่าท่านกลับมาแล้ว ข้าก็รีบมาหาท่านเลย” สาวน้อยเอ่ยถึงตรงนี้ก็ยื่นมือออกมา
“ได้นำของขวัญมาให้ข้าหรือไม่”
ฉู่หยวนมองดวงตาโตเป็ประกายของฉู่เยียนหรานก็หัวเราะเก้อๆ “หึหึ เ้าก็น่าจะรู้นิสัยพี่ว่าจิตใจหยาบกระด้าง...ดูสิ...”
“เช่นนั้นก็ไม่มีน่ะสิ” สาวน้อยทำปากยื่น ใบหน้าเล็กๆ มีสีหน้าไม่ยินยอม บ่นอุบ “คนเลว ไม่คิดถึงข้าสักนิด เสียทีที่ข้าคิดถึงท่าน ฮึ ข้าจะไม่คิดถึงท่านแล้ว...”
เซียวเฉินที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพนี้ก็ยิ้มอย่างอบอุ่นหัวใจ เขาปรารถนาภาพตรงเบื้องหน้ามาั้แ่เล็ก แต่ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีทางได้มา เพราะเขาไม่มีบ้านแล้ว
“พี่ชายเ้าเตรียมของขวัญไว้ให้แล้ว แต่ฝากไว้ที่ข้าและลืมไปเท่านั้น” เซียวเฉินยิ้มกล่าว
เอ่ยจบก็นำกล่องสองกล่องออกมาจากด้านหลังเหมือนเล่นมายากล แม้ไม่ได้เปิดกล่องแต่กลับมีกลิ่นหอมประหลาดออกมา ทำให้คนรู้สึกสดชื่น คาดว่าไม่ใช่สิ่งของธรรมดา
“นี่คือของขวัญที่พี่ชายเตรียมไว้ให้เ้า” ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ยื่นกล่องในมือซ้ายให้ฉู่เยียนหราน จากนั้นกล่าวว่า “นี่คือหยกหงสา มีเปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาฝังอยู่ สวมไว้บนร่างจะมีส่วนช่วยในการฝึกวิชา ทั้งยังสามารถสยบสัตว์ปิศาจต่ำกว่าระดับแปดได้ พี่ชายเ้าให้ไว้ใช้ป้องกันตัว”
ฉู่เยียนหรานเปิดกล่อง หยกประดับสีเขียวมรกตทั้งชิ้นปรากฏขึ้นต่อหน้า เหมือนมีของเหลวไหลเวียนในเนื้อหยก เปล่งประกายแสงสีแดงม่วงจางๆ งดงามอย่างประหลาด
ฉู่เยียนหรานชอบใจสุดๆ สวมหยกประดับลงบนร่างทันที นางรู้สึกได้ว่ากระแสอบอุ่นขุมหนึ่งไหลเวียนไปทั่วร่าง รู้สึกสบายจนบอกไม่ถูก
“ขอบคุณพี่ชาย ข้าชอบมาก”
ฉู่หยวนที่อยู่ด้านข้างย่อมรู้ว่าเซียวเฉินช่วยแก้ปัญหาให้ตน จึงมองเขาด้วยสายตาซาบซึ้งใจแล้วลูบศีรษะของฉู่เยียนหราน
“ชอบก็ดีแล้ว”
ว่าแล้ว ฉู่หยวนก็แนะนำฉู่เยียนหรานว่า “เยียนหราน นี่คือสหายของพี่ ชื่อว่าเฉินเซียว”
ฉู่เยียนหรานยิ้มเผยเขี้ยวเล็กๆ ออกมาสองซี่ให้เซียวเฉิน
“เป็พี่ชายตัวน้อยที่หล่อมาก” ว่าแล้วนางก็ถาม “พี่ชายตัวน้อย นี่คืออะไรหรือ?”
ว่าแล้วก็มองกล่องอีกใบในมือของเซียวเฉินด้วยสายตาวาดหวัง
---
[1] ฉิ่ง คือ หน่วยวัดพื้นที่ 1 ฉิ่ง มีค่า 6.6667 เฮกตาร์ หรือ 66,667 ตารางเมตร