แสงเสวียนกะพริบบนร่างของเซียวเฉินดุจแสงดาวตกวาบผ่านแผ่นดิน ความเร็วนั้นไปไกลถึงพันหลี่ในชั่วพริบตา แต่ก็มีเงาร่างหลายสิบสายแหวกอากาศมาด้านหลังในชั่วอึดใจ สัตว์ปิศาจคำรามดังสะท้านฟ้าะเืดิน อานุภาพของสัตว์ปิศาจแผ่ไพศาลทั่วผืนปฐี เหยียบย่ำอย่างทารุณ ไฟาคละคลุ้ง
ฟุ่บฟุ่บ!
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็กระบวนท่าที่สี่ในคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ของเซียวเฉิน
และเป็กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด อัสนี์ทัณฑ์เทพฟาดเปรี้ยงลงจากฟ้าไม่หยุด พยายามจะถ่วงเวลาระยะหนึ่ง แต่กลับไม่เป็ผล
พริบตาก็ถูกกองทัพผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าโจมตีสลาย
“สังหาร!”
ผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าในกองทัพมีสีหน้าเ็า ไร้อารมณ์ความรู้สึก ปราณแห่งการเข่นฆ่าพวยพุ่ง
เซียวเฉินกัดฟันพาฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เขาผ่อนไม่ได้สักนิด เพราะสิ่งที่เขาเผชิญหน้าคือกองทัพของผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋า เลินเล่อเพียงเล็กน้อย ไม่เพียงเขาเท่านั้นที่ต้องจบชีวิต แต่ยังทำให้ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานเดือดร้อนไปด้วย
นี่คือเื่ที่เซียวเฉินไม่อยากเห็น
และไม่อนุญาตให้เกิดเื่แบบนี้ขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น เซียวเฉินถึงขั้นคิดจะเอาสองพี่น้องไปไว้ในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง จากนั้นสู้ตายกับกองทัพ
แต่เงื่อนไขในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขาออกห่างจากฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานเพียงครึ่งก้าว สองพี่น้องจะมีอันตรายถึงชีวิต หากเขาจากไปจริงๆ ผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าคนเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารสองพี่น้องได้แล้ว
เพราะระดับขั้นแตกต่างกันมากเกินไป!
เื่นี้คือจุดตายของพวกเขาทั้งสามคน!
“พี่ใหญ่เฉิน ปล่อยข้าเถอะ” ฉู่เยียนหรานน้ำตาคลอ น้ำเสียงสั่นเครือ มิใช่หวาดกลัว แต่ไร้ความเกรงกลัว
“ท่านไปกับพี่ชายเถอะ พาภาระอย่างข้าไปด้วย…” ฉู่เยียนหรานยังเอ่ยไม่จบ เซียวเฉินก็ตวาดนาง
“หุบปาก พวกเ้าห้ามพูดอีก ข้าเคยบอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งใครทั้งนั้น มีความหวังเพียงเล็กน้อยข้าก็จะไม่ถอดใจ หากจะตายข้าก็ตายต่อหน้าพวกเ้า เพราะพวกมันมุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียว”
ดวงตาของเซียวเฉินเต็มไปด้วยเส้นเื เพราะเกินขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่กองทัพทางด้านหลังก็ยังมีคนหนึ่งโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไล่ตามมาไม่ยอมเลิกรา เซียวเฉินและฉู่หยวนคุ้มครองฉู่เยียนหรานไว้ด้านหลัง นางจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่แผ่นหลังของเซียวเฉินและฉู่หยวนมีโลหิตชุ่ม
ฉู่หยวนนั้นยังดี กายเนื้อของผู้ฝึกวิชาสองแขนงอย่างเขาแข็งแกร่งทนทานเหนือคนธรรมดา แถมเขายังไม่ได้ใช้พลังเสวียน แม้ได้รับาเ็ค่อนข้างสาหัสแต่ยังยืนหยัดได้ แต่เซียวเฉินแย่กว่ามาก แม้ย่างสู่ขั้นเสวียนเต๋าแล้ว แต่เขาเร่งเร้าพลังเสวียนหลบหนีอยู่ตลอดเวลา เขาใช้พลังเสวียนมากเกินไปและร่างกายได้รับาเ็ เวลานี้เซียวเฉินเหงื่อชุ่มหน้าผาก สีหน้าซีดเผือด แต่เขายังคงยืนหยัด
เพราะเขาคือความหวังสุดท้าย
หากเขาล้ม สองพี่น้องจะตกอยู่ในอันตราย
ไม่รู้ว่าจะหลบหนีได้ไกลเพียงไร ข้ามผ่านผืนดินมากเท่าใด ทันใดนั้น เซียวเฉินก็หยุดลงและกระอักโลหิตสด ลมหายใจขาดห้วงเพราะเหตุนี้ ส่วนฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง จากนั้นใบหน้าของฉู่หยวนก็มีรอยยิ้ม
เขาตบบ่าเซียวเฉิน
“สหาย ข้าร่วมสู้ศึกกับเ้าด้วย ถึงตายก็ไม่อาจให้ฝูงผีดิบดูแคลน!” ฉู่หยวนเอ่ยเสียงเ็า ความคิดต่อสู้ปะทุทั่วร่าง ฉู่หยวนในเวลานี้ถูกบีบคั้นจนกระตือรือร้น เห็นการตายดุจการกลับมาตุภูมิ
มีห้วงน้ำไร้ขอบเขตอยู่ด้านหลังคนทั้งสาม คลื่นซัดกระทบฝั่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว สภาวะสะท้านฟ้า ดั่งมหรรณพ ดุจสัตว์ร้าย น้ำลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง กว้างจนมองไม่เห็นขอบเขต เป็ทางตันสำหรับพวกเขาสามคนอย่างไม่ต้องสงสัย
รุดหน้าก็ตาย ถอยหลังก็ตาย!
แต่เซียวเฉินกลับสงบนิ่งต่อความกระตือรือร้นของฉู่หยวน เขาในเวลานี้ สงบนิ่งยิ่งกว่า่เวลาใดๆ คนอื่นอาจจะแตกตื่นลนลานในห้วงแห่งความเป็ความตาย แต่เซียวเฉินเป็คนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงสงบนิ่งเป็พิเศษต่อหน้าความตาย
เซียวเฉินมองทะเลสาบที่อยู่เบื้องหน้าและกองทัพด้านหลัง
มุมปากโค้งเป็รอยยิ้มบางๆ
“สหาย ข้าไม่เชื่อว่าในห้วงวิกฤติจะไม่มีทางรอด” ว่าแล้วก็คว้ามือของพวกเขาสองคน พลิกตัวะโลงทะเลสาบ ร่างของคนทั้งสามจมลงสู่ทะเลสาบทันที ทำให้เกิดคลื่นและน้ำกระเซ็นเป็วงกว้าง
กองทัพผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋ามองพวกเขาสามคนจมลงในทะเลสาบ รังสีแปรเปลี่ยนในพริบตา พากันะโลงจากสัตว์ปิศาจ คุกเข่าข้างเดียวกับพื้น สายตามีแววเคารพนบนอบ มองไปไกลแสนไกล จากนั้นขึ้นขี่สัตว์ปิศาจ จากไปอย่างรวดเร็ว
คนทั้งสามกำลังจมดิ่งอยู่ในทะเลสาบ
น้ำหนาวเย็นเสียดกระดูก คนทั้งสามรู้สึกว่าพลังจับตัวแข็ง ปราณเสวียนถูกขัดขวาง เหมือนจำกัดพลังเสวียนให้ไม่มีทางทะลุร่างกายออกมาได้ ดุจน้ำในทะเลสาบมีพลังปิดผนึก คนทั้งสามถูกผนึกไว้อย่างแ่า
ในเวลาเดียวกับที่ผนึกพลังเสวียนของพวกเขาไว้ ก็ทำให้พวกเขากันน้ำได้
เซียวเฉินมีสีหน้าใสุดขีด
ทะเลสาบนี้มีปัญหาจริงๆ ด้วย!
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานก็ใเช่นกัน พวกเขาจมลงสู่ก้นทะเลสาบอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเกิดน้ำวนขนาดั์ขึ้นกลางทะเลสาบ พลังน้ำวนราวกับมีพลังกลืนกินอันไร้ขีดจำกัดที่ทำให้ห้วงมิติบิดเบี้ยว ดูดคนทั้งสามไว้อย่างแ่า
วิ้ง วิ้ง!
มีแสงเสวียนกะพริบที่ก้นทะเลสาบ แสงจ้าสาดส่องในหลุมดำ ราวกับด้านหลังหลุมดำคือฟ้าพร่างดาวอันเจิดจรัส มีแรงดึงดูดต่อพวกเขาสามคนอย่างมหาศาล
หลังจากพวกเขาสามคนสบตากันก็มุดเข้าหลุมดำพร้อมกัน
เมื่อพวกเขาเข้าสู่หลุมดำแล้วก็หายวับไปในพริบตา หลุมดำและน้ำวนก็หายไปด้วย ก้นทะเลสาบกลับสู่สภาวะสงบราบเรียบอีกครั้ง ดุจภาพอันน่าใเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
รอบด้านเงียบสงัด
ส่วนพวกเซียวเฉินกลับเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง
นั่นคือโลกของก้นทะเลสาบ
ณ วังที่หลับใหลในเมืองอันเงียบเหงาแห่งหนึ่ง
เวลานี้ คนทั้งสามยืนอยู่นอกวัง รับรู้ถึงจิติญญาอันเพริศแพร้ว พวกเขารู้สึกชื่นชม พวกเซียวเฉินล้วนเป็คนที่เคยเห็นวังหลวงมาก่อน แต่เมื่อเทียบกับวังที่อยู่ตรงหน้า แม้จะงดงามเฉิดฉัน แต่พลังสภาวะยังห่างไกลลิบลับ
นั่นคือสภาวะที่ผู้ปกครองทอดตามองใต้หล้า
นี่จึงเป็วังหลวงอันแท้จริง!
คนทั้งสามชื่นชมในใจพร้อมกัน
“หรือว่านี่คือวังหลวงของแคว้นกู่?” ฉู่หยวนถอนหายใจ พวกเขาถึงกับใในพลังสภาวะส่วนหนึ่งของแคว้นกู่ จนลังเลไม่กล้าเหยียบย่างไปสักก้าว ดุจเกรงว่าจะทำให้วังหลวงอันแพรวพรายนับพันปีก่อนตรงหน้าแปดเปื้อน
“เข้าไปดูหน่อยก็ได้” เซียวเฉินยิ้มกล่าว
ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่เข้าไปดูสักหน่อยก็คงไม่ได้ หากที่นี่เป็วังหลวงของแคว้นกู่จริง จะต้องได้พบโชควาสนาใหญ่แน่นอน เื่นี้พบเจอได้แต่ไม่อาจแสวงหา ไฉนพวกเขาจะไม่เข้าไปดูสักหน่อย?
ฉู่เยียนหรานผงกศีรษะทันที
“อืม ข้าโตมาจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยเข้าวังหลวงมาก่อนเลย” เวลานี้ แม่หนูน้อยไม่ได้ตื่นตระหนก มองวังหลวงอันโออ่าน่าเกรงขามตรงเบื้องหน้า
ดวงตาโตก็เปล่งประกายวิบวับจับใจคน
พวกเขาสามคนสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นผลักประตูวังให้เปิดออกช้าๆ
ตูม!
ชั่วขณะที่ประตูวังเปิดออก แสงอันแรงกล้าก็สาดส่องพื้นทั้งหมด แสงรัศมีกลืนกินคนทั้งสาม จากนั้น อานุภาพกดดันจากาก็กดทับลงบนร่างของพวกเขาอย่างหนักหน่วงดุจดาวตก ทำเอาพวกเขาสามคนแค่นเสียงหนักๆ และพากันถอยหลัง หลบเลี่ยงรัศมีของอานุภาพกดดัน
“ผู้บุกรุกแคว้นกู่ ฆ่าโดยไม่ละเว้น!”
เสียงหนึ่งดังมาจากด้านในวังช้าๆ น้ำเสียงน่าเกรงขาม