เล่มที่ 3 บทที่ 63
ถนนในเวลากลางคืนว่างเปล่าอย่างผิดปกติ สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัดได้ยินแค่เสียงสุนัขเห่าและเสียงจักจั่น บางเวลามีนกกลางคืนบินข้ามไป บางครั้งได้ยินเสียงร้องะโดังลั่นทำให้คนที่กำลังนอนหลับลอบก่นด่า จากนั้นก็อยู่ในความฝันต่อไป
ปี้เอ๋อร์มองมู่หรงฉิงซึ่งฝีเท้ายามก้าวเดินเต็มไปด้วยความสับสน นางมีคำถามมากมายที่้าเอ่ยถาม แต่ในท้ายที่สุดนางก็เดินตามผู้เป็นายอย่างเงียบๆ คล้ายกับเงาของอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าต่อให้ปี้เอ๋อร์ไม่ได้พูดก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเงียบลง
จ้าวจื่อซินมองไปยังทิศทางของมู่หรงฉิง เขาเลิกคิ้วพร้อมพูดด้วยท่าทีขี้เล่น "มู่หรงฉิง เ้าจะไปดูด้วยจริงๆ หรือ?"
ชิงยวี่ผู้ซึ่งเดินอยู่ด้านหลังจ้าวจื่อซินกำลังแบกซูมู่หาน หลังจากฟังคำพูดของจ้าวจื่อซิน เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาด้วยความตะลึงพรึงเพริด ทั้งนึกภาพไม่ออกว่าหลังจากทานยา ฉากนั้นจะทำให้คนใจหายใจคว่ำอกสั่นขวัญหายมากแค่ไหน ฮูหยินน้อยกำลังมุ่งหน้าไปยังตึกชุนเฟิง เป็ไปได้หรือไม่ว่า ฮูหยินน้อยอยากจะเห็นว่าชายผู้นี้ทรมานอย่างไร?
มู่หรงฉิงไม่มีกะจิตกะใจจะตอบคำถามหยอกเย้าของจ้าวจื่อซิน นางรู้สึกแค่ว่าไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง มิหนำซ้ำยังรู้สึกร้อนรนแปลกๆ โดยอยากจัดการเื่หนนี้ให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เปลือกตาของนางกระตุกอย่างต่อเนื่องราวกับว่าเหตุการณ์ที่สำคัญมากกำลังจะเกิดขึ้น
นางแค่อยากจะทำลายซูมู่หาน ฝีเท้าของนางจึงก้าวมาทิศทางนี้โดยสัญชาตญาณ
กล่าวกันว่า ตึกชุนเฟิงทางทิศเหนือของเมืองหลวงเป็หอนางโลมอันดับหนึ่ง มีแต่หญิงคณิกาหน้าตางดงาม มีชื่อเสียงโด่งดัง ฉลาดเฉลียวและมีไหวพริบ ผู้หญิงในนั้นล้วนเก่งทั้งพิณ กู่ฉิน หมากล้อม การเขียนอักษรด้วยพู่กันตลอดจนภาพวาด มิหนำซ้ำมีวิธีการล่อผู้คนอย่างเก่งกาจมาก
ตึกชุนเฟิงมีทั้งหมดสิบแปดชั้น ตึกชุนเฟิงชั้นที่หนึ่งเป็สถานที่หาความสุขสนุกสนานสำหรับผู้ชายสามัญชนธรรมดาทั่วไป ชั้นของตึกยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งเข้าไปยากขึ้นมากเท่านั้น ได้ยินมาว่าชั้นที่สิบแปดซึ่งเป็ชั้นสูงสุดถูกสร้างขึ้นมาสำหรับบรรดาสมาชิกราชวงศ์
การใช้จ่ายเงินจำนวนมากในสถานที่นั้นเป็เื่ปกติทั่วไป
แน่นอนว่ามู่หรงฉิงไม่เคยไปที่นั่น แต่เท้าทั้งสองข้างของนางกลับเดินตรงไปอย่างมิอาจห้ามได้ราวกับนางกลัวว่า ถ้านางเดินช้าสักเล็กน้อย นางจะสูญเสียอะไรบางอย่าง
ฝีเท้าของมู่หรงฉิงว่องไวดุจสายลมพัด ใบหน้าของนางทั้งมืดมนและน่าหวั่นกลัว นั่นทำให้จ้าวจื่อซินเลิกสัพยอกพร้อมกับเร่งความเร็วของฝีเท้าไปเดินเคียงอยู่ด้านข้างมู่หรงฉิง
ตึกชุนเฟิงอยู่ห่างออกไปด้วยระยะทางประมาณหนึ่ง ถึงกระนั้นกลับสามารถได้ยินเสียงดนตรีรวมถึงเสียงหัวเราะสรวลเสดังแว่วมาแต่ไกล
ควบคู่ไปกับเสียงนั้นเป็เสียงเกือกม้าซึ่งดังแว่วเข้ามาแต่ไกล รถม้าเคลื่อนตัวบนถนนกว้างและเสียงก็แพร่สะพัดออกไปไกล
“พี่สู คืนนี้ชิงซวงคนนั้นเป็อย่างไรบ้าง? ดูเอวคอดเล็กนั่นสิ มันพลิ้วคล่องตัวมากกว่างูเสียอีก ท่าร่ายระบำยั่วยวนนั่น ช่างยั่วยวนใจจริงๆ”
มีเสียงการสนทนาระหว่างชายหนุ่มดังออกมาจากด้านในรถม้า ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด หลังจากได้ยินเสียงนั้นมู่หรงฉิงถึงกับเอนกายพิงกำแพง และฟังการสนทนาของผู้คนในรถม้าไปโดยปริยาย
“มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ตึกชุนเฟิงเป็สถานที่รวบรวมคนงามจริงๆ อย่างไรก็ดี ในคืนนี้คุณชายจางไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว ไม่นึกคิดเลยว่าเขาจะไม่ให้พวกเราเห็นว่าเขากับคนใกล้ชิดของเขาคนนั้นทำอย่างไร อย่างน้อยก็ให้พวกเราได้เรียนรู้บ้างเล็กน้อย จะได้รู้วิธีทำให้บ่าวหน้าตาสะสวยเ่าั้โผเข้ามาในอ้อมแขนด้วยความสมัครใจถึงจะถูก”
“ก็ใช่น่ะสิ ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสะสวยจริงๆ แต่ปล่อยให้คุณชายจะต้องเฝ้าคอยเป็เวลาหลายวัน ช่างทรมานคุณชายจางจริงๆ และในท้ายที่สุดคืนนี้ก็ได้กินมันแล้ว”
“เฮอะ! มันก็เป็เพราะว่าคุณชายจางคนนั้นต้องรับนางเข้ามาในเวลาไม่เหมาะสมน่ะสิ ผู้หญิงคนนั้นส่งถึงปากอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาเจอเื่สกปรกนั่นอีก หลังจากรอเป็เวลาหลายวัน ในท้ายที่สุดคุณชายจางก็จะสามารถเอาใจพะเน้าพะนอนางได้แล้ว"
“โธ่! แต่น่าเสียดายที่คุณชายจางตระหนี่นัก คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ให้พวกเราดูด้วย ฉะนั้นพรุ่งนี้จะต้องลงโทษเขาด้วยสุราให้ได้เลย แต่จะบอกว่า ข้าเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าหน้าตาไม่เลว ถึงแม้ว่านางจะไม่ดีเท่าบุตรสาวในครอบครัวใหญ่ แต่ก็มีความเย่อหยิ่งและเ็าอยู่บ้าง ข้าละอยากลองััผู้หญิงที่บริสุทธิ์และสวยงามคนนั้น อยากรู้ว่ายามอยู่บนเตียงเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา นางจะเป็เช่นไร..."
“ได้ฟังเ้าพูด ข้าก็เริ่มสนใจแล้วเหมือนกัน นี่ๆ พรุ่งนี้พวกเราไปถามคุณชายจางกันดีหรือไม่ ดูสิว่าเขาจะสามารถให้พวกเราลองได้หรือไม่…”
เสียงหัวเราะค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปไกล แต่เนื้อความของการสนทนา ทำให้มู่หรงฉิงกระวนกระวายใจ
คือจื่อเอ๋อร์ นางกล้าที่จะรับรองว่าผู้ชายสองคนนั้นกำลังพูดถึงจื่อเอ๋อร์
“จ้าวจื่อซิน” เสียงเ็าถูกเปล่งออกมาด้วยความรีบร้อน ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมองจ้าวจื่อซินโดยตรง “ข้า้าให้เ้าช่วยนาง ช่วยจื่อเอ๋อร์ เวลานี้ เดี๋ยวนี้เลย”
มู่หรงฉิงไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใดการออกคำสั่งของนางถึงได้ราบรื่นเช่นนั้น นางรู้เพียงว่านาง้าช่วยจื่อเอ๋อร์ นางจะต้องช่วยจื่อเอ๋อร์ให้ได้ นางต้องไม่ปล่อยให้จื่อเอ๋อร์ถูกทำลายในกำมือของจางเฟิงเฉิง
สำหรับคำสั่งของมู่หรงฉิงไม่มีความอ้อมค้อมแต่อย่างใด จ้าวจื่อซินมองนางปราดหนึ่งก่อนหันไปทางชิงยวี่และดีดนิ้ว "เ้านายของพวกเราออกคำสั่งแล้ว พวกเราจะต้องช่วยจื่อเอ๋อร์อะไรนั่น แต่เ้าไม่รู้จักนาง ดังนั้นให้ปี้เอ๋อร์ไปกับเ้าเถอะ"
เมื่อเ้านายออกคำสั่ง ชิงยวี่ไม่กล้าไม่ทำตาม เขาแบกซูมู่หาน แบกความวิตกกังวลและความคาดหวังของมู่หรงฉิง เดินเข้าไปในที่มืดมิดพร้อมกับปี้เอ๋อร์
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ขณะมู่หรงฉิงเฝ้ารออยู่ชั่วครู่ใหญ่ นางก็วิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น กระทั่งทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงสาวเท้าเดินไปที่ตึกชุนเฟิง
“มู่หรงฉิง เ้าสวมชุดดำแล้วไปที่ตึกชุนเฟิงด้วยใบหน้าซึ่งแผ่ซ่านไอสังหาร คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเ้ากำลังจะไปฆ่าใครสักคน” จ้าวจื่อซินก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและหยุดมู่หรงฉิง "วางใจได้ อะไรที่ชิงยวี่เป็คนจัดการ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้"
“แล้วถ้าเกิดผิดพลาดโดยบังเอิญล่ะ?” นางกังวลใจเป็อย่างมาก ถ้าจื่อเอ๋อร์ถูกจางเฟิงเฉิงทำลาย แม้จื่อเอ๋อร์จะได้รับความช่วยเหลือแล้ว ถึงกระนั้นนางก็คงละอายใจที่จะเผชิญหน้ากับจื่อเอ๋อร์
“ชิงยวี่ทำสิ่งต่างๆ ไม่มีความผิดพลาดโดยบังเอิญทั้งนั้น” ท่าทางวิตกกังวลของมู่หรงฉิงทำให้จ้าวจื่อซินรู้สึกแปลกๆ เขาอยากเข้าไปปลอบนางอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ถูก "เ้ามีโชคชะตาที่ดีและคนที่ภักดีต่อเ้า แน่นอนว่าจะไม่ได้รับอันตรายด้วยเช่นกัน"
“แม่นมจิ่นดีต่อข้าอย่างสุดหัวใจมาโดยตลอด แต่ทำไมถึงยังถูกยวี้เอ๋อร์ทำร้ายด้วยล่ะ?” นางพูดโพล่งต่อหน้าจ้าวจื่อซินโดยไม่คิดแม้แต่น้อย ไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่จะมีใจอยากจะปลอบโยน ท้ายที่สุดนางกลับไม่เห็นคุณค่า
จ้าวจื่อซินเบะริมฝีปากพลางเงยหน้าขึ้นมองตึกชุนเฟิงที่สูงเสียดฟ้าเกือบจะทะลุเข้าไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด เขาเห็นแสงเทียนดวงเล็กๆ ลอดผ่านหน้าต่างฉลุลาย และยามที่แสงไฟเล็กๆ ส่องผ่านก็ราวกับว่าอาคารรูปโค้งแห่งนี้จะถูกประดับประดาคล้ายกับคลื่นในมหาสมุทร ในหูแว่วเสียงหัวเราะอย่างอ่อนหวาน เสียงกู่ฉินอันไพเราะ เสียงขลุ่ยอันน่ารำคาญ คิดไม่ถึงว่าจะแผ่ซ่านมนตร์ขลังที่มองไม่เห็นซึ่งทำให้ผู้คนอยากเข้าไปใกล้
ดวงตาประดุจคบเพลิงกวาดมองสภาพแวดล้อมรอบๆ และเมื่อเห็นเงาสีดำยืนอยู่ข้างบานหน้าต่างชั้นที่ห้า จ้าวจื่อซินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากโบกมือขวาของเขาและโอบเอวของมู่หรงฉิง "จับให้แน่น ถ้าตกลงมา ข้าจะไม่รับผิดชอบ”
มู่หรงฉิงไม่มีแก่ใจจะคำนึงถึงเื่อื่นๆ มือของนางจึงโอบรอบเอวของเขาด้วยความกระวนกระวายใจ
“เ้านาย ปี้เอ๋อร์ป้อนยาให้เขาแล้ว”
หลังจากทั้งสองเข้าไปในห้อง พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมอันเข้มข้นโชยเข้าจมูก จ้าวจื่อซินขมวดคิ้วระหว่างวางมู่หรงฉิงลง เขาไม่ชอบสถานที่เช่นนี้ที่สุด กลิ่นหอมนี้สามารถฆ่าคนได้จริงๆ
ทันทีที่มู่หรงฉิงเข้ามาในห้อง นางไม่คิดจะสังเกตการตกแต่งหรือเครื่องเรือนในห้องแต่อย่างใด นอกจากกวาดตามองหาจื่อเอ๋อร์ซึ่งอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของปี้เอ๋อร์
“โชคดีที่มาทันเวลา ถ้าเกิดมาช้าไปหนึ่งก้าว สิ่งที่ทำไปก็เปล่าประโยชน์แล้ว” ชิงยวี่เดินตามด้านหลังจ้าวจื่อซินพร้อมพูดเสียงเบา
"จื่อเอ๋อร์... " เมื่อนางเห็นใบหน้าของจื่อเอ๋อร์ คำพูดหลายพันคำที่อยากจะเอ่ยออกมากลับติดอยู่ในลำคอ และมันคงเป็เื่ยากที่จะพูดออกมาสักหนึ่งคำ
เห็นรอยนิ้วมือห้านิ้วที่น่าใบนใบหน้าของจื่อเอ๋อร์ มุมปากของอีกฝ่ายเปื้อนรอยเื ผมยาวสีดำของจื่อเอ๋อร์ยุ่งเหยิงโดยสวมเสื้อคลุมสีดำ ซึ่งคิดว่าปี้เอ๋อร์เป็คนคลุมให้นาง ไม่ต้องคิดก็รับรู้ได้ว่าเสื้อผ้าของจื่อเอ๋อร์คงไม่อยู่ในสภาพเรียบร้อย
เมื่อเห็นมู่หรงฉิง หยาดน้ำตาที่เต็มไปด้วยความหดหู่ของจื่อเอ๋อร์ก็ไหลพรูลงมา ก่อนจะคุกเข่าลงแทบเท้าของมู่หรงฉิง "คุณหนูใหญ่ บ่าว..."
"จื่อเอ๋อร์... จื่อเอ๋อร์..." ร้องเรียกชื่อพลางเดินไปหาจื่อเอ๋อร์ นางย่อตัวลงนั่งพร้อมเหยียดแขนออก จากนั้นดึงจื่อเอ๋อร์เข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “ข้ามันใช้ไม่ได้ ข้าไม่สามารถแยกแยะระหว่างคนซื่อสัตย์และคนทรยศ ถ้าข้าไม่โง่ถึงเพียงนั้น เ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจ”
นางจินตนาการไม่ได้จริงๆ ถ้านางไม่ได้ออกมาในคืนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะนางรู้สึกไม่สบายใจ ถ้าไม่ใช่เพราะชิงยวี่มาที่นี่เร็วไปก้าวหนึ่ง... ถ้าจื่อเอ๋อร์... หัวใจของนางคงต้องทนทุกข์ไปตลอด?
จื่อเอ๋อร์ถูกมู่หรงฉิงกอดไว้ นางไม่มีการเคลื่อนไหวและไม่มีคำพูดใดๆ นางแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างมิอาจห้ามได้ ไหล่ทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยเพราะกำลังร้องไห้ด้วยความหดหู่ใจ คล้ายจะทำให้ความอัปยศอดสูในหลายวันที่ผ่านไหลทะลักออกมาและจางหายไป
ปี้เอ๋อร์เบี่ยงสายตาออกไปยังด้านนอกหน้าต่าง จากนั้นจึงถอนหายใจให้กับความทุ่มเทของจื่อเอ๋อร์
จ้าวจื่อซินเม้มริมฝีปาก สำหรับความผูกพันระหว่างเ้านายและบ่าวรับใช้ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร จึงแค่กลอกตาและสังเกตมองสภาพแวดล้อมรอบกาย
ขนาดของห้องกว้างเท่ากับห้องทั่วๆ ไป เพียงแต่ในห้องมีของเล่นกระตุ้นอารมณ์จำนวนมากวางอยู่ในมุ้งสีแดง มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ดี
มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ด้านข้างเตียง ชายคนนั้นหลับตาแน่น ใบหน้าเงียบสงบของเขาค่อนข้างดูสุภาพอยู่หลายส่วน ครั้นเคลื่อนสายตามองท่อนแขนก็คิดว่าเขาจะต้องเป็คนที่ฝึกฝนทักษะการต่อสู้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าคนประเภทนี้หมกมุ่นอยู่กับคนงามตลอดหลายปี แม้ภายนอกจะดูแข็งแกร่ง แต่ภายในนั้นอ่อนแอ ถึงแม้ว่าจะมีทักษะการต่อสู้ ถึงกระนั้นก็ไม่ถึงกับโดดเด่นมากนัก
จ้าวจื่อซินคิดว่านั่นคือคนที่ถูกคนหลอกใช้คนนั้นกระมัง? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ามู่หรงได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ทุกคนรู้ดีว่าคุณชายจางได้ไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิด และเขาก็ได้พาบ่าวที่ลุ่มหลงในตัวเขาสุดหัวใจออกจากจวนกวงลู่ซื่อชิง
หลังจากมองคุณชายจางสักพักหนึ่ง จ้าวจื่อซินก็เห็นซูมู่หานซึ่งถูกวางยาจนหมดสติ นอนอยู่ข้างๆ คิดว่าชิงยวี่คงแบกซูมู่หาน มาหาตัวคุณชายจางกับปี้เอ๋อร์ กระทั่งพบคนจึงโยนอีกฝ่ายทิ้ง
จ้าวจื่อซินมองสภาพแวดล้อมรอบๆ ในขณะที่มู่หรงฉิงช่วยประคองจื่อเอ๋อร์ลุกขึ้น นางเลื่อนสายตาไปมอง เห็นผู้ชายสองคนนอนราบอยู่บนพื้น นางกัดฟันในปากแน่น และสายตาของนางปรากฏแสงอันดุร้าย "ปี้เอ๋อร์ เพิ่มปริมาณยาเป็สองเท่า อย่าหาผู้หญิงให้กับพวกเขาเลย เห็นว่าพวกเขามีอุปนิสัยที่คล้ายๆ กัน พวกเราก็ควรที่จะเมตตาด้วยการสร้างความผูกพันให้กับพวกเขา”
ด้วยถ้อยคำของมู่หรงฉิง ปี้เอ๋อร์ถึงกับตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นจึงหยิบยาสองซองออกจากแขนเสื้อและเทลงในแก้วสุราบนโต๊ะ ก่อนจะกรอกสุราใส่ปากผู้ชายสองคนที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้น ภายใต้การจ้องมองอย่างใของชิงยวี่ เขาเดินไปยังเบื้องหน้ามู่หรงฉิง
“ชิงยวี่ คืนนี้ข้าขอรบกวนเ้าอยู่เฝ้าที่นี่ให้ดี อย่าให้คนอื่นมาทำลายเื่ดีๆ ของพวกเขาทั้งคู่เชียวล่ะ”
ด้วยรอยยิ้มอันเ็า มู่หรงฉิงและปี้เอ๋อร์ช่วยประคองจื่อเอ๋อร์ทั้งซ้ายและขวา พาเดินไปที่หน้าต่างก่อนะโออกไป
เป็เื่ยากที่จะขึ้นจากด้านล่างไปสู่้า แต่มันจะง่ายกว่ามากที่จะลงจาก้าไปข้างล่าง ทักษะการต่อสู้ของปี้เอ๋อร์รวมถึงกำลังภายในของนางนั้นสูงกว่าของมู่หรงฉิง ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ของจื่อเอ๋อร์จะไม่สูงเท่ากับทักษะการต่อสู้ของปี้เอ๋อร์ ถึงกระนั้นด้วยความสามารถของเ้าตัวก็ไม่ได้ถ่วงแข้งถ่วงขาผู้อื่นแต่อย่างใด
หลังจากเฝ้าดูทั้งสามคนลงไปยืนบนพื้นอย่างปลอดภัย จ้าวจื่อซินจึงตบไหล่ชิงยวี่และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ชิงยวี่งานนี้ยากมาก แต่ข้าเชื่อว่าด้วยหัวใจอันเข้มแข็งของเ้า จะสามารถรับรองได้ว่าเื่ดีๆ ของพวกเขาจะไม่ถูกรบกวนอย่างแน่นอน"
สีหน้าของชิงยวี่คล้ายจะร้องไห้ เขายังไม่ทันได้โต้แย้ง เ้านายของเขาก็หันหลังและะโออกไป โดยปล่อยให้เขาทำงานที่ยากลำบากให้สำเร็จลุล่วงตามลำพัง
เ้านาย ใจของข้าไม่ได้เข้มแข็ง เ้านายมอบหมายให้ข้าทำงานที่เป็ปกติเล็กน้อยไม่ได้หรือ? ข้ายอมฆ่าคนเสียดีกว่ารับงานนี้