ที่ลากกลับมาแต่ละเกวียนนั้น ย่อมเป็ต้นกล้าหงเฟิงอย่างแน่นอน
หลายวันนี้หูฉางกุ้ยยุ่งจนถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง [1] ที่บ้านมีผู้าุโหลิงและหลานสองคนเข้ามาพักอาศัย บุตรสาวกล่าวว่าจะสร้างบ้านอีกแล้ว
หูฉางกุ้ยยังดึงสติกลับมาไม่ได้ บุตรสาวยังกล่าวว่าจะซื้อูเาซิ่วซีอีกด้วย ให้เขาไปพูดคุยเื่นี้กับหัวหน้าหมู่บ้านให้เหมาะสม
เื่ซื้อูเาซิ่วซีใช้เวลาไปสองวัน รอเขารีบเร่งทำตามขั้นตอนให้เหมาะสม ยังไม่ทันได้ถือโฉนดที่ดินไปให้บุตรสาวได้ดู ก็เห็นหน้าประตูบ้านมีต้นกล้ากองขึ้นซ้อนๆ กันแล้ว
ต้นกล้าหงเฟิงเป็กู้ฉีนำมาส่งให้ด้วยตัวเอง
วันก่อนเฉินเผิงเฟยมาซื้อผักสดที่บ้านสกุลหู เจินจูจึงขอร้องให้เขาช่วยจัดซื้อต้นกล้าหงเฟิง
เว้นไปสั้นๆ หนึ่งวัน ต้นกล้าก็นำมาส่งแล้ว
แล้วยังเป็กู้ฉีมาส่งด้วยตัวเองอีกด้วย
ไม่คิดเลยว่าจะนำมาส่งให้รวดเร็วเช่นนี้ เจินจูค่อนข้างกลัดกลุ้มเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ก็นางยังไม่ทันได้เรียกชาวบ้านให้มาขุดหลุมปลูกต้นไม้เลยนี่
แต่ในเมื่อนำมาส่งแล้ว แน่นอนว่าต้องจัดการปัญหาการเพาะปลูกต้นกล้าก่อน
เจินจูขอบคุณกู้ฉีเป็อันดับแรก หลังจากนั้นนำทางเขาเข้าบ้าน ยกถ้วยน้ำอุ่นที่ผสมน้ำแร่จิติญญามาให้เขา แล้วให้พานเสวี่ยหลันที่ติดตามอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด ไปเรียกผู้าุโหลิงกับหลิ่วฉางผิงกลับมา
วางเื่ที่ติดพันตัวอยู่ลง แล้วย้ายต้นกล้าทั้งหมดไปปลูกไว้ยังสถานที่เหมาะสมก่อน
หลิงเสี่ยนกับหลิ่วฉางผิงมองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เด็กสาวผู้นี้คิดจะจัดการอะไรแล้วก็ทำขึ้นเดี๋ยวนั้นจริงๆ
ฐานการก่อสร้างยังไม่เริ่มก่อสร้างเลย ก็เริ่มย้ายพืชประดับมาปลูกแล้ว
เจินจูลูบจมูกอย่างรู้สึกเกรงใจ ที่จริงนางอยากกล่าวถามล่วงหน้าถึงกำหนดการส่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสองวันถัดมากู้ฉีก็นำมาส่งให้แล้ว
โชคดี... นี่เป็เพียงหนึ่งชุดในจำนวนนั้น ไม่ได้นำมาทั้งหมด
เจินจูรีบยิ้มแล้วอธิบายกับพวกเขา
กู้ฉีคาดไม่ถึงว่าต้นกล้าหงเฟิงที่ตนเองระดมความสัมพันธ์ขึ้นถึงจะหามาได้ กลับมาไม่ตรงจังหวะที่้าเล็กน้อย
ต้นกล้าหงเฟิงหน้าประตูบ้านครอบครัวหูถูกชาวบ้านล้อมเป็หนึ่งวงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ที่ไม่ไกลออกไป หลัวจิ่งจ้องต้นกล้าไม่กี่กองนั้นด้วยใบหน้าว่างเปล่า หน้าอกราวกับติดขัด ไม่สามารถสบายใจได้อยู่นานมาก
“ยู่เซิง เ้าจ้องต้นกล้ากองนั้นทำไมหรือ? การแลกเปลี่ยนความรู้วันนี้ยังสู้กันไม่เสร็จเลย ทำไมเ้าก็วิ่งออกมาแล้ว? จะสู้หรือไม่สู้เนี่ย?” อาชิงเพ่งมองเขาด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง ต้นกล้ามีอะไรน่ามองกัน ทำไมพอได้ยินเสียงจอแจข้างนอก เขาก็วิ่งออกมาแล้ว
“สู้! จะไม่สู้กันได้อย่างไร ไปเถอะ”
หลัวจิ่งชำเลืองมองรถม้าสีดำที่หยุดอยู่หน้าประตูบ้านครอบครัวหูด้วยความเ็า
ทันทีหลังจากนั้นก็ดึงอาชิงกลับไปที่ลานฝึกการต่อสู้
“เอ๊ะ ยู่เซิง เ้ากินดินปืนเข้าไปหรืออย่างไร? ลงมือได้รุนแรงเกินไปแล้วกระมัง”
“โอ๊ย... ดีเลย เ้าหมอนี่รอข้าก่อนเถอะ!”
“เฮ้! โอ๊ย... เ้ารังแกข้าที่อายุน้อยนี่ ข้าแรงกำลังไม่มากพอ โอ๊ะ เบาๆหน่อย…”
“นี่ ไม่สู้แล้ว ข้าจะไปฟ้องอาจารย์!”
“…”
...หน้าประตูฝูอันถัง
รถม้าม่านสีน้ำเงินอันประณีตและงดงามหนึ่งเกวียนหยุดอยู่หน้าประตูอย่างช้าๆ
ฟู่เหรินวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีสีหน้าเคร่งขรึมและท่าทางจริงจังลงมาจากรถม้า
“คุณหนูสี่ ถึงฝูอันถังแล้วเ้าค่ะ”
ฟู่เหรินรายงานไปภายในรถม้าด้วยความเคารพ
“ถึงแล้ว? เมอเมอหวัง ท่านรีบไปดูหน่อยว่าพี่ห้าอยู่หรือไม่?” เสียงน่าฟังของเด็กสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“แค่ก!” เมอเมอหวังไอหนึ่งทีเบาๆ ตักเตือนเด็กสาวภายในรถให้ระวังฐานะของตนเอง
ภายในรถม้ามีเสียงกล่าวเบาๆ ราวกับโน้มน้าวอะไรอยู่
ลูกจ้างของฝูอันถังเข้ามาต้อนรับข้างหน้า แต่ละคนที่วิ่งสาละวนในร้านล้วนมีดวงตาปราดเปรียวหนึ่งคู่ ฟู่เหรินหน้ารถแม้แต่งกายเป็คนรับใช้ แต่สง่าราศีล้วนมากมายกว่าฮูหยินที่พวกเขาเคยพบมา คิดได้ว่าคุณหนูในรถม้าคงมีฐานะไม่ธรรมดาแน่ๆ
เมอเมอหวังเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวถามด้วยเสียงหนักแน่น “พ่อหนุ่ม คุณชายห้าสกุลกู้ของเ้าอยู่หรือไม่?”
“คุณชายห้า?” ลูกจ้างชะงักงัน แล้วหันมองกลับไปทางเ้าของร้านหลิวหลังโต๊ะคิดเงินอย่างทันทีทันใด “ท่านรอสักครู่”
ขณะกล่าวก็วิ่งเหยาะๆ ไปแจ้งยังหน้าโต๊ะคิดเงิน
หลิวผิงสะดุ้งใเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาหาคุณชายห้าถึงหน้าประตูโดยตรง เขาหันไปมองหน้าร้านแวบหนึ่ง ก้มหน้าสั่งลูกจ้างให้ไปตามกู้จงที่หลังร้านมา
ทันทีหลังจากนั้น เขาจึงเดินออกมาจากห้องโถง บนใบหน้าประดับรอยยิ้มขึ้นอย่างเป็มืออาชีพ “ข้าน้อยเป็เ้าของร้านของฝูอันถัง ไม่ทราบว่าจวนอันสูงส่งของท่านใดมาหาคุณชายห้าของพวกข้า?”
“แค่ก ไม่ทราบว่าคุณชายห้าอยู่หรือไม่ สหายเก่าจากเมืองหลวงรุดมาเยี่ยมเยียน” เมอเมอหวังตอบกลับอย่างจงใจเลี่ยงคำถามแล้วถามเื่ที่้ารู้
สหายเก่าที่มาจากเมืองหลวง? หลิวผิงดวงตาเป็ประกาย คุณชายของเขาเพิ่งมาจากเมืองหลวงได้ไม่นานเอง
“น่าเสียดาย คุณชายออกไปข้างนอกแล้ว” กู้ฉีนำต้นกล้าหงเฟิงสองสามเกวียนไปหมู่บ้านวั้งหลินแต่เช้าตรู่ แน่นอนว่าการเดินทางของคุณชายเขาไม่มีทางบอกพวกนางไปง่ายๆ แน่
“หา...” เสียงอุทานของเด็กสาวแว่วออกมาจากในรถม้า
“แค่กๆ” เมอเมอหวังไอกลบเกลื่อนสองครั้ง “ไม่ทราบว่าจะกลับมายามใด?”
“นี่ก็ไม่อาจทราบได้ ระหว่างการเดินทางของคุณชายคนเช่นข้าน้อยจะทราบได้อย่างไรกัน” หลิวผิงส่ายหน้าแสดงออกว่าไม่ทราบ
เมอเมอหวังไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ ขณะที่กำลังคิดจะกล่าวก็ได้ยินเสียงร้องตื่นใกะทันหัน นางมองหาไปตามเสียง เห็นกู้จงเดินเคียงมากับชายคนหนึ่งกำลังมาทางพวกนาง
“เมอเมอหวัง ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่?” แน่นอนว่ากู้จงรู้จักเมอเมอหวัง นางเป็เมอเมอที่มีความสามารถข้างกายฮูหยินคนที่สามของสกุลโหยวแห่งจวนท่านโหวเหวินชาง มักติดตามคุณหนูลูกพี่ลูกน้องกับคุณชายเข้าออกจวนสกุลกู้บ่อยๆ
“พ่อบ้านกู้ ที่แท้เป็ท่านที่ติดตามคุณชายห้าออกมา เช่นนั้นพอดีเลย คุณชายห้าของพวกท่านเล่า?” เมอเมอหวังถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“คุณชายออกไปข้างนอกแล้ว ท่านมาหาคุณชายมีอะไรหรือ?” กู้จงมองไปทางรถม้าม่านสีน้ำเงินข้างหลังนางด้วยความสงสัย ฮูหยินสามของสกุลโหยวไม่น่าจะมาปรากฏที่นี่ได้ หรือเป็คุณหนูลูกผู้น้องผู้นั้นหรือ?
“ผลัวะ” เสียงประตูรถม้าถูกเปิดออก
“กู้จง พี่ห้าไปไหนหรือ?” โหยวอวี่เวยขมวดคิ้วงาม ซักถามเขาอย่างกรุ่นโกรธ
กู้จงใบหน้าถอดสี เป็คุณหนูลูกผู้น้องจริงด้วย ใบหน้าอมทุกข์ไปชั่วขณะ คุณชายของพวกเขาไม่ชอบคุณหนูลูกผู้น้องสกุลโหยวที่สุด
ข้างกายโหยวอวี่เวยมีเด็กสาวค่อนข้างโตนั่งอยู่หนึ่งคน คล้ายกันกับนางเล็กน้อย กู้จงมีความทรงจำอยู่เลือนลาง น่าจะเป็คุณหนูโหยวเสวี่ยชิงบุตรสาวครอบครัวรองสกุลโหยวที่กำเนิดจากอนุ สองคนต่างพาคนรับใช้หญิงมาปรนนิบัติอยู่ข้างกายคนละหนึ่งคน
“โอ๊ะ คุณหนู ท่านมาทำอะไรถึงสถานที่เล็กๆ ที่ห่างไกลแห่งนี้? ฮูหยินทราบหรือไม่ว่าท่านมาขอรับ?” กู้จงค้อมตัวทำความเคารพ ทว่าเลี่ยงคำถามของนางแล้วถามกลับ
“ท่านแม่ย่อมทราบแล้วสิ ท่านรีบบอกมา พี่ห้าไปไหนแล้ว?” โหยวอวี่เวยกล่าวอย่างรำคาญ
“เอ่อ นี่…” กู้จงดวงตาหลุกหลิกเล็กน้อย กำลังคิดว่าจะกล่าวถูไถไปอย่างไรดี
“คุณชายห้าไปบ้านสกุลหูที่หมู่บ้านวั้งหลินแต่เช้าแล้วขอรับ” เหวยจื่อยวนกล่าวออกมาอย่างฉับพลัน
กู้จงตื่นใทันที เขาเผยการเดินทางของคุณชายได้อย่างไรกันนี่ ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งก่อนคุณชายเคยกำชับไว้เป็พิเศษแล้วว่าเื่หมู่บ้านวั้งหลินไม่สมควรให้เปิดเผย ยิ่งคนรู้น้อยได้เท่าไรก็ยิ่งดี
“บ้านสกุลหูที่หมู่บ้านวั้งหลิน? นั่นคืออะไร? ทำไมพี่ห้าต้องไปที่นั่น?” โหยวอวี่เวยเอียงศีรษะถามด้วยความประหลาดใจ
เหวยจื่อยวนกำลังคิดจะตอบออกไป แต่ถูกกู้จงกระตุกแขนเสื้อ
“คุณหนู ท่านเดินทางมาไกล เหนื่อยแล้วกระมัง เข้ามาดื่มชาพักด้านในก่อนเถอะ ตอนเย็นคุณชายก็กลับมาแล้วขอรับ” กู้จงฉีกยิ้มตอบกลับ
โหยวอวี่เวยกลับส่งเสียง “เชอะ เ้าหลอกลวงข้าให้น้อยหน่อย เ้าไม่พูดใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะไปหาเขาด้วยตัวเอง”
“เมอเมอหวัง ขึ้นรถ พวกเราไปหมู่บ้านวั้งหลินอะไรนั่นกัน”
เมอเมอหวังตอบรับแล้วขึ้นรถ
กู้จงใบหน้าถอดสีอย่างมาก คิดขัดขวางอย่างลนลาน “คุณหนู หมู่บ้านนั่นอยู่ในูเาห่างไกลความเจริญ ถนนเดินทางลำบากมาก ท่านรออยู่ในเมืองเถอะ ข้าน้อยจะส่งคนไปเรียนคุณชายให้กลับมาขอรับ”
“อวี่เวย ไม่อย่างนั้นพวกเรารออยู่ในเมืองเถอะนะ หมู่บ้านชนบทสกปรกและรกอย่างมาก” โหยวเสวี่ยชิงโน้มน้าวด้วยความลังเล
เขาทำตามคำสั่งของผู้เป็บิดา ให้รุดหน้ามาหาคุณชายห้าของสกุลกู้ท่านนี้เป็เพื่อนน้องสี่
“ไม่ พี่ห้ายังไปที่นั่นได้ ต้องไม่เป็สถานที่เช่นนั้นแน่” โหยวอวี่เวยสังเกตเห็นการขัดขวางของกู้จงอย่างว่องไวและเฉียบคม เชอะๆ ยิ่งเป็เช่นนี้ นางยิ่งต้องไปดูสักหน่อย
“เหอต้า ไปกัน ไปหมู่บ้านวั้งหลิน” คนขับรถคือเหอต้าองครักษ์ติดกายของท่านลุงคนรองโหยวเซียว ที่ส่งตัวออกมาคุ้มกันและมาส่งสองคนในการเดินทางโดยเฉพาะ
เหอต้าติดตามโหยวเซียวอยู่อำเภอเจิ้นอันมาหลายปี หมู่บ้านบริเวณโดยรอบล้วนมีความทรงจำอยู่บ้าง
“ย่า” รถม้าหมุนเปลี่ยนทิศควบไปทางนอกเมือง
กู้จงขัดขวางไม่สำเร็จ สีหน้าระทมทุกข์ รอให้คุณชายกลับมาต้องถลกหนังเขาเป็แน่
“เ้าบอกการเดินทางของคุณชายตามอำเภอใจกับคนนอกได้อย่างไรกัน?” กู้จงขมวดคิ้วบ่นใส่เหวยจื่อยวน
เหวยจื่อยวนหัวเราะไม่สะทกสะท้านอย่างเป็ธรรมชาติ “นั่นไม่ใช่คุณหนูลูกผู้น้องของจวนท่านโหวเหวินชางหรือ ได้ยินว่าได้รับความชื่นชอบจากฮูหยินเป็อย่างมาก เป็บุคคลที่จะเป็ฮูหยินของคุณชายห้าในอนาคต ล้วนเป็ครอบครัวเดียวกันนี่นา”
“เ้าฟังผู้ใดกล่าวเพ้อเจ้อ คำพูดนี้อย่าให้คุณชายได้ยินเชียว คุณชายล้วนไม่ชอบคุณหนูลูกผู้น้องเลยสักนิดเดียว รังเกียจที่นางพูดมากเอะอะโวยวายจนเกินไป” กู้จงห่อไหล่ ร้องเสียงโหยหวน “คุณชายกลับมาต้องโกรธเป็แน่ เห็นๆ อยู่ว่าเขาเคยสั่งไว้แล้วว่าเื่หมู่บ้านวั้งหลินคนยิ่งรู้น้อยยิ่งดี ครั้งนี้ดีนักเชียวล่ะ คุณหนูลูกผู้น้องนิสัยชอบก่อความวุ่นวายเช่นนั้น ไม่แน่ว่าจะก่อเื่อะไรขึ้นอีก”
เหวยจื่อยวนเลิกคิ้ว เม้มมุมปากที่ยิ้มขึ้นมาบางๆ เล็กน้อย ก่อความวุ่นวายสิถึงจะดี ยิ่งเื่วุ่นวายขึ้นมาก เื่หมู่บ้านวั้งหลินยิ่งแพร่ออกมาง่ายขึ้น ถึงเวลาไม่ต้องปิดบังเป็ความลับ เขาก็มีโอกาสออกจากอุปสรรคที่ถ่วงความก้าวหน้าของเขาจากจวนสกุลกู้ได้
“พ่อบ้านกู้ คุณหนูลูกผู้น้องนั่นมาหาคุณชายห้าจากเมืองหลวงโดยเฉพาะหรือ?” ระยะห่างจากเมืองหลวงมาถึงเอ้อโจวไม่ใกล้เลยนะ หลิวผิงถามด้วยความประหลาดใจ
หางตากู้จงกระตุก ก็มาหาคุณชายโดยเฉพาะน่ะสิ คุณชายเพิ่งมาได้ไม่กี่วันก็ติดตามมาเสียแล้ว
...ทิศตะวันออกปากทางเข้าหมู่บ้านวั้งหลิน
ทิวทัศน์มีชีวิตชีวาด้านข้างูเาซิ่วซี หลิ่วฉางผิงหาชายร่างกายแข็งแรงจากในหมู่บ้านมาไม่กี่คน ใช้ราคาหนึ่งเหวินต่อหนึ่งต้นช่วยกันขุดหลุมปลูกต้นไม้ แต่ละคนแบ่งกันไปยี่สิบต้นก่อน ผ่านการตรวจสอบแล้วได้รับการยอมรับ จึงจะสามารถรับเงินได้
ภายในบริเวณที่ผู้าุโหลิงระบุ ขุดหลุมเสร็จปลูกต้นกล้าลงไปแล้วค่อยรดน้ำ จัดการงานตามที่กำหนดไม่สามารถปักลงปลูกตามอำเภอใจได้
การขุดหลุมเพาะปลูกเดิมทีก็เป็ทักษะการทำงานที่ชาวบ้านถนัดอยู่แล้ว แม้ไม่ได้ปลูกต้นกล้าบ่อย แต่ก็ไม่พ้นจากขอบเขตของการเพาะปลูกเท่าไร เหล่าชาวบ้านล้วนทำงานกันได้อย่างคล่องแคล่วมาก นอกจากปรากฏให้เห็นการปักลงไปผิดที่เป็ครั้งคราวแล้ว โดยรวมก็ไม่ได้มีปัญหาอย่างอื่น
ด้วยเหตุนี้ไม่นานชาวบ้านจึงปลูกต้นกล้าที่ตนเองได้รับไปยี่สิบต้นจนเสร็จสิ้น เมื่อผ่านการตรวจสอบและยอมรับของหลิ่วฉางผิงและหูฉางกุ้ยแล้ว จะได้รับใบมาตรฐานยืนยันก็นำไปคิดเงินในห้องโถงบ้านของครอบครัวหูได้เลย
กู้ฉีนั่งอยู่ด้านข้าง มองเจินจูที่แบ่งจ่ายค่าแรงให้ชาวบ้านด้วยความประหลาดใจ
รับใบมาตรฐานยืนยันที่ชาวบ้านยื่นส่งมาให้ นับเงินยี่สิบเหวินออกมาให้ชาวบ้าน พวกเขาถือเงินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขาหยิบที่เรียกว่าใบมาตรฐานยืนยันในมือนางมา ขนาดเท่าฝ่ามือ ตัดเป็สี่เหลี่ยม บนกระดาษไม่รู้ว่าใช้อะไรเขียน เขียนว่า ’ได้รับการตรวจสอบและยอมรับว่าได้มาตรฐาน’
รูปแบบตัวอักษรมั่นคงมีพลังเรียบง่ายและเด็ดขาด ค่อนข้างมีเอกลักษณ์อย่างมาก แต่เหมือนได้รับผลกระทบจากภายนอกลายเส้นจึงเอียงไปบ้าง
เจินจูเห็นเขามองอย่างจิตใจจดจ่อ อดยิ้มและกล่าวไม่ได้ “เป็ครั้งแรกที่ผู้าุโหลิงใช้ดินสอถ่านเขียนตัวอักษร เขายังใช้ได้ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไรน่ะ”
ดินสอถ่าน? …นั่นเป็ดินสออะไร?
เชิงอรรถ
[1] ถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง หมายถึง การตกอยู่ในสภาพอึดอัดอย่างมาก หรือตกอยู่ภายใต้ความกดดันจากงานที่มากมาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้