โจวซื่อลืมไปเสียสนิทว่านางยัง้าให้หลินกู๋หยู่ดูแลฉือเย่
“เราคุยกัน เ้าเกี่ยวอะไรด้วย!” โจวซื่อพูดอย่างโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะนาง้าให้ฉือหางออกเงิน นางอยากจะตบหน้าหลินกู๋หยู่จริงๆ
ฉือหางจับการแสดงออกทางสีหน้าของโจวซื่อนานแล้ว ก้มศีรษะลงช้าๆ และพูดเสียงเบา "เงินสองร้อยตำลึง ข้าต้องล่าสัตว์กี่ตัวถึงจะได้เงินมากขนาดนั้น"
เมื่อฟังคำพูดของฉือหาง โจวซื่อก็มีความหวังริบหรี่
“หมาป่าหนึ่งตัวมีราคาเพียงสิบตำลึง ข้าต้องล่าหมาป่าให้ได้อย่างน้อยยี่สิบตัว ถึงจะได้เงินมากขนาดนั้น” ฉือหางวิเคราะห์ด้วยเสียงราบเรียบ “ยังต้องจ่ายเงินอีกสองร้อยตำลึง หมาป่ายี่สิบตัวนี้ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ข้าไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าบนูเานี้จะมีหมาป่ามากมายหรือไม่ และแม้ว่าจะมี ก็ใช่ว่าข้าจะเจอแล้วสามารถฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ เช่นกัน”
"ไม่ต้อง ขอเงินแค่ห้าสิบตำลึงก็เพียงพอแล้ว" โจวซื่อไม่สนใจสิ่งอื่นใดแล้ว "ข้ายังมีเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง อีกห้าสิบตำลึงก็เพียงพอแล้ว"
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ฉือหางก็ขมวดคิ้วแน่น
แท้ที่จริงแล้วครอบครัวของเขามีเงินเยอะมาโดยตลอด เมื่อแยกครอบครัว พวกเขาได้รับเงินสิบตำลึง ต่อมาได้ยินว่าครอบครัวมีเงินสองร้อยตำลึง ฉือหางรู้สึกอับจนหนทางอย่างมาก
หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น ทั้งชีวิตนี้เขาคงไม่มีทางรู้ว่าครอบครัวฉือมีเงินมากมายขนาดนี้
เมื่อย้อนกลับไปตอนที่เขาป่วยหนัก หมอลู่จากโรงหมอสกุลลู่คนนั้นก็สามารถรักษาเขาได้ ถ้าเวลานั้นท่านแม่ยอมจ่ายเงินรักษาเขา เวลานั้นเขาคงจะไม่สิ้นหวังถึงเพียงนั้น
"ข้าขึ้นไปบนูเาไม่ได้" ฉือหางลดสายตาลงเล็กน้อย "ในเมื่อท่านแม่มีเงินมาก เช่นนั้นอีกห้าสิบตำลึง ท่านก็น่าจะสามารถรวบรวมเงินที่เหลือได้ ตัวข้าไม่จำเป็เลย"
เมื่อพูดเช่นนั้น ฉือหางก็จับมือหลินกู๋หยู่และเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจว่าโจวซื่อจะพูดอะไรในภายหลัง
ฝ่ามือของเขาสูญเสียความอบอุ่นไปเสียแล้ว
หลินกู๋หยู่มองแผ่นหลังของฉือหางอย่างเป็กังวล อดไม่ได้ที่จะพูด "เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่?"
"ไม่เป็ไร" ฉือหางพูดเบาๆ เขาค่อยๆ หยุดฝีเท้า เมื่อเขาเอียงศีรษะมองหลินกู๋หยู่ มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเล็กน้อย "ข้าไม่เอามาใส่ใจตั้งนานแล้ว"
หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยความลำบากใจ แม่แท้ๆ เอาเขาออกจากครอบครัวั้แ่แรกแล้ว
ตลอดมา หลินกู๋หยู่มองเห็นทุกอย่างในสายตา ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกสงสารฉือหาง
“เ้าไม่เอามาใส่ใจแล้วหรือ?” หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจความหมายของฉือหางเล็กน้อย
“อย่างไรเสีย เื่นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราไม่ใช่หรือ?” ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างอ่อนโยน
หลินกู๋หยู่พยักหน้าเดินตามฉือหางกลับบ้าน
ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด นางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
หากเป็ฉือหางก่อนหน้านี้ เขาจะหยิบเงินบางส่วนออกมาอย่างแน่นอน
ทว่าเช่นนี้ดีหรือไม่ดี?
หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างเป็พะว้าพะวัง นางรู้สึกแปลกๆ ในใจ
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน เห็นฉือเย่กำลังคุยกับโต้ซาสองคน
เมื่อเห็นทั้งสองคนเข้ามา ฉือเย่ก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า "พี่สาม พี่สะใภ้สาม เมื่อครู่พวกพี่ไปทำอะไรมา?"
"ออกไปเดินเล่น" หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือเย่ด้วยรอยยิ้ม "เวลาสายมากแล้ว เ้าหิวแล้วหรือไม่ ข้าจะไปทำอาหารเดี๋ยวนี้"
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ตรงไปทำอาหาร
หลังอาหารเย็น ฉือเย่ก็เดินทางกลับห้องโดยตรง
ฉือเย่เดินไปที่เรือนใหญ่แล้วเคาะประตู
ฉือซู่เปิดประตู เมื่อเขาเห็นว่าเป็ฉือเย่ เขาก็รีบเปิดประตู ริมฝีปากของเขาสั่นเทาจากความหนาวเย็น "น้องสี่ ท่านแม่เรียกเ้า"
ฉือเย่มองไปที่ฉือซู่ที่ตัวสั่นด้วยความหนาวเย็นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย "พี่ใหญ่ พี่ใส่เสื้อผ้าหนาไปหรือไม่? วันนี้อากาศดูเหมือนจะไม่หนาวมาก"
ฉือซู่เห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวของฉือเย่ไม่หนา เอื้อมมือไปแตะแขนเสื้อของฉือเย่ก็รู้สึกว่าบางมาก เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "ทำไมเ้าถึงใส่เสื้อผ้าน้อยนัก?"
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของฉือเย่ ฉือซู่ก็เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า "เ้าไม่หนาวหรือ?"
"ไม่หนาวเลย"
"เสื้อคลุมผ้าฝ้ายบางๆ เ้ากลับไม่รู้สึกหนาว" ฉือซู่พูดพลาง ยื่นมือออกไปปิดประตู จากนั้นพูดกับฉือเย่ว่า "เร็วเข้า ท่านแม่กำลังรออยู่"
ฉือเย่พยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องของโจวซื่อ
เมื่อเดินไปที่ประตูห้องของโจวซื่อ เขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงของโจวซื่อลอดดังมาจากข้างใน "เ้าสี่หรือ?"
"ท่านแม่ ข้าเอง" ฉือเย่ตอบด้วยเสียงเบา
“เข้ามาเถอะ!” โจวซื่อพูดด้วยเสียงราบเรียบ
ฉือเย่เปิดประตูและเดินเข้าไปอย่างมีมารยาท เห็นโจวซื่อกำลังเย็บเสื้อผ้า เดินไปที่ด้านหน้าเตียงของโจวซื่อ "ท่านแม่ ข้าได้ยินพี่ใหญ่บอกว่าท่านเรียกหาข้า!"
"ใช่" โจวซื่อพูดและยื่นเสื้อผ้าในมือให้ฉือเย่ "เ้าลองใส่ดูสิ ถ้าไม่พอดี ข้าจะแก้ให้เ้า"
ฉือเย่รับเสื้อผ้าจากโจวซื่อมาลองสวมใส่ เขาก็พบว่าเสื้อผ้าค่อนข้างหนักเทอะทะ
"พอดีตัวแล้ว" ฉือเย่มองดูเสื้อผ้าบนตัวของเขา "ท่านแม่ ลำบากท่านแล้ว"
โจวซื่อไม่ได้สนใจที่จะดูเสื้อผ้าใหม่ของฉือเย่ นางพูดเบาๆ "ข้าแค่อยากจะถามเ้าเื่หนึ่ง"
“อะไรหรือ?” ฉือเย่เอ่ยถามอย่างงุนงง
"พี่สามและพี่สะใภ้สามของเ้ายังมีเงินอยู่ที่บ้านหรือไม่?" โจวซื่อพูดพร้อมกับมองไปที่ฉือเย่ นางแสร้งทำเป็สงบนิ่ง "ข้าก็แค่อยากจะถามเฉยๆ"
"ท่านแม่" ฉือเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าก็ไม่รู้ว่าพี่สามและครอบครัวของเขามีเงินเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ข้าอยู่ที่บ้านของพี่สาม อาหารและของใช้ทั้งหมดก็มาจากพี่สาม"
ใบหน้าของโจวซื่อบึ้งตึง
เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของโจวซื่อ ฉือเย่เอ่ยถามอย่างสงสัย "ท่านแม่ ท่านถามเื่นี้ไปเพื่ออะไรหรือ?"
โจวซื่อเห็นว่าฉือเย่เหมือนไม่รู้อะไรเลยจริงๆ จึงพูดว่า "พี่รองของเ้าปล่อยเงินกู้ เขายืมเงินจากธนาคารเพื่อเอาไปปล่อยเงินกู้ แต่ไม่มีเงินจ่ายธนาคาร ตอนนี้ยัง้าเงินอีกห้าสิบตำลึง”
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ฉือเย่ก็ขมวดคิ้ว "เงินมากขนาดนั้นเลย"
“ในตอนแรกเขาเป็หนี้ธนาคารอยู่สามร้อยตำลึง ขโมยเงินพี่ใหญ่และเงินของเ้าไป คืนเงินให้ธนาคารไปแล้วหนึ่งร้อยตำลึง ข้ายังมีเงินอยู่หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง…”
ฉือเย่รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เขาพลันเอ่ยถามอย่างกังขา "ท่านแม่ ท่านหมายความว่าตอนนี้ท่านยังมีเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงอยู่ในมือใช่หรือไม่?"
“ทำไมหรือ? นี่เป็เงินที่ข้าเก็บไว้ให้เ้าเตรียมตัวสอบไม่ใช่หรือ?” โจวซื่อพูดอย่างโกรธๆ “ตอนนี้กลับต้องเอาออกมาให้พี่รองของเ้าใช้ไปก่อน!”
"ตอนที่เราแยกครอบครัวกัน ท่านพูดว่าครอบครัวของเรามีเงินสองร้อยตำลึง แต่ในมือของท่านยังมีเงินส่วนตัวหนึ่งร้อยตำลึง รวมเป็สามร้อยตำลึง?" ฉือเย่พูดด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นท่าทางแสดงถึงความเข้าใจของโจวซื่อ เขาก็รู้สึกทรมานใจเล็กน้อย "แล้วทำไมตอนนั้นท่านถึงไม่จ่ายเงินให้หมอมาตรวจรักษาพี่สาม!"
"เ้าพูดอะไรของเ้า?" เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของฉือเย่ โจวซื่อก็พูดอย่างโกรธๆ
ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกอะไรบางอย่างจับไว้ ฉือเย่นึกถึงพี่สามที่นอนอยู่บนเตียงคล้ายคนกำลังจะตายอย่างคนไม่มีค่า
"ท่านแม่ ทำไมในตอนนั้นท่านไม่เอาเงินจ่ายให้หมอเพื่อรักษาพี่สาม ทั้งที่อาการเจ็บป่วยของพี่สามสามารถรักษาให้หายได้!" ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เด็กหนุ่มพูดเจือเสียงสะอื้น "เงินทั้งหมดในครอบครัวของเรา พี่สามเป็คนหามาไม่ใช่หรือ?”
“ใครบอกว่าข้าไม่ให้ พอเราแยกครอบครัว ข้าให้อาหารพวกเขาตั้งมากมาย ยังให้เงินอีกสิบตำลึง!” โจวซื่อขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้
เงินสิบตำลึง
เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวซื่อพูด ฉือเย่รู้สึกปวดใจสุดจะทน เขามองโจวซื่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า
"เ้าเป็อะไรไป?" โจวซื่อมองไปที่ฉือเย่อย่างเฉยเมย "ข้าจะบอกว่า ครอบครัวของเรายังขาดเงินอีกห้าสิบตำลึง เช่นนั้นพี่รองของเ้าก็จะไม่ถูกคนเอาตัวไปแล้ว เ้าไปดูว่าบ้านของพี่สามของเ้ามีเงินหรือไม่?"
"ท่านแม่" ฉือเย่อึกอักเล็กน้อย เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ ในใจนั้นรู้สึกทรมานเต็มทน "ทำไมท่านไม่ถามพี่สามด้วยตัวเอง?"
ไม่อยากจะพูดถึงฉือหาง เพราะทันทีที่พูดถึงฉือหาง ใบหน้าของโจวซื่อบูดบึ้งทันที นางพูดด้วยความโกรธ "ข้าถามเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาบอกข้าว่าเขาไม่มีเงิน"
"ข้าบอกให้เขาขึ้นเขาเพราะอย่างน้อยจะได้หาเงินได้ แต่พี่สามของเ้ากลับบอกว่าเขาสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถขึ้นูเาได้!" ใบหน้าของโจวซื่อแดงก่ำด้วยความโกรธ นางสูดลมหายใจอย่างแรง
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ฉือเย่ยิ้มๆ
"ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าจะช่วยดูให้ท่าน" ฉือเย่พูดเบาๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวซื่อก็ยิ้มแก้มปริ "พี่น้องควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง นับประสาอะไร เ้าอย่าเรียนรู้จากพี่สามของเ้าเชียว ั้แ่พี่สามของเ้าแต่งงานกับนางจิ้งจอกตัวนั้น เขาก็ทิ้งคนในครอบครัว หันไปให้ความสำคัญกับคนนอก!"
ฉือเย่ยืนอยู่ข้างๆ รับฟังอย่างเงียบๆ
หลังจากฟังโจวซื่อพูดอีกไม่กี่คำ ฉือเย่ก็จากไป
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินกู๋หยู่เริ่มทำอาหาร
สำหรับหลินกู๋หยู่ บางครั้งการทานเกี๊ยวทุกวันก็นับเป็การทรมานคนอย่างหนึ่ง โชคดีที่ในที่สุดก็ไม่้าเกี๊ยวแล้ว นางผัดอาหารสามจาน
ในตอนเที่ยง ฉือเย่ทานข้าวอย่างเงียบๆ ในใจเต็มไปด้วยความคิด
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่อยากจะกลับไปเดินเล่นที่บ้านของผู้เป็มารดา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญที่จะต้องทำ นางกับฉือหางได้หารือกันแล้วโดยบอกว่าจะกลับไปที่บ้านสกุลหลิน
ยังคงมีไฟอยู่ในเตา ฉือหางอุ้มโต้ซา หลินกู๋หยู่ถือของบางอย่างอยู่ในมือ เดินตามฉือหางด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมาถึงบ้านสกุลหลิน หลินเสี่ยวหานกำลังผ่าฟืนอยู่ที่ลานบ้าน ทันทีที่ได้ยินว่าหลินกู๋หยู่มาบ้าน เขาก็รีบทิ้งขวานในมือแล้วเดินไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม
“พี่รอง พี่เขยรอง สวัสดีปีใหม่” หลินกู๋หยู่พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ยังคงคิดว่าพวกพี่จะกลับมาในวันที่สิบห้าของเดือนแรกเสียอีก แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกพี่จะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ ข้าจะไปบอกท่านแม่เดี๋ยวนี้”
โดยไม่รอให้หลินกู๋หยู่เอ่ยวาจา หลินเสี่ยวหานแทบรอไม่ไหวที่จะะโเข้าไปข้างใน
“ท่านแม่ พี่รองกลับมาแล้ว!”
เมื่อฟังเสียงของหลินเสี่ยวหาน จ้าวซื่อก็ออกมาพร้อมกับไม้นวดแป้งในมือ นางเลอะมอมแมมทั้งตัว ขณะเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม "กู๋หยู่ ฉือหาง เข้ามาเร็ว พวกเ้ากลับมาแล้ว!"
บ้านสกุลหลินเหมือนกับในความทรงจำ แม้จะปิดประตูและปิดหน้าต่างแล้ว แต่กระนั้นก็ยังคงหนาวมากสุดทน
“ท่านแม่ สวัสดีปีใหม่” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปีนี้ท่านทำเกี๊ยวไส้อะไรหรือ ข้าจะช่วยท่านทำเกี๊ยว”
พูดจบหลินกู๋หยู่ก็ล้างมือและนั่งลงข้างโต๊ะอาหาร
จ้าวซื่อไม่ปฏิเสธเช่นกัน นางพยักหน้ามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างมีความสุข