นับั้แ่วันที่นางกระอักออกมาเป็เืหลินเมิ้งหยาหมดสติไปนานกว่าห้าวัน
ห้าวันที่ผ่านมาหลินเมิ้งหยานอนนิ่งบนเตียงไม่ไหวติง
ไม่ว่าน้ำหรือยาล้วนไม่เคยผ่านร่างกายเข้าไป
เหตุเพราะตากฝนอีกทั้งร่างกายยังปะทะกับลมหนาว ดังนั้นเมื่อตกกลางคืนอุณหภูมิร่างกายของนางจึงสูงขึ้น
คนในตำหนักหลิวซินจ้องมองสายฝนที่กำลังโหมกระหน่ำ
“ห้าวันแล้วนายหญิงไม่ยอมกินยาเลย หมอหลวงบอกว่าหากอาการยังไม่ดีขึ้น นายหญิงคง...”
กลืนคำพูดลงคอป๋ายจื่อพยายามป้อนยาให้กับหลินเมิ้งหยา
ทว่าริมฝีปากนางกลับปิดสนิท ไม่ยอมอ้าออกเลยแม้แต่น้อย
หยดน้ำสีดำไหลออกจากมุมปาก
เป็เวลากว่าห้าวันห้าคืนแล้วที่หลินเมิ้งหยาไม่ยอมดื่มแม้กระทั่งน้ำใบหน้าที่เคยกลมกลึงเริ่มซูบตอบ
ขอบตาล่างเป็สีม่วงเข้มไร้ซึ่งวี่แววของความงามบนใบหน้า
“หมอหลวงอาการเป็อย่างไรบ้าง? ”
สีหน้าของหลงเทียนอวี้เคร่งขรึมคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น สายตามิได้เ็าเหมือนอย่างเคย
แต่มันกลับดูกระวนกระวายและเป็กังวล
“พระชายาโกรธจนกระอักออกมาเป็เืแม้จะสามารถใช้ยารักษาได้ แต่หากพระชายายังไม่ยอมกินยาเข้าไปเช่นนี้เกรงว่า...เกรงว่าจะมิเป็การดีพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากราวกับว่าเขาเพิ่งพบเจออาการป่วยอย่างเช่นพระชายาเป็ครั้งแรก
แต่สิ่งที่เขากำลังกลัวมากที่สุดคือความโกรธเกรี้ยวของหลงเทียนอวี้
เคยได้ยินมาว่าอ๋องอวี้เ็าดุจน้ำแข็งแต่เขารักพระชายาเหนือสิ่งอื่นใด
ดูเหมือนจะมิใช่เื่ล้อเล่น
แต่ว่าพระชายา...
เฮ้อหันไปชำเลืองมองร่างบางของพระชายา หากยังเป็เช่นนี้เกรงว่าพระชายาคงมิอาจมีชีวิตรอด
“จะข่มขวัญผู้อื่นตรงนี้ให้ได้อะไรขึ้นมาสู้เอาเวลามาคิดหาวิธีช่วยเ้าเด็กน้อยยังจะดีเสียกว่า”
เสียงเ็าดังขึ้นหมอหลวงผู้น่าสงสารหันหน้ามองชายหนุ่มสวมชุดขาวทางด้านหลังเขาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
เหตุใดคนของจวนอวี้แต่ละคนจึงเอาใจยากนัก
“หมอหลวงใช่หรือไม่?หากรักษาเ้าเด็กน้อยไม่ได้ ข้าจะเลาะเนื้อเ้าออกมาให้สุนัขกิน”
ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนแต่ชายที่ชื่อชิงหูกลับมีสายตาเ็ากว่าใครบนโลก
ร่างสูงโปร่งโดดเด่น น่าเกรงขาม
เพียงได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามิใช่คนที่จะสามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้
“เหตุใดพวกเ้าจึงไม่รีบหาวิธีช่วยพี่สาวของข้าหากทำไม่ได้ ข้าจะพาพี่สาวไปเอง”
ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มสวมเสื้อสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามา
เด็กหนุ่มอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้นทว่าใบหน้า ท่าทางความเป็ผู้ใหญ่มิได้ด้อยไปกว่าทั้งสองเลย
“เอาล่ะพวกท่านเลิกทะเลาะกันได้แล้ว คิดว่าทะเลาะกันแล้วนายหญิงจะตื่นอย่างนั้นหรือ?”
ทั้งสามทะเลาะกันไม่หยุดป๋ายซ่าวจึงเข้ามาร้องห้าม
ั้แ่วันที่พานายหญิงกลับมาพวกผู้ชายตรงหน้าทั้งสามทะเลาะกันไม่หยุด
แม้จะรู้ว่าพวกเขาเป็ห่วงนายหญิงทว่าอาการของนายหญิงทรุดหนักมากขึ้นทุกที ไม่มีใครไม่รู้สึกเป็ห่วงนาง
“หมอหลวงขอเพียงนายหญิงดื่มยาเข้าไปก็จะสามารถช่วยได้ใช่หรือไม่?”
ราวกับป๋ายจื่อนึกอะไรขึ้นมาได้จึงรีบร้อนเอ่ยถาม
หมอหลวงที่พยายามหาทางเอาชีวิตรอดพยักหน้าลง
เฮ้อถ้ายังทรมานตนเองเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอาการจะยิ่งแย่กว่าเดิม
“เช่นนั้นใช้ปากป้อนนายหญิงก็ได้ใช่หรือไม่?อย่างน้อยนางก็ต้องยอมกลืนเข้าไปอย่างแน่นอน แค่เล็กน้อยก็ยังดี”
ทว่าหมอหลวงรีบร้องขัดป๋ายจื่อ
“ไม่ได้มิรู้ว่าเหตุใดพระชายาจึงมีพิษในร่างกาย ดังนั้นยาที่ใช้กับพระชายาจึงเป็ยาที่มีส่วนผสมของยาพิษหากคนปกติธรรมดาดื่มเข้าไป เกรงว่าจะถูกพิษเข้า”
คำพูดของหมอหลวงทำให้ป๋ายจื่อตื่นตระหนก
คุณหนูใกล้จะตายเต็มทีแล้วนางจะทนมองอยู่ได้อย่างไร
“ข้าไม่กลัวต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าเข้าแลก ข้าก็จะช่วยนายหญิงให้ได้”
ยืนหยัดในความคิดของตนเองป๋ายจื่อตัดสินใจใช้ชีวิตของตนเองแลกกับชีวิตของหลินเมิ้งหยา
“ไม่ได้หากนายหญิงตื่นขึ้นมา แต่เ้าหมดลมหายใจ คิดหรือว่านายหญิงจะไม่เสียใจหรือ?เ้าลืมไปแล้วหรือว่าเหตุใดนายหญิงจึงมีอาการป่วยเช่นนี้?”
ป๋ายจีคิดทุกอย่างได้รอบคอบกว่าป๋ายจื่อ
หลินเมิ้งหยาให้ความสำคัญกับเพื่อนพ้องมาเป็อันดับหนึ่งมิเช่นนั้น นางคงไม่รู้สึกหัวใจสลายหลังจากได้เห็นเยว่ถิงตายไป
“ข้าไม่สนข้าไม่อาจทนมองนายหญิงตายไปได้”
ป๋ายจื่อไม่สนใจอะไรทั้งนั้นสำหรับนางแล้ว หลินเมิ้งหยาคือทุกสิ่งทุกอย่าง
ขณะที่เหตุการณ์กำลังกดดันร่างหนึ่งเดินผ่านทุกคนไป
“ข้าทำเอง”
หลงเทียนอวี้หยิบถ้วยยาขึ้นแล้วกรอกปากตนเองโดยไม่ลังเล
มือหนาประคองร่างหลินเมิ้งหยาขึ้นมาก่อนจะประทับริมฝีปากของตนเองลงบนริมฝีปากสีม่วงเข้มของนางเพื่อส่งผ่านยารสชาติเฝื่อนขมเข้าไป
“ท่านอ๋อง!”
หลินขุ๋ยและพ่อบ้านเติ้งตกตะลึงท่านอ๋องเป็ทุกอย่างในชีวิตของพวกเขา
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับโบกมือเพื่อห้ามพวกเขามิให้เข้ามา
“คือว่า...อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยหากสตรีเป็ผู้กินจะทำให้ภายในเสียหาย”
หมอหลวงที่มีผมสีขาวโพลนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตนเองก่อนจะเอ่ยออกมา
ขณะเดียวกันสายตาทุกคู่หันไปมองทางเขา
ผู้น้อยเหล่านี้หุนหันพลันแล่นจนเกินไปพวกเขาไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่เอาเสียเลย
“เช่นนั้นท่านอ๋องที่ดื่มเข้าไปจะเป็เช่นไร?”
พ่อบ้านเติ้งยังคงกังวลกลัวว่าหลงเทียนอวี้จะได้รับอันตราย
“ไม่มีปัญหาหากผู้ชายดื่มเข้าไป อาจจะกัดกระเพาะแต่เพียงเท่านั้นขอเพียงดื่มน้ำอุ่นให้มากก็พอ”
คำพูดของหมอหลวงทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลก
ในสายตาของคนที่อยู่ในตำหนักเวลานี้มองดูหมอหลวงผมหงอกตรงหน้าด้วยท่าทางไร้ความเคารพนับถือ
หลงเทียนอวี้พยายามส่งผ่านยาจากปากของตนเองเข้าไปในปากของหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยายังคงหลับตาสนิทเหตุเพราะอุณหภูมิของร่างกายที่ยังคงสูง ดังนั้นการกลืนกินจึงทำได้ยากยิ่ง
ร่างบางแทบจะไร้ซึ่งน้ำหนัก
ความกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจของหลงเทียนอวี้
เขาที่ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวแม้จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูในสนามรบ
เหตุใดเพียงได้เห็นหญิงสาวนอนแน่นิ่งบนเตียง กลับรู้สึกกระวนกระวายไปเสียหมด
“นายหญิงดื่มเข้าไปเ้าค่ะ เชื่อข้าเถิดนะเ้าคะ ดื่มเข้าไปเ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสี่เริ่มส่งเสียงสะอึกสะอื้น
แม้แต่ป๋ายซูที่อยู่ด้วยกันมาไม่นานนักยังแอบหลบมุมเช็ดน้ำตา
หลินเมิ้งหยาดีกับพวกนางมากดังนั้น พวกนางจึงมองหลินเมิ้งหยาเป็เสมือนพี่น้องคนหนึ่ง
ทว่าอาการของหลินเมิ้งหยากำลังแย่ลงเรื่อยๆ ของเหลวสีดำไหลลงจากปากแล้วไล่ไปตามลำคอ
ชุดที่หลงเทียนอวี้สวมใส่เปียกชื้นหลินเมิ้งหยาปิดปากสนิท ไม่ยอมกลืนยาลงไป
เยว่ฉีกัดฟัน นางที่ร้องไห้จนขอบตาแดงก่ำพุ่งตัวเข้ามา
เข้าไปคว้ามือของนางความโศกเศร้าถาโถมเข้ามาในหัวใจไม่น้อยไปกว่าผู้อื่นเลย
พี่สาวของนางเพิ่งจะตายไปได้ไม่นานพี่หลินเองก็กำลังจะตายตกตามกันไป
หญิงสาวใสซื่อไร้เดียงสาคนก่อนเติบโตขึ้นในทันทีหลังจากได้เห็นพี่สาวะโหน้าผา
“พี่หลินท่านลืมแล้วหรือว่าพี่สาวข้าตายเพราะอะไร? นางตายไปแล้วท่านเองก็จะตายตามนางไปอย่างนั้นหรือ? แล้วใครจะแก้แค้นแทนพี่สาวของข้ากัน? พี่หลิน ได้ยินหรือไม่พี่จะต้องฟื้นขึ้นมาแก้แค้นให้พี่สาวของข้า”
เยว่ฉีออกแรงเขย่าร่างของหลินเมิ้งหยาหยาดน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย
“เ้าจะฆ่านางหรือ! ”
หลินจงอวี้เข้าไปดึงตัวเยว่ฉีขอบตาของเขาแดงก่ำ
ถ้าหากพี่สาวยังคงตกในสภาพเช่นนี้เช่นนั้น แม้ว่าจะต้องแลกกับอะไร เขาก็จะพาพี่สาวไปจากที่นี่ให้ได้
“หากไม่ทำเช่นนี้นางจะยังมีชีวิตรอดอย่างนั้นหรือ” เยว่ฉีขอบตาแดงก่ำตะคอกใส่หน้าหลินจงอวี้เสียงดัง
“พี่หลินตื่นขึ้นมาซิ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว หรือท่านจะนอนมองพวกคนสารเลวเ่าั้เสพสุขต่อไป”
เสียงตะคอกของเยว่ฉีดังลั่นห้องทว่า เสียงนี้กลับได้ผล
หลงเทียนหยู๋ััได้ว่ายาในปากของตนเองถูกหลินเมิ้งหยาดื่มลงไป
“เหมือนจะได้ผลนางได้ยิน นางรู้สึกได้”
ชิงหูที่นั่งจ้องตาไม่กระพริบอยู่ข้างเตียงร้องออกมา
หลงเทียนอวี้สั่งให้ทุกคนเงียบลงก่อนจะป้อนยาหลินเมิ้งหยาอีก
ดังนั้นเสียงในห้องจึงเงียบกริบ
นอกจากเสียงกลืนยาแล้วทุกคนแทบจะไม่หายใจ เพราะกลัวว่าอาการของหลินเมิ้งหยาจะแย่ลง
“เร็วรีบไปเอาโจ๊กข้าวบดละเอียดมา”
ชิงหูร้องะโด้วยความดีใจ
“ได้ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เพราะความดีใจป๋ายจีจึงสูญเสียการควบคุมตนเองไปชั่วคราว
รีบวิ่งไปทางห้องครัวเล็กของตำหนักเพื่อป้อนยาให้ครบหนึ่งถ้วย หลงเทียนอวี้ต้องกลืนยาเข้าไปถึงสามถ้วย
ค่อย ๆวางร่างของหลินเมิ้งหยาลงบนเตียง ยังไม่ทันจะไปกลั้วปากเพื่อล้างความขมของยาเขารีบรับถ้วยโจ๊กจากป๋ายจี
กินทีละนิดเขาป้อนโจ๊กหลินเมิ้งหยาได้ครึ่งถ้วย
เมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดเริ่มกลับมามีสีเืหลงเทียนอวี้จึงรู้สึกเสมือนยกูเาครึ่งลูกออกจากอก
ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายหลินเมิ้งหยา ขอเพียงไข้ลดลง ทุกอย่างก็จะดีขึ้น
“ท่านอ๋องทางฝั่งตำหนักหยาเสวียนส่งคนมาเร่งให้พระองค์เข้าเฝ้าถึงสามครั้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านเติ้งก้มศีรษะต่ำเขามิคิดอยากเร่งเร้าหลงเทียนอวี้เลยแม้แต่น้อย
ห้าวันที่ผ่านมาองค์หญิงิเยว่เสด็จกลับมาที่จวนด้วย มิรู้ว่านางใช้วิธีการอันใดเวลาเพียงไม่นานนางจึงเอาชนะใจของพระสนมเต๋อเฟยได้
ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่พระชายากำลังนอนกระอักเื ท่านอ๋องไม่เคยห่างออกไปจากนางแม้เพียงก้าวเดียว
ดังนั้นทางฝั่งตำหนักหยาเสวียนจึงรู้สึกไม่พึงพอใจหลินเมิ้งหยาเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
มือหนาลูบไล้หน้าผากที่ยังร้อนผ่าว
มิรู้ว่าเพราะเหตุใดความมั่นคงของเขามอบให้เพียงแต่นางผู้เดียวเท่านั้น
ตอนนี้คำพูดของเยว่ฉีน่าจะได้ผลแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นอุปนิสัยของหลินเมิ้งหยายังเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นอีกด้วย
