พวกเขาเดินผ่านทางช่องลับซึ่งทั้งไกลและมืดมิดเข้าไปในวังใต้ดินลึกลับแห่งหนึ่ง ก่อนกลับมายังสถานที่ที่พบเฟิ่งหยางครั้งแรก
ถังชิงหรูติดตามอยู่ข้างกายเฟิ่งหยาง เขาพาลูกน้องกลับมาด้วยสามคน แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม สีหน้าของเฟิ่งหยางไม่สู้ดีนัก ถังชิงหรูรู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังเคร่งเครียด จึงไม่กล้ารบกวน ได้แต่พร่ำบ่นอยู่ในใจ ไม่รู้เขาจะเรียกนางตามมาทำไม ตำหนักสังหารของพวกเขามิเกี่ยวข้องกับนางเสียหน่อย ยามนี้นางถูกความจำเป็บังคับต้องรับรู้เื่เหล่านี้ เวลายิ่งนานไป ก็เลิกคิดที่จะถอนตัวจากองค์กรลับแห่งนี้ได้เลย ไม่ว่าจะอธิบายให้ใครฟัง คงไม่มีคนเชื่อว่านางบริสุทธิ์
นางเป็แค่หมอระดับรากหญ้าที่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เหตุใดถึงต้องยกสถานะให้สูงส่งขึ้นด้วย ตอนนี้นางก็เป็หมอให้กับตำหนักสังหารโดยเฉพาะแล้วมิใช่หรือ?
"ท่านประมุข" บุรุษที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้ามทำความเคารพต่อเฟิ่งหยาง
"ตายไปเท่าไร" พอกลับมาถึงที่นี่ เฟิ่งหยางก็เปลี่ยนบุคลิกเป็เ็าและกระหายโลหิต ประหนึ่งบุรุษที่หยอกเย้านางทั้งวันผู้นั้นไม่เคยมีอยู่ในโลกนี้
ถังชิงหรูไม่ตื่นกลัวเหมือนเช่นคราแรกที่เห็นเฟิ่งหยางในมุมนี้ เพียงแต่รู้สึกจนใจจนถอนหายใจออกมา นางรู้ว่าทุกคนต่างมีเื่ราวของตน นางเองก็มีเื่ที่บอกผู้อื่นไม่ได้ เฟิ่งหยางก็เช่นเดียวกัน
บุรุษที่หน้าตาดีขนาดนั้น แต่บางครั้งสายตาที่มองนางก็เจือไปด้วยความเศร้าหมอง นางหาใช่ก้อนหิน ไหนเลยจะไม่มี่เวลาที่ใจอ่อน
ความใจอ่อนส่วนเสี้ยวเล็กๆ ค่อยแผ่ขยายออกไป นับวันก็ยิ่งเพิ่มพูน หลังจากนั้นก็เริ่มคิดว่าเขาอาจจะมีเื่ทุกข์ระทมใจหรือไม่ แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่คนน่ารังเกียจขนาดนั้น
หึ! ถังชิงหรูถ่มน้ำลายก่นด่าตนเองในใจ เ้าถูกบุรุษผู้นี้กดขี่ข่มเหงมาตั้งเท่าไร ยังจะหาคำแก้ต่างให้เขาอีกหรือ เขาน่าสงสาร หรือว่าคนที่น่าสงสารทุกคนสามารถข่มเหงเ้า แล้วก็ฝังเ้าตัวน่าขยะแขยงไว้ในร่างกายของเ้าด้วย เ้าจะมีชีวิตยืนยาวไปถึงแค่ไหนยังไม่รู้ ตื่นเสียทีเถอะ รูปงามนี่แหละร้ายนักล่ะ อย่าถูกรูปโฉมลวงหลอกเอา
"มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ได้ ยังไม่เข้ามาอีก" เฟิ่งหยางเห็นถังชิงหรูยืนนิ่งตรงนั้นไม่ขยับ ดวงตาก็ฉายแววหงุดหงิด "หากขาทั้งสองของเ้ามีไว้แค่ประดับ ข้าจะส่งคนไปเปลี่ยนให้ ติดตั้งล้ออีกสักสองล้อเป็อย่างไร จะได้เดินเร็วขึ้นอีกหน่อย"
ความหมายแฝงนัยว่า หากไม่รีบเดินอีก ข้าจะตัดขาเ้าทิ้งไปซะ ดูเดินเข้าสิอย่างกับเต่าคลานก็ไม่ปาน
ถังชิงหรูรีบสาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไป พูดกับเฟิ่งหยาง "คุณชาย ข้ามาแล้ว"
บุรุษคนเมื่อครู่เห็นถังชิงหรู สายตาก็เกิดความหวาดระแวง
"พานางไปดูพี่น้องที่ได้รับาเ็เ่าั้" เฟิ่งหยางกล่าว "มอบค่าทำขวัญให้กับครอบครัวของพี่น้องที่ล้มตายคนละหนึ่งร้อยตำลึง"
บุรุษผู้นั้นรีบเอ่ยปาก "ขอบคุณคุณชายขอรับ"
ถังชิงหรูเบ้ปากคิดในใจ มีเงินแล้วถึงจะใจกว้าง แต่ใจกว้างด้วยเงินที่แม่นางเยี่ยงหามาได้ ก็ไม่นับว่ามีความสามารถอันใดหรอก!
"แม่นาง เชิญตามข้ามา" บุรุษคนนั้นเห็นถังชิงหรูหิ้วล่วมยามาด้วย ก็เข้าใจความหมายของเฟิ่งหยาง เพียงแต่... เหตุใดท่านประมุขถึงให้สตรีคนหนึ่งมาดูอาการาเ็ให้กับทุกคน ฝีมือการรักษาของนางจะสู้ท่านหมอาุโที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์เ่าั้ได้หรือ ครานี้ท่านประมุขเลอะเลือนไปจริงๆ
ยามถังชิงหรูตามคนผู้นั้นไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็ห้องโถงกว้างใหญ่ ทว่าบัดนี้มีแต่คนได้รับาเ็นอนเรียงรายแน่นขนัด ด้านข้างมีทั้งชายหญิงช่วยกันดูแลพวกเขาอยู่ แต่าแยังมีเืออก โลหิตเจิ่งนองจนพื้นไม้ถูกอาบย้อมกลายเป็สีแดงบาดตา แลดูน่าสะพรึงกลัว
คนเจ็บเ่าั้ร้องครวญครางไม่หยุด เปล่งเสียงที่ชวนให้คนรู้สึกหดหู่ใจ แม้ถังชิงหรูจะเห็นความเป็ความตายมาจนชินสายตา แต่เมื่อเห็นภาพใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ายังรู้สึกะเืใจ
พระาาแห่งดาวโลกเคยบอกว่านางเป็คนใจดีมีเมตตา เพียงแต่ปรกติชอบใช้ความดื้อรั้นและแข็งกร้าวมาปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ แท้จริงแล้วทุกครั้งที่เห็นคนป่วย คนได้รับาเ็ หรือแม้กระทั่งคนตาย สายตาของนางมักเผยความเวทนาออกมา สายตาเยี่ยงนั้นดูราวกับพระโพธิสัตว์ที่เวทนาสงสารสรรพสัตว์ทั้งหลาย และนี่ก็เป็สาเหตุที่ราชินีดาวโลกโปรดปรานนางมากถึงขั้นพยายามวางแผนให้นางได้แต่งงานกับเ้าชายดาวโลก แต่น่าเสียดายที่นางหาได้มีใจต่อเ้าชายรูปงามผู้นั้นแม้แต่กระผีกริ้น รู้สึกแต่ว่ารากเหง้าของนางไม่ได้อยู่ที่นั่น ครั้นแล้วจึงรีบหนีมา
ตอนนี้มานึกๆ ดู ตอนนั้นนางเกิดความรู้สึกว่าไม่อาจอยู่ในศตวรรษที่สามสิบเอ็ดนานนัก หรือว่าการเดินทางมาที่นี่คือชะตากรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของตนเอง?
"ข้าเป็หมอ พวกเ้าหลีกไป ข้าจะดูาแให้พวกเขาเอง" ถังชิงหรูเอ่ยกับคนที่ไม่ได้รับาเ็เ่าั้ "แต่ข้าคนเดียวคงดูแลคนมากขนาดนี้ไม่ไหว พวกเ้าหาคนที่รู้หนังสือมาคนหนึ่ง รอข้าตรวจเสร็จคนหนึ่ง ก็จะบอกเทียบยาให้ พวกเ้าจดบันทึกลงไปก่อน หลังจากนั้นก็รีบไปจัดหาสมุนไพรมาต้ม แบ่งงานกันทำเช่นนี้ จะช่วยบรรเทาความทรมานให้พวกเขาได้เร็วขึ้น"
"เ้าเป็ใคร" หนึ่งในนั้นเอ่ยถามอย่างกังขา "พวกเราไม่เคยพบเ้ามาก่อน"
บุรุษที่พาถังชิงหรูเข้ามาบอกกับคนผู้นั้น "นางเป็คนที่ท่านประมุขพามา พวกเ้าวางใจได้ ท่านประมุขไม่ทำร้ายพวกเราพี่น้องอยู่แล้ว"
ทุกคนได้ยินถึงจะวางใจ
ถังชิงหรูนึกไม่ถึงว่าเฟิ่งหยางจะมีอิทธิพลต่อจิตใจพวกเขาได้ถึงเพียงนี้ แต่เท่าที่ดูจากเมื่อครู่ เชื่อว่าเขาคงเป็คนที่รักพวกพ้องบริวาร หากจะได้รับความเชื่อมั่นจากคนเหล่านี้ก็เป็เื่ปรกติ
คนเหล่านี้ล้วนได้รับาเ็จากอาวุธร้ายแรง เกือบจะต้องเสียแขนเสียขา แม้ว่าจะรักษาหาย ต่อไปก็มิอาจช่วยงานเฟิ่งหยางได้อีกต่อไป เฟิ่งหยางไม่ปล่อยให้พวกเขาตายตามยถากรรม แต่กลับพานางมารักษาาแให้ ดูท่าคงไม่ใช่คนไร้คุณธรรมน้ำใจอย่างแน่นอน
"ต้นสามใบเจ็ดเฉียน[1] ต้นชีิสองตำลึง..." ถังชิงหรูบอกเทียบยา มีคนคอยจดอยู่ด้านข้าง ไม่ช้าก็มีคนไปจัดยาอย่างรวดเร็ว
ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งถังชิงหรูตรวจาแให้ทุกคนเรียบร้อย ก็ผ่านไปแล้วสองสามชั่วยาม
คนเจ็บมีร้อยกว่าคน ในจำนวนนั้นมีผู้ที่ต้องอาวุธลับซึ่งนอกจากจะอาบยาพิษ ้ายังมีลักษณะเป็เกลียวหนาม นางต้องทำการผ่าตัดให้คนไข้อย่างระมัดระวัง ถึงสามารถกำจัดพิษตกค้าง รวมถึงถอนคมอาวุธที่ฝังอยู่ในร่างกายออกได้ เคราะห์ดีที่กระเป๋าในระบบมียาชาอยู่ มิเช่นนั้นคนเหล่านี้คงต้องลำบากมาก
ยามเดินออกมาจากห้อง ถังชิงหรูก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ร่างกายของตนเองอีกต่อไป แขนก็ไม่ใช่แขน แม้กระทั่งสมองก็ยังไม่ใช่ของตนเอง
เมื่อครู่ตอนอยู่ด้านในนางไม่รู้สึก แต่พอออกมาข้างนอก จมูกพลันได้กลิ่นเหม็นกำจายออกมาจากร่างกายของตนเอง ชั่วขณะนั้นนางก็โผไปเกาะต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง
มีคนช่วยตบๆ หลังให้นาง
ถังชิงหรูอาเจียนออกมาจนเกลี้ยง ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ก่อนหันมามองคนที่อยู่ด้านหลัง
"พวกเขาาเ็สาหัส แม้ไม่ตาย ต่อไปก็ไม่อาจจับมีดดาบหรือปืนผาหน้าไม้ได้อีก" ถังชิงหรูเห็นเฟิ่งหยาง จึงบอกกับเขาโดยตรง
ดวงตาของเฟิ่งหยางพลันจมดิ่ง ความมืดมิดภายในขุ่นเข้มขึ้นเรื่อยๆ
ถังชิงหรูหลบไปยืนด้านข้างมิให้ได้รับาเ็จากไอเย็นที่กำจายออกมา
เฟิ่งหยางช่วยประคองพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า "ตอนนี้ร่างกายเ้าอ่อนแอ ยืนยังไม่มั่นคงก็อย่าขยับให้มาก ข้าไม่มีอารมณ์จะแบกเ้ากลับไปหรอกนะ"
ถังชิงหรูมุ่นคิ้วขมวด เดิมทีนึกอยากจะเถียง แต่พอเห็นสายตาที่แฝงแววโศกเศร้า ก็เลยเปลี่ยนจากคำพูดที่ไม่น่าฟังมาเป็ถ้อยคำปลอบใจ "รักษาชีวิตพวกเขาไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว ที่จริงก็ไม่จำเป็ต้องให้พวกเขาไปเข่นฆ่าสังหารให้ท่านอย่างเดียวก็ได้นี่ แค่เปลี่ยนจากเื้ัมาอยู่เบื้องหน้า ทำงานอย่างอื่นให้กับท่านก็ได้ อย่างเช่นทำการค้า... ส่งสักสองสามคนมาช่วยข้าเฝ้าร้านบ้างก็ได้ ข้าเป็หมอส่วนตัวของท่าน ท่านใช้งานข้าไม่บันยะบันยังแบบนี้ วันไหนเกิดข้าเหนื่อยจนล้มป่วย ใครจะช่วยรักษาให้ท่านเล่า"
"เ้ากำลังปลอบใจข้า?" เฟิ่งหยางเลิกคิ้วมองนาง "คุณชายเยี่ยงข้าต้องให้เ้ามาปลอบใจด้วยหรือ หรือว่าเ้ารู้สึกว่าข้าแลดูน่าสงสารมาก?"
ถังชิงหรู "..."
นางนวดแขน กล่าวเสียงเบา "ข้าผิดเอง เป็ข้าที่แส่ไม่เข้าเื่เอง"
เฟิ่งหยางเห็นนางตั้งท่าจะไป ก็รั้งแขนของนางไว้ แต่กลับไม่เอ่ยคำใดอยู่นาน
ถังชิงหรูเมื่อยแขนจะตายอยู่แล้ว ยามนี้คิดแต่อยากหาที่หลับสักงีบ เฟิ่งหยางไม่พูดไม่จาแบบนี้ นางก็นึกหงุดหงิดอยู่ในใจ หันกลับไปถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห
"ท่านอยากพูดอะไรกันแน่ มีธุระก็รีบคุย ตอนนี้ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว" ถังชิงหรูตะคอกใส่อย่างไม่พอใจ
"หรูเอ๋อร์..." เฟิ่งหยางกดเสียงต่ำเรียกชื่อนาง
ถังชิงหรูรู้สึกขนลุกซู่ นางแคะหูด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ บุรุษผู้นี้ได้รับความกระทบกระเทือนใจใช่หรือไม่ เขาไม่เคยเรียกชื่อนางมาก่อน ทุกครั้งที่เรียกนาง ไม่ยายเด็กแคระ ก็สตรี หรือไม่ก็ทาสตัวน้อย
หรูเอ๋อร์...
ชื่อเล่นนี้เวลาออกมาจากปากของเขาไฉนถึงฟังดูพิลึกพิลั่นขนาดนี้หนอ
"ท่านมีเื่อันใดก็พูดมาตามตรง หากข้าสามารถทำได้ ก็จะช่วยท่านอย่างแน่นอน" ดูเอาเถอะ แม่นางเยี่ยงข้าแสนดีกับเ้าขนาดนี้ ยังไม่ช่วยถอนพิษหนอนกู่ให้ข้าอีกหรือ?
นี่คือประโยคที่นางมิได้กล่าวออกไป หากสถานการณ์เอื้ออำนวยกว่านี้ นางก็อยากจะพูดกับเขาเช่นนี้แหละ
เฟิ่งหยางรั้งเอวของนางมากอด แล้วฝังศีรษะบนลาดไหล่บาง
ถังชิงหรูรู้สึกถึงลมหายใจอันหนักหน่วงของเขาอย่างแจ่มชัด จมูกก็หนัก ลมหายใจก็หนัก เขาพยายามสะกดกลั้นความปวดร้าวและความโศกเศร้าเอาไว้ ทั้งเนื้อทั้งตัวจึงเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและร้าวรานใจ
ท้ายที่สุดถังชิงหรูก็มิได้ผลักไสเขาออกไป อย่างไรเสียก็แค่การกอดเพื่อให้นางช่วยปลอบประโลมใจเท่านั้น นางไม่ใช่คนใจแคบ แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะขอให้นางช่วยเลียแผลใจให้
"ขอบใจเ้ามาก" ครู่ใหญ่หลังจากนั้น เฟิ่งหยางก็เอ่ยวาจาดีๆ หนึ่งประโยค
ผู้ชายที่ได้รับาเ็ก็อาจอ่อนแอ ดังนั้นคำพูดในวันนี้จึงนับว่าน่าฟัง อย่างน้อยถังชิงหรูก็รู้สึกใที่ได้รับความเอ็นดูอย่างกะทันหัน จนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็ไปได้
"นั่นคือสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว ข้าเป็หมอนะ" เฟิ่งหยางไม่ยั่วโมโหนาง นางก็ไม่ยั่วโทสะเขา นางเป็ผู้หญิงที่มีเหตุผลและใจกว้างแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
"่นี้คงต้องลำบากเ้าหน่อย ยังมีพี่น้องอีกกลุ่มหนึ่งกำลังจะถูกส่งกลับมา" ยามเอ่ยถึงเื่นี้ น้ำเสียงของเขาก็เยียบเย็นขึ้นเล็กน้อย
"เกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่ ไฉนถึงมีคนได้รับาเ็มากมายขนาดนี้ หากอันตรายเกินไป ก็ให้พวกเขาถอยกลับมาก่อนเถอะ บางครั้งก็ไม่อาจบ้าระห่ำ หรือจะวัดกันแต่ที่ฝีมือ" ถังชิงหรูเป็ปากพล่อย ที่จริงอยากเอ่ยคล้อยตามแค่สองสามประโยค แต่ก็ดันพลั้งปากไปหน่อย ทว่าคำพูดที่ล่วงออกจากปากแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป คิดจะเก็บกลับคืนก็ไม่อาจทำได้
"อื้ม" เฟิ่งหยางกอดนาง พลางลูบเรือนผมของนางเบาๆ
ไม่เถียง ไม่เสียดสีนาง ไม่ด่าด้วย เฟิ่งหยางที่สงบนิ่งเช่นนี้... นางรู้สึกไม่คุ้นเอาเสียเลย
"ท่านประมุข พี่น้องชุดที่สองส่งกลับมาแล้วขอรับ" บุรุษที่มารับเฟิ่งหยางเมื่อครู่คือหัวหน้าหน่วยของพวกเขา ชื่อว่าหูไหล
คราแรกที่ได้ยินชื่อนี้ ถังชิงหรูยังหันมามองหน้าหูไหล[2]อยู่สองสามหน บิดามารดาตั้งชื่อให้เขาแบบนี้ ช่างซี้ซั้วทำเื่ไร้แก่นสารเสียจริง
เฟิ่งหยางคลายอ้อมแขนจากถังชิงหรู เอ่ยว่า "ไปเตรียมตัวให้พร้อมเถิด หากเหนื่อยนัก ให้พวกเขาช่วยนวดให้เ้าก็ได้ คืนนี้คงจะไม่ได้นอนแล้ว"
ถังชิงหรูมองเฟิ่งหยางเดินจากไป ก็ทำปากขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง "บุรุษผู้นี้มีลูกน้องมากน้อยแค่ไหนกันแน่ มือสังหารก็ต้องเก่งกาจมากมิใช่หรือ ไฉนถึงถูกผู้อื่นสังหารหรือทำร้ายง่ายดายนักเล่า"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] มาตราน้ำหนักของจีนแบ่งเป็ จิน(ชั่ง) เหลี่ยง(ตำลึง) เฉียน และเฟิน สิบเฟินเท่ากับหนึ่งเฉียน สิบเฉียนเท่ากับหนึ่งตำลึง สิบตำลึงเท่ากับหนึ่งชั่ง
[2] ชื่อของหูไหล 胡莱เป็คำพ้องเสียงกับ 胡来 ซึ่งมีความหมายว่าซี้ซั้วทำเื่ไร้สาระ