“ตอนนี้หน้าร้อนไม่ใช่เหรอ? ผมกลัวเหงื่อในมือจะทำให้มันสกปรกก็เลยใส่ไว้ในเสื้อเชิ้ต” กู้หลานอันกล่าว
“ก็แค่ลายเซ็นแผ่นเดียวไม่ใช่เหรอ? ทำไมห่วงขนาดนั้นตอนนี้ยังคลั่งขนาดนี้ ตอนถ่ายละครจะทำยังไง?” จางเจียอี้ยิ้ม
“ผมจะพยายามควบคุมตัวเองครับ” กู้หลานอันตอบกลับเขาโดยทำท่าทางเหมือนลำบากใจหลังจากนั้นก็หัวเราะ พูดกับจางเจียอี้อย่างประจบประแจงเล็กน้อยว่า “คุณอาจาง อาก็รู้ว่าผมเป็ติ่งของเจาเยี่ย ผมไม่เรียกร้องให้เพิ่มบทให้แต่ขอให้อาอย่าลดบทในส่วนที่มีผมกับเขาลง ได้ไหมครับ?” (โดยทั่วไปเมื่อทีมงานเงินทุนไม่พอหรือเกิดปัญหาอื่นๆ ขึ้น ทำให้ไม่สามารถถ่ายทำตามจำนวนที่คาดหมายไว้นั้น บทสมทบทั่วไปจะถูกตัดออก)
“ได้สิ คำว่าคุณอาที่เธอเรียก ฉันไม่เพียงจะไม่ตัดบทของเธอ ฉันยังจะให้คนเขียนเพิ่มบทให้เธออีกด้วย” จางเจียอี้หัวเราะลั่นอย่างอันธพาล
“ขอบคุณครับคุณอา สมกับเป็คนที่กล้ายั่วแม่ผมจริง ๆ ” กู้หลานอันรู้สึกซาบซึ้ง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เื่เล็กน้อย” จางเจียอี้โบกมืออย่างภาคภูมิใจพอดูเวลาปรากฏว่าดึกมากแล้วเลยขอตัวกลับก่อน มองดูจางเจียอี้เดินจากไปกู้หลานอันเก็บรอยยิ้ม ก้าวเท้าเดินเข้าบ้านช้า ๆเดิมทีเขาคิดจะแกล้งทำท่าทางจริงจังถามแม่เขาว่าทำไมดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแต่พอเห็นเธอหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นก็ทำท่าทางไม่ออกเพราะอยากหัวเราะมากกว่า
เมื่อเห็นลูกชายเดินเข้าบ้านจากในกระจก อันนาหันตัวกลับมาดั่งสาวงามที่มีความวิตกในความงามของตัวเอง “ลูกแม่ดูแก่ไหม?”
“ก็พอได้” กู้หลานรับมือเธอด้วยการนั่งลงตรงข้ามเธอแล้วตอบ
“ก็พอได้กับผีอะไร ลูกตอบให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อย” อันนาพูดพลางส่งสายตาตักเตือนไปให้ แล้วก็มองเขาอย่างเขินอายกู้หลานอันส่ายหัวอย่างระอา มองแม่ที่ท่าทางเหมือนเด็กแล้วนั้นเขาโยนความโมโหที่มีต่อเธอทิ้งไปชั่วคราวและพูดชมตามที่เธอปรารถนา “ไม่แก่ ดูไปแล้วอ่อนเยาว์เหมือนหญิงสาวอายุ 17-18 ปีเลยครับ”
“จริงเหรอ? แม่ก็รู้สึกแบบนี้แหละ?” อันนายิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่รอยยิ้มอยู่ได้ไม่ถึงวินาทีก็หน้าสลดถามกู้หลานอันว่า “ลูกคงไม่ได้กำลังหลอกให้แม่ดีใจอยู่หรอกนะถ้าแม่ดูเหมือนหญิงสาวอายุ 17-18 ปีจริง ทำไมอีตาจางเจียอี้นั่นถึงได้วางตัวละครไทเฮาให้แม่ล่ะ?”
“แล้วจะโทษใครได้?” กู้หลานอันส่งสายตาถมึงทึงให้เธอ “ใครใช้ให้แม่อยากรีบมาแสดงละคร คนอื่นเขาถึงไม่เห็นคุณค่าของแม่ไง”
“ลูกพูดได้ถูกต้อง” อันนาเหมือนคิดได้ส่งสายตาถมึงทึงกลับไปบอกถึงความรอบคอบที่มีไม่สิ้นสุดอันประเสริฐสุด ๆ ของตัวเองให้กับกู้หลานอัน “ที่แม่ทำทั้งหมดนั่นก็เพื่อลูกไม่ใช่หรอกเหรอ? เพราะเป็ห่วงลูกว่าจะสู้ศัตรูหัวใจของลูกไม่ได้แม่ถึงกับต้องลงทุนหวนคืนสู่วงการในสภาพแบบนี้เหรอ?”
“ศัตรูหัวใจของผม?” กู้หลานอันขมวดคิ้ว “แม่กำลังพูดเื่อะไร?”
“นี่ลูกยังไม่รู้เื่อีกหรือไง?” อันนาขยับเข้าหาอย่างภาคภูมิใจ “แม่จะบอกให้นะ วันนี้หลังจากที่ลูกออกไปแล้ว จางเจียอี้บอกแม่ว่าในทีมละครเื่นั้น มีผู้ชายคนหนึ่งชอบเจาเยี่ยเหมือนกับลูกเลย”
“แค่ชอบก็เป็ศัตรูหัวใจเลยเหรอ? แม่อย่าจินตนาการบรรเจิดขนาดนั้นได้รึเปล่า? เจาเยี่ยดังขนาดนั้น จะมีแฟนคลับเป็ดาาายบ้างก็เป็เื่ปกติ” กู้หลานอันยักไหล่ เขารู้สึกว่าแม่ของเขาคิดมากเกินไปในวงการบันเทิงนี้มีคนรักร่วมเพศเยอะขนาดนั้นแต่กลับไม่มีคนกล้าประกาศตัวว่าเป็คนรักร่วมเพศ นอกจากคนคนนั้นจะกล้าหาญไม่ก็ไม่มีสมอง หรือไม่มีความหวัง
“อืม? ใครจะไปรู้ว่าเป็แฟนคลับจริงหรือเปล่า?” อันนาวางกระจกลง ยันศีรษะคิดเพ้อฝันด้วยความคาดหวังอยู่หลายวินาทีแล้วคว้ากระเป๋าสะพายพูดว่า “แม่จะไปเสริมสวยแล้วลูกทำอาหารค่ำกินเองก็แล้วกันนะ”
“หือ? ยังจะไปเสริมสวยอีกเหรอ วันนี้แม่แปะมาสก์ไปสองแผ่นแล้วนะ” กู้หลานอันทำหน้าเบื่อหน่าย
“แค่สองแผ่นเอง มันสามารถรักษาความเยาว์วัยของฉันให้คงอยู่ตลอดไปได้ไหม?” อันนาใช้มือจับใบหน้าแล้วพูด
“ความเยาว์วัยของแม่ไม่ได้อยู่ยงคงกระพันอยู่แล้วเหรอตอนนี้?” กู้หลานอันมองดูใบหน้าที่ถูกดูแลเอาใจใส่ตามกาลเวลามาตลอดฉีกยิ้มมุมปากแล้วหยิบสคริปต์สองฉบับของเขาจากบนโต๊ะแล้วเดินไปทางชั้นบนแต่เดินไปได้ไกลจนถึงระยะที่ปลอดภัยจากแม่พอสมควรก็หยุด เอียงศีรษะหัวเราะเยาะ “จะว่าไปความวัยเยาว์ของแม่อยู่ยงคงกระพันได้แล้วจะมีประโยชน์อะไรสุดท้ายก็ถูกเขาวางให้ไปเล่นบทไทเฮาอยู่ดี แม่ ในที่สุดแม่ก็แก่แล้ว”
“นี่ลูก…...” อันนาโมโหจนสำลักคำพูดค่อนวันพูดได้แค่คำเดียว “ลูกพูดแบบนี้ล้วนเป็เพราะว่าแม่ไปร่วมแสดงละครเื่เดียวกับลูกและเจาเยี่ยเลยจงใจพูดโกหกเพื่อให้แม่โกรธ แม่ไม่ถือว่ามันเป็เื่จริงหรอก”
“ถูกต้อง ผมกำลังโกรธแม่อยู่” กู้หลานอันสารภาพตรงๆ “แต่ผมไม่ได้โกรธแม่เพราะว่าแม่มาแสดงละครเื่เดียวกับผมและเจาเยี่ยยังไงบทแม่ก็น้อยมาก ก็คงก่อเื่อะไรไม่ได้มาก ; แต่เป็เพราะว่าวันนี้ตอนที่เจาเยี่ยลุกที่นั่งให้แม่แล้วเห็นได้ชัดว่าแม่สามารถบอกกับจางเจียอี้ให้จัดเตรียมเก้าอี้อีกตัวให้เจาเยี่ยก็ได้แต่แม่ไม่ทำแม่รู้ดีว่าถ้าแม่ไม่พูดคนอย่างจางเจียอี้ก็ได้ทีถือโอกาสนี้ประกาศศักดาข่มเจาเยี่ยแม่ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยเขายืนอยู่อย่างนั้นทั้งวัน ; ยังมีอีก ตอนที่เจาเยี่ยนำหน้าออกจากห้องไปตอนนั้นแม่ถมึงตามองเขาล่ะสิ”
“แม่ให้เขายืนเพราะอยากจะดูลักษณะท่าทีของเขา ผลลัพธ์คือแม่พอใจมากเพราะฉะนั้นตอนหลังแม่จะถลึงตาใส่เขาได้ยังไง แม่ถลึงตาใส่แกต่างหากล่ะลุ่มหลงจนขาดสติ” อันนาแย้ง เ้าลูกซื่อบื้อเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตอนนั้นเธอเห็นเขากำลังถูกสายตาของฝูงชนจับจ้องอยู่แต่กลับลุ่มหลงอย่างเสียอากัปกิริยากลัวเขาโดนวิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสียจึงถลึงตาใส่เขาไม่เคยคิดเลยว่าความปรารถนาดีจะถูกมองเป็เจตนาร้าย เขาเข้าใจผิดเธอไม่ว่า ยังจะมากล่าวโทษเธออีก
“ไม่ว่าแม่จะถลึงตาให้ผมหรือเขา ยังไงแม่ก็ใช้สายตาแบบนั้นมองเขาไม่ได้ แม่จำไว้นะ มีแค่ผมคนเดียวรังแกเจาเยี่ยได้” กู้หลานอันพูดเชิงบังคับแล้วเปลี่ยนสีหน้า พูดเสริมด้วยใบหน้ายิ้มหน้าระรื่นว่า “ราตรีสวัสดิ์ครับแม่ อย่าลืมกินข้าวเย็นนะ”
“กินอะไร โมโหจนอิ่มแล้ว” อันนาถอนหายใจหนักๆโยนกระเป๋าในมือทิ้ง ถอนหายใจแล้วนั่งลง เอนตัวลงบนโซฟาแล้วครุ่นคิดก่อนหน้าที่เธอรู้ว่าเจาเยี่ยไม่ได้ชอบกู้หลานอันนั้นก็อยากจะทำอะไรสักอย่างในฐานะแม่ที่จะทำเพื่อลูกได้โดยการแยกพวกเขาออกจากกัน แต่วันนี้เห็นการแสดงออกของเจาเยี่ยเห็นความลุ่มหลงของลูกชายที่มีต่อเจาเยี่ยเห็นลูกชายพิทักษ์คนรักดั่งปีศาจที่บ้าคลั่ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้มันเป็ไปตามธรรมชาติจัดพวกเขาได้คู่กัน จะได้เป็สาววายผู้ช่ำชองคนหนึ่งเธอแสดงออกมาอย่างกลัดกลุ้มมาก
พอเข้าห้องกู้หลานอันเอากระดาษลายเซ็นของเจาเยี่ยสอดเข้าไปในหนังสือที่ใหม่เอี่ยมอ่องอย่างระมัดระวังมองซ้ายทีขวาที เขาถึงวางมันลง หันร่างกลับมาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความถึงเจาเยี่ยหนึ่งฉบับ “เจาเยี่ย ถึงบ้านรึยัง? ฉันถึงบ้านแล้ว ไม่ต้องเป็ห่วง” เป็ไปตามที่คาดค่อนวันไปแล้วเจาเยี่ยก็ไม่ได้ตอบกลับกู้หลานอันกดออกจากหน้าข้อความอย่างอ่อนเพลีย เปิดแอปเวยป๋อเลื่อนดูหน้าฟีดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเจาเยี่ยนึกว่าทุกอย่างคงเหมือนก่อนหน้า พล็อตเดิม ๆ ที่สาว ๆ เขียนสารภาพรักเจาเยี่ยคิดไม่ถึงจะมีเื่ที่เกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย บทความกระพือไปทั่วทุกหัวระแหงเนื้อหาทั้งหมดล้วนชี้ไปที่คำว่า : โกรธแค้น! เจาเยี่ยขับรถชนคนบนถนนบุคคลที่ถูกชนเป็บุตรชายของประธานแห่งเหิงอันกรุ๊ปนามว่ากู้หลานอัน หลังการชนกลับไร้วี่แววข่าวคราวเจาเยี่ยพาคนส่งโรงพยาบาล สงสัยว่าจะเป็การชนแล้วหนี!
เนื้อหาข้างล่างเป็รูปภาพที่จับภาพบางตอนแล้วก็เอามาโมเมเป็รูปที่ถ่ายตอนเจาเยี่ยลงจากรถแล้วมองเขาด้วยสายตาเ็ารูปที่ถ่ายตอนเจาเยี่ยขึ้นรถไปคนเดียวต่อหน้าเขารูปที่ถ่ายตอนที่เขาขึ้นรถด้วยความยากลำบากคนเดียวโดยไม่มีหลี่เสียวเหม่ยอยู่ในนั้น