หนิงต้าหรานร้อนใจแล้วจริงๆ นางยกมือตบลูกอมของลูกชายตกแล้วบุ้ยปาก
ใจจริงเฉินเนี้ยนจู่ก็ไม่ยินยอม แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถมีเื่กับหนิงต้าหรานได้
ตอนที่กำลังจะออกไปพูด กวนซูเยวียนกลับมาบังอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคนแล้วหันหน้าไปทางทุกคน “ทุกคน ข้าไม่อยากจะพูดจริงๆ นะ ถึงแม้จะพูดเื่หัวใจของแม่ แต่ว่าน้องสะใภ้ของข้าทำเื่อะไรไว้น่ะหรือ? คลอดลูกสาวออกมาก็ไม่เห็นว่าเป็ลูก หลานสาวคนโตของข้า ตอนอายุห้าขวบก็ถูกนางเอาไปให้คนเลี้ยงไว้เพื่อโตไปจะไปเป็สะใภ้เรือนนั้น”
“หลานสาวคนที่สอง นางแต่งงานแล้ว แต่กลับถูกแม่ของนางเอาไปขายให้ตาเฒ่าไร้เมียคนหนึ่งในราคาสองตำลึง บุรุษคนนั้นขึ้นชื่อว่านิสัยไม่ดี ขนาดตอนหลานสาวข้าท้องอยู่ ก็ยังอาละวาดทุบตีนาง ด่านาง จนถึงตอนนี้หลานสาวเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี แต่ดูแล้วกลับเหมือนสตรีวัยสามสิบกว่า”
“หลานสาวคนที่สาม ข้าไม่อยากจะพูดถึงเลยจริงๆ นางถูกขายไปเป็คนใช้ของเรือนคนรวย กว่าจะออกมาได้ แม่ของนางก็เตรียมตัวพานางไปขายให้คนพวกนั้นที่เมืองหลวง...”
“สตรีเช่นนี้ไม่สมควรจะเป็มารดา ถุย มารดาเช่นนี้มีที่ไหน? แล้วยังมาพูดขอความยุติธรรม ข้าว่าเ้าไปดื่มปัสสาวะตัวเองแล้วกลั้นใจตายไปเถอะ”
มีคนทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วเอ่ยปากด่าออกมาตรงนั้น
กวนซูเยวียนยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา มองหนิงต้าหรานที่หดตัวอยู่ด้านข้าง จึงยกมือขึ้นหยุดความกรุ่นโกรธของทุกคน
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลานสาวก็เป็ญาติของข้า จะคิดอย่างไรก็เป็สตรีของสกุลเฉิน ข้าที่ยังมีชีวิตอยู่จะสามารถมองหลานสาวได้รับความลำบากได้จริงๆ หรือ ดังนั้น คราวที่ข้าไปรับท่านแม่มาอยู่ด้วย เห็นหลานสาวถูกพวกเขาจับมัดเอาไปขาย ใจก็ทนไม่ได้ จึงบอกให้หลานสาวมาช่วยทำงานที่ร้าน”
“ข้ามีข้าวกิน หลานสาวก็มีข้าวกิน เด็กคนนั้นเห็นน้องสาวสองคนเองก็ลำบาก นางกลัวว่าน้องสาวทั้งสองจะเจริญรอยตามตน จึงเอ่ยขอให้ทั้งสองมาด้วยกัน”
“ข้าคิดว่าไหนๆ รับเลี้ยงดูคนหนึ่งแล้ว เช่นนั้นก็พาอีกสองคนมาด้วยก็แล้วกัน อย่างไรหลานสาวสามคนนี้ก็มีสองคนที่สามารถทำงานให้ข้าได้ แต่ข้าเองก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกนางนะ ทุกท่านคือเพื่อนบ้านของข้า ต่างก็เห็นกันแล้วใช่หรือไม่ ข้าได้เอาเปรียบพวกนางสามคนหรือ?”
“ไม่นะ ไม่เลย กวนซูเยวียนเ้าเป็คนที่ใจกว้างมากที่สุด พวกเรามีใครบ้างที่ไม่เคยถูกเ้าดูแล ที่เรือนมีเื่เล็กใหญ่อะไร เ้าก็จะช่วยเหลือ พวกเราไม่มีทางฟังสตรีจากไหนไม่รู้มาพูดจาไร้สาระพรรค์นี้หรอก” เพื่อนบ้านคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันรีบพูดเสริมนางขึ้นมาทันที
หนิงต้าหรานอยากจะเอ่ยปากออกมากี่ครั้ง ก็ถูกเสียงกวนซูเยวียนกลบไป ทั้งยังบีบให้นางถอยหลัง แล้วพื้นที่ตรงนั้นกวนซูเยวียนก็ยึดไป
“กล่าวกันตามจริงแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวข้าไปได้ฉายาโจรหลอกลวงั้แ่เมื่อไร หากข้าจิตใจต่ำช้าเยี่ยงนั้น ข้าจะให้พวกนางกินดีอยู่ดีหรือ? หากข้าโกงนางหลอกพวกนางมาทำงานจริง ตอนนั้นเ้าจะรับเงินของข้า แล้วรับปากให้พวกนางตามข้ามาทำงานอย่างดีอกดีใจหรือ? หนิงต้าหราน เ้าช่วยพูดสิ่งดีๆ แบบที่คนดีๆ เขาพูดกันบ้างเถิด จะได้ไม่ต้องมาทำตัวเหมือนหมาบ้าที่คอยไล่กัดคนไม่ลืมหูลืมตาเสียที แต่ละวันข้าก็งานล้นมือ แล้วยังจะต้องมาฟังเ้าพล่ามเื่ไร้สาระอีก เ้าคิดว่าข้าว่างมากนักหรือ”
ผู้คนรอบๆ เองก็ถลึงตามองหนิงต้าหรานด้วยความโกรธ ในแววตายังมีความไม่พอใจและดูถูก
“เกินไปจริงๆ พวกเ้าดูเด็กที่อยู่ข้างกายนาง เลี้ยงจนอ้วนพี คลอดลูกชายก็ทำเป็ลูกตน เช่นนั้นลูกสาวล่ะ ยังไงก็คือลูกสาว ถึงแม้ข้าจะให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่า แต่ว่าก็ไม่เหมือนนางที่คอยแต่จะขายลูกสาวกิน อั้ยหยา คนคนนี้ ข้าล่ะยอมจริงๆ”
“แน่นอน ความจริงแล้วข้าก็รู้สึกว่าลูกสาวก็ดีนะ พวกเ้า ลูกสาวห้าคนของสกุลหมี่ มีคนหนึ่งได้บุรุษพเนจรคนหนึ่งเป็ลูกเขยแต่งเข้าเรือน ใครจะไปรู้ว่าบุรุษคนนั้นเป็คนมีความสามารถ แถมยังทำงานเก่งมากอีกด้วย ยิ่งรวมกับสมองอันชาญฉลาดนั้นอีก ไม่พูดถึงตอนนี้ลูกเขยที่แต่งเข้ากตัญญูกับสกุลหมี่นะ ลูกสาวอีกสี่คนเองก็แต่งงานกับคนดีๆ ทุกปีใหม่ก็ต่างกลับมาฉลองเทศกาลกันที่เรือน ในเรือนนี่ช่างสุขสันต์กันเหลือเกิน”
“เฮ้อ ความคิดคนเรานั้นต่างกัน พวกเ้าดูสิ สตรีนางนี้ขอบตานางตก ใบหน้าอมทุกข์ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็คนมีชะตาชีวิตไม่ดี ทั้งยังเป็คนที่มองอะไรตื้นเขิน”
...
พอถูกผู้คนเหยียดหยามเช่นนี้ หนิงต้าหรานถึงได้พบว่าตนเดินหมากพลาดเสียแล้ว
ภายใต้สถานการณ์บีบคั้น นางก็ยังรู้จักเปลี่ยนเกม
นางที่ร้อนรนจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ร้องไห้เสียงดังออกมาอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม
“ทุกท่าน ข้า ข้าจะไปใจร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร? ความจริงแล้วข้าเองก็เป็เหมือนกับมารดาทุกคนบนโลกใบนี้ ข้าเองก็รักลูกสาวของข้า เพียงแต่ เพียงแต่ครอบครัวยากจนมากจริงๆ พออับจนหนทางแล้วจริงๆ ข้าถึงได้คิดว่ารีบๆ ให้ลูกสาวแต่งงานออกไปเร็วๆ ก็จะทำให้พวกนางมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดี”
“ก็ใช่ที่แต่ก่อนข้าเป็คนที่เลวร้ายมาก เป็ข้าที่ไม่ควรให้พวกลูกสาวไปอยู่กับคนอื่นง่ายๆ จะอย่างไร พวกลูกสาวก็เป็เืเนื้อที่ออกมาจากร่างกายข้า แต่ แต่ก่อนข้าทำผิดไปแล้วจริงๆ”
นางสะอื้นไห้พลางเช็ดน้ำตา ในตอนนั้นเองที่หางตาของนางเหลือบไปเห็นน้องหกที่ยังขดตัวอยู่ในมุม ตอนที่เด็กคนนั้นถูกนางเห็นเขาก็ใจนถดซ่อนไปด้านหลัง
มีหรือหนิงต้าหรานจะปล่อยไป นางก้าวฉับๆ เดินไปกอดน้องหกร้องไห้เสียงดัง
“ลูกเจ็ด ฮือ ลูกเจ็ดของข้า แม่ผิดไปแล้ว แม่ผิดไปแล้วจริงๆ ตอนนี้แม่มารับเ้ากับพี่สาวทั้งสามกลับเรือน ลูกเจ็ด...ลูกเจ็ดคนดีของแม่”
ความจริงแล้วน้องหกเองก็ไม่ได้เจอนางนาน ั้แ่วันที่ออกมาจากเรือนของหนิงต้าหราน ไม่เคยคิดเลยว่ามารดาแท้ๆ ของตนเองมาอาละวาดที่นี่
เดิมทีนางอยากจะเข้าไปหา แต่พอเห็นท่าทางเช่นนี้ของหนิงต้าหราน น้องหกก็ไม่กล้าแล้ว
ตอนที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หนิงต้าหรานก็พบนางเข้า
จะอย่างไรก็เป็มารดาและลูกสาว แถมน้องหกยังเป็เด็กเล็ก จึงมีความคาดหวังอันใสบริสุทธิ์กับมารดาของตนเองเกิดขึ้นในใจ
คาดหวังว่าจะได้รักแท้จากนาง คาดหวังว่าตนจะได้รับความรักเอ็นดูจากมารดา
ความคิดพวกนี้ เป็ความ้าของน้องหกมาโดยตลอด ในวันนี้ถูกมารดาที่มักจะเมินเฉยใส่ตนเองมาตลอดโอบกอด ฉับพลันนางก็ร้องไห้ออกมา
กวนซูเยวียนที่อยู่ในเรือนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถอนหายใจออกมาในใจ เื่เช่นนี้ เหมือนจะไม่แปลกเลย คิดไม่ถึงว่าหนิงต้าหรานจะยังพอมีสมองอยู่บ้าง แผนการในตอนนี้ของนางไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนเกมมาที่ความรู้สึกในครอบครัว
ลูกสาวคนโตสองคนไม่มีทางติดกับกับความรักจอมปลอมของนาง แต่น้องหกที่ยังเด็กขนาดนั้น...เด็กอายุหกขวบคนหนึ่ง ถึงนางจะเป็เด็กที่รู้เื่ แต่ก็ไม่มีทางที่จะรู้ถึงจิตใจชั่วร้ายของคน โดยเฉพาะกับมารดาบังเกิดเกล้า...
“น้องหก น้องหก ท่านแม่ของน้องหก”
ทุกคนที่เดิมทีมาดูเื่ทะเลาะกัน ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็ละครมารดาและลูกมาพบกัน ในตอนนั้นทุกคนรู้สึกว่าละครเื่นี้ดูต่อไปไม่ได้แล้ว
บางคนบอกว่าที่เรือนมีเื่ต้องทำ ต่างคนต่างแยกกันไป รอจนคนแยกย้ายไปจนหมดแล้ว หนิงต้าหรานถึงได้เช็ดน้ำตา สางผมของน้องหก ลากนางเข้าไปในเรือน
กวนซูเยวียนมองนางอย่างระแวดระวัง นางเชื่อว่า สตรีนางนี้จะต้องมีความคิดอะไรอีกเป็แน่
“พี่สะใภ้ ข้าตัดสินใจแล้ว แต่ก่อนข้าทำไม่ถูก ข้าไม่ควรจะทิ้งให้เ้าดูแลพวกลูกสาว เฮ้อ ครอบครัวจะจนเช่นไร ข้าก็ไม่สามารถผลักไสให้พวกลูกๆ ออกจากเรือน”
กวนซูเยวียนคือสตรีและก็เป็มารดา สำหรับคำพูดนี้นางเห็นด้วยมาก จึงพยักหน้าตอบกลับเสียงแข็ง “เ้าควรจะคิดเช่นนี้ได้ตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรเด็กพวกนี้ก็เป็ลูกที่เ้าคลอดออกมา สนใจที่ไหนว่าลูกชายลูกสาว อย่างไรก็เป็ก้อนเนื้อที่ออกมาจากตัวเ้า”
หนิงต้าหรานเช็ดน้ำตา มองท่าทางร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสารของน้องหกก็แสบจมูกขึ้นมาจริงๆ แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แทน “ลูกเจ็ด อย่าร้อง แม่ไม่ดีเอง ไม่ใช่แม่ไม่้าพวกเ้านะ ตอนนี้ข้ามารับพวกเ้าแล้ว”
ใจของกวนซูเยวียนกระตุก ได้ นางมาถึงนี่แล้ว ในเมื่อเอาเงินไม่ได้ ก็จะรับเอาคนกลับไป
“เ้าจะมารับกลับไป?” กวนซูเยวียนถามหนิงต้าหรานเสียงสั่น
“อืม ข้าตัดสินใจดีแล้ว ไม่ว่าที่เรือนจะยากจนอย่างไร ข้าก็จะพาลูกๆ กลับไปเลี้ยงที่เรือน ข้าไม่อยากจะขายพวกนางแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ก็เป็ลูกสาวที่ข้าคลอดออกมา ข้าจะต้องมารับกลับไป”
เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ในเรือนทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว นางเปิดประตูปังเดินออกไป
ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องไปที่หนิงต้าหรานอยู่ตลอด ถึงแม้ใบหน้าของนางจะมีรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หนิงต้าหรานรู้สึกว่าลูกสาวคนนี้เปลี่ยนไปเป็คนแปลกหน้า น่ากลัวมาก
แม้แต่เ้าเด็กตะกละ เฉินเนี้ยนจู่ ตอนนี้ก็ไม่สนใจที่จะกินลูกอมแล้ว เขาจ้องเฉินเนี้ยนหรานด้วยความตื่นเต้น “ท่านพี่...ท่านพี่สี่...พี่...พี่” น่ากลัวมากเลย
รอยยิ้มของพี่สี่ ทำไมถึงได้น่ากลัวกว่าสตรีที่เอ่ยปากด่าออกมาเสียอีก
“น้องหก มาหาพี่!” เฉินเนี้ยนหรานปรายตามองหนิงต้าหรานอย่างเ็า ก่อนจะมองไปทางน้องหก
ถึงแม้น้องหกโหยหาความรักของหนิงต้าหราน แต่จะอย่างไรนางก็เชื่อฟังเฉินเนี้ยนหรานมากที่สุด
พอเห็นสีหน้าของเฉินเนี้ยนหรานตอนนี้ ใจนางก็บีบแน่นมาก พอถูกเรียกขาเล็กๆ ก็ก้าวออก วิ่งไปตรงหน้าของเฉินเนี้ยนหราน “ท่านพี่”
เฉินเนี้ยนหรานลูบหัวของน้องหก ก่อนจะมองไปทางหนิงต้าหราน “ท่านแม่ ท่านจะรับใครไปหรือ?”
“ก็...ก็เพราะว่าได้ยินว่าพวกเ้าอยู่ที่นี่แล้วลำบาก แม่ถึงได้อยากจะมารับพวกเ้ากลับเรือน ครอบครัวพวกเราถึงจะจนอย่างไร ก็ไม่ควรขายลูกสาวออกไป ไม่เช่นนั้นสุดท้ายจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเอาได้” หนิงต้าหรานพูด ตาก็มองไปทางกวนซูเยวียน ความหมายคือบอกว่านางขายลูกสาวให้กวนซูเยวียนไปแล้ว แล้วถูกเอามาพูดหัวเราะเยาะอีก
รอยยิ้มของเฉินเนี้ยนหรานอ่อนโยนขึ้น แต่สายกลับยิ่งเ็า
ก้มหน้าลงไปมองน้องหก “น้องหก เ้าไปเล่นกับซื่อหลางดีหรือไม่?”
น้องหกมองไปทางหนิงต้าหราน ก่อนจะมองพี่ชายร่างอ้วน สุดท้ายก็หมุนตัววิ่งออกจากร้านค้า น้องห้าที่คอยเฝ้าอยู่นอกร้านเห็นน้องสาววิ่งออกมา ก็จูงมือนางเดินออกไปด้านนอก เดินไปก็ไม่ลืมที่จะตำหนินางไปด้วย
“เ้าเด็กคนนี้ ทำไมถึงได้ลืมความลำบากของพวกเราตอนอยู่ในเรือนหลังนั้น มารดาของพวกเราหากทำเพื่อพวกเราจริงๆ จะให้พวกเราหิวโซอย่างนั้นหรือไม่? เ้านี่ไม่รู้เื่จริงๆ นะ ไม่เห็นจุดจบของพี่ใหญ่กับพี่รองหรือ ...หากวิ่งเข้าไปหาแบบไม่รู้เื่อีก ต่อไปข้าจะตามใจเ้า เ้าอยากจะไปกับคนคนนั้นจริงๆ ข้าก็จะไม่สนใจเ้าอีกแล้ว”
...
เฉินเนี้ยนหรานเห็นน้องห้าจูงน้องหกออกไปแล้ว ในใจถึงได้สงบลง ก่อนจะหันไปทางหนิงต้าหราน ซึ่งแม้แต่รอยยิ้มจอมปลอมนางก็ไม่มีให้ผู้เป็มารดา