ิอวี่จำได้อย่างชัดเจน หยกโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะเืของเขา หลังจากเหตุการณ์ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังไม่ได้ััถึงการเปลี่ยนแปลงของหยกโบราณอีกเลย
ั้แ่เข้ามาถึงสนามรบร้างโบราณแห่งนี้ นี่ก็เป็ครั้งแรกที่เขาััได้ว่ามีอะไรบางอย่างกระตุ้นหยกโบราณ
เพราะในตัวของิอวี่นั้นมีเืที่จะสามารถปลดผนึกหยกโบราณได้ เขากับหยกนั้นมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่ ดังนั้น ถึงแม้จะเป็การเคลื่อนไหวที่ผิดแปลกไปเพียงแค่เล็กน้อย เขาก็ยังสามารถััได้ทุกอย่าง
เขาสามารถััได้ว่า ที่ทะเลทรายทางเหนือเหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังดึงดูดหยกโบราณไป!
“เป็ัทะเลทรายหรือ หรือว่าจะเป็ไข่ัของมัน?”
สิ่งแรกที่ิอวี่คิดได้ก็คืออสูรระดับาาขั้นที่สี่สูงสุด แต่ว่า มันจะใช่จริงไหม เขาก็ยังไม่มั่นใจ
เฮยจีเองก็ไม่อาจมองออกได้ว่าหยกโบราณมีเจตนาอย่างไร นางใช้พลังจิตพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองไปดูก่อน คิดเองแบบนี้มันไม่มีประโยชน์เลย”
“อือ”
ิอวี่พยักหน้า ในใจของเขาเวลานี้เต็มไปด้วยความสงสัย
พูดให้ตรงอีกหน่อยก็คือ ิอวี่รู้สึกสนใจในหยกโบราณชิ้นนี้มาก มันสามารถดูดเืของเขามาเปลี่ยนเป็พลังงานได้ ซึ่งภายในยังมีคัมภีร์ไท่กู่หยินหยางอยู่ และยังมีิญญาของเฮยจีผนึกอยู่ด้านในด้วย
ิอวี่เคยลองสืบค้นความลับในหยกโบราณ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เพราะเขาไม่สามารถใช้พลังจิตสอดส่องภายในหยกโบราณนี้ได้เลย เขาสามารถััได้แค่มิติพื้นที่ที่เฮยจีอาศัยอยู่ แต่มิตินั้นมันว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างดูเหมือนหมอกเต็มไปหมด ิอวี่มองไม่เห็นอะไรเลย เฮยจีเองก็เช่นกัน
ไม่แน่ว่า หากเจอแหล่งที่มาของพลังงานที่กระตุ้นหยกโบราณให้สั่นได้ ก็อาจจะรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในหยกโบราณก็ได้!
“อีกไม่นานข้าจะไปอยู่ตรงหน้าเ้าแล้ว รอข้าก่อนนะ ทะเลทรายทางเหนือ ... ”
สายตาของิอวี่นั้นหนักแน่นมาก หลังจากสังหารคนของสองสายมาแล้ว เขาก็อยากจะรีบไปให้ถึงทะเลทรายทางเหนืออย่างเร็วที่สุด!
เหมือนเ้าวิหคัปีกมืดจะััได้ถึงจิตของิอวี่ มันเลยเพิ่มระดับความเร็วขึ้นไปอีก และบินพาิอวี่กับเิหยูเยียนไปยังท้องฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุด
......
เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ พริบตาเดียว ั้แ่เปิดทางเข้าสนามรบร้างโบราณจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว ในทะเลทรายนั้นยังคงเคว้งคว้างเหมือนเดิม
จากทางใต้ขึ้นมาทางเหนือ มีซากปรักหักพังมากมาย ซึ่งภายในมีอสูรร้ายซ่อนตัวอยู่ บางครั้งก็จะเห็นว่ามันมีรูปร่างขนาดใหญ่มาก มันคลานออกมาหาอาหารด้านนอกและมีลมปราณที่แข็งแกร่งมาก แต่ละตัวมีความดุร้ายและน่ากลัวอย่างยิ่ง!
ซากปรักหักพังเหล่านี้กระจายตัวกันอยู่ในทะเลทราย แต่ก็เชื่อมโยงถึงกันราวกับพัดขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายตลิ่งหิน
ด้านหน้าของซากปรักหักพังเหล่านี้ มันคือจุดสิ้นสุดของทะเลทรายทางเหนือ มันไม่มีซากปรักหักพังอีกแล้ว เหลือเพียงผืนทะเลทรายที่ว่างเปล่า
ทะเลทรายผืนนี้นั้นประหลาดมาก มันเป็ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลย!
ทะเลทรายทั่วไปจะมีดินทรายที่เป็สีเหลือง แต่ทรายที่เห็นตรงหน้านี้กลับเป็สีเหลืองออกขาว มันไม่ใช่พื้นที่ที่เงียบสงบ แต่ดูเป็แบบเดียวกับแนวคลื่นในระดับน้ำทะเล
แต่คลื่นที่เกิดจากดินทรายเหล่านี้มันเคลื่อนไหวขึ้นลงมากกว่าผิวน้ำทะเล ความโค้งมนของคลื่นมันดูอ่อนโยนกว่า ความเร็วในการเคลื่อนไหวนั้นช้ากว่าน้ำทะเลถึงห้าเท่า โดยที่ตัวทรายค่อยๆ คืบคลานหายไป!
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดซ่อนอยู่ในทะเลทราย ราวกับว่ามันมีลมหายใจแผ่ออกมาจากประวัติศาสตร์โบราณ พลังเ่าั้มันทำให้คนรู้สึกขนหัวลุก!
หากปกติใครก็ตามที่ได้มาเห็นบรรยากาศแบบนี้ ก็จะต้องไม่อยากเชื่อ รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป เพราะทะเลทรายมันจะเคลื่อนไหวได้เองได้อย่างไรกัน?
แต่ในความเป็จริงแล้ว มันมีความเป็ไปได้มากมายในโลกลึกลับใบนี้ ทรายที่อยู่ตรงหน้ามันก็ไม่ใช่ทรายธรรมดา แต่เป็พลังงานทรายดูด!
มันจะเกิดเป็ทรายดูดก็ต่อเมื่อมีพลังฟ้าดินแทรกซึมเข้าไปด้านใน และผสมผสานกับตัวทรายอย่างสมบูรณ์
พลังงานทรายดูดนั้นแฝงไปด้วยพลังแห่งฟ้าดินที่หนาแน่นมาก มันมีความหนาแน่นมากถึงสองถึงเท่าเมื่อเทียบกับพลังฟ้าดินในอากาศ เหมือนกับหมอกสีขาวที่เกิดจากพลังงานฟ้าดินในสำนักเทพอัคคี เพียงแค่มันแสดงออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง
แต่มันก็ยังถือเป็ผลงานที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติอยู่ดี เพราะไม่มีทางที่ใครจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของทะเลทรายดูดแบบนี้ตลอด่ชีวิตของพวกเขาเลย!
อย่างไรก็ตาม ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ทำไมถึงได้กลายมาเป็ทะเลทรายดูดได้ แล้วมันมีพลังงานฟ้าดินอยู่ในทรายนั่นมากน้อยแค่ไหน ถึงสามารถทำให้ทรายเคลื่อนไหวผิดแปลกไปได้แบบนี้?
บนแท่นบูชาโบราณ ลำแสงลูกไฟได้บันทึกเื่ราวของทะเลทรายทางเหนือที่ประหลาดแห่งนี้เอาไว้ แต่ไม่ได้บันทึกถึงสาเหตุที่มันก่อตัวขึ้นมาเป็แบบนี้
ในความทรงจำเ่าั้บอกแค่ว่าในทะเลทรายทางเหนือนั้นมีทะเลอยู่ ซึ่งภายในนั้นมีอสูรธาตุดินอาศัยอยู่จำนวนมาก คนปกติไม่สามารถบุกรุกเข้าไปได้ มันมีบันทึกถึงอสูรหลากหลายประเภท แต่ไม่สามารถสืบค้นได้เลยว่ามาจากไหน
บางทีอาจมีความลับซ่อนอยู่ใต้ทะเลทรายทางเหนืออันแห้งแล้งแห่งนี้ ความทรงจำที่อยู่ในลูกไฟเก็บความทรงจำของพวกเขา ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่มีการบันทึกอะไรใดๆ อีก ...
ในเวลานี้เอง ที่บริเวณชายขอบของทะเลทรายทางเหนือ มีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่
หากมองไปดีๆ แล้วก็จะพบว่า คนเ่าั้เป็ศิษย์ชั้นยอดของสามสายล่างกลุ่มหนึ่ง
พวกเขาเฝ้าอยู่ที่นี่มาประมาณสามวันแล้ว เพื่อที่จะรอให้คนมาถึงพอประมาณ ก่อนจะเข้าไปค้นหาัทะเลทรายด้านในพร้อมกัน
เพราะหลังจากที่พวกเขาเห็นทะเลทรายดูดแล้วก็รู้สึกตะลึงมาก ในขณะเดียวกัน พวกเขาเองก็ยังััได้อีกว่าใต้ทะเลทรายดูดที่ว่านี้มันมีลมปราณที่น่ากลัวอยู่จำนวนมาก ...
แผนเดิมที่จะลงมือกันเป็คู่ๆ นั้นต้องถูกยกเลิกไปในทันที ทุกคนคิดว่าหลังจากที่พบัทะเลทรายแล้ว ค่อยลงมือขโมยไข่ักันตามสถานการณ์
สายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนล้วนมารวมตัวกัน ส่วนคนของสายเลี่ยนเหยียนระวังตัวกันมาก พวกเขายืนรวมกลุ่มกันอยู่ห่างจากทั้งสองสายประมาณสองสามร้อยเมตร
หลังจากเข้ามาอยู่ในสนามรบร้างโบราณ่สั้นๆ พวกเขาถึงได้เข้าใจ คนของสายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนดูถูกสายเลี่ยนเหยียนของพวกเขาอย่างมาก
หากคนของอีกสองสายคิดจะทำอะไรกับพวกเขาก็จะรีบถอยหนีทันที ถ้าไม่ไหวจริงๆ พวกเขาก็จะบีบหยกให้แตกแล้วหนี
ที่จริง ศิษย์ชั้นยอดของสายเลี่ยนเหยียนพวกนี้ล้วนแต่เพิ่งจะเข้ามาปีแรก ยังไม่รู้ถึงความแค้นระหว่างสามสาย แต่ศิษย์ชั้นยอดรุ่นก่อนที่เคยัักับคนของอีกสองสายมาก่อน ล้วนแต่รู้ว่าปากของพวกเขามันเหม็นเน่าแค่ไหน การเข้ามาในสนามรบร้างโบราณครั้งนี้ เด็กใหม่ถึงเพิ่งจะเข้าใจ
เวลานี้ในบริเวณที่สองสายอยู่รวมกันนั้น ซูอี้หรานโพกผ้าสีดำกำลังขมวดคิ้ว
เพราะผู้ฝึกยุทธ์มีการฟื้นตัวใหม่ได้เร็วมาก ตอนนี้คิ้วของซูอี้หรานจึงงอกขึ้นมาใหม่แล้ว หลังจากใช้ยาฟื้นตัว ลมปราณของเขาก็เริ่มกลับมา และอีกไม่นานก็จะฟื้นกลับมาอยู่ในระดับปกติได้
“ท่านพี่ ทำไมคนของเรายังมาไม่ครบอีกล่ะ? เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ”
ซูอี้หรานรออยู่ที่นี่มาสองวันสองคืนแล้ว เขาปล่อยพลังจิตออกไปทั่วแต่ก็ไม่พบศิษย์ชั้นยอดในสายของเขาตามมาเลย
มันเลยทำให้ซูอี้หรานนั้นรู้สึกแปลกใจมาก หากคนในสายของเขาเจอกับอะไร ด้วยความสามารถขอบเขตอมฤตขั้นที่สองก็น่าจะมาถึงที่นี่กันได้แล้ว หรือว่าระหว่างทางพวกเขาไปเจออสูรที่ร้ายกาจมาก และต้องบีบหยกแตกเพื่อเอาชีวิตรอดไปแล้ว?
ซูอี้หรานลูบคางแล้วหันไปเริ่มนับคนรอบตัวของเขา
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ... แปด เก้า สิบ”
ก็ถูกนี่ สิบคน
แต่คนอื่นล่ะ? ไปไหนหมดแล้ว?
นอกจากหลินเฮ่าที่ถูกเ้าสวะนั่นฆ่าตายแล้ว ศิษย์ชั้นยอดของสายจั่วเหยียนเมื่อรวมกับตัวเขาก็น่าจะมีทั้งหมดสิบเก้าคน แต่ทำไมมันถึงมีแค่สิบเอ็ดคนล่ะ?
แต่พอมองไปที่สายเลี่ยนเหยียน ก็พบว่ามีทั้งหมดสิบสามคน ...
ทำไมถึงมีมากกว่าพวกเขาตั้งสองคน!
สีหน้าท่าทางของซูอี้หรานไม่ดีเลย ดูจากจำนวนแล้ว มันเป็การดูถูกสายจั่วเหยียนอย่างมาก!
“ข้าบอกกับเ้าไปตั้งเกือบสามสิบครั้งแล้วว่าข้าไม่รู้”
โอวหยางเต้าอวี่ส่ายหัว ทางเขานับแล้วก็มีแค่สิบคน น้อยกว่าของทางซูอี้หรานไปหนึ่งคน ...
ถึงแม้สถานการณ์จะย่ำแย่กว่า แต่โอวหยางเต้าอวี่กลับไม่ได้ร้อนใจเหมือนอย่างซูอี้หรานเลย เมื่อเจอปัญหาเขาจะรับมืออย่างสุขุม แต่พอเห็นซูอี้หรานมีท่าทางสติหลุด เขาเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
โอวหยางเต้าอวี่ถอนหายใจ แล้วก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อี้หราน ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันน่าหงุดหงิดอะไรตรงไหนกัน ที่พี่น้องของเรายังไม่มา ถ้าไม่ใช่เพราะเจออันตรายบีบหยกกลับไปแล้ว ก็แค่หาทางเข้าทะเลทรายทางเหนือนี่ไม่เจอ นอกจากนี้แล้ว ไหนเ้าบอกข้าหน่อยสิว่ายังมีความเป็ไปได้อะไรอีกบ้าง?”
“ความเป็ไปได้อย่างอื่น ... ”
ที่ซูอี้หรานรอนานมาก เขาก็แค่คิดว่าศิษย์คนอื่นยังไม่มา ยังไม่ได้คิดถึงความเป็ไปได้อะไรอย่างอื่นเลย หลังจากได้ยินอย่างนั้นก็เบะปาก แล้วเริ่มคิดในมุมของสายเลี่ยนเหยียนขึ้นมา
ในกลุ่มของสายเลี่ยนเหยียน เ้าสวะกับผู้หญิงแพศยานั่นไม่อยู่ ส่วนอีกสองคนถูกเขาฆ่าไประหว่างทาง เหลืออีกสามคนคิดว่าคงเจออันตรายไประหว่างทางบีบหยกกลับไปแล้ว ถ้าลองนับดู สิบสามบวกเจ็ดก็จะเท่ากับยี่สิบคนพอดี
ส่วนฝั่งเขา นอกจากเ้าสวะนั่นที่มีความสามารถในการฆ่าคนของสายจั่วเหยียนแล้ว คนของสายเลี่ยนเหยียนคนอื่นไม่มีทางมีความสามารถฆ่าพวกเขาได้เลย และคงไม่มีความกล้าแบบนั้นด้วย
“จริงด้วย!”
ซูอี้หรานหรี่ตาลง เขากดเสียงให้เบาลงและพูดกับโอวหยางเต้าอวี่ว่า “หรือว่าจะเป็ฝีมือ ... เ้าบ้าิอวี่กัน?”
“เขาไม่ได้บีบหยกแตกหนีกลับไปแล้วหรือ?” โอวหยางเต้าอวี่ขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้ารู้สึกว่ามันอาจจะยังมีความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่ง”
ซูอี้หรานวิเคราะห์อย่างจริงจังว่า “ข้ารู้ว่าเขามีเื่กับข้าไปแล้วอย่างไรก็ต้องหนีแน่ แต่เขาจะเลี่ยงเรา แล้วฉวยโอกาสที่เราไม่ทันตั้งตัว ย้อนกลับมาฆ่าคนของเราแทน พอเขาฆ่าเสร็จ แล้วค่อยหนีไป?”
ซูอี้หรานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าภาพมันชัดเจนขึ้น ในใจของเขาเริ่มรู้สึกหนักอึ้ง
“ขอร้องล่ะ ก่อนที่เ้าจะวิเคราะห์อะไรใช้สมองก่อนได้ไหม”
โอวหยางเต้าอวี่มองไปที่ซูอี้หราน สายตาเต็มไปด้วยความจนใจ
ซูอี้หรานไม่ค่อยเข้าใจความหมายของโอวหยางเต้าอวี่เท่าไร ท่าทางของเขาดูงงๆ “ข้าวิเคราะห์ผิดตรงไหน?”
“เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ? แผนฆ่าคนมันเป็ภารกิจของผู้าุโใหญ่ที่มอบหมายให้เรา เ้าดูถูกคนของสายเลี่ยนเหยียนขนาดนั้น หากไม่มีคำสั่งของผู้าุโใหญ่ เ้ากล้าลงมือหรือ?”
โอวหยางเต้าอวี่พูดจนซูอี้หรานอึ้งไปเลย
“เื่นี้ ... เหมือนจะไม่กล้า ดูสถานการณ์ไปก่อนเถอะ”
ซูอี้หรานเริ่มลังเล จะว่าไปเขาก็ดูถูกสายเลี่ยนเหยียนจริงๆ ปกติเขากล้าที่จะไปรังแกคนเ่าั้อยู่แล้ว แต่หากจะให้เขาลงมือฆ่าจริงๆ ถ้าผู้าุโใหญ่ไม่มีคำสั่งหรือไม่ได้รับการปกป้องจากผู้าุโใหญ่ เขาก็ไม่กล้าจริงๆ นั่นแหละ
“ต่อให้เ้าคนที่ชื่อว่าิอวี่นั่นจะแค้นเ้า แต่ถ้าไม่มีคำสั่งจากผู้าุโใหญ่ เ้าให้ความกล้าเขามากแค่ไหน คิดว่าเขากล้าหรือ? เ้ารู้สึกว่าเขาจะบ้าถึงขนาดนั้นเลยหรือ?”
โอวหยางเต้าอวี่พูดอย่างจนใจว่า “อีกอย่าง เขามีเื่กับเ้าไปแล้ว ในเวลานี้ตัวเขาก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย คงจะตื่นตระหนกไม่มีสติ แล้วจะยังมีความคิดจะไปทำเื่อะไรแบบนั้นอีกหรือ? เพราะเ้ากล้าที่จะลงมือฆ่าคน ดังนั้นเ้าก็เลยคิดว่าเขาเองก็กล้าฆ่าคนเหมือนกัน เ้าไม่รู้ตัวเลยว่าเ้ากำลังถูกความคิดของตนเองจูงจมูกอยู่ เลยละเลยจุดอ่อนเื่ความกล้าของคนไป”
ในใจของซูอี้หรานนั้นถูกโอวหยางเต้าอวี่กล่อมได้แล้ว แต่เพื่อให้ตัวเองสบายใจ เขาก็ยังถามกลับไปอีกว่า “จริงหรือ?”
“หากเป็ฝีมือของเขาจริงเ้ามาตัดหัวข้าไปได้เลย พอใจหรือยัง”
โอวหยางเต้าอวี่เริ่มโกรธ เขาถูกซูอี้หรานถามจนรำคาญ!
“ไม่ใช่อย่างนั้น ... ”
ซูอี้หรานรู้สึกผิด เขาเหมือนยังอยากจะอธิบาย แต่คิดไม่ถึงว่าโอวหยางเต้าอวี่จะไม่อยากสนใจเขาอีกแล้วถึงหันหลังเดินหนีไปเลย
โอวหยางเต้าอวี่ปรบมือ ทำให้คนของทั้งสายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนหันมา เขาค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า “ทุกคนฟังข้าให้ดี ครั้งนี้น่าจะมีพี่น้องบางส่วนของเรามีอันตรายอะไรบางอย่างและกลับไปแล้ว หรือไม่ก็อาจจะหาทางเข้ามาที่นี่ไม่เจอ เราเองก็จะไม่รอแล้ว เื่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องรีบหาัทะเลทรายให้เจอ”
ที่นี่ ถึงแม้โอวหยางเต้าอวี่จะเป็คนของสายหรงเหยียน แต่ท่ามกลางทั้งสองสายความสามารถของเขาคือพระเ้า เลยเหมือนกลายเป็เสาหลักในใจของทุกคนไป
“เข้าใจแล้ว”
ศิษย์ชั้นยอดที่ยังมีความกังวลก็เริ่มรวบรวมสมาธิ แต่ละคนรีบขี่อสูรสัตว์ปีกของตัวเอง ตามโอวหยางเต้าอวี่เข้าไปในทะเลทรายดูดด้านใน
ทรายดูดที่อยู่ไกลออกไปนั้นค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ และในส่วนลึกของทะเลทรายดูด ก็มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ขนหัวลุกและสั่นสะท้านค่อยๆ คืบคลานอยู่บนผืนทราย
