ิเป่าจูคิดแบบเดียวกับเถ้าแก่หวัง ที่หลังเขาน่าจะหาได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังอยากไปดูต้นเกล็ดัอีกด้วย
“ได้ หากเ้าสามารถหาได้ ข้าจะให้ราคาเดียวกับราคาตลาด”
หากให้ตามราคาตลาด สมุนไพรเหล่านี้ก็มีมูลค่าไม่น้อยเลย เถ้าแก่หวังหยิบพู่กันมาเขียนชื่อสมุนไพรทั้งหมดลงไป
“เื่นี้ท่านรีบหรือไม่” ิเป่าจูถามขึ้น ขณะที่เถ้าแก่หวังกำลังยุ่งอยู่
“ไม่ใช่เื่เร่งด่วน แต่ทางที่ดีก็อย่าช้าเกินไป ให้เวลาเ้าสามวันพอหรือไม่”
คนป่วยผู้นั้นเป็โรคเรื้อรัง ยาช้าไปไม่กี่วันไม่มีปัญหา แต่คนเป็หมอต่างก็ปรารถนาที่จะรักษาให้คนเจ็บป่วยหายโดยเร็วที่สุด
แต่การหาสมุนไพรไม่ใช่จะสำเร็จภายในวันเดียว คะเนว่าเวลาสามวันไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงเกินไปสำหรับิเป่าจู
หลังจากเขียนเสร็จก็ส่งให้ ไม่ได้อธิบายใดๆ เท่าที่เขาสังเกตจากพฤติกรรมของิเป่าจูใน่สองครั้งมานี้ นางน่าจะเข้าใจในสิ่งที่เขาเขียนให้
เป็ไปตามคาด ิเป่าจูรับมาอ่านเสร็จก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า แล้วพับกระดาษสอดไว้ที่สายรัดเอวอย่างดี เถ้าแก่ก็รู้ได้ว่านางเข้าใจแล้ว
“เช่นนั้นข้าจะนำของในกระบุงออกมาให้” ขณะกล่าววาจา ก็หยิบสมุนไพรในนั้นขึ้นมาทีละต้น แล้วส่งให้เด็กฝึกงานในร้านเอาไปจัดการ
“นี่คือสิ่งใด” มีห่อผ้าอีกห่ออยู่ก้นกระบุง เถ้าแก่หวังมิได้หยิบมาเปิดออกดู แต่ก็อดถามไม่ได้
“อ้อ นี่คือดีงู ท่านช่วยคิดราคาได้หรือไม่ ดูว่าคุ้มที่จะรับหรือเปล่า”
หากเถ้าแก่หวังไม่ทัก ิเป่าจูก็เกือบลืมเื่นี้ไปแล้วว่าในห่อผ้าใส่ดีงูขาวตัวเมื่อคืนไว้
เพื่อให้สะดวกต่อการระบุประเภท นางจึงวางหัวงูกับหนังงูที่ถลกออกมาหลังจากเอาเนื้อไปทำน้ำแกงใส่มาด้วยกัน ราคาของดีงูแต่ละชนิดย่อมแตกต่างกัน
พวกสมุนไพรนางรู้หมด แต่งูนางไม่ค่อยได้ััมากนัก จึงไม่แน่ใจเื่ราคา
ดูจากรูปพรรณสัณฐานเมื่อวาน ไม่น่าจะเป็งูธรรมดาทั่วไป ดีของมันก็น่าจะได้ราคาอยู่บ้างกระมัง
“เป็งูหงอนกระเรียนแดงเชียวหรือ”
เพราะงูชนิดนี้จะมีสีแดงแต้มที่หน้าผากอยู่หนึ่งจุด มีพิษร้ายแรงอย่างไม่อาจหาใดมาเปรียบปาน ดังนั้นจึงนำชื่อของมันมาตั้งเป็ชื่อพิษ
หากบอกว่าต้นเกล็ดัก่อนหน้านี้ทำให้เขาประหลาดใจแล้ว ตอนนี้กลับประหลาดใจยิ่งกว่า
ไม่ใช่ว่าราคาของมันจะสูงทัดเทียมต้นเกล็ดั แต่เพราะงูหงอนกระเรียนแดงเป็งูพิษที่ผู้คนหวาดกลัว เกษตรกรที่เลี้ยงงูน้อยคนนักที่จะสามารถจับมันมาเป็ๆ เพื่อผสมพันธุ์ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าแม่หนูน้อยคนหนึ่งจะเก็บดีงูมาได้อย่างไร ทั้งยังอยู่รอดปลอดภัยอีกด้วย
เถ้าแก่หวังมองหมิเป่าจูด้วยสายตาพิจารณา แม่นางน้อยคนนี้ดูเหมือนจะมีความลับมากมายเหลือเกิน
แต่เขาอายุปูนนี้แล้ว จึงไม่ได้มีความอยากรู้อยากเห็นแรงกล้าขนาดนั้น
เขาดูออกว่านางคงไม่พูด จึงไม่ซักถาม
“ดีของงูหงอนกระเรียนแดงราคาตลาดอยู่ที่ร้อยห้าสิบตำลึงต่อหนึ่งชั่ง เ้ามีแค่ชิ้นเดียว ข้าให้เ้าหนึ่งตำลึง ก็ไม่นับว่าเอาเปรียบแล้ว ว่าอย่างไร”
ครั้งก่อนขายสมุนไพรรวมทั้งหมดได้แค่สิบตำลึง ดีงูแค่ชิ้นเดียวได้หนึ่งตำลึง นับว่าเกินคุ้มสำหรับนางแล้ว
“ขอบคุณเถ้าแก่มากเ้าค่ะ”
ิเป่าจูผงกศีรษะ นางรู้ว่าดีงูเพียงชิ้นเดียวเกรงว่าร้านอื่นคงจะไม่รับ แต่เถ้าแก่หวังเห็นแก่ต้นเกล็ดัจึงดูแลนางเป็พิเศษ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ต่อไปถ้ามีสมุนไพรดีอะไร นึกถึงจี้ซั่นถังก่อนก็พอแล้ว”
วันนี้ได้ของล้ำค่ามาหลายต้น เฉพาะต้นเกล็ดั ถ้าขายเปลี่ยนมือก็ได้ราคาสูงถึงห้าสิบตำลึงแล้ว นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลายอย่างที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
คำนวณเบ็ดเสร็จแล้วทำเงินให้เขาได้เป็ถุงเป็ถัง
หากจะนำไปทำยา ต้นเดียวก็แบ่งออกเป็หลายใบ ถึงเวลาช่วยชีวิตคน ราคาก็จะเป็อีกแบบหนึ่ง
“แน่นอนอยู่แล้วเ้าค่ะ” ความร่วมมือสองครั้งนี้เป็ไปอย่างราบรื่น จี้ซั่นถังย่อมเป็ตัวเลือกแรกในการทำการค้าอย่างแน่นอน “นี่เป็เงินยี่สิบเอ็ดตำลึงของเ้า”
เดิมทีิเป่าจูคิดว่าจะฝากเงินทั้งหมดไว้ที่เถ้าแก่ก่อน แต่หลังจากไตร่ตรองแล้ว ก็ตัดสินใจเอาไปด้วย
ชีวิตของนางกับน้องชายแต่ละวันล้วนจำเป็ต้องใช้เงิน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ที่บ้านก็มีปากท้องต้องเลี้ยงเพิ่มมาอีกคน เก็บเงินไว้ในมือสะดวกกว่า
ร้านขายยาย่อมสามารถชักเงินยี่สิบเอ็ดตำลึงออกมาได้อยู่แล้ว เขาหยิบเงินสดออกมาจากกล่องส่งให้ิเป่าจู
ิเป่าจูแยกเงินใส่ห่อผ้าออกเป็หลายๆ ห่อ หลังจากนั้นก็ออกไปจากร้านขายยา เมื่อมาถึงตลาดก็ซื้ออาหารแล้วค่อยกลับบ้าน
วันนี้ทุกอย่างราบรื่น นางจึงกลับมาถึงบ้านเร็วหน่อย
เมื่อเดินใกล้จะถึงบ้านเดิม ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่นอกบ้านและพยายามที่จะสอดส่องเข้าไปในบ้านแต่ไกลๆ ยังมีบุรุษสองสามคนที่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อมองดูสถานการณ์ในเรือนอีกด้วย
เปลือกตานางพลันกระตุก รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว มีคนมายืนมุงอยู่หน้าประตูเยอะเกินกว่าจะเปิดประตูเข้าไปในเรือนได้
ลานบ้านเงียบเชียบผิดปรกติ ไม่มีใครสักคน ประตูห้องหลักก็เปิดอยู่ มองปราดเดียวก็เห็นชายชราถือไม้เท้านั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านซ้ายของห้องโถง
คนที่นั่งด้านขวาก็คือิเถี่ยจู้ท่านลุงคนดีของนางผู้นั้น ส่วนหวังซื่อก็ยืนอยู่ด้านข้าง
ิเป่าอวี้ยืนอยู่กลางห้องโถง หลี่ไหวฺอวี้ยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองดูสมุนไพรที่ิเป่าจูปลูกไว้ในลานสวนอย่างไม่อินังขังขอบ
“โอ้ ดูนั่นสิ เป่าจูคนเด่นคนดังของบ้านเรากลับมาแล้ว” สายตาเฉียบคมของหวังซื่อเห็นิเป่าจูเข้ามาในลานบ้าน ก็พูดเหน็บแนมประชดประชันขึ้นมาทันที
หลี่ไหวฺอวี้สังเกตภายในลานเรือนอยู่ตลอด ย่อมเห็นิเป่าจูกลับมาเป็คนแรก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนางเดินเข้ามาอยู่เงียบๆ
ทันใดนั้นเรือนร่างผอมแห้งแต่กลับยืนตรงดุจพู่กันของิเป่าอวี้ก็หันกลับมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าิเป่าจูกลับมาแล้วจริงๆ ก็ร้องเรียกพี่สาวกระท่อนกระแท่น ั์ตาแดง เหมือนจะร้องไห้ออกมา
เมื่อเห็นหวังซื่อ ิเป่าจูก็เดาว่าเื่ของวันนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเื่ก่อนหน้านี้เป็แน่ หวังซื่อน่าจะโมโหจึงกลับมาอีกครั้งเพื่อยุแยงให้เกิดปัญหา เพียงแต่ไม่คิดว่าิเถี่ยจู้ก็มาด้วย
คะเนว่าคงจะกลับไปฟ้องและร้องห่มร้องไห้ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังตามหัวหน้าหมู่บ้านมา ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิม หัวหน้าหมู่บ้านคนนี้เป็คนดีมาก ดูท่าข้อหาที่สองคนนี้ยัดเยียดให้นางคงจะไม่เบา
“คนเด่นคนดังอะไร เป็ตัวไร้มโนธรรมสำนึกเสียไม่ว่า แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ยังกล้าลงมือ ไม่รู้ว่าวันไหนจะก่อเื่ใหญ่อะไรขึ้นมา” ิเถี่ยจู้แค่นเสียงเยาะก่อนเอ่ยขึ้นมา
ิเป่าจูอยากจะหัวเราะ คนผู้นี้นั่งเก้าอี้บ้านของนาง แต่กลับทำตัวราวกับเ้าของบ้าน ถือสิทธิ์อะไร หรือว่าถือสิทธิ์ที่ตนเองหน้าหนากว่าชาวบ้านสองส่วน?
“ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด” ขณะก้าวเท้าข้ามธรณีประตู ิเป่าจูก็หันไปถามหัวหน้าหมู่บ้าน โดยไม่แม้แต่จะชายตาไปที่ิเถี่ยจู้สองสามีภรรยา
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านดูสิ นี่คือเด็กที่พวกเราเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบาก พบหน้าก็ไม่ทักทายสักคำ ทำเหมือนกับพวกเราสองคนไม่ได้อยู่ในห้อง”
ท่าทีของิเป่าจูยั่วโทสะของิเถี่ยจู้อย่างรุนแรง ฝ่ามือหนาตบโต๊ะถึงสามครั้งติดกัน จนกระทั่งขาโต๊ะเก่าตัวนั้นสั่นะเืไปสามหน
“ลำบากมากเลยสินะ ทุกวันยุ่งอยู่กับการหาข้ออ้างสารพัดว่าจะเฆี่ยนตีข้ากับน้องชายเื่อะไรดี” ิเป่าจูพูดถากถาง
เขายังกล้าพูด คิดว่านางพูดความจริงก็ไม่มีใครเชื่ออย่างนั้นหรือ
ิเป่าจูไม่สนใจว่าใครจะเชื่อหรือไม่ แต่นางหาความบันเทิงใจใหม่ๆ ได้แล้ว
เพราะนางพบว่าคำพูดลอยๆ ของตนเองเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้สองคนนั้นโกรธจนเนื้อเต้นได้
“เื่โกหกพกลมพรรค์นี้เ้ายังกุขึ้นมาได้ มโนธรรมสำนึกถูกสุนัขกินไปหมดแล้วจริงๆ” หวังซื่อเืขึ้นหน้า ลุกขึ้นมาเต้นเร่าๆ พลางด่าทอ
“เอาล่ะ เอาล่ะ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว มาเข้าเื่กันเสียที”
หัวหน้าหมู่บ้านกระทุ้งไม้เท้าแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ที่ข้ามา เพราะท่านลุงของเ้าบอกว่าเ้าไม่รักษาจรรยาสตรี [1] ให้บุรุษแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในเรือน มีเื่นี้หรือไม่”
เชิงอรรถ
[1] จรรยาสตรี หมายถึงคุณธรรมที่สตรีออกเรือนแล้วพึงปฏิบัติ โดยหลักแล้วหมายถึง หลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรม สามเชื่อฟังได้แก่ ก่อนออกเรือนเชื่อฟังบิดา หลังออกเรือนเชื่อฟังสามี สามีเสียชีวิตเชื่อฟังบุตร ส่วนสี่คุณธรรมได้แก่ ประพฤติงดงาม วาจางดงาม หน้าตากิริยางดงาม งานฝีมืองดงาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้