คนโบราณมีการบันทึกสำมะโนครัวเหมือนยุคปัจจุบัน เพียงแต่ในศตวรรษที่สามสิบเอ็ด แค่สแกนชิปจากฝ่ามือก็สามารถทราบสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว สมัยโบราณ สามัญชนทั่วไปลงในทะเบียนสำมะโนครัว ผู้ที่ขายตัวเป็ทาสลงในทะเบียนทาส ในทะเบียนทาสจะระบุข้อมูลของเ้านายอย่างชัดเจน
ถังชิงหรูพาหลินหลันเซิงจากไป เมื่อพ่อเล้าผู้นั้นบอกว่าไม่ต้องให้เงินก็ได้ นางย่อมจะไม่ให้ อย่างไรเสียหลินหลันเซิงก็ได้รับทุกข์ทรมานมาหลายปี นางไม่เรียกร้องค่ารักษาอาการาเ็และค่าทำขวัญก็ดีเท่าไรแล้ว หากเขายังจะเอาเงิน ก็ต้องดูว่ากำปั้นของเขาแข็งพอหรือไม่
หลินหลันเซิงจับมือของถังชิงหรูไว้แน่น นางพยุงเขาขึ้นรถม้า หลังจากนั่งในรถเรียบร้อย ถังชิงหรูก็บังคับรถไปจากเรือนเบญจมาศ
จนกระทั่งกลับมาถึงจวนสกุลฉิน ถังชิงหรูเลิกม่านรถเพื่อจะพาหลินหลันเซิงลงมา แต่ชั่วขณะที่เลิกม่านขึ้น หลินหลันเซิงดูราวกับสัตว์เล็กๆ ที่กำลังสับสน แววตาของเขาที่มองนางว่างเปล่า แต่ก็มีความวิตกกังวล นั่นคือความรู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งใหม่
ถังชิงหรูมองเขา ความเ็ปพาดผ่านเข้ามาในหัวใจ เด็กคนนี้ถูกทำร้ายอย่างล้ำลึก ไม่เพียงแต่ร่างกาย หัวใจก็มีาแ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมภายนอกก็คือความกลัว จากนั้นก็หลบซ่อนตัว แม้ถังชิงหรูจะเป็คนช่วยชีวิตและมอบความอบอุ่นให้ แต่หลังจากที่เขาสงบจิตใจได้แล้ว ก็ยังคงตอบสนองด้วยการหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ
ถังชิงหรูพยายามยิ้มอย่างนุ่มนวลให้ตนเองดูเป็ธรรมชาติ นางยื่นมือส่งให้หลินหลันเซิง มองเขาด้วยแววตาอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า "เด็กโง่ ไปนั่งตรงนั้นทำไม ลงจากรถได้แล้ว เพราะจัดการกับคนชั่ว ตอนนี้พี่สาวหิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว เ้าไม่หิวรึ"
หลินหลันเซิงได้ยินถ้อยคำของถังชิงหรูก็ส่ายหน้าเบาๆ "ข้าไม่หิว ทุกวันข้ากินแค่มื้อเดียว ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากินข้าว"
ถังชิงหรูได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจ คนเ่าั้มันเดรัจฉานแท้ๆ นางน่าจะเผาสถานที่โสมมแห่งนั้นให้กลายเป็เถ้าถ่าน ให้คนเ่าั้สูญสิ้นไปจากโลกใบนี้เสีย
น้ำตาของนางเอ่อคลอเบ้า พยายามบังคับเสียงของตนเองมิให้สั่นเครือ "ไม่ได้ เ้าผอมเหลือเกินแล้ว พี่สาวแค่อุ้มยังรู้สึกใ ต่อไปเ้าต้องกินให้มาก จะได้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง"
หลินหลันเซิงวางมือน้อยๆ ของตนเองบนมือของถังชิงหรู เป็ครั้งแรกที่เขาลองไว้เนื้อเชื่อใจคนคนหนึ่ง ถังชิงหรูแน่ใจว่าหากตนเองทำให้หลินหลันเซิงผิดหวัง เขาจะปิดใจของตนเองโดยสิ้นเชิง ส่วนภายภาคหน้าเด็กคนนี้จะเปลี่ยนไปเป็เช่นไร ก็ไม่มีผู้ใดสามารถคาดคะเนล่วงหน้าได้ ดังนั้นนางจะดูแลเขาอย่างดี มิให้เขาต้องเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อนาง
ในยุคสมัยปัจจุบันถังชิงหรูไร้ญาติขาดมิตร เป็จอมยุทธ์พเนจรคนหนึ่ง แม้ว่านางจะมีพร์อันล้ำเลิศ ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่น ทว่าหัวใจของนางกลับว่างเปล่าและว้าเหว่เดียวดาย ในศตวรรษที่สามสิบเอ็ด ไม่มีใครสามารถเข้ามาในหัวใจของนางได้ เพราะนางคือยอดอัจฉริยะ ทั้งยังมีรูปโฉมพิลาสเฉิดฉันอย่างที่ไม่มีใครเทียบเทียม ผู้อื่นจึงกล้าแต่ยกนางขึ้นแท่นบูชา
หลินหลันเซิงก้มหน้าอย่างเขินอาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยได้รับความเอาใจใส่จากผู้อื่น แต่วาจาของถังชิงหรูอ่อนโยนขนาดนั้น เขาย่อมตระหนักได้ว่านี่คือความใส่ใจที่นางมีต่อตนเอง
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดียิ่ง หรือว่านี่ก็คือความรู้สึกของการมีมารดา?
เขาเคยจินตนาการไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งว่ามารดาของตนเองจะเป็อย่างไรบ้าง เห็นเด็กคนอื่นมีมารดา เขาก็ปรารถนาอยากมีมารดาสักคน ในความฝันเขามีท่านแม่ ท่านแม่ของเขาทั้งงดงามและใจดี อ่อนโยนต่อเขายิ่งนัก แม้ยามตื่นขึ้นมาเขาจะกลับมาเป็เด็กที่ไม่มีมารดาเหมือนเดิม แต่ก็ยังใช้ความฝันมาปลอบประโลมหัวใจตนเอง
ถังชิงหรูพาหลินหลันเซิงเข้ามา พ่อบ้านอยู่ตรงหน้าประตูมองมาที่พวกเขาสองคน ยามเห็นเด็กชายผอมบางคนนั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอย่างมีเมตตา
"นายท่านเตรียมห้องให้เ้าตัวเล็กคนนี้แล้ว" พ่อบ้านกล่าว
"ไม่ต้องหรอก เขากับข้าอยู่ห้องเดียวกันได้" ถังชิงหรูเอ่ยเสียงเรียบ "ทำให้พ่อบ้านต้องเป็กังวลแล้ว"
"อื้ม แม่นางตัดสินใจเองก็ดี" พ่อบ้านเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไป
ถังชิงหรูไปยังโรงครัวก่อน ทำบะหมี่ชามหนึ่งให้หลินหลันเซิงกับตนเอง ในบะหมี่เพิ่มไข่ไก่ และใส่ต้นหอมสับลงไปเล็กน้อย ไม่ช้าบะหมี่ไข่ธรรมดาก็เสร็จเรียบร้อย
หลินหลันเซิงถือชามที่กำลังร้อนๆ ในมือ แววตาตกตะลึงไปชั่วขณะ
"เป็อะไร" ถังชิงหรูมองเขาด้วยความสงสัย "เ้าไม่ชอบบะหมี่ไข่หรือ อยากกินอะไรล่ะ ข้าจะทำให้"
"เปล่า" หลินหลันเซิงทอยิ้มหวาน "ข้าไม่เคยใช้ชามที่สะอาดแบบนี้มาก่อน และไม่เคยกินบะหมี่ด้วย"
"แล้วเมื่อก่อนเ้ากินอะไร" ถังชิงหรูลูบศีรษะเขาเบาๆ
"วอวอโถว[1] หากท่านพ่ออารมณ์ดีหน่อย ก็จะให้กินหม่านโถวสักลูก ถึงกลิ่นจะเหม็น แต่ก็เป็ของดีที่สุดที่ข้าเคยกินแล้ว" หลินหลันเซิงสีหน้าเคลิบเคลิ้ม นึกถึงรสชาติของหม่านโถวลูกนั้น ท่าทางเยี่ยงนั้น ถังชิงหรูเห็นแล้วก็รู้สึกหดหู่ใจ
นางลอบกำหมัด บอกตนเองให้สะกดกลั้นอารมณ์ไว้ บัดนี้เด็กคนนี้หลุดพ้นจากทะเลทุกข์มาได้แล้ว ไม่ต้องติดตามบุรุษวิปริตผู้นั้น ไม่ต้องถูกทรมานสารพัดเยี่ยงนั้นอีก ต่อไปนางจะดีกับเขาเป็เท่าตัว ให้เขาเดินออกมาจากเงามืดให้ได้
"รีบกินเถอะ" ถังชิงหรูช่วยเป่าให้ก่อน "เอาล่ะ กินได้แล้ว"
หลินหลันเซิงคีบบะหมี่ในชามอย่างระมัดระวัง ยามเลื่อนเข้ามาััถูกริมฝีปากยังไม่ทันกินเข้าไป เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่พุ่งเข้าปะทะจมูก
ถังชิงหรูมองหลินหลันเซิงกินบะหมี่ชามแรกในชีวิตของเขาด้วยแววตาเฝ้ารอ
ยามบะหมี่เข้าปาก ต่อมรับรสของเขาก็เปิดออก รู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา เขากินบะหมี่ตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ราวกับได้ลิ้มอาหารเลิศรส ความจริงนี่คืออาหารที่อร่อยที่สุดสำหรับเขา แต่ไรมาเขาไม่เคยกินของอร่อยเช่นนี้มาก่อน เชื่อว่าเขาจะไม่มีวันลืม่เวลานี้ไปชั่วชีวิต
ดังนั้นในอีกหลายปีต่อมา ยามที่เขาอยู่ในตำแหน่งสูง ได้ทั้งอำนาจและหญิงงาม แต่สิ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุดกลับยังคงเป็บะหมี่ชามนี้ และผู้ที่ทำบะหมี่ให้แก่เขา บุคคลผู้นี้เป็เสมือนมารดาในดวงใจ ซึ่งนำพาโอกาสและอนาคตอันสดใสมาให้ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือเื่ราวในภายภาคหน้า
ที่หน้าประตู มีบุรุษคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น มองถังชิงหรูกับหลินหลันเซิงยิ้มให้แก่กัน เขามองรอยยิ้มบนใบหน้าของนางอย่างตกตะลึง แววตาของถังชิงหรูอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนมารดาของตนเองเมื่อกาลก่อน หากไม่เกิดเื่เ่าั้กับมารดา เขาก็คงจะเป็คนโชคดีที่มีความสุขมากกระมัง
เดิมทีคิดจะมาเอาเื่กับถังชิงหรู ทว่าความโกรธเกรี้ยวส่วนนั้นกลับอันตรธานสิ้นแล้ว แปรเปลี่ยนเป็ความสงบสุขเข้ามาแทนที่
"เมื่อครู่ข้าบอกพวกเขาไปว่าพวกเราจะอยู่ห้องเดียวกัน หากเ้าไม่ยินดีก็บอกข้าได้นะ" ถังชิงหรูกินไปคุยไป
หลินหลันเซิงรีบสั่นศีรษะ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
"เ้าไม่ยินดีหรือ งั้นข้าจะให้พวกเขาจัดห้องให้เ้าใหม่"
พอหลินหลันเซิงได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งร้อนใจ ดึงอาภรณ์ของถังชิงหรูพลางทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
ถังชิงหรูถึงเพิ่งตระหนักว่าตนเองเข้าใจความหมายของเขาผิดไป รีบเอ่ยว่า "เ้ายินดีสินะ เช่นนั้นก็ตามนี้ล่ะ ไม่ต้องร้อง ข้าแค่ถามดูเท่านั้น"
"พี่สาว..." หลินหลันเซิงพูดเสียงเบา "ขอบคุณขอรับ"
นี่คือครั้งแรกที่เขาเป็ฝ่ายเริ่มพูดก่อน ั้แ่ออกมาจากเรือนเบญจมาศ แววตาของหลินหลันเซิงก็เหมือนกับสัตว์เล็กๆ ที่ได้รับาเ็ หวาดระแวงทุกอย่างรอบตัว แม้ว่าจะพอเชื่อมั่นในตัวนางอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดใจ ยามนี้พอได้ยินเขาเอ่ยวาจา หัวใจนางรู้สึกเป็สุขอย่างถึงที่สุด
นางขยี้เรือนผมของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "รีบกินซะ กินเสร็จแล้วเราจะไปอาบน้ำ ดูสิตอนนี้ตัวเ้ามอมแมมขนาดไหน นายท่านของบ้านนี้ไม่ชอบเด็กสกปรก ขืนเขาเห็นเ้าตอนนี้มีหวังพี่สาวถูกด่าเละแน่ๆ เ้าไม่รู้หรอกว่าเขาดุแค่ไหน พี่สาวทำงานให้เขา ต้องระมัดระวังไปเสียทุกเื่ แน่นอนว่าตราบใดที่เชื่อฟังคำสั่ง เขาก็นับว่าดีมาก หน้าตาก็หล่อมากด้วย หากไม่มีสิ่งใดนอกเหนือความคาดหมาย อีกสักครู่เ้าก็จะได้พบเขา แล้วเ้าจะได้รู้ว่าไม่มีผู้ใดในใต้หล้าหน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าเขาอีกแล้ว ที่จริงคนหน้าตาดีแบบนั้นควรจะอยู่บน์มากกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่ามาอยู่บนโลกมนุษย์ได้อย่างไร เ้าว่าไหม"
ถังชิงหรูพูดสรรเสริญเยินยอเฟิ่งหยางเป็ชุดๆ แม้แต่หลินหลันเซิงยังอึ้งงัน
ยามบุรุษที่หน้าประตูได้ยินถ้อยคำก่อนหน้าของนาง เพลิงโทสะก็ยังมีอยู่บ้าง แต่พอนางเอ่ยประโยคหลังๆ ออกมา โทสะซึ่งเป็ดั่งเพลิงกองเล็กในหัวใจเหมือนถูกลมพัดจนดับวูบ ยิ่งนางเอ่ยถึงเขาแบบนั้น กลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกประหลาดในหัวใจ ท้ายที่สุดความรู้สึกผิดปรกติวูบนั้นก็ถูกความเก้อเขินแกมขุ่นเคืองขับไล่ออกไปจนหมดสิ้น
"อย่านึกว่าแค่เ้าพูดเยินยอ แล้วคุณชายเยี่ยงข้าจะละเว้นความผิดเ้า" เฟิ่งหยางที่ยืนอยู่หน้าประตูกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเอ้อระเหย
ถังชิงหรูได้ยินเสียงเฟิ่งหยาง สีหน้าก็เผยความประหลาดใจออกมา "คุณชาย มาั้แ่เมื่อใดเ้าคะ"
ที่จริงถังชิงหรูได้ยินเสียงของเฟิ่งหยางนานแล้ว เลยจงใจเอ่ยวาจาเ่าั้ สองสามประโยคแรกใช้เสียดสี ก่อนวกมาปิดด้วยประโยคหลัง ซึ่งจะทำให้เฟิ่งหยางสงวนทีท่ากับหลินหลันเซิงบ้าง ไม่ทำสิ่งใดเกินไปนัก ถึงอย่างไรเขาก็เป็แค่เด็ก ประกอบกับเฟิ่งหยางหาได้มีนิสัยชอบการทำลายล้าง ย่อมไม่สร้างความลำบากใจให้เขาแน่
"คุณชายเยี่ยงข้า... ก็เพิ่งมาถึงน่ะสิ" เฟิ่งหยางเห็นความหวาดผวาในแววตาของหลินหลันเซิง ลมปากพลันเปลี่ยนทิศ น้ำเสียงอ่อนโยนลงมาบ้างเล็กน้อย ไม่เ็าแข็งกระด้างเหมือนตอนเริ่มต้น
กับความเปลี่ยนแปลงจุดนี้ เฟิ่งหยางเองก็รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน เขากลายเป็คนเวทนาสงสารเด็กั้แ่เมื่อไร หลายปีมานี้ ตนเองสังหารคนมาไม่น้อย อย่าว่าแต่เด็ก แม้แต่หญิงมีครรภ์ก็สังหารมาแล้ว ยามลงมือกับคนเ่าั้ เขาไม่เคยใจอ่อนแม้แต่กระผีกริ้น อย่างไรเสียหญิงมีครรภ์กับเด็กเ่าั้ก็มีความเป็ไปได้สูงที่จะเป็สายลับที่ศัตรูส่งมา
"คุณชายนึกกังวลเื่การค้าใช่หรือไม่" ถังชิงหรูกินบะหมี่เสร็จแล้ว ก็ใช้ผ้าในมือเช็ดปากพลางเอ่ยว่า "ข้าหาหญิงปักผ้าชุดใหม่ได้ ตอนนี้น่าจะมีคนพามาส่งแล้ว คุณชายสามารถให้พ่อบ้านตรวจสอบพวกนางก่อน หลังจากนั้นข้าจะสอนงานพวกนางเอง ถึงอย่างไรหญิงปักผ้าชุดก่อนก็พิการไปเสียแล้ว ยามนี้ก็มีคนใหม่เข้ามา คุณชายไม่ต้องกลัวว่าจะขาดทุน ถึงหญิงปักผ้าชุดก่อนเ่าั้ไม่อาจทำงานปักผ้า แต่หากเป็งานเช่นยกน้ำชายังพอทำได้อยู่ สามารถให้พวกนางอยู่ทำงานเป็สาวใช้ได้"
เฟิ่งหยางมองนางด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ ยามเห็นผงแป้งที่ใช้สำหรับการปลอมตัวที่นางเติมบนใบหน้า ความรังเกียจเดียดฉันท์ก็วาบผ่านดวงตา
"ยามอยู่ในจวนไม่ต้องแปลงโฉมก็ได้ อย่างไรเสียหน้าตาเ้าก็ขี้ริ้วขี้เหร่ คุณชายเยี่ยงข้าไม่สนใจอยู่แล้ว ยามออกไปค้าขายหน้าร้านค่อยแปลงโฉม" เฟิ่งหยางกล่าว
"เ้าค่ะ" ถังชิงหรูเชื่อฟังคำสั่งเขาเป็พิเศษ
--------------------------------------------------------------------------------
[1] วอวอโถว หรือขนมรังนก ทำมาจากแป้งข้าวโพดชนิดหยาบมีลักษณะเป็รูปกรวยสีเหลือง ตรงก้นมีหลุม มีใยอาหารสูง สามารถทานเป็อาหารหลักเช่นเดียวกับหม่านโถว แต่ราคาถูกกว่ามาก