แน่นอนว่าจวงเหิงซิ่งไม่กล้าสู้กับซูเหยียนเื่สู้ไม่ได้คงไม่เท่าไร แต่เพราะมีลุงหลงและองครักษ์โลหิตัคอยปกป้องซูเหยียนอยู่หากเขากล้าลงมือกับซูเหยียนจริงๆเขาคงถูกจับโยนออกไปนอกสำนักหมื่นิญญาได้อย่างสบายๆและการทำแบบนั้นคงไม่ต่างจากทำให้ตัวเองอับอายขายหน้า
…
ประมาณบ่ายสี่โมงณ หอประชุมสำนักหมื่นิญญา
ห้องประชุมขนาดใหญ่สามารถรองรับได้ถึงห้าพันคนเริ่มแรกใน่ก่อตั้งสำนักหมื่นิญญาที่นี่ถือเป็สนามประลองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลินเสี่ยเฉิงเล่ากันว่าสร้างขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ที่มีชาติตระกูล ทว่าตอนนี้กลายเป็สถานที่ประชุมขนาดใหญ่หรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ ล้วนจัดขึ้นที่นี่และการทดสอบของศิษย์ใหม่ถือเป็พิธีสำคัญที่เป็ประจำทุกปีดังนั้นศิษย์เกือบทั้งหมดของสำนักจึงมารวมกันอยู่ที่นี่
ภายในหนึ่งชั่วโมงหอประชุมก็เริ่มแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
ในฐานะศิษย์ใหม่ที่สอบติดในสิบอันดับแรกพวกเราทั้งหมดต้องอยู่ด้านหลังเวทีเพื่อรอรับคำท้าซูเหยียนและถังเชวียนมีท่าทีที่ผ่อนคลายเพราะศักยภาพของนางสามารถเอาชนะศิษย์สิบอันดับแรกของสำนักจวี๋ฉีได้สบายข้านั่งลงอย่างเงียบๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดถามขึ้น “ซูเหยียน การประลองครั้งนี้นอกจากจะได้เรียนในสำนักจวี๋ฉีแล้วยังมีอะไรนอกเหนือจากนี้อีกไหม?”
“ก็ได้เงินทุนการศึกษาไง...”
ซูเหยียนอมยิ้ม“นี่เ้าไม่รู้เหรอ? การประลองครั้งนี้มีคะแนนห้าสิบคะแนนซึ่งจะมีผลต่อการจัดสิบอันดับแรกใหม่และเงินทุนการศึกษาก็จะได้ลดหลั่นกันไปตามอันดับของแต่ละคน โดยเฉพาะอันดับที่หนึ่งจะได้เงินไม่น้อยเลยล่ะ”
“จริงเหรอ? แล้วจะได้เท่าไรล่ะ?...” ข้าเริ่มอยากได้ขึ้นมาแล้วสิ
“อันดับที่หนึ่งน่าจะได้ห้าล้านเหรียญหลงหลิงอันดับที่สองสามล้านเหรียญหลงหลิง อันดับที่สามสองล้านเหรียญหลงหลิงหลังจากนั้นก็ลดลงเรื่อยๆ ตามลำดับและอันดับที่สิบคงได้ประมาณหนึ่งแสนเหรียญหลงหลิงล่ะมั้ง”
“อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว...”
ตั้นไถเหยานั่งลงข้างๆพลางตบบ่าของข้าเบาๆ “อาจารย์ปู้ ถ้าเ้าทำให้คู่ต่อสู้แพ้ราบคาบผู้คุมสอบจะให้เ้าเต็มห้าสิบคะแนนแน่นอน ฉะนั้น…ตอนนี้เ้าควรเตรียมตัวให้ดีแล้วคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ แต่ถ้ามีกติกาแปลกๆเพิ่มเข้ามาก็อาจจะยากหน่อย”
“กฎกติกาแปลกๆ คืออะไร?”
“เดาไม่เห็นจะยาก” ตั้นไถเหยาพูดขึ้น“คู่ต่อสู้ของพวกเราคือศิษย์สิบอันดับแรกของสำนักจวี๋ฉีโดยจะเริ่มจากอันดับที่หนึ่ง เ้าลองเดาดูสิว่าเขาจะเลือกใครเป็คู่ต่อสู้?แน่นอนว่าต้องเป็คนที่อ่อนแอที่สุด…สุดท้ายพอถึงซูเหยียนนางก็ต้องสู้กับอันดับที่สิบอย่างเลี่ยงไม่ได้เชื่อสิว่าใช้เวลาไม่ถึงวินาทีก็จัดการได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคะแนนการทดสอบเลย”
หัวใจของข้าเหมือนจะหยุดเต้นเสียอย่างนั้น“ข้าควรทำอย่างไรดี...”
…
ผ่านไปไม่นานอาจารย์จึงประกาศให้เริ่มการประลอง พวกเราทั้งสิบคนเดินลงสนามตามลำดับรายชื่อซึ่งข้าคือคนสุดท้ายที่เข้าไปยืนในสนาม แสงไฟสว่างจ้าทั่วทั้งหอประชุมอาจารย์ประกาศรายชื่อและอันดับเพื่อเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง
ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศศิษย์ทั้งสิบอันดับจากสำนักจวี๋ฉีก็ทยอยเข้ามาในสนามจวงเหิงซิ่งซึ่งอยู่ในอันดับที่สี่จ้องเขม็งมาที่ข้าด้วยสายตาอวดดีสำหรับเขาคงเป็โอกาสดีที่จะได้แก้แค้นทว่าครั้งนี้ยังเป็โอกาสดีที่ข้าจะได้แสดงความแข็งแกร่งเหมือนกัน
“ลำดับต่อไป ขอเรียนเชิญท่านรองเ้าสำนักขึ้นมากล่าวเปิดงานด้วยขอรับ!”
ภายใต้แสงไฟที่สว่างไสวปู้เสวียนยินที่รูปร่างสวยสดงดงามปรากฏตัวในมือถือไมโครโฟนพร้อมกับสีหน้าท่าทางใจดีแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม“ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดีกับศิษย์ใหม่ที่ยอดเยี่ยมทั้งสิบคนด้วยการประลองครั้งนี้วัดกันแค่ใครแพ้ใครชนะไม่ได้มีเจตนาให้ทำร้ายคู่ต่อสู้จนถึงแก่ความตาย ทว่าหากเกิดการฆ่าฟันกันขึ้นจะถูกไล่ออกจากสำนักและส่งมอบให้ตำรวจเมืองหลินเสี่ยเฉิงทันที ถ้าทุกคนเข้าใจกฎกันอย่างชัดเจนแล้วก็เริ่มกันเลย!”
นางหันหลังเดินกลับไปนั่งยังตำแหน่งรองเ้าสำนักพลางส่งยิ้มมาให้ข้า
ข้าได้แต่ยิ้มกลับไปทว่าในใจกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่ลึกๆเพราะมีผู้คนมากมายต่างกำลังจับจ้องเฝ้าดูอยู่ ถึงแม้ว่าข้าจะเคยต่อสู้มามากแต่ข้าก็ไม่เคยต่อสู้ต่อหน้าคนจำนวนขนาดนี้มาก่อน!
อาจารย์ขั้นสูงท่านหนึ่งพูดขึ้น“เอาล่ะ เริ่มประลองได้ เริ่มจากศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจวี๋ฉี เชวียนหยวนจิ้นเ้าจะเลือกใครเป็คู่ต่อสู้?”
เชวียนหยวนจิ้นคือชายผู้ไว้ผมเปียคนหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาเอาการ ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในขั้น์ระดับสมบูรณ์ทั้งยังเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าสำนัก สายตาของเขากวาดมองมาที่พวกเราในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “หลี่สวิน เ้ามาเป็คู่ต่อสู้ของข้าแล้วกัน!”
จู่ๆสีหน้าของหลี่สวินก็ซีดเผือดลงไป
เหมือนที่พวกเราคิดไว้ไม่มีผิดหลี่สวินที่ถูกคู่ต่อสู้ซัดเข้ามาเพียงหมัดเดียวก็แพ้อย่างราบคาบแบบไม่ทันได้ตอบโต้
“ศิษย์ใหม่หลี่สวิน คะแนนการประลอง 15 คะแนน!”
เมื่อเห็นสภาพของหลี่สวินที่กลับมาอย่างห่อเหี่ยวข้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจไปด้วย ศิษย์ใหม่อันดับที่สี่แพ้คู่ต่อสู้อย่างราบคาบ เพราะแค่ความแข็งแกร่งก็คนละระดับกันแล้ว!
ศิษย์อันดับที่สองของสำนักจวี๋ฉีคือไอลาหญิงคู่ควงของจวงเหิงซิ่ง นางกวาดสายตามองพวกเราราวกับได้เลือกไว้ั้แ่แรกนางยิ้มแล้วพูดขึ้น “กระบี่โลหิตหวังอี้ ข้าจะเป็คู่ต่อสู้ของเ้าก็แล้วกัน ว่าไง?”
หวังอี้ชะงักไปถึงนางจะเป็ศิษย์ใหม่อันดับสาม แต่ถ้าได้คู่ต่อสู้ระดับไอลาคงไม่มีโอกาสชนะครั้งนี้แน่
เพียงแค่สามสิบวินาทีได้หวังอี้ก็พ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดายกระบี่โลหิตถูกโจมตีจนปลิวออกไปไกลเพราะเดิมทีนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไอลาอยู่แล้ว
“ศิษย์ใหม่หวังอี้ คะแนนการประลอง 12 คะแนน!”
อันดับสามของสำนักจวี๋ฉีเป็ผู้ชายคนหนึ่งชื่อหลินเค๋อหน้าตาออกทางน่ารักเสียมากกว่าทว่าหน้าตาที่น่ารักนั้นมิอาจปกปิดสายตาที่เฉียบคมไว้ได้เขามองมายังศิษย์ใหม่ที่เหลืออยู่ ในที่สุดก็พูดขึ้น “ถังเชวียหรานข้าจะเป็คู่ต่อสู้ของเ้าเอง!”
ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะแข็งแกร่งมากไม่นึกเลยว่าจะเลือกผู้หญิงอย่างถังเชวียหรานที่อยู่อันดับสองเป็คู่ต่อสู้!
“ถือว่าเป็เกียรติอย่างมาก”
ถังเชวียหรานก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับสีหน้าและรอยยิ้มที่เ็า เพียงแค่นางเผยฝ่ามือออกธนูคลื่นมรกตก็ปรากฏขึ้นทันทีจากนั้นหลินเค๋อจึงชักกระบี่ยาวสีใสซึ่งเป็อาวุธิญญาอย่างกระบี่สลาตันออกมา
ขณะนั้นพี่เสวียนยินก็กระแอมก่อนจะพูด“เปิดเส้นกั้นพลัง”
“ขอรับ ท่านรองเ้าสำนัก!”
เส้นกั้นพลังที่ใสแวววาวแผ่ขยายปกคลุมทั่วทุกสารทิศของสนามประลองเพื่อป้องกันไม่ให้ถังเชวียหรานยิงธนูพลาดทำร้ายคนรอบนอก
“มาเริ่มกันเลย!”
หลินเค๋อะโลั่นก่อนพลังพร์จะเริ่มแผ่ออกมาคิดไม่ถึงว่าเป็การเสริมความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับพลังพร์ของตั้นไถเหยา!
ไม่กี่อึดใจพละกำลังและความเร็วเริ่มพลุ่งพล่าน หลินเค๋อปล่อยสายฟ้าฟาดตรงไปที่ถังเชวียหรานพลังที่แข็งแกร่งนี้บ่งบอกได้ว่าเขาฝึกวิชาลมหายใจขั้นที่ห้าได้ถึงระดับสุดยอดแล้ว!
สวบ...
ทว่าการตอบสนองของถังเชวียหรานรวดเร็วกว่ามากพริบตาเดียวนางสามารถยิงธนูได้ถึงสองครั้งติดต่อกันแต่ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปทั้งสองลูกถูกหลบเลี่ยงได้ทันแต่นั่นแค่แผนการล่อเป้าเท่านั้น เพราะเมื่อลูกที่สามถูกยิงออกไปเป้าหมายก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของนางได้!
“ปัง!”
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนใกว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ก็เกิดขึ้นไม่นึกเลยว่า หลินเค๋อจะสามารถใช้กระบี่สลาตันยับยั้งลูกธนูเอาไว้ได้ช่างเป็การตัดสินใจที่แม่นยำจริงๆ! กระบี่สลาตันพัดปัดออกประหนึ่งคลื่นสายลมก่อนเขาจะพุ่งตรงไปที่หน้าอกของถังเชวียหรานทันที
การที่นักธนูถูกนักกระบี่ประชิดกายหมายถึงชีวิต
ทว่าการตอบโต้ของถังเชวียหรานกลับทำให้ผู้คนประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อนางใช้คันธนูคลื่นมรกตปัดป้องกระบี่สลาตันในทันทีทันใดจากนั้นยกขาขวาขึ้นและใช้พลังของเคล็ดวิชาเบญจสลาตันไร้เทียมทานเตะพุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลินเค๋อและนั่นคือวิชาที่หายสาบสูญไปของตระกูลถังนั่นเอง!
เห็นได้ชัดว่าลูกเตะนี้ทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัวถังเชวียหรานทิ้งระยะห่างอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ยิงลูกธนูออกไปอีกสามลูกหนึ่งในนั้นพุ่งเข้าใส่หลินเค๋อก่อนจะกระทบเข้ากับเกราะรบของเขาจนเกิดเสียง
ในขณะที่หลินเค๋อใกล้จะตามทันนั้นถังเชวียหรานกลับเหยียดมือซ้ายออกจับพลังลมของกระบี่ที่ไร้ซึ่งรูปร่างแกว่งไปมาอย่างแ่เบา‘ฟึบ’ เกิดลมพายุขึ้นกลางอากาศจนสั่นะเืทำให้หลินเค๋อถึงกับต้องเดินถอยหลังไปตอนนี้เกราะรบของเขาสลายไปแล้วและเมื่อเงยหน้าขึ้นจึงพบกับขาทั้งสองข้างของถังเชวียหรานยืนประจันหน้าพร้อมกับธนูคลื่นมรกตที่มีลูกธนูอันเย็นเยือกกำลังง้างจ่อยิงมาที่หน้าผากในระยะไม่กี่เิเ
หลินเค๋อแพ้แล้วแพ้อย่างยับเยิน!
“ศิษย์ใหม่ถังเชวียหราน ได้คะแนน 20 คะแนน!”
กลายเป็คะแนนที่สูงที่สุดในตอนนี้ทำให้ผู้ชมหลายพันคนต่างพากันปรบมือเสียงดังเกรียวกราวไปทั้งสนาม
ดูเหมือนว่าถังเชวียหรานจะได้รับความนิยมจากคนในสำนักอยู่ไม่น้อย!
การประลองของคู่ต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้น
อันดับสี่ของสำนักจวี๋ฉีอย่างจวงเหิงซิ่งก้าวออกมาด้วยท่าทางยั่วยุอวดดี“ปู้อี้เชวียน ไหนมาให้ข้าดูหน่อยสิว่าน้องใหม่คนที่สิบมีศักยภาพหรือคุณสมบัติอะไรบ้างถึงได้เข้ามาอยู่ในสิบอัยดับแรกได้อย่างไร!”
ทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าการแข่งขันครั้งนี้เต็มไปด้วยความดุเดือดสาเหตุอาจมาจากเื่ากับสามปราชญ์ที่ถูกแพร่กระจายออกไปแต่นั่นเป็เพียงการต่อสู้ในตอนกลางคืน ซึ่งอาจเป็แค่บังเอิญไม่นับว่าได้รับชัยชนะที่แท้จริง แต่ครั้งนี้ทุกการเคลื่อนไหวจะอยู่ภายใต้สายตานับพันคู่และไม่มีทางเป็แค่เื่บังเอิญอย่างแน่นอน
จวงเหิงซิ่งมีการบำเพ็ญอยู่ในขั้น์ระดับกลางพลังของวิชาลมหายใจัน่าจะอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นที่ห้าอีกทั้งยังมีเคล็ดวิชาดาวตกประจำกาย และพลังโลกันตร์พิภพสองวิชาที่หายสาบสูญซึ่งถือเป็ข้อได้เปรียบ
ส่วนข้อได้เปรียบของข้าคงเป็เคล็ดวิชามักรและวิชาลมหายใจั ทั้งยังมีประสบการณ์การฝึกฝนสามปีเต็มที่เขตเหนือและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงการต่อสู้ซึ่งระยะเวลาสามปีทำให้ข้าเข้าใจว่าการบำเพ็ญเป็เพียงปัจจัยหนึ่งในการตัดสินชัยชนะและความพ่ายแพ้แต่ก็ไม่เสมอไป มีตัวอย่างมากมายของผู้มีฝีมือในขั้น์แต่กลับเอาชนะผู้มีฝีมือในขั้นเทวิญญาได้เื่แบบนี้มันอยู่ที่ตัวเองต่างหากล่ะ!
จวงเหิงซิ่งยืนตรงข้ามห่างกันประมาณสิบเมตรแสงไฟที่อยู่ในสนามสาดส่องมารวมกันที่เราทั้งคู่
“เริ่มการประลองได้!”
เมื่อสิ้นเสียงระฆังจวงเหิงซิ่งแผดเสียงคำราม อากาศรอบตัวฟุ้งกระจายออกเผยให้เห็นัสีเขียวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดตัวกำลังดิ้นรนกระหายที่จะออกมาราวกับมีชีวิตซึ่งเป็พลังระดับเซียนของวิชาลมหายใจัขั้นที่ห้า
ทุกคนตกอยู่ในอาการหวาดผวาเพราะพลังลมหายใจัของจวงเหิงซิ่งเหนือชั้นกว่าหลินเค๋อมาก
จวงเหิงซิ่งเคลื่อนพลังเคล็ดวิชาดาวตกเห็นเป็แสงจากดวงดาวระยิบระยับจึงสาดส่องออกมาขณะเดียวกันกระบี่ไร้อริในมือก็ฉายแสงเจิดจ้าออกมาเช่นกัน
ข้าขมวดคิ้วเล็กๆก่อนจะทำร่างกายให้หนักแน่น ปรากฏพลังิญญาอันพลุ่งพล่านอย่างน่าอัศจรรย์คล้ายว่ารอบตัวถูกห้อมล้อมด้วยยอดเขาสูงตระหง่านทั้งยังมีเทพัแหวกว่ายระหว่างยอดเขาภายใต้อำนาจซึ่งเป็ผลจากพลังเทพัยอดสิงขร
พลังที่แข็งแกร่งได้เข้าบดขยี้พลังขั้นที่ห้าของจวงเหิงซิ่งจนย่อยยับ!
ทุกคนต่างลุ้นระทึกจนได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดเพราะความตื่นเต้น
“ให้ตายเถอะเ้านี่เป็แค่ศิษย์สำรองแต่ฝึกวิชาลมหายใจัได้ถึงขั้นเจ็ดเลยหรือเนี่ย?”
“เป็...เป็ไปได้อย่างไรขนาดอาจารย์หลายคนยังฝึกไม่ถึงขั้นที่เจ็ดด้วยซ้ำ!”
“แม่เ้า นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าอัจฉริยะแถมยังเป็อัจฉริยะอย่างแท้จริงเลยด้วย!”
…
จวงเหิงซิ่งมองมาอย่างเกรี้ยวกราดสีหน้าดูลังเลไม่มั่นคง เห็นได้ชัดว่าเขาคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะเข้าสู่วิชาลมหายใจัขั้นเจ็ดแล้วจึงได้ะโขึ้น “เ้ายังไม่เอากระบี่คมจันทราออกมาอีก อยากตายหรือไง?”
ข้าหัวเราะขึ้นเบาๆ“สู้กับคนอย่างเ้า จำเป็ต้องใช้อาวุธิญญาด้วยเหรอ?”
ประโยคนี้คงทิ่มแทงใจจนจวงเหิงซิ่งโกรธเืขึ้นหน้า
“รนหาที่ตาย!”
กระบี่ไร้อริกลายเป็ดวงดาวปะทุพุ่งตรงเข้ามานี่กะจะฆ่ากันให้ตายชัดๆ
ข้าเห็นมันอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนจึงยื่นฝ่ามือพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยพลังแปดกระบี่ร้างของเคล็ดวิชาาเข้าไปหากระบี่ของเขาทันที
จับกระบี่มือเปล่า!
จวงเหิงซิ่งหน้าซีดเผือดลงฉับพลันเมื่อฝ่ามือของข้าแทงทะลุกระบี่ไร้อรินั่นก่อนจะเข้าประชิดพร้อมกับกระหน่ำพลังหมัดของแปดกระบี่ร้างตามด้วยหมัดสายฟ้าเข้าที่อกเต็มแรง!
ตุ้บ!ตุ้บ!
เพียงแค่สองหมัดเท่านั้นเกราะรบของเขาก็เริ่มร้าวจาก้า
การต่อสู้ที่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือกลับกลายเป็ความชำนาญของข้าที่สุดไปแล้ว
ฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังซัดไปจนเกิดเสียง‘ฟึบ ฟึบ ฟึบ’ ข้าใช้ฝ่ามือตีลงไปที่จุดสำคัญระหว่างแขนของจวงเหิงซิ่งพลังิญญาได้แทรกซึมเข้าไปในร่างพริบตาเดียวก็สามารถทำลายการเคลื่อนไหวของเขาได้ทันที
“ข้าจะฆ่าเ้า!” เขามีท่าทีโกรธเกรี้ยวมากขึ้นก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ไร้อริเพื่อโจมตี
ข้าย่อตัวลงอย่างฉับพลันใช้ฝ่ามือยันพื้นเอาไว้ จากนั้นจึงถีบขาขวาออกไปพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนเอกากัลป์เบิกขุนเขา!
ตูม!
ลูกถีบนี้ได้พุ่งตรงเข้าไปที่เกราะของจวงเหิงซิ่งจนแตกละเอียดตามด้วยหมัดอีกชุดใหญ่ และบิดตัวเตะเข้าไปอีกที สองขาทลายบัว!
จวงเหิงซิ่งล้มพับลงกับพื้นข้าก้าวไปข้างหน้า ง้างหมัดขวาที่อัดอั้นไปด้วยพลังชกเข้าที่ใบหน้าสุดแรง ‘ตุบ’แค่หมัดเดียว จวงเหิงซิ่งถึงกับกระเด็นไปไกลเกือบสิบเมตรเขานอนฟุบอยู่ตรงขอบสนามไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นใบหน้าบอบช้ำเต็มไปด้วยเื มือทั้งสองข้างสั่นระริกทว่าแววตายังคงแข็งกร้าวและอยากจะชนะข้าเหมือนเดิม
ข้าขึ้นไปบนเวทีและมองลงมายังเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ก้องกังวาน “จวงเหิงซิ่งเ้าใช้อำนาจบาตรใหญ่เที่ยวรังแกศิษย์ไปทั่วแต่ตอนนี้ยุคของเ้าได้จบสิ้นลงไปแล้ว!”
…
ทั้งสนามเงียบลงไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงมีเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวจนเพดาน้าแทบเปิดออก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้