ครึ่งชั่วโมงต่อมาการประลองในรอบแรกก็สิ้นสุดลง เหลือเพียงแค่ 32 คนที่อยู่บนเวทีประลอง คนส่วนใหญ่ที่ถูกกำจัดจะอยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 หรือขั้นที่ 6 แน่นอนว่ามีขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 บางคนที่โชคร้ายถูกคนร่วมมือกันเอาชนะ และถูกกำจัดออกจากเวทีประลองไป
ขณะที่บางคนในการต่อสู้รอบแรกแทบไม่ได้ขยับตัวเลยอย่าง หลินเชียน หลินหงพี่ชายของหลินเชียน หลินอู๋ หลินยู่และหลินเฟิง
“ฮ่าๆ ไอ้หมอนี่มันโชคดีจริงๆ ที่หลินเชียนปกป้องให้มันผ่านเข้ารอบต่อไปได้”
“ทำไมหลินเชียนถึงปล่อยให้มันเข้ารอบที่สองล่ะ”
ฝูงชนพากันวิพากษ์วิจารณ์หลินเฟิง เกี่ยวกับเื่ที่เขาได้เข้ารอบต่อไปโดยไม่ต้องต่อสู้
การแข่งขันในรอบที่สองจะถูกแบ่งออกเป็สี่กลุ่ม กลุ่มละแปดคน ซึ่งจะต้องผลัดกันต่อสู้ ทุกคนต้องต่อสู้กับอีกเจ็ดคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน สองคนที่ชนะมากที่สุดจะได้เข้าสู่รอบต่อไป
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือจับฉลากแบ่งกลุ่ม จากนั้นผู้าุโสองจะเป็คนประกาศรายชื่อ และหลินเชียนอยู่ในกลุ่มที่หนึ่ง
“หลินเฟิง หลินเหยี้ยน หลินเยว่ หลินหลัน หลินลี่ หลินฉ่ายจู และหลินยู่ อยู่กลุ่มที่สี่”
เมื่อได้ยินที่ผู้าุโสองประกาศรายชื่อกลุ่ม ผู้าุโสามก็หัวเราะออกมา “ความแข็งแกร่งของกลุ่มที่สี่ มีสี่คนที่อ่อนแอที่สุด ด้วยระดับการบ่มเพาะของหลินยู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ในกลุ่มที่สี่ หลินยู่แข็งแกร่งที่สุด” หลินป้าต้าวกล่าวอย่างมั่นใจ
“ฮ่าฮ่า พูดแบบนั้นได้ที่ไหนกัน ถ้าเจอหลินเชียน หลินยู่ต้องแพ้แน่นอน” เห็นได้ชัดว่าผู้าุโสามกับหลินป้าต้าวมีผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นพวกเขาจึงพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“ท่านรู้หรือไม่ว่า หลินเฟิงจะอยู่ลำดับที่เท่าไรในกลุ่มที่สี่?” ผู้าุโสามพูดเสียงกระซิบ ขณะเหลือบตามองไปที่หลินไห่
เวทีประลองอันยิ่งใหญ่ถูกแบ่งออกเป็สี่ส่วน เพื่อให้ทั้งสี่กลุ่มสามารถประลองพร้อมกันได้
“กลุ่มที่หนึ่ง หลินเชียนคู่กับหลินหาน กลุ่มที่สอง หลินหงคู่กับหลินเหล่ย กลุ่มที่สาม หลินอู๋คู่กับหลินเสี่ยว และกลุ่มที่สี่ หลินเฟิงคู่กับหลินเหยี้ยน”
เมื่อฝูงชนได้ยินประกาศจับคู่ในรอบแรก ก็อดไม่ได้ที่จะตาเป็ประกาย ดูเหมือนว่าผู้าุโสองจะวางแผนมาเป็อย่างดี
สองพี่น้องอย่างหลินเชียนและหลินหงไม่จำเป็ต้องพูดถึง หลินยู๋เป็ผู้นำของคนรุ่นใหม่ในตระกูลหลิน ส่วนหลินเฟิง เขาไม่เพียงแค่อ่อนแอเท่านั้น แต่ชื่อ ‘เสีย’ ของเขากลับโด่งดังมาก เพื่อไม่ให้ต้องอับอายขายขี้หน้า ดังนั้นการต่อสู้ในรอบแรกของทั้งสี่กลุ่ม จึงวางแผนให้หลินเฟิงลงประลองก่อนเป็คนแรก แทนที่จะเป็หลินยู๋
ทั้งแปดคนที่ถูกเรียกชื่อต่างเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง การต่อสู้ที่ทุกคนจับตามองมากที่สุดก็คือ หลินเชียนและหลินเฟิง พวกเขาอยากจะเห็นว่าตอนนี้หลินเชียนแข็งแกร่งขนาดไหน และอยากจะรู้ว่าไอ้ขยะหลินเฟิงอยู่ขั้นไหนแล้ว
“ข้ายอมแพ้” หลินหานจากกลุ่มที่หนึ่งกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หลายๆ คนแสดงความผิดหวังออกมา แต่พวกเขาก็เข้าใจเหตุผลของหลินหานดี แน่ล่ะสิ ใครจะกล้าไปตอแยกับหลินเชียนกัน
“กลุ่มที่หนึ่ง หลินเชียนเป็ผู้ชนะ” ผู้าุโสองประกาศ
เมื่อไม่มีการต่อสู้ของหลินเชียน สายตาของฝูงชนก็เบนไปยังการต่อสู้ของกลุ่มที่สี่แทน
หลินเฟิงกับหลินเหยี้ยน
“ข้าไม่อยากให้ดาบของข้าต้องได้รับความอัปยศ ดังนั้นเ้ายอมแพ้ไปซะ” หลินเหยี้ยนบรรลุขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 และมีจิติญญาแห่งดาบ ทำให้คู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันยากที่จะต่อกรกับเขาได้ หลินเหยี้ยนปรายตามองไปที่หลินเฟิงอย่างหยิ่งผยอง
“กลุ่มที่สี่ หลินเหยี้ยนเป็ผู้ชนะ”
ผู้าุโสองประกาศผลการต่อสู้ทันที
“หืม?” แววตาของหลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย หลินเหยี้ยนเป็ผู้ชนะ? เขาพูดว่ายอมแพ้หรือ?
แต่หลินเหยี้ยนดูเหมือนจะคิดว่านี่เป็เื่ที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงเดินลงจากเวทีประลองไปด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน
“ทำไมเ้ายังอยู่ที่นี่?” ผู้าุโสองถามขึ้นเมื่อเห็นหลินเฟิงยืนนิ่งไม่ขยับ
“ข้ายอมแพ้แล้วเหรอ?” หลินเฟิงถาม
ผู้าุโสองขมวดคิ้ว ไอ้เด็กนี่ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆ เขาอุตส่าห์ช่วยรักษาหน้าให้ ไม่เพียงไม่สำนึก แต่ยังกล้ามาถามเขาอีก
“จะยอมหรือไม่ยอมแพ้ ผลลัพธ์มันก็เหมือนๆ กัน ยังไม่รีบลงไปอีก อย่ารบกวนงานชุมนุมประจำปี”
“ในเมื่อข้าไม่ได้ยอมแพ้ ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงได้ประกาศให้หลินเหยี้ยนเป็ผู้ชนะ?” ราวกับว่าหลินเฟิงไม่ได้ฟังที่ผู้าุโสองพูด เขายังคงถามต่อ
“ข้าคือผู้าุโสอง เป็พิธีกรในงานชุมนุมประจำปี”
“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเห็นผู้นำตระกูลอย่างข้าอยู่ในสายตาเลยสินะ” หลินไห่กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในความสงบนิ่งกลับแฝงไปด้วยความโกรธ “ผู้าุโสอง ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน เ้าก็ยังกล้าละเมิดกฎของงานชุมนุมประจำปี ยังไม่ทันได้เริ่มการประลองก็ประกาศผลการต่อสู้ออกมาแล้ว ใครให้เ้าทำเช่นนี้?”
“ท่านผู้นำ จริงๆ แล้วการต่อสู้ในรอบนี้ไม่จำเป็ต้องประลองก็รู้ผล เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของท่าน ข้าจึงทำเช่นนี้ ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจความปรารถนาดีของข้า?”
“ปกป้องศักดิ์ศรีของข้า? จริงหรือ?! ข้านึกว่าเ้าจงใจทำให้ข้าอับอายเสียอีก ตอนนี้เ้าลงไปได้แล้ว งานชุมนุมประจำปีจะให้ผู้าุโหกเป็คนดำเนินงานแทน”
“ข้าไม่เห็นด้วย” หลินป้าต้าวกล่าว
“ข้าก็ไม่เห็นด้วย ผู้าุโสองได้กระทำไปอย่างมีเหตุผล” ผู้าุโสูงสุดก็คล้อยตามไปด้วย ในเวลาเดียวกันหลินเฮ่าหลัน ผู้าุโสาม ผู้าุโเจ็ด ทั้งหมดได้ลุกขึ้นยืนเพื่อคัดค้าน
“นี่คือการขู่หรือ?” หลินไห่กวาดสายตามองไปยังผู้คนเหล่านี้ พี่น้องของเขารวมไปถึงผู้าุโทั้งสี่ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้าุโสามลำดับแรก บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็ผู้กุมชะตากรรมของตระกูลหลิน
“ถ้าข้าจะทำแบบนี้แล้วพวกเ้าจะทำไม?” หลินไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“ท่านผู้นำ ผู้าุโสองไม่ได้กระทำผิด ท่านไม่มีสิทธิ์ไล่ผู้าุโสองออกจากการเป็ผู้ดำเนินงาน ถ้าท่านยืนยันจะทำเช่นนี้ พวกข้าจะคิดว่านี่เป็การแก้แค้นส่วนตัว ซึ่งมันเป็สิ่งที่ผู้นำตระกูลหลินสมควรกระทำหรือ?” ผู้าุโกล่าวพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทุกคนพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที งานชุมนุมประจำปีในวันนี้ มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป …ลุงใหญ่ อาสามและท่านผู้าุโ อยากจะให้หลินไห่ลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล
หลินไห่หัวเราะและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้ารู้ดีว่าพวกเ้า้าอะไร แต่ในเมื่อพวกเ้ามีข้ออ้าง งั้นข้าก็จะบอกข้ออ้างของข้าบ้าง”
ดวงตาของพวกเขาฉายแววตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าหลินไห่หมายถึงอะไร
เมื่อเห็นหลินไห่หันกลับมาและกล่าวกับทุกคนว่า “หลินเฟิงลูกของข้ากับหลินเหยี้ยนเป็คู่ต่อสู้กัน ทั้งๆ หลินเฟิงไม่ได้เป็ฝ่ายเอ่ยปากว่ายอมแพ้ แต่ผู้าุโสองกลับประกาศให้หลินเหยี้ยนเป็ฝ่ายชนะ ข้าคิดว่าผู้าุโสองได้ท้าทายกฎของตระกูลหลิน ซึ่งเป็การกระทำที่น่ารังเกียจมาก นอกจากนี้ยังมีผู้าุโบางส่วนคิดว่า ข้ากำลังใช้อำนาจของผู้นำตระกูลมาแก้แค้นส่วนตัว ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนได้ประจักษ์ความจริงแก่สายตา ข้าจะให้หลินเฟิงกับหลินเหยี้ยนประลองกัน หากหลินเฟิงแพ้ นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าผู้นำตระกูลอย่างข้าเป็คนใจแคบ ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลหลินอีกต่อไป และข้าเต็มใจที่จะสละตำแหน่งผู้นำตระกูล”
หลินไห่พูดจบ ฝูงชนก็ดูวุ่นวายขึ้นมาทันที เมื่อสามเดือนก่อนหลินเฟิงอยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 6 ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะบรรลุไปยังขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 แล้วก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเหยี้ยนอยู่ดี ท่านผู้นำทำเช่นนี้เพื่อให้โอกาสกับลุงใหญ่และคนอื่นๆ หรือ?
แน่นอนว่าแววตาของหลินป้าต้าวและคนอื่นๆ เป็ประกายขึ้นมา คิดไม่ถึงเลยว่าหลินไห่จะพูดแบบนี้ หึๆ ก็ดี พวกเขาจะได้ไม่ต้องยกข้ออ้างอื่นขึ้นมาพูด
“แต่ถ้าหลินเฟิงชนะ นี่จะเป็ข้อพิสูจน์ว่าผู้าุโสองได้ดูิ่กฎของตระกูลหลิน และในฐานะผู้นำตระกูลหลิน ข้าจะปลดผู้าุโสองออกจากตำแหน่ง” น้ำเสียงของหลินไห่เปลี่ยนเป็เย็นะเืขึ้นมา ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นที่แพร่กระจายออกมาจากร่างของหลินไห่ หลินไห่ใช้ตำแหน่งผู้นำตระกูลของตัวเองเป็เดิมพัน
“ข้าเห็นด้วย” หลินป้าต้าวกล่าวด้วยสีหน้าเ็า น้ำหน้าอย่างหลินเฟิงจะชนะหลินเหยี้ยนได้อย่างไร?
“ข้าก็เห็นด้วย” ผู้าุโสูงสุดกล่าว
“เยี่ยม ผู้าุโสอง แล้วเ้าล่ะ?” หลินไห่กล่าวขณะมองไปที่ผู้าุโสอง
ผู้าุโสองแอบก่นด่าทุกคนอยู่ในใจ หากหลินเฟิงชนะขึ้นมา คนที่ซวยคือเขาคนเดียว เนื่องจากเื่นี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับหลินป้าต้าวและผู้าุโคนอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลินไห่ ผู้าุโสองได้แต่กล้ำกลืนความไม่พอใจนี้ไว้และพยักหน้า “ข้าไม่มีความเห็น”
“ซวยจริงๆ” หลินเฮ่าหลันนึกสงสารผู้าุโสองอยู่ในใจ การที่หลินเฟิงสามารถทำลายการบ่มเพาะของหลินเหิงได้ แสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 หลินเหยี้ยนจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาพยายามที่จะหยุด แต่หลินป้าต้าวกับผู้าุโสูงสุดดันตกปากรับคำเร็วเกินไป ทำให้เขาได้แต่กลืนคำเตือนลงคออย่างหงุดหงิด
“หลินเหยี้ยน เ้าขึ้นมาสู้กับเขา” ผู้าุโสองกล่าวอย่างเ็า และกวาดสายตามองไปที่หลินไห่ นี่จะทำให้เ้าต้องสละตำแหน่งผู้นำตระกูลอย่างแน่นอน
หลินเหยี้ยนกลับขึ้นมาบนเวทีประลองและมองหลินเฟิงอย่างเยาะเย้ย “ตัวเองเป็ขยะไร้ค่าไม่พอ ยังจะทำให้บิดาต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่ไม่เป็ไร การที่ข้า หลินเหยี้ยน ได้เป็ส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผู้นำตระกูลก็นับว่าไม่เลว”
“เ้าจะใช้ดาบหรือคำพูดมาประลอง? เหอะ ดีแต่พล่ามเื่ไร้สาระทั้งนั้น”
“หาที่ตาย” หลินเหยี้ยนกล่าวขณะชักดาบออกมาจากฝัก และพุ่งไปหาหลินเฟิง
“เงาดาบพร่างพราย”
“ไสหัวไปซะ!” หลินเฟิงตวาดออกมา ก่อนจะทำลายคลื่นดาบที่หลินเหยี้ยนปล่อยออกมาในพริบตา จากนั้นหมัดคู่ของเขาก็ชกไปทางช่องโหว่ของดาบ และกระแทกเข้าที่หน้าอกของหลินเหยี้ยน จนทำให้ร่างของเขากระเด็นออกไป
ดาบปักลงที่พื้น ส่วนหลินเหยี้ยนก็นอนกองบนพื้นด้วยสีหน้ามึนงงปนสับสน แพ้แล้ว? เขาแพ้ได้อย่างไร?
“ไม่ว่าจะความเร็ว การตั้งท่า ความดุดัน สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีในดาบของเ้า มิหนำซ้ำท่าดาบยังเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย การที่เ้าใช้ดาบนับว่าเป็ความอัปยศของดาบแล้ว ไอ้ขยะเอ๊ย!” หลินเฟิงเตะดาบไปทางหลินเหยี้ยนขณะที่กล่าวออกมา
ไม่เพียงแต่หลินเหยี้ยนที่ตะลึง ทุกคนในตระกูลหลินล้วนตกตะลึงเช่นกัน ฉากนี้ดูคุ้นเคยมาก มันเหมือนกับตอนที่หลินเฟิงเอาชนะหลินหยุนเมื่อสามเดือนก่อนชัดๆ แค่กระบวนท่าเดียวก็ไม่สามารถต้านทานได้
ทุกคนมองไปยังหลินเฟิงที่ยืนอยู่บนเวทีประลองอย่างอึ้งๆ หลินเฟิงในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและห้าวหาญ นี่นะหรือนายน้อยขยะ ราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนเป็คนละคนกัน กระทั่งหลินเหยี้ยนที่อยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 ก็ไม่อาจต้านทานเขาได้ แม้แต่กระบวนท่าเดียว
“เป็ไปได้อย่างไร ทำไมถึงเป็เช่นนี้?” ร่างของผู้าุโสองถึงกับสั่นสะท้านและรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่าง ส่วนหลินไห่ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดได้เดินมาหาหลินเฟิงทีละก้าวๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้