คราวนี้จิตใจองค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่ร้อนรนแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าหญิงสาวสองคนนี้้าลงมือสังหารแล้วจริงๆ ราชันพิษผู้หนึ่ง ราชันโอสถผู้หนึ่ง ล้วนเป็ผู้สังหารคนสิ้นชีวิตได้อย่างง่ายดายทั้งสิ้น อีกทั้งบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์กับหญิงสาวทั้งสองคนยังยืนเป็สามเส้าล้อมเขา ขวางทางออกทั้งหมดไว้ ้าตัดเส้นทางถอยของเขาแล้ว
“พี่ไห่ มิต้องเกรงใจ นี่คือความปรารถนาดีของพวกนาง เ้าไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้น พวกเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าสี่คนจะแบ่งสมบัติวิเศษสามชิ้นนี้เท่าๆ กันนี่” บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์กลับน่ากลัวยิ่งกว่า โดยเฉพาะยามที่เน้นย้ำคำพูดว่าสี่คนกับสมบัติวิเศษสามชิ้นเป็พิเศษ
สิ่งที่พวกเขาพูด องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่ฟังแล้วรู้สึกบาดหูรุนแรงเป็พิเศษ ดูแล้วสามคนนี้มีเจตนาที่จะร่วมมือกัน องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่ลอบทอดถอนใจ ตนเองได้รับาเ็ ยังต้องถูกสามคนนี้เล่นงานอีก ดูเหมือนว่าตนจำเป็ต้องตัดสินใจเลือกจะยอมรับหรือปฏิเสธแล้ว
องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่กัดฟันพูดว่า “สมบัติวิเศษเป็ของผู้มีคุณธรรม เมื่อครู่นี้ข้าหยิบไม่สำเร็จ คาดว่าสมบัติวิเศษกับข้าคงไร้วาสนาผูกพัน พวกเ้าทั้งสามไปแบ่งกันเอาเองเถอะ ข้ามิ้าแม้แต่ส่วนเดียวแล้ว!”
“อา! พูดเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า พี่ไห่ หากถูกผู้อื่นทราบเข้า ยังอาจคิดว่าพวกเราร่วมมือกันบีบบังคับเ้านะ!” เหยียนชิงชิงใ พูดขึ้นกะทันหัน
องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่เกลียดชังอยู่ในใจ พวกเ้ามิใช่กำลังร่วมมือกันบีบบังคับข้าหรอกหรือ? ยังมาเสแสร้งทำเป็สูงส่งมีคุณธรรมอันใดอยู่อีก สีหน้าท่าทางบริสุทธิ์ใจยิ่งนัก ถึงแม้ในใจคิดเช่นนี้ แต่ปากกลับไม่สามารถพูดออกมาได้ เกิดสามคนนี้เกิดความอับอายเปลี่ยนเป็โทสะขึ้นมา รั้งเขาไว้ให้อยู่ที่นี่ เขาก็อับจนหนทางเช่นกัน
ยามนี้ องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่เพียงแค้นที่ตอนแรกมิแบ่งสมบัติวิเศษกับบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทันที มุ่งมั่นคิดแต่จะฮุบไว้เพียงผู้เดียว เวลานี้ไม่ได้รับแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว
“ที่ไหนกัน น้ำใจของทั้งสามท่าน ผู้แซ่ไห่ขอรับด้วยใจแล้ว ผู้แซ่ไห่ยอมละทิ้งสมบัติวิเศษด้วยตนเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเ้า” องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกำลังหลั่งโลหิต เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า เวลาที่ตนพูดปด สีหน้ากลับยิ้มแย้มจริงใจถึงเพียงนี้
เหยียนชิงชิงกับสื่อรั่วหนานและบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์สบตากันคราหนึ่ง ต่างยิ้มให้กัน เหยียนชิงชิงเอ่ยขึ้นว่า “พี่ไห่คุณธรรมสูงส่ง ชืดชาต่อทรัพย์สมบัติวิเศษเช่นนี้ เป็บุรุษที่แปลกมหัศจรรย์ ชิงชิงรู้สึกยอมรับนับถือสุดเปรียบปาน นี่คือโอสถรักษาอาการาเ็ในตำรับลับของสำนัก หากพี่ไห่ไม่รังเกียจ สามารถลองดูได้” พูดพลาง เหยียนชิงชิงโยนขวดไปให้เบาๆ
องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่ตอนแรกไม่คิดจะรับไว้ แต่ขณะที่ขวดถูกโยนเข้ามาจากอากาศ เขามองเห็นตัวอักษรบนขวด เป็ลายมือที่ประณีตยิ่งว่ายาสร้างกล้ามเนื้อเชื่อมกระดูก เขาถูกยั่วโทสะจนแทบเป็ลมสิ้นสติ แต่ระมัดระวังเหยียนชิงชิงมากยิ่งกว่าอยู่บ้าง
หลังจากองค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่รับยาสร้างกล้ามเนื้อเชื่อมกระดูกขวดนี้แล้ว สื่อรั่วหนานก็มอบโอสถให้เขาเช่นกัน กลับเป็เม็ดโอสถบำรุงเืลมสงบจิตสมาธิขวดหนึ่ง
องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่รู้สึกขุ่นข้องหงุดหงิดยิ่งนัก ถูกหญิงสาวสองคนเย้าหยอกอย่างดุเดือดรอบหนึ่ง สมบัติวิเศษล้ำค่าสามชิ้นเฉียดผ่านไหล่ตนเองไป เขารู้สึกเจ็บใจเคียดแค้นอีกแล้ว ไฉนเมื่อครู่ตนจึงไม่ลองเสี่ยงดูสักครั้ง
“พี่ไห่ เช่นนั้นไม่ส่งแล้ว” เหยียนชิงชิงขยับไปด้านข้างเปิดเส้นทางออกสายหนึ่ง
“พวกเราค่อยพบกันใหม่!” องค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่สะกดความขุ่นข้องหงุดหงิดในใจลง รีบเร่งเดินผ่ากลางระหว่างสาวสองแล้วจากไป
เื่ราวมาถึงขั้นนี้แล้ว มิสู้ถอนตัวอย่างสง่างาม ั้แ่เริ่มต้นจนตอนนี้ สามคนนั้นมิเคยพูดออกมาว่าจะไม่แบ่งให้เขาแม้แต่ครึ่งคำ ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็เขาพูดขึ้นเอง ในด้านคุณธรรม เขาจึงไม่สามารถกล่าวตำหนิฝ่ายตรงข้ามได้
เห็นองค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่จากไป หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม หลังจากนั้นพูดกับบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ว่า “คุณชายศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อองค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่จิตใจกว้างขวางเช่นนี้ ยอมอ่อนข้อให้สมบัติวิเศษแก่พวกเรา ตอนนี้มีสามคนพอดี คนละหนึ่งชิ้น แต่ต้องดูก่อนว่าภายในขวดเป็สิ่งของใดกันแน่”
บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์หัวเราะดังลั่นขึ้นมา ได้เห็นสีหน้าท่าทางองค์ชายแห่งเทียนนู่ไห่ที่ประสบความพ่ายแพ้ รู้สึกสาสมใจมากเป็พิเศษ สำหรับหญิงสาวทั้งสอง เขากลับไม่รู้สึกกังวลใจ กล่าวถึงที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้มีไมตรีจิตต่อกัน และเขาทราบดีว่าหญิงสาวสองคนขัดแย้งไม่ลงรอยกันตลอดมา ไม่เคยคิดว่าหญิงสาวทั้งสองจะจับมือกันเล่นงานเขา
เวลานี้เขายังไม่ทราบ เหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนานกลายเป็คนของจ้านอู๋มิ่งแล้ว และไม่สนใจผลประโยชน์ของสำนักนิกายอีกต่อไปแล้ว หากสมบัติวิเศษเหล่านี้ไม่สำคัญมากมายนัก หญิงสาวทั้งสองอาจยังคงรักษาน้ำใจส่วนหนึ่งไว้ แบ่งให้บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าสมบัติวิเศษทั้งสามชิ้นสำคัญอย่างยิ่งยวดจริงๆ เกรงแต่ว่าสุดท้ายผู้ที่จากไปอย่างเศร้าสร้อยที่สุดคงต้องเป็บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“ทำลายผนึกอสนีต้องห้ามยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ว่าไม่เกินความสามารถของข้า” บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์มองไปที่บัลลังก์และพูดขึ้น
เดิมร่างของเ้าวิหคเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ก็คือเหยี่ยวสายฟ้าปีกทอง มีพร์ในการควบคุมอสนีทั้งห้า ดังนั้น บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์จึงคุ้นเคยกับผนึกอสนีต้องห้าม มิใช่ของแปลกใหม่แต่อย่างใด
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนคุณชายศักดิ์สิทธิ์แล้ว!” เหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนานถอยไปทางด้านหลังหลายก้าว ยิ้มพลางมองดูบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์
……
การโจมตีของจ้านอู๋มิ่งไม่สนใจต่อเขตแดนโดยสิ้นเชิง หากพูดว่าเขตแดนเหมือนเช่นบึงแห่งหนึ่ง เช่นนั้นจ้านอู๋มิ่งก็คือปลาตัวหนึ่ง ทะลุทะลวงผ่านในนั้นได้อย่างอิสรเสรี
ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นพบว่าตนเองประเมินจ้านอู๋มิ่งต่ำไปแล้ว เขาเชื่อว่าจ้านอู๋มิ่งเป็อัจฉริยะผู้หนึ่ง เนื่องจากเขาสามารถอาศัยพลังปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดต่อสู้ข้ามรุ่น เอาชนะราชันาขั้นต้น แต่เขาไม่เชื่อว่า ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดผู้หนึ่งจะเป็คู่ต่อสู้ของราชันาขั้นสูงสุดได้ แต่จ้านอู๋มิ่งได้ทำลายความเข้าใจของเขาไปแล้ว
“ตูมมม…” การโจมตีของจ้านอู๋มิ่งมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลาให้อูสิงอวิ๋นได้ทันตอบสนองมากมายนัก
“เคร้ง…” อูสิงอวิ๋นปัดป้องหมัดจ้านอู๋มิ่งหมัดหนึ่ง ในที่สุดก็ชักกระบี่ของตนออกมาแล้ว แต่ร่างกายเขากลับกระแทกถูกโล่ฝาครอบสีเขียวอีกครั้ง แรงสะท้อนกลับชนิดนั้นทำให้เขาอยากอาเจียนเป็เื ในตอนที่กระแทกโล่ฝาครอบสีเขียวใช้แรงเข้ากระแทกมากเท่าไหร่ โล่ฝาครอบสีเขียวก็จะสะท้อนกลับมาแรงเท่านั้น ไม่สามารถเจาะทะลุเข้าไปได้เลย
“เ้ามันก็เพียงเท่านี้เองเช่นกัน สมบัติวิเศษเป็ของผู้มีคุณธรรม เ้าก็กระแทกมามากมายหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นเ้าหยิบสำเร็จเช่นกัน ดูเหมือนเ้าจะขาดคุณธรรมจริงๆ!”
ท่าร่างจ้านอู๋มิ่งไม่ได้ล่าถอย ถึงแม้อูสิงอวิ๋นป้องกันหมัดของเขาออกไปแล้ว แต่จ้านอู๋มิ่งเกาะติดข้างกายเขาเหมือนปลิง ที่ทำให้อูสิงอวิ๋นขุ่นข้องหงุดหงิดก็คือ ดูเหมือนร่างกายทุกส่วนของจ้านอู๋มิ่งล้วนสามารถโจมตีได้ ขอเพียงัักับร่างกายเขา ก็จะมีพลังมหาศาลพุ่งเข้าสู่ภายในร่างของเขา ร่างกายของจ้านอู๋มิ่งเสมือนมีพลังแฝงเต็มไปหมด
กระบี่อูสิงอวิ๋นแผ่กระจายออกเหมือนเมฆ แต่กลับเหยียดมือและเท้าออกไม่ได้ เนื่องจากจ้านอู๋มิ่งพัวพันวนเวียนอยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลา ทุกครั้งที่ลงมือได้ครึ่งทาง ข้อมือหรือท่อนแขนก็ถูกขัดขวางไว้ จังหวะกระบวนท่าของเขาถูกขัดจังหวะลง สิ่งนี้ทำให้อูสิงอวิ๋นถูกกระตุ้นจน้าจะรากเื สิ่งที่ทำให้อูสิงอวิ๋นตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ การโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งของจ้านอู๋มิ่ง ขอเพียงพลั้งเผลอเพียงนิดเดียว ก็จะต้องถูกโจมตีใส่อย่างแน่นอน การโจมตีทั้งหมดล้วนถูกชักจูงและสกัดไว้หมดสิ้นแล้ว ได้แต่เห็นกระบวนท่าแก้กระบวนท่า ตอบโต้การเคลื่อนไหวเปี่ยมเล่ห์กลอุบาย การต่อสู้ระยะประชิดนี้ ถึงแม้เขาจะชักกระบี่ออกมาแล้ว ก็ไม่มีข้อได้เปรียบอันใด
“หล่อเหลามาก ก้นเ้าเองก็สวยงามมาก!”
“ว้าว ลำคอเ้าช่างขาวยิ่งนัก…”
“แปลกจริงแฮะ เ้าไฉนจึงเหมือนเช่นสตรีก็มิปาน…”
การโจมตีของจ้านอู๋มิ่งถี่ยิบ พร้อมกับการโจมตีของจ้านอู๋มิ่ง ยังมีคำพูดที่ไร้ยางอายและหยาบคาย แต่ละคำราวกับคมมีดก็ปาน คอยบั่นทอนความภาคภูมิใจของราชันิญญา อูสิงอวิ๋น
ราชันที่ภาคภูมิใจผู้หนึ่ง ยามนี้ดูราวกับสาวงามเมืองที่ถูกถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ ปล่อยให้จ้านอู๋มิ่งแสดงความคิดเห็นตามอำเภอใจ
“ฮึ่ม…” อูสิงอวิ๋นคำรามเสียงต่ำออกมาคำหนึ่ง พลังของเขตแดนพุ่งพรวดทะยานสูง การต่อสู้พัวพันของจ้านอู๋มิ่ง เขาหมดความอดทนแล้ว
“เชอะ…” กระบี่ของอูสิงอวิ๋นทะลุผ่านใต้ซี่โครงของเขา เขาถึงกับโจมตีจ้านอู๋มิ่งด้วยวิธีที่ทำร้ายตนเอง
จ้านอู๋มิ่งอุทานเสียงต่ำคราหนึ่ง ความดุดันเผ็ดร้อนของอูสิงอวิ๋นนั้นเกินความคาดหมายของเขา อูสิงอวิ๋นคำนวณเส้นทางการโจมตีของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว กลับแทงตัวเองจนทะลุด้วยกระบี่ยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการโจมตีใส่จ้านอู๋มิ่ง
“เ้ามันโเี้นัก!” ร่างของจ้านอู๋มิ่งทะยานถอยกลับขึ้นไปบนต้นไม้ั์ ฝ่ามือปรากฏรูเืขึ้นแห่งหนึ่ง แต่เขาปิดรอยาแลงอย่างรวดเร็ว
อูสิงอวิ๋นชักกระบี่ออกมาอย่างช้าๆ เืใต้ซี่โครงเปรอะเปื้อนเสื้อสีเทาจนกลายเป็สีแดงแล้ว
“ข้าประเมินเ้าต่ำไป!” กระบี่อูสิงอวิ๋นกระจ่างเหมือนธารน้ำใส ไม่แปดเปื้อนคราบโลหิตแม้แต่น้อย แต่ทว่า สีหน้าเขากลับซีดขาวอย่างยิ่ง กระบี่นั้นจะทำร้ายศัตรูต้องทำร้ายตนเองก่อน เป็กระบี่ที่ถูกบีบบังคับจนมิอาจไม่ใช้แล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารถสลัดออกมาจากการต่อสู้พัวพันแบบประชิดตัวของจ้านอู๋มิ่งได้เลย
กายเนื้อจ้านอู๋มิ่งแข็งแกร่งไร้ผู้ทัดเทียม การโจมตีก็ดุดันรุนแรงยิ่งนัก ่เวลาเมื่อครู่นี้เอง เขาถูกโจมตีด้วยพลังแฝงของจ้านอู๋มิ่งไปหลายครั้งแล้ว หากต่อสู้กันเช่นนี้ต่อไป แม้ว่าจ้านอู๋มิ่งจะไม่โจมตีใส่เขาโดยตรง ชีพจรของเขาก็จะาเ็จนสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ได้อีก เขาได้แต่ทำลายหม้อน้ำและจมเรือ[1] ทำลายการปิดล้อมเบื้องหน้าออก
“เป็เ้าฝีมือมิสมชื่อเสียงเล่าลือเท่านั้นเอง!” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว ถึงแม้การโจมตีครั้งนี้ของอูสิงอวิ๋นทำให้เขามิอาจไม่ทิ้งระยะห่าง ฝ่ามือยังถูกทำให้เป็แผล แต่อาการาเ็ของอูสิงอวิ๋นนั้นรุนแรงกว่า สำหรับในตอนนี้ เขาครองความได้เปรียบกว่า
“การต่อสู้ของพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!” อูสิงอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกๆ ในดวงตาเปล่งสำนึกฆ่าฟันอันดุร้ายขึ้นวูบ
“ห่างจากตอนจบอีกไม่นานเท่าใดแล้ว” จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่
เขากลับ้าดูว่า อูสิงอวิ๋นมีท่าไม้ตายอะไรกันแน่ ในสิบราชัน แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา แต่ว่าก่อนจะเข้าถ้ำคุนเผิง เขาก็ล้วนไม่กลัว เวลานี้เขาก็้าทราบเช่นกันว่าตนเองกับราชันาสูงสุดมีช่องว่างห่างกันแค่ไหน
……
ภายนอกถ้ำคุนเผิง เหยียนเต้าจื่อรู้สึกใวูบ ขมวดคิ้วขึ้นมา ในดวงตาฉายประกายเข่นฆ่าดุร้ายวูบ พึมพำขึ้น “อวิ๋นเอ๋อร์เผชิญกับวิกฤตอันตรายแบบไหนกัน ถึงกับต้องปลดผนึกบนร่างออก!”
“ศิษย์น้องเหยียนเต้า ใช่เกิดเื่ใดขึ้นแล้วหรือไม่?” เสวียนเสวียนจื่อเห็นการแสดงออกทั้งหมดของเหยียนเต้าจื่อชัดเจน อดที่จะถามขึ้นไม่ได้
“มิมีเื่ใด เพียงแค่ััถึงบางอย่าง เ้าดูสิ แสงสว่างของถ้ำคุนเผิงมืดสลัวลงเรื่อยๆ แล้ว เจตจำนงของคุนเผิงดูเหมือนจะเสื่อมลง อีกไม่นานพวกเราก็จะเข้าไปได้แล้ว ไม่ทราบเช่นกันว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เหยียนเต้าจื่อไม่้าให้เสวียนเสวียนจื่อทราบว่าราชันิญญา อูสิงอวิ๋นได้เข้าไปในถ้ำคุนเผิงเนิ่นนานแล้ว
“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หากสำนักต่างๆ รวมพลังกันโจมตีถ้ำจะสามารถเร่งความเร็วในการทำลายผนึกออกอย่างแน่นอน แต่ก็ยังต้องจัดวางค่ายกลจิติญญาเช่นกัน เพื่อป้องกันเจตจำนงคุนเผิงโจมตีกลับ” เสวียนเสวียนจื่อคิดๆ แล้วพูดขึ้น
สำหรับถ้ำคุนเผิงแห่งนี้ ตัวประหลาดเฒ่ายังคงไม่สามารถปล่อยวางความลับภายในถ้ำได้ สำหรับพวกเขา สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามากที่สุดก็ยังคงเป็ความลับของการอยู่เหนือเทพเ้าา
“จากการลอบสังเกตเมื่อไม่กี่วันก่อนของข้า อาณาเขตค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญภายนอกสถานพำนักมีสัญญาณร่องรอยการปิดตัวลงแบบค่อยเป็ค่อยไป เกรงว่าพวกเราจะอยู่ที่นี่นานมากไม่ได้แล้ว ถ้าเราไม่ออกไปก่อนที่อาณาเขตค่ายกลปิดตัวลง เกรงว่าจะออกไปไม่ได้อีกแล้ว!” หัวข้อคำพูดของเหยียนเต้าจื่อเปลี่ยนไป
“ข้าเองก็รู้สึกกังวลเื่นี้อยู่บ้างเช่นกัน อาณาเขตค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญแห่งนี้ พวกเราเพียงแค่ทำลายตาค่ายกลสีทองไป เปิดประตูทองออก ค่ายกลเบญจธาตุการเกิดและดับสูญคอยเติมเต็มซึ่งกันและกัน วงจรของเบญจธาตุ น้ำทำให้เกิดทอง จะต้องซ่อมแซมตาค่ายกลที่บกพร่องไปโดยอัตโนมัติอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นจะต้องก่อตัวเป็ค่ายกลรูปแบบใหม่ออกมา ดังนั้น พวกเราจะต้องเปิดถ้ำออกก่อนที่ค่ายกลใหญ่จะฟื้นคืนสภาพ มิฉะนั้น พวกเราจะไม่มีวันทราบความลับของถ้ำตลอดกาล” เสวียนเสวียนจื่อพูดอย่างอับจนปัญญา
ค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญเป็มรดกตกทอดสมัยา ความลึกลับของมันไม่สามารถสรุปออกมาได้ทั้งหมด พิจารณาจากปฏิกิริยาของค่ายกล นี่คือค่ายกลที่สามารถซ่อมแซมและปรับปรุงได้ด้วยตัวเองชนิดหนึ่ง นอกจากพวกเขาจะสามารถทำลายทั้งสามตาค่ายกลใหญ่ของธาตุทั้งห้าลงสำเร็จ จึงจะสามารถสกัดกั้นวงจรการเกิดและดับสูญของค่ายกลใหญ่สำเร็จ
“ถ้าศิษย์พี่เสวียนเสวียน้าจะใช้กำลังหักหาญ เปิดถ้ำคุนเผิงออก นิกายิญญา์ของข้าจะสนับสนุนเต็มที่” เหยียนเต้าจื่อทราบนิสัยของเสวียนเสวียนจื่อดี ต่อให้ตนห้ามปรามก็ขัดขวางไม่สำเร็จ กลับมิสู้ส่งเสริมสนับสนุน ยังคงสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสำนักทั้งสองให้ดียิ่งขึ้น
“เช่นนั้นก็ประเสริฐ ข้าจะไปสนทนากับสำนักบริบาลเดรัจฉาน เชื่อว่าพวกเราจะทลายถ้ำนี้ออกได้ในไม่ช้าแล้ว” เสวียนเสวียนจื่อพยักหน้ายิ้มๆ
[1] หลังจากข้ามแม่น้ำแล้วก็ทุบหม้อและจมเรือ เป็การเปรียบเทียบของการตัดสินใจและทำทุกอย่างให้ถึงที่สุด ไม่มีหันหลังกลับ
