กว่าจะกลับมาหานโจวอีกครั้ง ตอนนี้ก็เข้ากลางเดือนหกแล้ว ซึ่งฤดูร้อนของหานโจวนี้อาจเรียกได้ว่าแทบจะย่างคนจนสุกได้ด้วยเหตุนี้ เมื่อกลับถึงจวนหานอ๋อง อวิ๋นซีก็ได้แต่นอนซมป่วยไข้อยู่บนเตียง ร่างทั้งร่างเหนื่อยล้า
“เ้าว่า พระชายาหลับไปวันหนึ่งแล้ว เหตุใดยามนี้นางจึงยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก? ” เพ่ยเอ๋อร์พูดกับฉุนเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยท่าทีเป็กังวลหานอ๋องและพระชายาต่างก็กลับมาจากเหอซีได้หลายวันแล้ว ในทุกๆ วันเมื่อพระชายากินอิ่มก็เข้านอนทันทีและบางครั้งที่อยู่อ่านตำราเป็เพื่อนจวิ้นจู่น้อย อ่านไป อ่านไปก็เผลอไผลหลับใหลไป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พวกนางก็อดกังวลใจไม่ได้
“เ้าว่า เราควรบอกท่านอ๋องหรือไม่ เพื่อที่พระองค์จะได้มีรับสั่งให้ไปเชิญนายท่านอวิ๋นมาเพื่อตรวจดูว่าพระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่” ฉุนเอ๋อร์เองก็เป็ห่วงเช่นกัน นางเสนอแนะเสียงเบา
“ใช่ ข้าว่าเื่นี้เราควรบอกท่านอ๋องได้แล้ว” สุขภาพของพระชายาถือเป็สิ่งสำคัญหากมีอันใดเกิดขึ้น ท่านอ๋องคงได้บั่นคอพวกนางทิ้งทั้งเป็ เพราะในสายตาของท่านอ๋องคาดว่าคงจะมีแค่พระชายาและจวิ้นจู่ที่สำคัญส่วนคนอื่นที่เหลือนั้นล้วนไม่มีความหมายใดต่อพระองค์แม้แต่น้อย
เมื่อคนทั้งสองปรึกษากันเสร็จสิ้นแล้วก็ลอบนำเื่ที่พระชายาเอาแต่นอนซมนี้ไปบอกจวินเหยียนทันทีที่เขาทราบเื่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า พฤติกรรมของนางผิดปกติยิ่ง เพราะหากเป็เมื่อก่อนในทุกๆ วันที่เขากลับมาถึงจวนก็มักจะได้เห็นรอยยิ้มของนางและบุตรสาว
ทว่า สองวันมานี้ ทุกครั้งที่เขากลับมาก็มักจะพบว่านางกำลังหลับอยู่
เดิมทีเขายังนึกไปว่านางน่าจะเหนื่อยเกินไป จึงไม่ได้สนใจอะไร ทว่า ตอนนี้เมื่อได้คิดๆดู ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่เฉกเช่นที่คิดไว้ เนื่องจากตัวนางเองก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ต่อให้กายจะเหนื่อยล้าก็ย่อมฟื้นฟูกลับมาได้เร็วกว่าคนปกติ
ตอนนี้ ในใจเขาชัดเจนแล้วว่า พักหลังมานี้ดูเหมือนนางจะมึนงง ไร้ชีวิตจิตใจ
“เพ่ยเอ๋อร์ เ้ารีบไปที่บ้านอวิ๋น เชิญนายท่านอวิ๋นมาที่จวนเรา และอย่าได้ลืมบอกอาการในตอนนี้ของพระชายาให้เขารู้ด้วย”วิชาแพทย์ของอวิ๋นซานนับว่าเก่งกาจถึงขนาดที่เรียกได้ว่า คนมีชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วทั้งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือดังนั้น อีกฝ่ายจะต้องรู้แน่ว่าอาซีเป็อันใด
เมื่ออวิ๋นซีตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นสามีกลับมาแล้ว นางยิ้มต้อนรับก่อนจะเอ่ยคำ “ท่านกลับมาแล้ว เหตุใดจึงไม่เรียกข้า”
เขากอดเอวนาง จากนั้นจึงจุมพิตริมฝีปากแดงของนางไปทีหนึ่ง“เห็นเ้าหลับสนิทเพียงนั้น แล้วสามีจะตัดใจปลุกเ้าให้ตื่นได้เยี่ยงไร” การได้กอดนางเช่นนี้ทุกวันทำให้เขารู้สึกว่า นี่ช่างเป็ความรู้สึกที่งดงามยิ่งนัก ราวกับว่า การได้มีนางก็เหมือนมีโลกทั้งใบเป็ของตนเอง
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็หัวเราะหึหึ“รู้จักใส่ใจถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อใดกัน”
เมื่อเขาได้ยินคำเหน็บแนมนั้นก็ตีก้นนางไปทีหนึ่ง “สามีไม่ใส่ใจเ้าั้แ่เมื่อใดคนที่ข้ารักที่สุดก็คือเ้า แม้แต่ลูกสาวของเรายังเป็รองจากเ้าเลยเ้าตัวเล็กนี่ ไม่รู้จักพออกพอใจเอาเสียเลย”
“ใช่แล้ว ข้าไม่พออกพอใจ ด้วยหวังอยากให้ทั้งดวงตาและดวงใจของท่านมีแต่ข้า ทว่าข้าเองก็สับสนยิ่ง แม้จะอยากให้ท่านมีเพียงข้า แต่ข้าก็อยากให้ท่านรักใคร่ ปกป้อง และดูแลหวานหว่านให้มากอีกหน่อย”สำหรับบุตรสาวนั้น ไม่ว่าจะเขาหรือนางก็ล้วนมีหนี้ติดค้าง
“ทั้งดวงตาและดวงใจของข้าล้วนมีแต่เ้า ส่วนบุตรสาวนั้นถือเป็โชคที่ได้มาโดยบังเอิญ”เขาหัวเราะหึหึ จากนั้นก็ก้มหน้ามองนาง “่นี้เ้ารู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนบ้างหรือไม่?เหตุใดหมู่นี้เมื่อข้ากลับบ้านมาก็มักจะเห็นเ้านอนอยู่? ”
คำถามนั้นชวนให้อวิ๋นซีคิด นางรู้สึกว่าตนเองแปลกไปมากจริงๆ “่นี้ดูเหมือนว่าตัวข้าจะนอนมากเกินไปหน่อยจริงๆแต่ ก็แค่รู้สึกง่วงเท่านั้น”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชั่วขณะนั้นนางก็นึกถึงความเป็ไปได้หนึ่ง ซึ่งความเป็ไปได้นี้นางสามารถรับประกันไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
“ข้า รอบเดือนของข้าไม่มาเดือนหนึ่งแล้ว” นางขยำเสื้อเขาพลางพูดเสียงเบา“ท่านว่า จะเป็ไปได้หรือไม่ว่า...” ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แม้ว่าในยามเช้าจะต่างคนต่างไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองนางทำหน้าที่ดูแลกิจการของตระกูลฉินให้รุ่งเรืองเพื่อเขา ส่วนตัวเขาก็ทำหน้าที่จัดระเบียบหานโจวใหม่เพื่อนางตอนนี้จึงอาจเรียกได้ว่า หานโจวถูกป้องกันไว้อย่างแ่าราวกับถังเหล็ก
แม้กลางวันจวินเหยียนจะทำหน้าที่ของอ๋องได้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทว่า ตอนค่ำเมื่อกลับมาถึงจวนเขากลับไม่ได้มีท่าทีสง่างามมากอำนาจดังเช่นยามอยู่ด้านนอก ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าจากเทพเซียนมาโปรดแปรเปลี่ยนเป็หมาป่ามากราคะตัวหนึ่งเขาจับนางปอกเปลือกแล้วกลืนกินทั้งเป็อย่างที่ไม่ให้มีหลงเหลือแม้แต่กระดูก
สองปีก่อนในทุกๆ ครั้งที่ร่วมพลิกฟ้าคว้าฝน นางก็จะกินยาคุมกำเนิดไว้ตลอด ทว่าเมื่อนางได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งกลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ่ก่อนเหมือนจะมีอยู่สองสามครั้งที่นางลืมกินยาหรือว่า...สองสามครั้งนั้นจะทำให้นางมีลูก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็อดลูบท้องน้อยของตัวเองเบาๆ ไม่ได้
แม้นางจะพูดทิ้งท้ายไว้ให้สงสัย แต่จวินเหยียนก็รับรู้ได้ถึงความประหลาดใจของนางจู่ๆ ดวงตาเขาพลันสว่างไสวเปล่งประกาย จากนั้นจึงอุ้มร่างนางขึ้นมาแล้วเอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจ“อาซี เ้าหมายความว่า ตอนนี้ในท้องของเ้ามีลูกของเราอยู่อย่างนั้นหรือ? ”
เมื่อก่อนเขาเคารพการตัดสินใจของนางเสมอ ทั้งยังมีหวานหว่านอยู่แล้ว จึงไม่คิดให้นางตั้งครรภ์เร็วเพียงนี้ดังนั้น เื่ที่นางดื่มโอสถคุมกำเนิดนั้น เขาก็ทำเพียงลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด
มิคาดยามนี้ที่ทุกอย่างกำลังจะลงตัว จู่ๆ นางกลับบอกเขาว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกให้เขา
มือของอวิ๋นซีลูบไล้ใบหน้าเขาเบาๆ จากนั้นจึงพูดว่า “ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจนักนี่เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น ข้าคงต้องจับชีพจรดูก่อนจึงจะรู้ได้อย่างไรเสียเื่นี้ก็มิใช่เื่เล่นๆ ”
เมื่อพูดจบ นางก็จุมพิตหน้าผากเขาเบาๆ นี่เป็ความรักที่เคยปรารถนา ต่อให้นางจะแลกมาด้วยชีวิตของคนตระกูลเฉียวทั้งตระกูลก็ยังไม่ได้รับทว่า ตอนนี้เขากลับส่งมันมาให้นางด้วยสองมือ
นางตื่นเต้น ซาบซึ้ง และรู้สึกโชคดีที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งมีชีวิตอยู่ด้วยร่างที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ จากนั้นก็ได้มีความรักใคร่อันดีกับเขาเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็อดจุมพิตริมฝีปากแดงของเขาไม่ได้
และด้วยการกระทำนี้ของนาง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้รับการตอบรับที่แสนอบอุ่นเช่นนี้ถึงแม้ในยามปกติระหว่างคนทั้งสองจะเข้ากันได้ดีอย่างยิ่ง แต่ก็เรียกได้ว่าน้อยครั้งนักที่นางจะเป็ฝ่ายเข้าหาก่อนเมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็กดหลังศีรษะของนางไว้แล้วกดจูบนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คนทั้งสองคิดไม่ถึงว่าในขณะที่ตนกำลังจุมพิตกันอยู่ในห้อง ด้านนอกประตูกลับมีเสียงกระแอมเ็าลอดเข้ามา“พวกเ้าควรต้องระวังหน่อย กลางวันแสกๆ เช่นนี้ ต่อให้จะหักห้ามใจไม่ไหวแค่ไหนก็ควรจะปิดประตูห้องเอาไว้หน่อยใช่หรือไม่”
แม้ว่าการได้เห็นบุตรสาวและบุตรเขยรักใคร่กันดี ในฐานะของผู้เป็บิดา เขาดีใจมากจริงๆแต่เมื่อคิดได้ว่านี่มันตอนกลางวันแสกๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเสีย พวกเขากระทำสิ่งใดไม่ระวังเกินไปแล้วหากถูกหวานหว่านเห็นเข้าจะกลายเป็สอนเื่ผิดๆ ให้เด็ก
อวิ๋นซีและจวินเหยียนมิคาดว่าบิดาจะมาปรากฏกายอย่างกะทันหันนางคิดจะสลัดอ้อมแขนของเขาออก แต่ใครเล่าจะไปรู้ว่าเขากลับจะยิ่งกอดนางให้แแ่ยิ่งขึ้นจากนั้นจึงอุ้มนางแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่อีกด้าน ทำให้อวิ๋นซีอยู่ในท่าที่กำลังนั่งอยู่บนตักเขาการกระทำที่รักใคร่เกินไปนี้ของเขาทำให้นางรู้สึกใกล้จะเป็บ้าแล้ว
พี่ชาย พ่อข้าเองก็อยู่นี่นะ พวกเราทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ?
อวิ๋นซานคิดไม่ถึงว่าตนที่ยืนอยู่ที่นี่โต้งๆ บุตรเขยก็ยังจะกล้าทำเช่นนี้อีกเขาแค่นเสียงเ็า ในใจรู้ดีว่าคนคงจงใจทำแบบนี้ให้ตนเห็น ทั้งยังคิดว่าคนเยี่ยงเขาคงจะไม่คิดเล็กคิดน้อยเก็บมาใส่ใจมิเช่นนั้นคงโกรธจนแทบแดดิ้นตายไปแล้วกระมัง เขาจ้องมองอวิ๋นซีแล้วเอ่ยถาม “อาซีพ่อได้ยินมาจากเพ่ยเอ๋อร์ว่า ่นี้เหมือนเ้าจะไม่สบาย วันๆ เอาแต่นอนอ่อนเพลีย? ”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็หันมองจวินเหยียนทีหนึ่ง เพ่ยเอ๋อร์ไม่มีทางไปหาบิดาอวิ๋นโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนางก่อนแน่เื่นี้ไม่ว่าอย่างไรก็จักต้องเป็บุรุษข้างกายผู้หน้าไม่อายคนนี้แน่ที่ให้คนไปตามท่านพ่อมา
เขาลูบเส้นผมนางเบาๆ พูดเสียงเบา “เด็กดี ให้บิดาเ้าช่วยจับชีพจรให้เ้าเถิดเราจะได้แน่ใจว่าเป็ไปอย่างที่คิดหรือไม่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้