หลังจากที่หลี่ชิงหยุนฝึกซ้อมจนพอใจแล้ว เขาก็กลับไปอาบน้ำและทานอาหารร่วมกับสาวๆ
หลี่ชิงหยุนตัดสินใจว่าเขาจะไปที่บ้านของกู่ซินเหลียนกับนางแค่สองคน ส่วนนาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิงและปิงเสวี่ยเอ๋อร์จะรออยู่ที่บ้านพักของเขาเพื่อฝึกซ้อมต่อไปเพราะไม่้าที่จะล้าหลังคนอื่นๆ
หลังจากทำธุระของเขาเรียบร้อย หลี่ชิงหยุนและกู่ซินเหลียน้าใช้รถม้าของโม่หยุนซีเพื่อเดินทางกลับไปที่ตระกูลของเขาทันที
"อาหยุน ระวังตัวด้วย" นาหลันเสี่ยวฉีและอีกสองสาวมายืนส่งหลี่ชิงหยุนและกู่ซินเหลียนที่หน้าประตู
แม้ว่านาหลันเสี่ยวฉีจะรู้ว่าหลี่ชิงหยุนสามารถหลบหนีได้ตลอดเวลา แต่นางกลับรู้สึกไม่ดีั้แ่เมื่อเช้าราวกับว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลี่ชิงหยุน นี่คือสัญชาตญาณของผู้หญิง แต่นางทำได้แค่มองไปที่เขาด้วยความกังวล
"ไม่ต้องกังวล" หลี่ชิงหยุนพยักหน้า จากนั้นเขาก็ขึ้นไปบนรถม้าที่มีกู่ซินเหลียนรออยู่ด้านใน
หลังจากหลี่ชิงหยุนจากไป นาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิงและปิงเสวี่ยเอ๋อร์ก็รวมตัวพูดคุยกันเล็กน้อย
"เสิ่นชิง รู้สึกเป็อย่างไรบ้างที่ได้เป็น้องสาวของข้าเต็มตัวแล้ว?" นาหลันเสี่ยวฉีแกล้งเสิ่นชิงทันทีที่หลี่ชิงหยุนออกไป นาง้าให้เสิ่นชิงใช้เวลากับหลี่ชิงหยุนมานานแล้ว
ั้แ่นางสูญเสียความบริสุทธิ์ นางรู้สึกว่านางแค่คนเดียวไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความปรารถนาของหลี่ชิงหยุน ดังนั้นนางจำเป็ต้องหาพี่สาวน้องสาวเพิ่มเพื่อช่วยปรนนิบัติให้กับหลี่ชิงหยุนในตอนกลางคืน
เสิ่นชิงก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ไม่นานนางก็ดุนาหลันเสี่ยวฉีและวิ่งไล่ตามอย่างดุเดือด "เสี่ยวฉี เ้าแกล้งข้าอีกแล้ว"
สองสาวกำลังวิ่งไล่จับและหัวเราะอย่างสนุกสนาน นี่เป็ภาพที่สวยงามและหาดูได้ยากอย่างยิ่ง
ปิงเสวี่ยเอ๋อร์มองไปที่ทั้งสองคน และมีความอิจฉาเล็กน้อยในดวงตา 'ฮึ่ม! ข้าเจอหยุนก่อนพวกเ้าทั้งสอง แต่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ'
ในความเป็จริงไม่ใช่ว่านางไม่อยากทำ แต่นางไม่สามารถทำได้เนื่องด้วยร่างกายพิเศษแห่งราชินีน้ำแข็งมีความแปลกประหลาดเกินไป
พลังหยินและร่างกายของนางยังไม่ได้ผ่านการปลุกอย่างเต็มที่ หากนางสูญเสียพลังหยินบริสุทธิ์ไปตอนนี้ ร่างกายของนางอาจจะไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป
ปิงเสวี่ยเอ๋อร์จำเป็ต้องฝึกฝนจนกว่าจะเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อน นี่คือเงื่อนไขสำหรับร่างกายพิเศษของนาง เมื่อนั้นนางจึงจะสามารถมีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงได้
ก่อนหน้านี้อาจารย์ของนางได้เน้นย้ำเื่นี้ไว้เสมอว่าหากนางสูญเสียความบริสุทธิ์ตอนที่ร่างกายราชินีน้ำแข็งยังไม่ผ่านการปลุก นางอาจจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปตลอดกาล
นี่เป็ที่เื่ร้ายแรงมาก ปิงเสวี่ยเอ๋อร์จึงให้ความสำคัญกับเื่นี้มากกว่าสิ่งอื่นใด
"ไปฝึกฝนกันต่อเถอะ" ปิงเสวี่ยเอ๋อร์ชักชวนสองสาวที่กำลังเล่นไล่จับเข้าไปที่ลานฝึก วันนี้พวกนางต้องมีการพัฒนาที่เป็รูปเป็ร่างให้ได้
.
.
.
~ ตระกูลเล่ย ~
เล่ยตงเทียนกำลังอ่านข่าวใหญ่ที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในเมืองหลวง ณ ขณะนี้
ข่าวชิ้นแรกทำให้เล่ยตงเทียนยิ้มออกมาจางๆ ชีวิตของโม่หยุนเทียนกำลังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย นี่จะเป็โอกาสสำหรับตระกูลเล่ยที่จะอยู่เหนือราชวงศ์
ตระกูลเล่ยและราชวงศ์หยุนได้ร่วมมือกันมานานกว่าหลายสิบปีเพื่อต่อต้านราชวงศ์โม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะแผนการและกลยุทธ์ของโม่หยุนเทียนได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไส้ศึกอย่างพวกมันทำงานอย่างเต็มที่เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ แต่พวกมันก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยราวกับทุกอย่างอยู่ภายใต้การคำนวณของโม่หยุนเทียนทั้งหมด
จนไม่มีทางเลือกพวกมันจำเป็ต้องใช้พิษและวิธีการสกปรกเพื่อลดพละกำลังของโม่หยุนเทียนลงทีละเล็กน้อย แต่เล่ยตงเทียนไม่ได้พึงพอใจกับเื่นี้ แต่มันกลับรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น
เล่ยตงเทียนรู้จักสมญานามของทรราชแห่งโม่เป็อย่างดี เขาไม่เคยแพ้าใดๆั้แ่เขาได้รับตำแหน่งกษัตริย์ แม้ว่ากองกำลังของศัตรูจะมีมากกว่าพวกเขาหลายสิบเท่า แต่โม่หยุนเทียนก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอๆ
ดังนั้นเื่นี้จึงเป็ที่น่าสงสัยเล็กน้อยสำหรับเล่ยตงเทียน เขายังไม่อยากเชื่ออย่างสนิทใจว่าโม่หยุนเทียนจะมีอาการาเ็สาหัสตามที่ข่าวลือว่าไว้
ไม่นานมันก็เริ่มอ่านข้อมูลต่อไป เล่ยตงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อมูลนี้ มันรู้สึกว่าม่านควันบางๆที่ปิดบังบางอย่างจากเริ่มคลายออกช้าๆ ก่อนจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน "เต๋าแห่งดาบ... ชายชุดดำ... หน้ากากหยก..."
"เป็ไปได้ไหมว่าชายคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างตระกูลหยานก่อนหน้านี้?" เล่ยตงเทียนตั้งข้อสงสัยขึ้นมาในใจ
ก่อนที่ตระกูลหยานจะถูกทำลาย หยานป๋อได้ตามหาผู้ที่ใช้เต๋าแห่งดาบก่อนหน้านั้นที่ตระกูลเล่ย แต่หลังจากนั้นไม่นานตระกูลหยานก็ถูกทำลายล้าง แท่นบูชาและผลึกกักิญญาก็หายไปจากชั้นใต้ดิน
แต่ข้อมูลของหยานป๋อบอกไว้ว่าชายผู้นั้นอยู่เพียงแค่ระดับลมปราณหยกเท่านั้นในตอนที่เขาสังหารพ่อบ้านของหยานลี่ แต่ตอนนี้ชายหน้ากากหยกสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณโลกได้ราวกับเป็ผักปลา ทั้งๆที่ระยะเวลาระหว่างสองเหตุการณ์ไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก ในความเป็จริงมันยังไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ด้วยซ้ำ
และอีกคำอธิบายคือเต๋าแห่งดาบ! ไม่มีใครสามารถใช้เต๋าแห่งดาบได้ในระดับลมปราณหยก แม้ว่าเื่นี้จะแปลกประหลาดแต่เล่ยตงเทียนเชื่อมั่นว่าทั้งสองคนนี้อาจจะเป็คนเดียวกัน
หลังจากเชื่อมโยงข้อมูลและทุกอย่างเข้าด้วยกัน เล่ยตงเทียนได้ข้อสรุปทันที "มีโอกาสถึง 8 ใน 10 ส่วนที่ทั้งสองจะเป็คนๆเดียวกัน"
"สิ่งที่ข้า้ายังอยู่ในมือของชายผู้นั้น นี่หมายความว่าพวกเรายังมีโอกาสที่จะได้สมบัติทั้งสองคืนมา..." เล่ยตงเทียนอ่านข้อมูลต่อไปจนจบ จากนั้นไม่นานสีหน้าของมันก็กลายเป็สยดสยองพร้อมกับอุทานอย่างไม่เชื่อ "กระ-กระบี่โบราณที่ทำลายจิติญญา!?"
คำๆนี้เป็สิ่งที่ทำให้สีหน้าของเล่ยตงเทียนน่าเกลียดในทันที
"ชายผู้นี้อันตรายเกินไป! ข้าอาจจะต้องช่วยตระกูลหงในการตามหาและปราบปรามเขาให้อยู่หมัด!" เล่ยตงเทียนกลัวว่าชายหน้ากากหยกจะรู้ว่าห้องลับใต้ดินนั้นเป็ของพวกเขาตระกูลเล่ย หากทุกอย่างถูกเชื่อมโยงมาถึงตัว นี่อาจจะเป็อันตรายสำหรับตระกูลเล่ยอย่างมาก
โดยไม่รอช้ามันสั่งให้คนรับใช้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่ปรากฏจากชายหน้ากากหยกอย่างละเอียด มัน้าข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อยืนยันบางอย่าง
ในข่าวบอกว่าชายหน้ากากหยกมีความแค้นกับผู้าุโคนที่สามของตระกูลหง แต่เล่ยตงเทียนกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
หากชายหน้ากากหยกมีความขุ่นเคืองกับตระกูลหง แล้วเหตุใดตระกูลหยานจึงถูกลากไปเกี่ยวข้องกับเื่นี้? อีกทั้งก่อนหน้านี้ชายหน้ากากหยกไม่ได้ปรากฏตัวในเมืองหลวงมาก่อน แต่เขากลับปรากฏตัวที่เมืองเล็กๆอย่างเมืองอาทิตย์สีชาดแทน หลังจากนั้นชายหน้ากากหยกก็ปรากฏตัวครั้งที่สองในตระกูลเสิ่น และครั้งที่สามในตระกูลหง ข้อมูลทุกอย่างของชายผู้นี้ขัดแย้งกันมากเกินไป ราวกับเขาปรากฏตัวในที่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาเลยด้วยซ้ำ
เล่ยตงเทียนจำเป็ต้องรวบรวมข้อมูลของผู้ที่เดินทางไปมาระหว่างเมืองอาทิตย์สีชาดและเมืองหลวง รวมทั้งตระกูลเสิ่นและตระกูลหงเข้าด้วยกัน มันจึงจะสามารถตีวงแคบสำหรับตัวตนที่แท้จริงของชายหน้ากากหยกได้
ตอนนี้แสงสว่างเริ่มปรากฏต่อหน้าของเล่ยตงเทียนเล็กน้อย มันมีความรู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงในไม่ช้า มันเรียกคนรับใช้เพื่อไปซื้อข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้ที่เดินทางเข้าออกเมืองหลวงทันที "พ่อบ้าน! สืบค้นข้อมูลผู้ที่เดินทางจากเมืองอาทิตย์สีชาดไปจนถึงตระกูลเสิ่นและตระกูลหงใน่หนึ่งสัปดาห์นี้ ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ยิ่งดี!"
เล่ยตงเทียนไม่้าทิ้งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไว้ มัน้าข้อมูลขนาดใหญ่ที่สามารถใช้อ้างอิงเพื่อตีวงให้แคบสำหรับบุคคลทุกคน ดังนั้นมันไม่ลังเลเลยที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อสืบค้นตัวตนของชายหน้ากากหยก
ขณะนี้ตัวตนที่แท้จริงของหลี่ชิงหยุนใกล้จะถูกเปิดเผยแล้ว..
. . .
รถม้าของหลี่ชิงหยุนเดินทางผ่านประตูเมืองไปแล้ว หากเขาต้องเดินทางไปที่ตระกูลหลี่ เขาควรจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งก้านธูปหลังจากนี้
ในรถม้าหลี่ชิงหยุนกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ราวกับเขากำลังหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตของเขา
ชีวิตที่แล้วหลี่ชิงหยุนเดินทางไปทั่วทุกมุมของอาณาจักรเซวียนและเขารู้จักสถานที่เกือบทั้งหมดในอาณาจักร เพียงแต่เขาไม่ได้มีที่อยู่อาศัยเป็หลักเป็แหล่งเท่านั้น
หลังจากครอบครัวและพ่อของเขาถูกสังหาร เขาเป็ได้แค่คนเร่ร่อนและแทบจะไม่ต่างจากขอทาน เขาต้องดิ้นรนทุกอย่างด้วยตนเอง เขาใช้ความแค้นเพื่อผลักดันให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้า เขาต้องมีชีวิตรอดเพื่อทำลายล้างทุกอย่างเกี่ยวกับกลุ่มคนลึกลับให้สิ้นซาก และสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือกลัวว่าเหตุการณ์เดิมจะซ้ำรอย ดังนั้นชีวิตนี้เขาต้องทำทุกอย่างที่เขาทำได้
หลี่ชิงหยุนลำบากมาตลอดเกือบ 200 ปี ไม่มีวันไหนที่เขาไม่หลบหนี ปล้นและทำทุกอย่างเพื่อประทังชีวิต เมื่อคิดย้อนกลับไปหลี่ชิงหยุนก็มีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า 'ข้าประสบกับเหตุร้ายทุกอย่างมาทั้งชีวิต แต่ชีวิตนี้ข้าต้องได้ทุกอย่างที่ข้า้ากลับคืนมา'
ชีวิตนี้เขาสะดวกสบายกว่าชีวิตที่แล้วมาก ชีวิตนี้เขามีครอบครัว สหายและคนรัก อีกทั้งยังมีภูมิหลังบางอย่างไว้เพื่อป้องกันอันตรายซึ่งแตกต่างจากขอทานในชีวิตที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
กู่ซินเหลียนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆก็เผลอไปมองที่ใบหน้าของหลี่ชิงหยุนที่กำลังยิ้ม รอยยิ้มของเขาคือรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ราวกับเทพบุตรรูปงามที่ไม่ปนเปื้อนความสกปรกบนโลกมนุษย์ กู่ซินเหลียนอดไม่ได้ที่จะมึนงงและหลงอยู่ในภวังค์อย่างเขินอาย 'เขาดูหล่อเหลามากเมื่อเขายิ้ม...'
หลี่ชิงหยุนหันกลับไปมองที่นางเล็กน้อย เขาได้รู้จักกับผู้คนมากหน้าหลายตา แต่เขารู้สึกคุ้นเคยกับกู่ซินเหลียนอย่างมาก แต่เขาจำไม่ได้ว่าเขาคุ้นเคยกับนางได้อย่างไร
"กู่ซินเหลียน ที่พักของเ้าอยู่ที่เขตใด?" หลี่ชิงหยุนถามข้อมูลที่อยู่เผื่อว่าเขาจะรู้จักใครบางคนจากชีวิตที่แล้วบ้าง
ในราชวงศ์โม่มีเขตหลักอยู่ทั้งหมดห้าเขต โดยมีเขตหกขุนนางอยู่ตรงกลาง และล้อมรอบด้วยสี่เขตได้แก่ เขตหยวน เขตจ้าว เขตเสี่ยวและเขตอู๋
ประชากรในแต่ละเขตมีมากกว่าหนึ่งแสนคน แต่เขตที่แข็งแกร่งที่สุดคือเขตหกขุนนางโดยไม่ต้องสงสัย ทุกเขตจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณลึกซึ้งคอยกำกับดูแลจากเื้ั แต่พวกเขาจะไม่แสดงตัวในเวลาปกติ ดังนั้นทุกเขตจะมีมหาอำนาจและกฏเป็ของตัวเอง
"บ้านของข้าอยู่ที่ชนบทเล็กๆในเขตเสี่ยว ก่อนหน้านี้ข้าเคยอาศัยอยู่ที่ตระกูลฉางซึ่งเป็ตระกูลข้าราชบริพาร แต่พวกข้าได้แยกตัวออกมาจากตระกูลหลังจากที่พ่อของข้าเสียชีวิตในาเมื่อห้าปีก่อน จนข้ากับแม่มาเปิดโรงเตี๊ยมเล็กๆเป็ของตัวเองและอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงสองคน" กู่ซินเหลียนตอบเขาเบาๆ นางมีใบหน้าที่เศร้าเล็กน้อยเมื่อพูดถึงพ่อของนางจนดวงตาของนางเริ่มเปียกชื้นด้วยความหนักอึ้ง
ในความเป็จริงพ่อของกู่ซินเหลียนคือหัวหน้าตระกูลฉางซึ่งเป็ตระกูลข้าราชบริพารที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลขุนนางหนานกง ตระกูลของนางต้องส่งทรัพยากรที่จำเป็ให้กับตระกูลหนานกงสม่ำเสมอ ดังนั้นทรัพยากรในการเลี้ยงดูอัจฉริยะรุ่นใหม่จึงมีไม่มากนัก
แต่หลังจากที่พ่อของนางเสียชีวิต ผู้าุโและคนในตระกูลขับไล่นางและแม่ของนางออกมา ดังนั้นนางกับแม่จึงไม่มีทางเลือก ตอนนี้พวกนางไม่มีผู้ที่สนับสนุนอีกต่อไปหลังจากพ่อของนางไม่อยู่ ความสามารถและพร์ของกู่ซินเหลียนเมื่อห้าปีก่อนถือว่าอ่อนแอเกินไปสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ อีกทั้งแม่ของนางก็ประสบปัญหากับโรคร้ายหลายๆอย่าง กลุ่มคนจากตระกูลฉางจึงถือโอกาสขับไล่ทั้งคู่ออกไป เพราะนางกับแม่ของไร้ประโยชน์และสิ้นเปลืองทรัพยากรในการเลี้ยงดูมากเกินไป
หลังจากที่กู่ซินเหลียนและแม่ถูกทอดทิ้ง กู่ซินเหลียนจึงเปลี่ยนจากนามสกุลฉางไปใช้นามสกุลกู่ซึ่งเป็ของแม่แทน
"เขตเสี่ยว...โรงเตี้ยม" หลี่ชิงหยุนกำลังครุ่นคิดบางอย่างด้วยคิ้วขมวด 'ข้าจำได้ว่าข้าเคยไปที่นั่นมาก่อนในชีวิตที่แล้ว'
หลี่ชิงหยุนพยักหน้า เขาไม่ได้ถามอะไรต่อและนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนอย่างเงียบๆต่อไป เพราะอีกไม่นานเขาก็จะถึงตระกูลหลี่แล้ว
.
.
.
~ ตระกูลหลี่ ~
ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ที่มีดาบั์อยู่ในมือกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่ลานกว้างของตระกูลหลี่ การกวัดแกว่งดาบแต่ละครั้งของเขาให้ความรู้สึกที่เย่อหยิ่งและไม่ย่อท้อ ชายผู้นี้คือนาหลันจ้านที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในตระกูลหลี่อย่างแม่นยำ
ทุกๆวันเขาและหลี่หยุนเฟิงจะช่วยกันกลั่นยาและปรับแต่งสมุนไพรเพื่อนำออกขายที่ร้านของพวกเขา ตอนนี้ร้านขายยาและธุรกิจของตระกูลหยานทั้งหมดอยู่ในการของสองตระกูลแล้ว
หลี่หยุนเฟิงกำลังนั่งอ่านตำราอยู่เงียบๆไม่ไกลจากนาหลันจ้าน ดวงตาของเขารู้สึกไม่สงบเล็กน้อย
"หยุนเฟิง เหตุใดเ้าถึงได้ดูเหม่อลอยเช่นนี้?" นาหลันจ้านเดินเข้าไปหาหลี่หยุนเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ เขาสังเกตเห็นว่าวันนี้หลี่หยุนเฟิงทำตัวแปลกๆต่างไปจากปกติ
หลี่หยุนเฟิงมองกลับไปที่เขาและถอนหายใจช้าๆ "ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่ข้าไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือ-"
เขากล่าวไม่ทันจะจบประโยค ทันใดนั้นเสียงะโของยามก็ดังขึ้นจากด้านนอกขัดขวางการพูดคุยระหว่างทั้งสองคนทันที "ท่านผู้นำ! มีคนแปลกหน้าพยายามบุกรุกเข้ามาในเขตที่พักของตระกูล!"
"อะไร!?" หลี่หยุนเฟิงลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาของเขากลายเป็เ็าโดยไม่รู้ตัว "ผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้า...มาถึงแล้วงั้นรึ!?"
หากศัตรูสามารถบุกเข้ามาได้ นั่นหมายความว่าผู้ที่มาเยือนต้องอยู่ที่ระดับลมปราณฟ้าเป็อย่างน้อย ด้วยข้อจำกัดภาพลวงตา หากเป็ผู้ฝึกฝนที่ต่ำกว่าลมปราณฟ้าบุกเข้ามา พวกมันจะไม่โจมตีและไม่สามารถมองผ่านภาพลวงตาได้อย่างแน่นอน
"พี่จ้าน ไปดูกันเถอะ!" หลี่หยุนเฟิงและนาหลันจ้านเดินออกไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูทางเข้าของตระกูลหลี่ในทันที