บทที่ 113 ได้โปรด
สิ้นเสียงของตงฟางเหวินอี้ สายตาของเย่จื่อเฉินก็ฉายแววเยือกเย็นขึ้นมาทันที
“ผมว่าเื่ที่มาขอยากับผมคุณโกหกมากกว่า คุณมาแก้แค้นแทนฟู่เฉิงิใช่ไหม? ผมจะบอกคุณชัดๆ นะ ผมต่อยฟู่เฉิงิแล้วคุณจะทำไม”
ถ้าเดาไม่ผิด คนพวกนี้น่าจะไม่ได้พกปืนติดตัว
ขอแค่ไม่มีอาวุธที่เป็ความร้อน ทุกอย่างมันก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย ถึงแม้เย่จื่อเฉินจะสู้กับศัตรูเป็ร้อยเหมือนกับทหารในสมัยโบราณไม่ได้ แต่คนแค่ไม่กี่คนตรงหน้านี้
ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาสักนิด
“คุณชายเย่เข้าใจผิดจริงๆ” ตงฟางเหวินอี้ส่ายหน้ายิ้ม “ฉันไม่ได้มาหาเื่คุณชายเย่ แต่กลับกัน ฉันมาขอยาจริงๆ แล้วอยากจะถือโอกาสให้คุณชายเย่ช่วยรักษาต่อกระดูกให้เฉิงิด้วย”
ตอนนั้นเย่จื่อเฉินจัดการฟู่เฉิงิจนเดี้ยง และใน่นี้เขายังได้ฝึกการจับเส้นจัดกระดูกตามตำราแพทย์ของไท่ซางเหล่าจวินด้วย
ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง เขาคิดแค่ว่าอยากสั่งสอนให้ฟู่เฉิงิรู้สึกผิดบ้างก็เท่านั้น แค่พาเขาไปโรงพยาบาลแล้วให้หมอต่อกระดูกให้ก็จบ
แต่ท่าทางแบบนี้ หมอที่โรงพยาบาลน่าจะต่อให้ไม่ได้
“แขนขาของฟู่เฉิงิยังบิดอยู่เหรอ?”
“ใช่ ลุงฉันพาน้องไปหาหมอมาตั้งหลายคนแล้ว แต่ผลที่ได้รับกลับมาก็คือทำอะไรไม่ได้”
“แล้วทำไมผมต้องช่วยเขาด้วย?”
ฟู่เฉิงิเล่นสกปรกลับหลังเขาตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ทำให้เขารู้สำนึกเสียบ้าง เย่จื่อเฉินคิดว่าตัวเองต้องโดนเล่นงานจนเละแน่นอน
“เพราะฉันช่วยคุณชายเย่ได้”
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว มีสีหน้าสงสัย
แล้วตงฟางเหวินอี้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูด “ขอย้ำอีกครั้ง ว่าฉันกับเซียวไห่เป็เพื่อนกันจริงๆ แน่นอนว่าเป็เพื่อนที่แข่งขันกันอะไรทำนองนั้น ก่อนหน้านี้เขาแอบมาดักฟังข้อมูลของไป๋ต้าไห่กับฮ่าวเหวินไป”
เย่จื่อเฉินมองตงฟางเหวินอี้อย่างระแวดระวัง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเซียวไห่
‘เสี่ยวเย่’
“พี่ไห่ มีคนชื่อตงฟางเหวินอี้มาหาผม”
‘เขาไปหานายเหรอ? อ๋อ ฉันเป็เพื่อนกับเขามาหลายปีแล้ว คนนี้ไว้ใจได้แน่นอน เขามีข้อมูลที่นาย้า นายสามารถทำข้อตกลงกับเขาได้'
“เข้าใจแล้วครับพี่ไห่”
พอวางสายไปแล้ว ตงฟางเหวินอี้ก็ทำมือเป็เชิงบอกว่าเชิญ
“คุณชายเย่ เชิญครับ”
“จะไม่ให้ผมช่วยต่อแขนต่อขาให้ลูกน้องของคุณก่อนเหรอ?”
“ด้วยความยินดีครับ”
ในระหว่างทางที่มาบ้านตระกูลตงฟาง เย่จื่อเฉินพบว่าผู้ชายตรงหน้านี้เป็คนฉลาด
คนแบบนี้ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย แต่กลับรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ทำให้คนหัวใจเต้นรัวได้จากดวงตาของเขา
คนแบบนี้สนิทด้วยไม่ได้
ในขณะที่คิดอยู่ รถก็ได้ขับเข้ามาถึงคฤหาสน์ของตระกูลฟู่
เย่จื่อเฉินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้าน โดยการนำทางของตงฟางเหวินอี้
งดงามโอ่อ่า
เย่จื่อเฉินทำได้แค่ใช้สี่คำนี้ในการอธิบาย
“คุณชายเย่ เชิญครับ”
ตงฟางเหวินอี้เดินนำทางให้เย่จื่อเฉินมาตลอดทาง จนมาถึงห้องนอนห้องหนึ่งบนชั้นสองของบ้าน
ฟู่เฉิงินอนอยู่บนเตียงด้วยใบซีดขาวราวกับกระดาษ ดวงตาสองข้างหมองหม่นไร้ประกาย
ข้างๆ ฟู่เฉิงิคือตงฟางหยุนแม่ของเขานั่งอยู่ด้วย พลางเช็ดน้ำตาอยู่ตลอดเวลา ส่วนที่ระเบียงห้องก็มีฟู่หงกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่
“เฉิงิ นายดูสิว่าฉันพาใครมาเยี่ยมนาย”
ตงฟางเหวินอี้หัวเราะเบาๆ พร้อมกับพาเย่จื่อเฉินเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ทันทีที่ฟู่เฉิงเห็นเย่จื่อเฉินความเกลียดชังก็ได้หลั่งไหลออกมาจากดวงตาทันที แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกแทนที่ด้วยความอ้อนวอน
เขาขยับปาก แต่กลับพูดออกมาไม่ได้
เหมือนว่าคางของเขาจะโดนเย่จื่อเฉินหักด้วย
“...”
“แกเหรอเย่จื่อเฉิน!”
ตงฟางหยุนที่เอาแต่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างเตียงลุกพรวดขึ้นมาด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ก่อนจะยกมือขึ้นมาหมายจะคว้าตัวเย่จื่อเฉิน
ฟู่หงปรี่เข้ามากระชากแขนเธอไว้จากด้านหลัง ตงฟางหยุนร้องโวยวาย
“แกยังกล้ามาบ้านพวกฉันอีกเหรอ แกเห็นว่าคนบ้านนี้มันรังแกได้ง่ายๆ ใช่ไหม?”
เห็นชัดว่าฟู่หงมีเหตุผลมากกว่า แต่ในสายตาที่มองมาทางเย่จื่อเฉินก็แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อยากต้อนรับผมเท่าไรนะ”
เย่จื่อเฉินถูจมูก เหลือบตามองตงฟางเหวินอี้ที่อยู่ข้างๆ
“ผมว่าไม่ต้องรักษาแล้วล่ะครับ เพราะดูเหมือนทางครอบครัวผู้ป่วยจะมีอคติกับผมมากไปหน่อย”
“คุณอาครับ ผมเป็คนพาคุณชายเย่มาดูอาการป่วยของน้องเองครับ”
ตงฟางเหวินอี้ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะพร้อมกับอธิบาย ฟู่หงหน้านิ่งขรึม
“มาดูอาการป่วย?”
“พ่อของฟู่เฉิงิใช่ไหมครับ?” เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว แล้วพูด “ในใจคุณอาจจะอคติกับผมอยู่มาก แต่ดูเหมือนคุณจะไม่รู้วีรกรรมลูกชายของคุณสินะครับ”
“ที่แขนขาของเขาเป็แบบนี้เป็เพราะผมหักมัน แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่าสินะครับว่าเขาใช้วิธีสกปรกเล่นงานผมลับหลังตั้งมากมาย สิ่งที่ผมทำมันก็แค่การสั่งสอนเขาเล็กน้อยเท่านั้น ผมขอบอกคุณเลยนะถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายใหญ่ตงฟางมาหาผม ผมก็ไม่ได้อยากมาเหยียบที่สัปปะรังเคของคุณหรอก!”
ตงฟางหยุนที่อยู่ข้างๆ เหยียดยิ้มมุมปากจะด่า แต่ก็อยากให้เย่จื่อเฉินดูอาการป่วยของลูกชายให้
ถึงยังไงก็ตาม เธอก็ไม่อยากเห็นลูกชายตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“คุณฟู่ ให้เขาลองดูหน่อยไหม”
ในดวงตาของตงฟางหยุนแฝงความอ้อนวอนเอาไว้ ฟู่หงตีหน้านิ่งขรึมพูดเสียงห้วน
“งั้นก็ลองดู”
“ฮะฮะ…คุณบอกว่าลองดูก็ลองดู ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนว่ารีบไล่ผมขนาดนั้นล่ะ?” เย่จื่อเฉินกลอกตา ฟู่หงบันดาลโทสะทันที แต่ตงฟางหยุนกลับแย่งพูดขึ้นมาก่อน “แล้วเธอจะเอายังไง?”
“ให้ผู้ชายของคุณพูดดีดี จะขอร้องให้คนอื่นดูอาการป่วยก็ควรมีกิริยาที่นอบน้อม ส่วนเื่ที่สอง รับปากว่าหลังจากนี้จะไม่สร้างปัญหาอะไรให้ผม แล้วก็ห้ามไปทำอะไรเพื่อนของผม ครอบครัวของผม เข้าใจไหม?”
“ฉันรับปากว่าจะไม่ไปสร้างปัญหาให้เธอ แต่จะให้ฉันขอร้องเธอ…”
ความดุดันปรากฏขึ้นในดวงตาของฟู่หง เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว แล้วไหวไหล่พูด
“งั้นก็แล้วแต่”
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ตงฟางหยุนรีบวิ่งเข้ามาขวางเอาไว้ พร้อมกับะโใส่ฟู่หง
“ฟู่หง ศักดิ์ศรีของคุณมันสำคัญกว่าชีวิตลูกเหรอ?”
“ฉันไม่เชื่อว่านอกจากเขาแล้วจะไม่มีคนรักษาลูกได้” ดูไปแล้วฟู่หงก็ดูเป็คนมีทิฐิอยู่เหมือนกัน เย่จื่อเฉินเบ้ปากไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ก่อนจะไหวไหล่พูด “ครับ แต่คุณก็ไปหาหมอมาตั้งเยอะแล้ว คุณเห็นว่ามีใครรักษาเขาได้บ้างไหมล่ะ?”
คำพูดของเย่จื่อเฉินทำให้ฟู่หงนิ่งไปทันที ในตอนนั้นตงฟางหยุนก็ได้ะโขึ้น
“คุณฟู่”
“คุณชายเย่ได้โปรดรักษาลูกชายของผมด้วยนะครับ!”
ฟู่หงจ้องเย่จื่อเฉินอย่างชิงชัง พร้อมกับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“สายตาของคุณหมายความว่าไงครับ ขู่ผมเหรอ?”
เย่จื่อเฉินทำเป็ย่นคอกลัวกับท่าทางนั้น ฟู่หงเลิกคิ้วขึ้นทันที แต่เมื่อเห็นท่าทางของตงฟางหยุน จึงต้องจำใจข่มความโกรธลงไป ก่อนจะหลุบตาลงพร้อมกับพูดขึ้น
“ได้โปรดครับคุณชายเย่”
“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย”
เย่จื่อเฉินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฟู่เฉิงิ เนื่องจากกรามถูกบีบจนหัก ใน่นี้เขาจึงต้องให้อาหารทางสายยาง ใบหน้าก็ขาวซีดไปหมด
ยกมือขึ้นเคาะที่คางเขาเล็กน้อย
กึก
“คุณชายเย่...”
“ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณชายเย่ แค่ต่อไปนี้นายไม่ไปหาเื่ฉันก็พอแล้ว”
เย่จื่อเฉินกลอกตามองเขา ก่อนจะจัดกระดูกทั้งหมดให้เข้าที่เข้าทางภายในเวลาอันรวดเร็ว
เย่จื่อเฉินปัดมือ แล้วหันไปบุ้ยปากใส่ตงฟางหยุนกับฟู่หง
“ไปดูลูกชายคุณเถอะ”
พูดจบ เขาก็หันไปทางตงฟางเหวินอี้ที่อยู่ทางด้านข้าง
“ถึงเวลาที่เราจะคุยกันเื่จุดประสงค์แรกแล้วสินะครับ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้