พรรคต้าเฟิง
เมื่อกู่ไห่เปิดเผยใบหน้าและตัวตน ความสนใจของเหล่าผู้ฝึกตน ก็หาใช่การพนันอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาพุ่งความสนใจไปยังชายคนนี้เพียงผู้เดียว
กู่ไห่เดินไปยังพื้นที่ส่วนในของพรรคต้าเฟิง โดยมีกลุ่มอาชญากรคอยเฝ้าระวังความปลอดภัยทั้งสี่ด้าน เพื่อป้องกันมิให้ผู้ฝึกตนทั้งหลายเข้ามาใกล้
แม้ไม่ได้เข้าใกล้ ขอเพียงเห็นว่ากู่ไห่ยังอยู่ พวกเขาก็วางใจ และระหว่างนี้ เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็ร่วมกันคิดหาวิธีการ ที่จะแย่งชิงลูกท้อร้อยปีไปจากชายหนุ่ม
บริเวณทั่วทั้งพรรค จึงถูกจับตามองตลอดเวลา การที่กู่ไห่ไม่ได้ออกไปด้านนอก จึงถือดีต่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง
...
บนูเา
ที่นี่ก็มีผู้ฝึกตนยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ เช่นกัน
พวกเขาขมวดคิ้วมุ่น พลางมองชายหลายคนที่ยืนถือดาบอยู่ไม่ไกล
“มีการเคลื่อนไหวหรือไม่?” ชายผู้มาใหม่เอ่ยถาม
“ไม่! นักโทษเ่าั้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้ายาม จึงตื่นตัวตลอดเวลา พวกเราไม่อาจเข้าใกล้พื้นที่บริเวณนั้นได้เลย ข้าคิดว่าพวกเขาก็คงจะรู้การเคลื่อนไหวของเราเช่นกัน” หนึ่งในกลุ่มกล่าว พลางนิ่วหน้า
“กู่ไห่ยังคงอยู่ด้านในอย่างนั้นหรือ... นี่มันอะไรกัน?”
“ดูสิ! เหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนั้น”
“อะไรนะ?”
“หมอก? เหตุใดจู่ๆ จึงได้มีหมอกหนาปรากฏ? มันก่อตัวเร็วมาก ทั้งยังหนาทึบยิ่งขึ้นเสียด้วย?”
“หนาทึบขึ้นเรื่อยๆ หรือ?”
“หมอกที่บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์? เข้าปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดของพรรคต้าเฟิงอย่างนั้นหรือ? “
“ค่ายกล? นี่มันค่ายกลั์มิใช่หรือ? “
กลุ่มฝูงชนมองสถานการณ์ตรงหน้า ด้วยความไม่เข้าใจ
ไม่นานนัก เหล่าอาชญากรที่อยู่ไกลออกไป ก็ถูกบดบังด้วยหมอกหนา ที่กำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนเป็ที่น่าประหลาดใจแก่ผู้พบเห็น
ผู้ที่คอยจับตาดูกู่ไห่ เริ่มแสดงความงุนงง
“ค่ายกล? นี่ต้องเป็ค่ายกลของกู่ไห่แน่! เขาจะไม่ออกมาเลยหรืออย่างไร?”
“ไม่… ไม่สิ! เ้าจำเหตุการณ์ที่ดินแดนแรกสาบสูญได้หรือไม่? นั่นเป็เพียงฉากบังหน้า กู่ไห่สร้างค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเขายังอยู่ในนั้น แต่แท้จริงแล้ว กลับอาศัยความโกลาหลหนีไปอย่างเงียบๆ มิใช่หรือไร?”
“หรือว่า... ครานี้ก็เช่นกัน?”
“เร็วเข้า! กลับแจ้งให้คนอื่นทราบ ช่วยกันปิดล้อมบริเวณโดยรอบให้หมด อย่าให้กู่ไห่หนีไปได้”
“เร็วๆๆ... แจ้งทุกคน!”
...
นอกค่ายกล
เหล่าผู้ฝึกตนเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
แน่นอนว่า มีบางคนที่พยายามจะบุกเข้าไปในค่ายกลใหญ่นี้
ทว่า ภายในหมอกหนานั้น
ฉึกๆ!
จู่ๆ พลังกระบี่ชี่ขนาดมหึมาก็พุ่งออกมา ท่ามกลางกลุ่มหมอกหนา
“อ๊าก!”
ผู้ฝึกตนคนนั้นพลันร้องอย่างเ็ป ร่างของเขาถูกผ่าออกเป็สองซีกทันที
“อ๊ากๆๆ!...”
เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วสารทิศ ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่บริเวณรอบนอก เมื่อได้ยินเสียงนี้ ต่างถูกความกลัวเข้ากลืนกินจิตใจ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนหนีออกมาได้ แต่หลายคนก็ถูกตัดแขน ตัดขา ผู้ฝึกตนที่าเ็น้อยที่สุด มีเพียงรอยบาดจากคมกระบี่เล็กน้อยบนหน้าอก
“ค่ายกลั์? หรือนี่คือค่ายกลกระบี่์!”
“ค่ายกลกระบี่์คืออะไรหรือ?”
“ในดินแดนแรกสาบสูญ กู่ไห่ทำลายค่ายกลขนาดใหญ่ และเรียนรู้เกี่ยวกับค่ายกลกระบี่์ และตอนนี้เขาก็กำลังวางค่ายกลกระบี่์ เพื่อปกป้องพื้นที่ของพรรคต้าเฟิงเอาไว้”
ฟึ่บ!
ได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างก็แสดงท่าทีหวาดกลัว พวกเขาในตอนนี้กำลังมืดแปดด้าน
เมื่อเห็นถึงอันตรายของค่ายกลกระบี่์ เหล่าผู้ฝึกตนที่ยืนรายรอบ จึงไม่กล้าเข้าใกล้ค่ายกลของกู่ไห่อีก
...
ในบ้านหลังหนึ่ง ข้างสนามประลอง
เิไท่โอบกอดเฟิงหลิง พลางหรี่ตามองค่ายกลเมฆหมอกขนาดใหญ่ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบริเวณด้านในพรรค
“กู่ไห่? เ้าช่างกล้าหาญนัก รู้หรือไม่? ว่าการสร้างค่ายกลเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ผู้คนเริ่มเคลื่อนไหว” เิไท่กล่าวอย่างไม่ชอบใจ
...
เหนือยอดเขาสูง
“คุณชายเก้า กู่ไห่ได้วางค่ายกลกระบี่์อีกแล้ว แต่ครั้งนี้ใหญ่กว่าคราก่อนๆ มากนัก ถึงกับครอบคลุมพื้นที่ของพรรคต้าเฟิงได้ทั้งหมดเช่นนี้ พลังของเขาพัฒนาไปมากขนาดนี้เชียวหรือ?” ผู้ติดตามคนหนึ่งกังขา
“ค่ายกลของกู่ไห่นี้ สร้างขึ้นจากหินิญญา แต่ในอดีต ค่ายกลกระบี่์จะต้องถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุิญญาของท่านประมุข
ฉะนั้น ค่ายกลของกู่ไห่จึงเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย ถึงจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ป้องกันได้เพียงระดับแก่นทองคำเท่านั้น ไม่อาจต้านทานพลังระดับหยวนอิงได้
ขอเพียงรู้ข้อนี้ ผู้ที่มีพลังระดับหยวนอิง ก็สามารถเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น รอลั่วเทียนเกอมาก่อนเถอะ!” คุณชายเก้ากล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ!”
...
ในค่ายกลกระบี่์
ตอนนี้ทั้งสนามประลองและหุบเขาคนโฉด ได้มีการกระจายกำลังเพื่อคอยเฝ้าดูแล โดยกลุ่มนักโทษ
บริเวณข้างตำหนักเต่าั ในตอนนี้ได้ถูกขุดลึกลงไปเป็ในสระน้ำขนาดใหญ่ ภายในสระ เต็มไปด้วยหินิญญาหลายพันก้อน ที่ถูกวางกระจัดกระจายเป็ชั้นๆ ราวกับจะปูพื้นสระกระนั้น
กลุ่มอาชญากรที่มองมา ต่างะโด้วยความตื่นเต้น หินิญญาได้ถูกนำมาจัดเรียงเป็ค่ายกล พลังชี่ก่อตัวขึ้นในสระ ก่อนจะค่อยๆ แผ่กลิ่นอายแห่งพลังออกมา
“นี่คือสระิญญาอย่างนั้นหรือ? เป็ไปได้อย่างไรกัน?”
“มันคือสระิญญา... บ้าไปแล้ว! ข้าเคยเห็นมันที่เกาะเอ้อร์จิ่วมาก่อน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้แช่ตัว”
“จริงด้วย! ข้าเคยแช่สระิญญามาก่อน”
“สระิญญา? มิได้เกิดขึ้นเองหรอกหรือ?... สระน้ำขนาดใหญ่นี่ เพิ่งจะขุดขึ้นมาชัดๆ”
“ค่ายกล? ใช้หินิญญาสร้างค่ายกลอย่างนั้นหรือ?”
“ทำให้เกิดฟองสบู่ได้หรือไม่? บ้าเอ๊ย!... ข้าอยากจะแช่สระิญญาเสียเดียวนี้!”
กลุ่มนักโทษต่างจดจ้องสระใหญ่ตรงหน้า อย่างกระตือรือร้น
แม้ตอนนี้ใจของทุกคน แทบอยากจะะโลงไปแช่เสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่ากลับต้องอดทนต่อกิเลสของตนเอาไว้
“ผู้บัญชาการเฉิน พวกเราลงไปแช่ได้หรือไม่?” บรรดาอาชญากรถามขึ้น พลางมองอีกฝ่ายที่อยู่ด้านหน้าสุด ด้วยดวงตาที่ทอประกายอย่างคาดหวัง
“นายท่านมีเื่ต้องทำชั่วคราว รอนายท่านก่อน แล้วข้าจะพาพวกเ้าทุกคนลงไปแช่เอง” เฉินเทียนซานะโเสียงเข้ม
“ผู้บัญชาการเฉิน นี่คือสระิญญาอย่างนั้นหรือ?” ถามเสร็จ ทุกคนต่างก็ตั้งตารอคำยืนยัน จากปากของผู้บังคับบัญชา
เฉินเทียนซานยกยิ้มกว้าง ก่อนตอบอย่างมั่นใจ “แน่นอน! นี่คือสระิญญา อีกไม่นาน พวกเ้าก็จะได้รู้ถึงสรรพคุณของมัน เพื่อสระนี่นายท่านต้องจ่ายไปด้วยราคาที่สูงนัก”
“สระิญญาจริงๆ หรือนี่?”
“ใช้หินิญญามากมายขนาดนั้นเลยหรือ?”
รอสักพัก เหล่าอาชญากรต่างก็เริ่มมีท่าทีร้อนใจ
“ฟังให้ดี นายท่านเคยกล่าวไว้ว่า สองวันมานี้ พวกเ้าได้ตรวจสอบซ่อมแซมพรรคต้าเฟิงไปมากแล้ว วันนี้จะแบ่งเงินให้ก้อนใหญ่
ทว่าพวกเ้าแต่ละคน จะต้องนำหินิญญาระดับกลางหนึ่งก้อน มาวางไว้ที่สระนี่ นายท่านบอกว่าการสร้างสระิญญานี้ จะช่วยให้สุขภาพของพวกเ้ากลับมาแข็งแรงเหมือนก่อน สำหรับนายท่านแล้ว ความสมบูรณ์ของร่างกายถือเป็อันดับหนึ่ง” เฉินเทียนซานอธิบาย
“ยังใช้หินิญญาระดับกลางอีกอย่างนั้นหรือ? ทั้งหมดใช้เพื่อสนับสนุนสระิญญา” นักโทษพูดเสียงดังทันที
“ใช่แล้วๆ! การดูดซับหินิญญา จะช่วยฟื้นฟูสระิญญาได้อย่างไร?” อาชญากรทุกคนร้องถามทันที
“นี่เป็คำสั่งของนายท่าน อย่าได้ถามให้มากความ” เฉินเทียนซานกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” สีหน้าของกลุ่มนักโทษ พลันจริงจังขึ้นมา
ยิ่งเวลาผ่านไป ดูเหมือนทุกคนจะพบว่า ความลับของนายท่านผู้นี้มีมากเหลือเกิน ผู้ฝึกตนระดับก่อ์ จะวางค่ายกลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทั้งยังสร้างสระิญญาเช่นนี้อีกด้วย... สระิญญา? นี่เป็ครั้งแรกที่เหล่าอาชญากรได้เห็นมันถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์
พวกเขาในตอนนี้ ต่างก็เริ่มยำเกรงกู่ไห่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้บัญชาการเฉิน เมื่อไหร่จะแช่ได้กัน? ข้ารอไม่ไหวแล้ว” หนึ่งในนักโทษะโถาม
“ใจเย็นๆ อีกสักครู่นายท่านก็มาแล้ว!” เฉินเทียนซานกล่าวเสียงต่ำ
“ก็ได้!”
กลุ่มอาชญากรทำได้แค่จ้องสระิญญาไม่วางตา และภาวนาให้กู่ไห่ปรากฏตัวขึ้นโดยเร็วที่สุด
...
ขณะเดียวกัน บัดนี้กู่ไห่ยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ ที่อยู่ห่างออกมา
กู่ไห่ เกาเซียนจือ ฮวางบู ซ่างกวนเหิน และนักโทษอีกหนึ่งคน กำลังล้อมรอบร่างมนุษย์ผักของหลี่เหว่ย
ผมของเขาถูกโกนออก ดวงตาทุกคู่มองดูที่ศีรษะของหลี่เหว่ยก่อนขมวดคิ้วแน่น
“เ้ารู้ได้อย่างไร?” กู่ไห่ถาม พลางมองอาชญากรตรงหน้า
“เมื่อก่อนข้าเคยทำงานด้านนี้ ทำให้มีความรู้สึกไวต่อรอยสักบนร่างกายมนุษย์ ตอนที่นายท่านให้เฝ้าหลี่เหว่ย ข้าได้ทำการตรวจสอบ ก่อนพบว่าบนศีรษะของเขา มีรอยสักรูปหนามเล็กๆ โผล่ออกมา ข้าจึงโกนผมออกเล็กน้อย เพื่อตรวจดู แล้วก็เจอมันเข้า” นักโทษรายงานเสียงต่ำ
“รอยสักนี้? ดอกโบตั๋น? ไม่! โบตั๋นดอกนี้แปลกมาก มีสีเหลือง ทั้งยังไม่บานสะพรั่งเต็มที่?” ฮวางบูกล่าว พลางย่นหัวคิ้ว
“ลายสักดอกโบตั๋นและหนามบนศีรษะ ที่สำคัญคือ เหตุใดบนศีรษะของเฟิงหลิงก็มีลายสักแบบนี้เช่นกัน?” เกาเซียนจือกล่าวเสียงเรียบ ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
“หลี่เหว่ย? เฟิงหลิง?” กู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าตอนนั้น เิไท่เป็ผู้ค้นพบลายสักหนามเขียวนี่ บนศีรษะเฟิงหลิง เช่นนั้น เมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนที่เฟิงหลิงเป็ภรรยาของเิไท่ ก็น่าจะมีลายสักนี่อยู่แล้ว”
“นายท่าน ลายสักหนามเขียวนี้ ข้าได้ศึกษาดูแล้ว มันน่าจะถูกสักเอาไว้นานแล้ว ดูจากระยะห่างของลาย คงจะได้มาั้แ่ครั้งเยาว์วัย เมื่อศีรษะโตขึ้น จึงมีช่องว่างมากขึ้นตามไปด้วย” ซ่างกวนเหินกล่าว พลางนิ่วหน้าใช้ความคิด
“ั้แ่เด็กอย่างนั้นหรือ? เป็ไปได้หรือไม่ ว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขา จะมีลายสักแบบนี้เช่นกัน?” ฮวางบูเอ่ย
“ไม่! เพราะเิไท่สามารถรู้ได้ทันที ว่านี่คือเฟิงหลิง มิใช่เยว่เหยา” เกาเซียนจือส่ายหน้าทันที
“แล้วเหตุใดจึงต้องเป็เฟิงหลิงและหลี่เหว่ย ที่มีลายสักดอกโบตั๋นเช่นนี้ั้แ่เด็ก? นี่มันอะไรกัน?...” ชายหน้าบากเอ่ยอย่างงงงัน
กู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนกล่าว “ดูเหมือนศิษย์พี่น้องสี่คนของพรรคต้าเฟิง จะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน เกินกว่าที่พวกเราจะเข้าใจ... แต่เิไท่คงจะรู้เหตุผลนี้ดีกว่าใคร”
ทุกคนพยักหน้า
“ไปแช่สระิญญาได้ เสร็จแล้วค่อยสำรวจพื้นที่ภายในพรรคต้าเฟิงกันต่อ” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ!” ทุกคนตอบ
“นายท่าน วันนี้ข้าได้ทำลายผนึกแหวนมิติของหลี่เหว่ยได้แล้ว แต่ยังมิได้ตรวจสอบสิ่งของภายใน บางที...” ซ่างกวนเหินบอก
“หืม?”
กู่ไห่รับแหวนมิติ ที่ซ่างกวนเหินยื่นให้ทันที
ฟั่บ!
เพียงพริบตา ทุกอย่างในแหวนมิติก็ถูกหยิบออกมา
มีทั้งหินิญญาจำนวนมาก และของใช้ประจำวันอื่นๆ ของหลี่เหว่ย แต่ไร้ซึ่งอาวุธวิเศษ
“หืม? มีจดหมาย” ฮวางบูกล่าว พลางหยิบจดหมายขึ้นมา
“ดูจากซอง คล้ายจะเขียนมานานมากแล้ว ลองเปิดดูเถอะ”
เมื่อจดหมายถูกเปิดออก ทุกคนก็เริ่มอ่านทันที ตัวอักษรในจดหมายมีไม่มากนัก
‘ศิษย์รักของข้า หลี่เหว่ย’
เ้ายังเด็กและไม่รู้เหตุผล จดหมายฉบับนี้อย่าให้ใครรู้ รวมถึงศิษย์พี่และศิษย์น้องของเ้าด้วย ไม่อาจบอกเื่นี้กับใครได้ เมื่อเ้าโตขึ้น ก็จะค่อยๆ เข้าใจไปเอง
ไม่นานมานี้ พรรคต้าเฟิงของเราได้เผชิญเื่ราวมากมายนัก หลังจากนี้ ข้าก็ไม่อาจรู้ได้ว่า จะมีเื่ใดเกิดขึ้นกับพรรคของเราอีก
จงปกป้องศิษย์พี่รองของเ้า เฟิงหลิง หรือก็คือลูกสาวของข้าให้ดี ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเลือกนาง แต่นางคือกุญแจสำคัญของเรา
มีความลับอันยิ่งใหญ่ในพรรคต้าเฟิง เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างจะเปิดเผยขึ้นมาเอง ข้าก็ไม่อาจบอกอะไรได้มากนัก
สิ่งที่เ้าต้องทำ คือรักษาเนื้อรักษาตัว และปกป้องเฟิงหลิงเอาไว้ให้ได้ หากเกิดเื่ขึ้นจริง ในวันข้างหน้า ความลับนี้จะทำให้พวกเ้าทั้งสี่ กลายเป็ผู้ที่สูงส่งเหนือผู้ใด
สุดท้าย ข้าไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร ศิษย์พี่ใหญ่ของเ้า เิไท่ จากที่ข้าเฝ้าดูการเติบโตของเขา คนผู้นี้ช่างมีจิตใจที่โเี้นัก เราไม่อาจไว้ใจเขาได้
จาก... เว่ยหยาง’
“เว่ยหยาง? อาจารย์ของเิไท่และหลี่เหว่ยมิใช่หรือ?” ชายหน้าบากกล่าวด้วยความแปลกใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้