บนเรือนใหญ่ โม่โฉวยืนมองดวงจันทร์บนนภา พลันหยิบแหวนประดับมุกขึ้นมาพร้อมความคิดถึงและรู้สึกผิดต่อคนรักที่ไม่อาจปกป้องนางจากอันตรายได้
“เซียนเยว่ ข้าขอโทษที่ปกป้องเ้ากับลูกไม่ได้ ข้าไม่คิดว่าเสี่ยวเฟยจะโหดร้ายได้มากถึงเพียงนี้ ขนาดที่ข้าจะลงมือสังหารนางเพื่อคืนความยุติธรรมให้เ้ากับลูก ข้ายังไม่มีความสามารถจะทำได้” เขาพูดพลางกำแหวนของหญิงอันเป็ที่รัก พร้อมหัวใจแตกสลาย
ความรักของโม่โฉวและเซียนเยว่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย เขาพบนางที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมือง ขณะที่นางเอามาของมาเร่ขาย ใบหน้าสวยหวานอ่อนโยนของนางทำเขาสะดุดตาั้แ่แรกพบ จะว่าไปแล้วเขารักกับนาง ก่อนที่เสี่ยวเฟยจะเข้ามาเป็ฮูหยินเสียอีก ทว่าไม่อาจขัดพระประสงค์ของฮ่องเต้ได้ จึงจำใจรับนางเข้ามาแล้วยกนางขึ้นเป็ภรรยาเอกให้สมฐานะ
“หากข้ารู้สักนิดว่าจะเสียเ้าไป ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้นางได้เข้าใกล้เ้าแม้แต่ปลายเล็บ” พูดแล้วเขาก็กำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ ความโกรธเกลียดทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ว่าวันไหนจะห้ามใจไม่ให้สังหารนางได้
“นายท่านขอรับ” โม่โฉวปาดน้ำตาแบบลวก ๆ
“มีอะไร”
“ข้าน้อยเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รุ่งเช้าก็ออกเดินทางได้ แต่ว่า...” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่ว่าอะไร”
“รถม้าจะให้นำออกกี่คันขอรับ” โม่โฉวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“คันเดียวก็พอ”
“แต่ว่านายท่านต้องนั่งไปกับฮูหยินนะขอรับ” เขากำมือแน่นแล้วพยักหน้ารับ เพราะใจจริง้าไปส่งนางกลับเข้าวังแล้วไม่คิดพานางกลับมาอีก ในเมื่อฮ่องเต้ประสงค์ไม่ให้ฆ่านาง ก็ไม่มีความจำเป็ต้องอยู่ร่วมกัน
“ให้เป็เช่นนั้น อดทนนั่งกับนางไปไม่กี่ชั่วยาม พอถึงวังหลวง ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”
“ขอรับ” หลังจากเจ่าเจาเดินจากไป โม่โฉวก็หันกลับมายังดวงจันทร์สีเหลืองนวล พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมา เขาเป็ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ด้วยชาติกำเนิดที่เกิดในตระกูลสูงส่งทำให้เขาเป็ที่จับตามองของทุกคน
“เหตุใดยังไม่นอนเ้าคะ” มู่เลี่ยนลืมตาตื่นขึ้นกลางดึก พบว่าฮูหยินเสี่ยวเฟยนั่งเหม่อลอยอยู่เพียงลำพัง
“พรุ่งนี้ข้าต้องเจอกับอะไรบ้าง ในวังหลวงน่ากลัวมากหรือไม่ ฮ่องเต้พระทัยเป็เช่นไร ข้ากังวลนัก” จื่อหลานในร่างของฮูหยินนั่งเท้าคางคิดอย่างหนักใจ ก่อนมู่เลี่ยนจะเดินเข้ามาแล้วยิ้มให้
“เหตุใดต้องกังวลเ้าคะ ในเมืองหลวงมีแต่ญาติสนิทของฮูหยินทั้งนั้น ท่านแม่เป็ถึงคนสนิทของฮองเฮา ส่วนท่านพ่อก็เป็ถึงรองแม่ทัพ แม้ตอนนี้ไปประจำที่ชายแดนต้าเหริน แต่พี่น้องของฮูหยินก็ยังอยู่ในวังหลวงอีกหลายคน ฮ่องเต้ก็เมตตาฮูหยินมากเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะมีราชโองการมาช่วยทำไมเ้าคะ” คำพูดของมู่เลี่ยนทำให้หญิงสาวเอียงศีรษะ
“ข้ามีอำนาจมากขนาดนั้นเชียวเหรอ” หญิงสาวทำตาแป๋ว ก่อนมู่เลี่ยนจะหลุดยิ้ม
“มีอำนาจมากพอ ทำให้นายท่านโม่โฉวยอมแต่งงานด้วยนั่นแหละเ้าค่ะ” รอยยิ้มของหญิงสาวค่อย ๆ เผยออกมา ความกังวลใจที่เคยมีลดน้อยลงในฉับพลัน
“ค่อยน่าสนุกหน่อย เช่นนั้นหากข้าอยู่ที่วังหลวง โม่โฉวก็รังแกข้าไม่ได้ ต่อให้เขาอยากฆ่าข้ามากเท่าใด ก็ทำไม่ได้อยู่ดี” หญิงสาวปล่อยยิ้มแล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนมู่เลี่ยนที่ยืนสังเกตกิริยานายหญิงจะเก็บซ่อนความรู้สึกแปลกใจไว้ในส่วนลึก หลังจากฮูหยินเสี่ยวเฟย ฟื้นจากการดื่มยาพิษในครั้งนั้น กิริยาและนิสัยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เสียงรถม้าเคลื่อนมารอรับ หญิงสาวมองดูด้วยความตื่นเต้น ส่วนใหญ่แล้วนางชอบอ่านนิยายประวัติศาสตร์ ทำได้เพียงแต่จินตนาการตาม แต่ไม่เคยเห็นของจริงใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน
“ขึ้นรถม้าเถิดเ้าค่ะ” มู่เลี่ยนเอ่ยด้วยกิริยาอ่อนน้อม ก่อนฮูหยินเสี่ยวเฟย ที่พยายามควบคุมกิริยาของตัวเองให้อยู่ในอาการสงบ จะพยักหน้านิ่ง ๆ แล้วเลื่อนสายตามองบ่าวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก่อนคนพวกนั้น จะหลบสายตากันหมดไม่ยอมสบตาด้วย สองเท้าของหญิงสาวก้าวขึ้นรถม้าไป
ทว่านางต้องพบกับสายตาเ็าของโม่โฉว ที่จับจ้องมองมา นางกลืนน้ำลายแล้วนั่งลงด้านข้างอย่างเงียบ ๆ พร้อมเสียงของรถม้าจะวิ่งออกจากจวนไป จื่อหลานที่อยู่ในร่างของฮูหยินร้ายกาจ แอบชำเลืองมองโม่โฉวเป็ระยะ ๆ ไม่ว่าจะมองจากด้านไหน ทั้งรูปลักษณ์และหน้าตาก็ยังหล่อเหลาโดดเด่นอยู่เช่นเคย ไม่แปลกใจที่ฮูหยินเสี่ยวเฟยจะหลงรักจนหน้ามืดตามัวเช่นนี้
“ฉันควรถามเขาก่อนดีไหม” หญิงสาวนึกคิดในใจ
“หากไม่ถามเลย ก็ดูจะยอมรับผิดเกินไป ลองถามดูสักหน่อยก็แล้วกัน” หญิงสาวเตรียมจะอ้าปากถาม ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้น
“หุบปากของเ้า หากคิดจะแก้ตัว ก็ไม่ต้องพ่นอะไรออกมาให้ข้ารังเกียจเ้ามากไปกว่านี้” เสี่ยวเฟยค่อย ๆ เม้มปากลงช้า ๆ แล้วพึมพำ
“ไม่พูดก็ได้ ใครอยากจะพูดด้วย” หากแต่นางลืมไปว่า อยู่ใกล้เขาเพียงแค่ไหล่ชน ทำให้อีกฝ่ายได้ยินอย่างชัดเจน เขาขมวดคิ้วจับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“มองข้าเช่นนั้น มีอะไรเหรอ” นางเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถาม ทว่าโม่โฉวไม่อยากเสวนาด้วย เขาเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ทบทวนกิริยาของนางอย่างเงียบ ๆ
“เหตุใดสายตาของนางว่างเปล่าเช่นนั้น” คนฉลาดอย่างโม่โฉวจับความผิดปกติได้ทันที โดยนิสัยของนางเป็คนเงียบขรึม และจะสะท้อนความร้ายกาจเคล้าอยู่ในสายตาของนางเสมอ ทำให้เขาไม่เคยไว้ในนางได้เลยสักวัน ทว่าวันนี้สายตานั้นกลับกลายเป็ความว่างเปล่าอย่างน่าสงสัย
ขณะที่รถม้าเคลื่อนตัวออกไปได้สักระยะ ท้องของฮูหยินเสี่ยวเฟยก็ร้องทวงถามอาหาร ก่อนนางจะหันมายังเขา แล้วตัดสินใจใช้มือจิ้มไปที่แขนของเขาเบา ๆ
