กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการแต่งตั้งขุนนาง ก็ได้ใช้เวลาไปถึงสองชั่วยาม
เมื่อแต่งตั้งจนครบ กู่ไห่จึงม้วนเก็บผ้าไหมทองประกาศ์อย่างระมัดระวัง มือหนึ่งถือม้วนผ้าไหมทอง อีกมือถือตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์เอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ เดินลงจากแท่นบูชา
เขาเดินช้าๆ ไปยังพระราชวังทะยาน์ที่อยู่ตรงหน้า
เหล่าขุนนาง พากันเดินตามหลังกู่ไห่ไปยังท้องพระโรงเช่นกัน
ท้องพระโรงขนาดใหญ่สูงนับสิบจั้ง ภายในว่างเปล่า บนแท่นสูงทางทิศเหนือของท้องพระโรง มีบัลลังก์ฮ่องเต้ตั้งตระหง่าน กู่ไห่ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไปยังบัลลังก์สีทองอันงามสง่า ซึ่งแกะสลักเป็ลวดลายั ที่ทั้งดูงดงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน
พิธีกรส่งราชโองการแต่งตั้งที่ตนอ่านไปเมื่อครู่มาให้ เขาจึงวางไว้บนโต๊ะ และคว้าตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์มาประทับลงไป
ตูม!
ตราประทับศักดิ์สิทธิ์เมือง์ แสดงให้เห็นถึงพลังกุศลที่ตนได้รับั้แ่วินาทีนี้
กู่ไห่มองไปยังเหล่าขุนนางเบื้องล่างด้วยสายตานิ่งเรียบ และค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งบนบัลลังก์ั
“ถวายบังคมฝ่าา ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” เหล่าขุนนางกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
…
แผ่นดินเสินโจว
ด้านนอกท้องพระโรง
หลงหว่านชิงและท่านไต้ซือหลิวเหนียน เดินออกจากห้อง
“ไต้ซือหลิวเหนียน ท่านตาว่าอย่างไรบ้าง” หลงหว่านชิงเอ่ยถาม
“ฝ่าาคงกำลังตรวจสอบอยู่ โปรดอดทนรอสักเดี๋ยวเถิด” ภิกษุชราตอบ พลางยกยิ้มบางกลับไป
ขอแค่พ้นกรอบประตูออกมา จะพูดอะไรก็ได้ แต่ถ้ายังอยู่ด้านใน ต่อให้กระซิบกัน จักรพรรดิ์ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
“ตอนนี้ กู่ไห่คงจะสร้างแคว้นแล้วกระมัง ไม่รู้ว่าจะเป็แคว้นมนุษย์ หรือแคว้น์” หลงหว่านชิงขมวดคิ้วแน่น พลางเอ่ย
“แคว้นมนุษย์? ฮ่าๆ! ข้าคิดว่ากู่ไห่คงจะไม่ชอบใจเท่าใดนัก เขา้าประกาศให้ใต้หล้า และ์ได้ทราบโดยทั่วกัน ถึงเื่ที่ตนสร้างแคว้น แต่เพราะยามนี้ กู่ไห่มีระดับพลังที่อ่อนด้อยเกินไป แม้จะสร้างแคว้น ก็คงเป็แคว้นที่อ่อนแอที่สุด” ท่านไต้ซือหลิวเหนียนกล่าว พลางฝืนยิ้ม
“แคว้นที่อ่อนแอที่สุด?” หลงหว่านชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่! อ่อนแอที่สุด... พอๆ กับแคว้นมนุษย์ธรรมดาๆ แม้จะมีดินแดนในปกครองมากมาย และมีคนใต้อาณัติหลายคน แต่ก็มียอดฝีมือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ไม่ต้องพูดถึงแคว้น หากไม่ใช่เพราะกู่ไห่ได้รับการยอมรับจากดินแดนเสินโจวละก็ แม้แต่เผ่าสัตว์อสูรขนาดเล็ก ก็อาจบุกทำลายคนของเขาได้
แคว้นที่แข็งแกร่งกว่า สามารถช่วยสนับสนุนแคว้นของกู่ไห่ได้ และเพราะที่นั่นคือทะเลพันเกาะ กู่ไห่จึงมีโอกาสเช่นนี้” ไต้ซือหลิวเหนียนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน
“แต่อย่างน้อย ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็แคว้นแล้ว” หลงหว่านชิงส่ายหน้า
พูดจบ ทั้งสองก็ค่อยๆ เดินออกจากท้องพระโรงไป
...
ภายในท้องพระโรง ก็มีเสียงสนทนาดังขึ้น
“นี่คือข้อมูลของกู่ไห่ ที่เราได้มาจากทะเลพันเกาะ” เสียงนั้นพูด ด้วยความเคารพนับถือ
ในห้องโถงใหญ่ เงียบงันไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะดังออกมา “กู่ไห่ มีบางอย่างที่น่าสนใจ”
“ตอนนี้หลี่เฉินจีอยู่ที่ใด?” จักรพรรดิ์ถาม
“ั้แ่โดนปลดออกจากตำแหน่งครั้งก่อน ก็ท่องไปทั่วแดนดิน ่นี้ดูเหมือนกำลังล่าเสวียนอู่อยู่ในทะเลเหนือ” เสียงนั้นตอบอย่างนอบน้อม
“เสวียนอู่? ฮึ่ม! ส่งคำบัญชา์ไปบอกเขา ให้ปรับโครงสร้างกองทัพเฉินจีหยิงภายในสามเดือน” เสียงของจักรพรรดิ์แห่งราชวงศ์์ต้ากานดังขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
ทางตอนเหนือของทะเลพันเกาะ ที่ถูกปกคลุมโดยเมฆทึบ
ตูม!
เสียงของคลื่นั์ที่กระทบฝั่ง รุนแรงถึงขนาดที่แม้แต่ปลาวาฬขนาดใหญ่ ก็ยังถูกซัดลอยไปตามแนวทะเล
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง และอัสนีที่ฟาดลงมาเป็ระยะๆ มีบางสิ่งซึ่งมีขนาดมหึมาโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำ
เป็เต่าั์ตัวหนึ่ง ขนาดใหญ่ห้าร้อยจั้ง[1] ผู้สร้างคลื่นใหญ่ไปทั่วน่านน้ำ ราวกับว่าผืนทะเลจะฟังคำบัญชาจากมันก็ไม่ปาน
“อ๊าก!”
เต่าั์คำรามลั่น น้ำทะเลที่ไม่มีจุดสิ้นสุด พลันซัดทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า และร่างหนึ่งก็กระโจนเข้าสู่ใจกลางคลื่น
ตูม!
มีเสียงดังขึ้นจากคลื่นน้ำ ก่อนที่ชายชุดคลุมสีม่วงจะพุ่งออกไป จับกระดองเต่าสีทองไว้ในมือมั่น จากนั้นก็ซัดฝ่ามือลงไป
ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว ฝ่ามือขนาดใหญ่ห้าร้อยจั้งก็กระแทกเข้ากับกระดองของเต่าั์
“อ๊าก!”
ตูม!
ฝ่ามือของเต่าั์ตบออกไปอย่างแรง เพื่อสกัดฝ่ามือที่โจมตีตน เกิดเป็พายุลูกมหึมาทันที กระแสลมหมุนวน จนก่อตัวเป็พายุงวงช้างสี่สาย
“ฮ่าๆๆๆๆ! โหมวเฉิน เกราะทองคำเสวียนอู่[2]ชิ้นนี้ ข้าขอนำมันไปก่อน ที่ข้าเอ่ยเมื่อครู่ เ้าควรจะเชื่อฟังแต่โดยดี ข้าจะได้คืนเกราะทองเสวียนอู่ชิ้นนี้ให้กับเ้า… ฮ่าๆๆ!” ชายเสื้อคลุมสีม่วง ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะะโถอยห่าง
“หลี่เฉินจี เ้าหัวขโมย หยุดเดี๋ยวนี้นะ... ย๊าก!” เต่าั์โหมวเฉินไล่ตามอย่างรวดเร็ว พลางคำรามสนั่น สายน้ำอันไหลเชี่ยวกราก ก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัน ราวกับเป็คำสั่งของเขา
ชายชุดคลุมสีม่วงหันไปมองอีกฝ่าย ด้วยแววตาที่แสดงถึงความภาคภูมิใจ ก่อนพลิกมือ เพื่อโจมตีอีกครั้ง
ตูม!
เต่าั์จู่โจมกลับไป แล้วเบนกายออกห่าง
บนท้องฟ้าท่ามกลางหมู่เมฆ ดูเหมือนจะมีเรือเหาะหลบซ่อนอยู่
ปัง!
หลี่เฉินจีะโขึ้นเรือเหาะที่จอดรออยู่ แล้วสั่งเสียงเรียบ “ไป...เร็ว!”
“ขอรับ!” ผู้ดูแลเรือเหาะขานรับ
ฟิ้ว!
จู่ๆ เรือเหาะก็กลายร่างเป็ลำแสง ก่อนโลดแล่นออกไป
“หลี่เฉินจี! เ้าคนชั่วไร้ยางอาย… โฮก!” เหนือทะเล เต่าั์โหมวเฉินเงยหน้าขึ้นด่าทอ พลางคำรามก้องอย่างเจ็บใจ
น้ำทะเลโดยรอบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พัดพาปลาทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนให้ลอยขึ้นสูง และตกลงมาพร้อมกัน
ตูม!
จากนั้นไม่นาน ทะเลก็สงบลง หลงเหลือไว้แต่เพียงโทสะของเต่าั์โหมวเฉิน
“ฮึ่ม!”
เพียงชั่วครู่ ร่างของโหมวเฉินก็เปลี่ยนเป็ชายร่างใหญ่สวมเสื้อคลุม ดวงตาคมมองไปยังทิศทางที่หลี่เฉินจีจากไป ด้วยสายตาเย็นะเื
เื้ัของโหมวเฉิน กลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาค่อยๆ ปรากฏกาย และยืนอยู่ที่นั่นอย่างนอบน้อม
“ผู้าุโโหมว ข้าน้อยช่างไร้ความสามารถ ไม่คิดว่าหลี่เฉินจีจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เขามาที่นี่ เพื่อขโมยชุดเกราะทองคำเสวียนอู่” ผู้ใต้บังคับบัญชาหน้าถอดสี พลางกล่าวด้วยความสำนึกผิด
โหมวเฉินมองไปเบื้องหน้า ด้วยความเศร้าหมอง “แม้จะสิ้นประมุขไป แต่ชิ้นส่วนของกระดอง ก็ไม่อาจปล่อยให้ถูกทำลาย ใครบังอาจทำให้เกราะทองเสวียนอู่แปดเปื้อน มันต้องตาย!”
“แต่หลี่เฉินจีหนีหายไปแล้วเช่นนี้ เราควรจะทำอย่างไรดี!”
“เ้าจงเฝ้าวังทะเล ข้าสามารถััได้ถึงกลิ่นอายของเกราะทองเสวียนอู่ เขาไม่อาจหนีได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน… ฮึ่ม!” โหมวเฉินกล่าวเสียงเรียบ พลางจ้องไปยังภาพตรงหน้านิ่ง
“ขอรับ!”
ฟิ้ว!
ร่างของโหมวเฉินสั่นไหว ก่อนพุ่งตัวตามไป
…
บนเรือเหาะที่อยู่ห่างออกมาไกล
หลี่เฉินจีถือชิ้นส่วนเกราะทองคำไว้ในมือ และมองดูมันอย่างระมัดระวัง
เขามีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับหลี่ฮ่าวหราน แม้ว่าจะมีศักดิ์เป็ลุง แต่กลับดูอ่อนเยาว์และผอมบางกว่า มือทั้งสองเรียวยาว ดูคล้ายชายหนุ่มวัยยี่สิบปี ทว่า ดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
“นายท่าน นี่คือเกราะทองเสวียนอู่หรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชา มองเศษทองในมือของหลี่เฉินจีอย่างสงสัย
“เกราะทองเสวียนอู่นี้ หลังจากที่าาเสวียนอู่ถูก์ลงโทษ ร่างของเขาก็แตกเป็เสี่ยงๆ เหลือแค่เศษกระดองเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
เทพเ้าเสวียนอู่ในตอนนั้น ได้ติดตามท่านผู้เฒ่าไปท้าทาย์ น่าเสียดายที่พ่ายแพ้ ท่านผู้เฒ่าจึงถูก์ลงโทษ อี้เทียนเก๋อเกือบถูกทำลายสิ้น
ผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างาาเสวียนอู่ ย่อมไม่อาจรอดพ้น แม้จะมีข่าวลือให้ได้ยินหนาหู ว่ากระดองของเขา เป็เกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แล้วอย่างไร? เมื่อต้องเจอกับ ‘ทัณฑ์์’ ก็มิใช่ว่าถูกทำลายไปแล้วหรอกหรือ” หลี่เฉินจีกล่าว พลางยิ้มเยาะ
หลี่เฉินจีคว้าเกราะทองเสวียนอู่ขึ้นมา ก่อนโบกมือเบาๆ
ฟู่!
ทันใดนั้น ก็มีเมฆก่อตัวขึ้นโดยรอบ
“อ้อ… ไม่เลว! กระดองเต่าชิ้นนี้ ยังสามารถเรียกลมเรียกฝนและพลังเมฆาได้” หลี่เฉินจีเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“ท่านหัวหน้า ข้าได้ยินมาว่าเมื่อแปดร้อยปีก่อน หลังจากที่าาเสวียนอู่ตายไป เผ่าพันธุ์เต่าและอสรพิษ ต่างก็ประสบกับหายนะใหญ่หลวง จนล่มสลายไปในที่สุด
ยอดฝีมือมากมาย ต่างแยกย้ายกันไปทั่วสารทิศในแผ่นดินเสินโจว เต่าและอสรพิษจำนวนมาก ถูกจับตัวไปเป็อสูรพิทักษ์ของสำนักต่างๆ”
“ฮึ่ม! ชนะเป็เ้า แพ้เป็โจร การมีชีวิตรอดก็ไม่เลว เช่นโหมวเฉินผู้นี้ เขาอาศัยอยู่ที่ทะเลเหนือเพียงลำพัง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับแคว้น์ ทว่าค่อนข้างดื้อรั้น แต่ไม่เป็อะไร ข้าจะรอวันที่เขาค่อยๆ ยอมจำนนต่อข้า” ดวงตาของหลี่เฉินจีส่องประกายสีทอง
“จริงสิ! ฮ่าวหรานออกจากเมืองหลวงแล้วหรือ?” หลี่เฉินจีเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว! เหมือนจะมีรายงานมาว่า กำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลพันเกาะ เพื่อคุ้มครองหลงหว่านชิง” ผู้ใต้บังคับบัญชาพยักหน้า
“หลงหว่านชิง ถังจู่หออี้ผิน? ทะเลพันเกาะ? ช่างโง่เขลานัก!” หลี่เฉินจีหรี่ตาลง
“อา!”
“นางไม่รู้หรือ ว่าการตายของอดีตถังจู่แห่งหออี้ผิน หลงเสี่ยวเยว่นั้นไม่ธรรมดา แล้วยังจะกล้าไปลุยน้ำโคลนอีก
แม้ว่านางจะมีขุมกำลังที่ไม่ธรรมดา แต่กลับไม่รู้ว่าทะเลพันเกาะเป็สถานที่ประเภทไหน คิดแค่ว่าเมื่อก่อน ที่นั่นเป็ดินแดนของอี้เทียนเก๋อ
นั่นคือดินแดนแห่งทัณฑ์์ เป็สถานที่ต้องห้าม แม้ตาเฒ่านั่นจะตายไปแล้ว แต่เขาต้องมีแผนการมากมายแน่ แผนของจอมมารผู้นี้ หากผู้ใดได้ย่างเท้าเข้าไปแล้ว ย่อมไม่อาจกลับออกมาได้... ฮึ่ม!” หลี่เฉินจีกล่าวอย่างเยือกเย็น
“อ่า... เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?”
“รีบส่งจดหมายถึงพวกนาง ให้รีบไสหัวกลับมาทันที ทะเลพันเกาะไม่ใช่ที่ที่จะไปสืบเสาะ หรือเที่ยวเล่นได้” หลี่เฉินจีสั่งเสียงเย็น
“อ่า! ขอรับ ข้าจะกลับไปส่งจดหมาย”
“เมื่อพูดถึงทะเลพันเกาะ คล้ายว่าที่นั่นจะมีเสวียนอู่อาศัยอยู่เช่นกัน” หลี่เสินจีเอ่ย พลางขมวดคิ้วแน่น
“ใช่แล้ว! แต่เสวียนอู่ตัวนี้ แยกออกเป็สองร่างแล้ว หากจะว่ากันตามจริง เสวียนอู่ก็คือเต่าและอสรพิษที่ผสานร่างเข้าด้วยกัน ทว่า ดูเหมือนพวกเขามักต่อสู้แย่งชิงสมบัติกันเองอยู่บ่อยครั้ง เพื่อที่จะได้เลื่อนระดับขึ้นไปเป็ั”
“วิวัฒนาการไปเป็เผ่าพันธุ์ั… ฮ่าๆ! หากาาเสวียนอู่ยังอยู่บนโลกใบนี้ ใครล่ะจะอยากเป็ั... ัก็คือั เสวียนอู่คือเสวียนอู่ พลังยุทธ์หาได้อ่อนแอกว่าัไม่!” หลี่เฉินจีพูด พลางยิ้มเยาะ
“ข้าน้อยก็ไม่เข้าใจเช่นกัน”
“มีอะไรให้สงสัยกัน เมื่อาาเสวียนอู่ตายไป เผ่าพันธุ์ก็ถึงคราล่มสลาย ครั้นมีผู้ที่คิดจะบรรลุเทพอีกตน ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่หมื่นปี… ฮ่าๆๆ! เสวียนอู่หลายตนจึงเริ่มละทิ้งเผ่าพันธุ์ จึงไม่แปลกที่จะมีจำนวนน้อยลง” หลี่เฉินจีกล่าวอย่างเ็า
ฟิ้วๆ!
เรือเหาะบินอย่างรวดเร็ว สิบวันต่อมา ในที่สุดก็มาถึงบนฝั่ง และไม่นานนัก ก็ลงเทียบท่าในบริเวณจวนแห่งหนึ่ง
และตอนนี้ ที่นอกเรือน มีผู้คนมากมายกำลังคุกเข่าร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ
“ท่านลุง ขอร้องให้ท่านลุงช่วยแก้แค้นให้พี่ใหญ่”
“ท่านลุง พี่ใหญ่ของข้าตายอย่างน่าสงสาร”
“ท่านหัวหน้า ท่านฮ่าวหรานถูกคนร้ายสังหาร ตายอย่างน่าสังเวชนัก”
“ท่านหัวหน้า ได้โปรดแก้แค้นให้กับท่านฮ่าวหรานด้วย”
เสียงร้องไห้ดังมาจากด้านนอกของเรือเหาะของหลี่เฉินจี
บนเรือเหาะ ดวงตาของหลี่เฉินจีหรี่ลง มองไปยังโลงศพที่ถูกทำขึ้นอย่างหยาบๆ ซึ่งวางอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ที่กำลังคุกเข่าร้องคร่ำครวญปานจะขาดใจ
------------------------------------------
[1] ห้าร้อยจั้ง เท่ากับประมาณ 1,665 เมตร หรือราวๆ 1.67 กิโลเมตร
[2] เสวียนอู่ หรือเต่าดำ หนึ่งในสี่สัตว์เทวะจตุรทิศของจีน เต่าดำเป็สัตว์ประจำทิศเหนือ เป็อสูรธาตุน้ำ โดยจะมีลักษณะเป็เต่าแต่มีเกร็ดคล้ายงู เป็ลักษณะร่วมกันของเต่าและงู บ้างก็ว่าเป็เต่าที่ถูกพันรอบด้วยงู