จวนหนิงชินอ๋องถูกซ่อมแซมและตกแต่งใหม่ได้งดงามยิ่ง ทุกสิ่งล้วนเป็แบบที่อวิ๋นซีชอบดังนั้น เพียงได้เข้าอยู่วันแรก นางก็รู้สึกคุ้นชินแล้ว ทว่า หลังจากที่ผ่านมาหลายปีและได้ใช้ร่างผู้อื่นกลับมายังเมืองหลวง นางก็ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเกิดเื่ใดขึ้นบ้างถึงกระนั้นสิ่งหนึ่งที่นางรู้ก็คือ ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้ตัวนางก็ไม่ได้ฟันฝ่าอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาแต่นางยังมีลูก และสามีที่อยู่เคียงข้าง
จวินเหยียนมองสตรีที่นั่งอยู่ในศาลา เขายิ้มบางๆ พลางเดินมาข้างกายจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ทางขวามือของนาง “กำลังคิดอันใดอยู่หรือ? ” ั้แ่ที่สตรีของเขากลับมาถึงเมืองหลวง นางก็ดูจะเปลี่ยนไปเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ได้คิดอันใดมากมายหรอก แค่กำลังคิดว่า หวงกุ้ยเฟยจะกลับมาเมื่อใด เพราะยามนี้แผนของพวกเราได้เริ่มขยายออกไปแล้วหากนางไม่ได้กลับมาเห็นด้วยตาตนเองก็คงจะน่าเสียดายยิ่ง” เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็ยิ้มเ็านางรู้สึกรอคอยอยู่นิดหน่อย รอคอยที่จะได้พบกับแม่สามีในชาติก่อนของตน
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็มีท่าทีสงบนิ่งเป็อย่างยิ่ง“โอวหยางเทียนหัวเป็ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของหวงกุ้ยเฟย ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องกลับมาแน่พวกเราทำเพียงอดทนรอต่อไปก็พอ เพียงแต่ ข้ากังวลอยู่อย่าง เมื่อถึงตอนนั้นไทเฮาเองก็ย่อมต้องกลับมาด้วยหากพระองค์ทรงกลับมาแล้ว ไม่แน่ว่าหลิงเยว่เซวียนก็อาจถูกเรียกตัวให้มาเมืองหลวง”
สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เสด็จพ่อเชื่อใจเสด็จอาเป็อย่างมาก ดังนั้นเขาและภรรยา รวมถึงลูกชายย่อมสามารถกลับเข้าเมืองหลวงได้ทุกเมื่อ ซึ่งสิทธิพิเศษนี้มีความแตกต่างไปจากฟานอ๋องทั่วไปโดยสิ้นเชิงหากไทเฮาคิดถึงหลานชายของตนจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นก็แค่ให้คนไปรับมาจากหวายหนานเป็พอ
หากเป็เช่นนี้ หลิงเยว่เซวียนที่มีความรู้สึกประหลาดต่ออาซีก็จักต้องเริ่มมีไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งและด้วยเหตุนี้ก็อาจเป็การกระตุ้นความทรงจำของหลิงเยว่เซวียนเข้า หากยามนั้นคนนึกถึงเื่ในอดีตขึ้นมาได้สิ่งที่ควรเลือกต่อจากนั้นจะเป็เช่นไร แล้วภรรยากับพ่อตาของเขาเล่าจะเป็เช่นไรต่อไป?
อีกประการหนึ่ง สถานะที่แท้จริงของหลิงเยว่เซวียน ขอแค่นางกลับมายังเมืองหลวงไม่ช้าไม่นานจักต้องถูกคนรู้เข้าแน่ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เสด็จอาคิดอยากจะปิดบังไว้เื่บางเื่ก็ไม่ใช่เื่ที่เขาจะเลือกได้
อวิ๋นซีมองสามีอย่างกังวล “ท่านว่า พวกเราควรทำเช่นไร? ”
“ทางออกเดียวของพวกเรา คือ อย่าให้ไทเฮากลับมา” จวินเหยียนพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่งหากว่าไทเฮากลับมาแล้ว ในฐานะที่หลิงเยว่เซวียนเป็สะใภ้เล็กและโอวหยางฮ่าวฟานที่เป็หลานชายก็จักต้องถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงแน่หากจะไม่เข้าพบเพียงครั้งสองครั้งยังสามารถอ้างได้ว่าไม่สบาย แต่ถ้านานวันเข้าล่ะ?หากในใจไทเฮาเกิดควาไม่พอใจขึ้นมาย่อมไม่ใช่เื่ดีต่อคนผู้นั้นที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าเสด็จอาสะใภ้ดีหรือว่าท่านแม่ยายดี
ถึงกระนั้นเมื่อหวนคิดกลับมาอีกครั้ง จวินเหยียนก็พูดเสียงเบา“ไม่มีประโยชน์ ไทเฮามิใช่สตรีธรรมดาทั่วไป ในตอนนั้น เพื่อจะให้ฝ่าาได้ขึ้นครองราชย์เหล่าขุนนางสูงวัยล้วนประจักษ์ชัดในฝีมือของนางที่ทั้งเด็ดขาดและรุนแรง ซึ่งข้าคิดว่าชาตินี้พวกเขาคงยากจะลืมได้ลง”
แน่นอนว่าอวิ๋นซีเองก็รู้ดีว่า ไทเฮาไม่ใช่คนธรรมดา ตอนนั้นเหตุที่ทำให้โอวหยางเทียนหัวได้รับการแต่งตั้งให้เป็รัชทายาทไทเฮาเองก็ต้องลงทุนลงแรงไปไม่น้อย แต่ สิ่งหนึ่งที่โอวหยางเทียนหัวหลงลืมไปก็คือ เื่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะนางเฉียวอวิ๋นซี
ตอนนั้นเพื่อจะเอาใจไทเฮา นางต้องคิดหาวิธีสืบเื่ราวของอีกฝ่าย ทั้งยังต้องคิดหาหนทางให้ได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนหลังด้วยวิธีการต่างๆ นานา ท้ายที่สุดตัวนางก็ได้เข้าไปในสายพระเนตรของไทเฮาจริงๆและเป็เพราะนางอีกเช่นกัน ไทเฮาถึงได้ตกปากรับคำว่า ในยามที่ฮ่องเต้จะพูดถึงเื่การแต่งตั้งรัชทายาทขึ้นนั้นไทเฮาจะไม่คัดค้าน
นางมองไปยังจวินเหยียนด้วยสายตารู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย แท้จริงแล้วในตอนนั้นรัชทายาทที่อยู่ในพระทัยของไทเฮาคือพระโอรสสายตรงอย่างจวินเหยียนต่างหากมิใช่โอวหยางเทียนหัวที่เป็เพียงพระโอรสสายรอง เพราะไทเฮาเป็คนที่ยึดติดอยู่กับประเพณีดั้งเดิมยิ่งในอดีตตอนที่หญิงชราเป็ฮองเฮา ถึงแม้เสี้ยวเหวินตี้จะไม่ใช่พระโอรสพระองค์โตแต่เขาก็เป็พระโอรสสายตรง ซึ่งกฎของบรรพชนมีอยู่ว่า หากพระโอรสสายตรงเป็คนที่ไม่อาจสนับสนุนให้ก้าวหน้าได้จริงๆถึงจะสามารถเลือกพระโอรสสายรองขึ้นมาแทนได้
แต่ว่า ด้วยเื่ความสามารถนี้ก็เห็นได้ชัดว่า จวินเหยียนมิใช่คนไร้ความสามารถที่ไม่อาจสนับสนุนให้ก้าวหน้าได้อีกทั้ง พระโอรสพระองค์เล็กที่ไทเฮาโปรดปรานมากที่สุดก็คือจวินเหยียนมาโดยตลอดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หญิงชราก็ล้วนพึงพอใจในตัวจวินเหยียนมากกว่า
ดังนั้น หากตอนนั้นไทเฮายังคงยืนกรานที่จะรอให้จวินเหยียนกลับมา ตัวเขาก็มีความเป็ไปได้มากว่าจะได้เป็รัชทายาทแต่เพราะตัวนาง เฉียวอวิ๋นซี ทำให้เวลาที่จวินเหยียนจะได้กลับมาเมืองหลวงต้องยืดยาวออกไป
“ตอนนี้ทำได้แค่เดินหน้าต่อไปทีละก้าว คิดคำนวณอย่างถี่ถ้วนไปทีละก้าว เมื่อไทเฮากลับมาจักต้องดีกับท่าน” แต่ก็ต้องให้แน่ใจว่าในใจไทเฮายังคงคิดว่าเขาผู้เป็โอรสสายตรงนี้ยังคงดีกว่าเช่นเดิม
จวินเหยียนจุมพิตเส้นผมนาง จากนั้นก็พูดว่า “เปิ่นหวางไม่้ากำลังจากภายนอกในสายตาของเปิ่นหวาง ขอแค่เ้ายังคงสนับสนุนข้าก็นับว่าเพียงพอ” อันที่จริงเขาไม่อาจจะหักใจบอกความจริงกับภรรยาได้ว่าต่อให้ไทเฮากลับมาแล้ว ตามนิสัยของอีกฝ่าย ขอแค่รัชทายาทที่คนให้การสนับสนุนในคราวแรกไม่ทำอะไรผิดคนย่อมไม่มีทางอนุญาตให้ปลดรัชทายาทแน่ อย่างไรเสียรัชทายาทก็เป็ฉู่จวินในอนาคตหากว่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็หาใช่เื่ดีสำหรับหนานเย่า
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ยิ้ม
ทว่า ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงทำลายบรรยากาศก็ดังลอดเข้ามา “ข้าว่านะ พวกเ้าน่ะกลางวันแสกๆ เช่นนี้ อย่าได้กอดกันกลมนักเลย มิเช่นนั้นจะเป็การทำลายจารีตและคำสั่งสอนอันดีงามไป”
เมื่ออวิ๋นซีมองไปยังต้นเสียงก็เห็นว่าเป็หลิ่วเซิงในอาภรณ์ขาวกำลังเดินมาทางพวกเขาในฐานะที่เป็บุตรชายที่ไม่ได้เื่ที่สุดของหลิ่วเก๋อเหล่าหลิ่วเซิงที่อายุสี่สิบกว่าปีแล้วจึงยังคงแต่งกายคลับคล้ายเป็หนุ่มน้อยอยู่บางครั้งอวิ๋นซีเองก็ยังนึกอยากจะค่อนแคะอีกฝ่ายสักสองสามประโยคจริงๆ การที่เขาเป็เช่นนี้จะดีจริงๆหรือ?
“ท่านอาหลิ่ว หากท่านผู้ชราไม่อยากเห็น เช่นนั้นก็สามารถเลือกที่จะปิดตาของท่านเองเสียก็ย่อมได้”อวิ๋นซีกลับมานั่งปกติอย่างมีอารมณ์ จากนั้นก็มองไปยังหลิ่วเซิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อหลิ่วเซิงได้ฟังก็เกิดอารมณ์ไม่พอใจเช่นกัน “ข้าเคยบอกแล้วว่า ให้เรียกว่าพี่หลิ่ว”
“ตัวท่านก็มีอายุพอๆ กับบิดาข้า แต่กลับอยากจะให้ข้าเรียกท่านว่าพี่? ”ให้บุรุษผู้หนึ่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อมาเป็พี่ตน นางต่างหากที่ควรไม่พอใจ
จวินเหยียนมองไปยังหลิ่วเซิง พูดเรียบๆ ไปประโยคหนึ่ง “ได้ยินว่าอาจารย์อาน้อยของข้ายามนี้อยู่ที่เมืองเฟิง ท่านแน่ใจหรือว่ายังอยากจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่”
เมื่อหลิ่วเซิงได้ยินคำของจวินเหยียน ชั่วขณะนั้นคนก็หายไปเลย ขณะเดียวกันเมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็อดพูดไม่ได้ว่า“หลิ่วเซิงชอบอาจารย์อาน้อยของท่านหรือ? ” ตลอดทางมานี้ นางได้ยินเขาพูดถึงอาจารย์อาน้อยผู้นั้นหลายครั้งแล้ว
จวินเหยียนอืมเบาๆ เสียงหนึ่ง “เมื่อยี่สิบปีก่อน หลิ่วเซิงออกไปด้านนอกและได้เจอโจรป่าดักปล้นทว่า ใน่เวลาอันตรายนั้น เป็อาจารย์อาน้อยที่ช่วยเขาไว้ ตอนหลังเมื่อเขาหายดีแล้วก็คอยอยู่ติดตามอาจารย์อาน้อยเพื่อร่ำเรียนวิชาแพทย์มาโดยตลอด ดังนั้น วิชาแพทย์ของเขาล้วนเรียนมาจากอาจารย์อาน้อยทั้งสิ้นและก็คงเป็เพราะเวลาผ่านไปเนิ่นนานจึงก่อเกิดเป็ความรักขึ้นกระมัง เขาตกหลุมรักสตรีที่สอนวิชาแพทย์แก่เขาสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็อาจารย์ของเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ก็เป็เช่นนี้จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้ยี่สิบปีแล้วหลิ่วเซิงรักอาจารย์อาน้อยมาก น่าเสียดายที่ในใจของอาจารย์อาน้อยมีเพียงอาจารย์อารองผู้พึ่งพาไม่ได้ผู้นั้น”
อวิ๋นซีคิดไม่ถึงว่า จะยังมีเื่เช่นนี้อยู่ด้วย ดังนั้น หากมีโอกาสนางเองก็อยากจะเจออาจารย์อาน้อยผู้นั้นของจวินเหยียนสักครั้งจริงๆเพราะคนที่ทำให้บุรุษเช่นหลิ่วเซิงรักใคร่อย่างล้ำลึกมายาวนานถึงยี่สิบปีได้ จักต้องไม่ใช่สตรีธรรมดาแน่
“เป็รักสามเส้าที่ทำให้คนยากจะเข้าใจจริงๆ ท่านว่า สุดท้ายอาจารย์อาน้อยจะเลือกบุรุษที่รักนางอย่างหลิ่วเซิงหรือว่า อาจารย์อารองที่นางรัก” นี่เป็สิ่งที่อวิ๋นซีอยากรู้มากที่สุดอย่างไรเสีย การจะรักใครสักคนหนึ่งโดยไม่ตัดพ้อหรือเสียใจมาตลอดหลายปีเพียงนี้ก็เป็เื่ที่ยากยิ่ง
จวินเหยียนส่ายหน้า แม้แต่เื่ในอนาคตของพวกเรา ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็เช่นไรแล้วนับประสาอะไรกับอาจารย์อาน้อย
“จริงสิ หากตั้งใจมองจริงๆ ละก็ ใบหน้าของอาจารย์อาน้อยกับตัวเ้าก็นับว่าคล้ายกันอยู่สามส่วน”จวินเหยียนมองภรรยา จู่ๆ ก็กล่าวขึ้น
เมื่ออวิ๋นซีได้ฟังแล้วก็อึ้งไป “คล้ายกับข้าอยู่สามส่วน? ใบหน้านี้ของข้าเหมือนคนไปทั่วเพียงนั้นเลยหรือ? ”หลิงเยว่เซวียนกับตนเป็แม่ลูกกัน หากหน้าตาจะคล้ายกันก็ย่อมไม่แปลกทว่า อาจารย์อาคนนั้นกับตนกลับยังจะเหมือนกันอยู่สามส่วน นี่ตกลงมันเื่อันใดกันแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้