ผู้ใต้บังคับบัญชาระดับก่อกำเนิด มีค่าแรงในกระเป๋า เป็หินิญญาระดับสูงถึงหนึ่งพันก้อน?
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ กลับรู้สึกอึดอัดใจแปลกๆ อย่าว่าแต่มู่เฉินเฟิงเลย สองวันมานี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาต่างก็ตื่นเต้นจนทนไม่ไหว
เดิมที ตอนที่ถูกสั่งให้มาคุ้มครองกลุ่มผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดเช่นนี้ ก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยเต็มใจกันเท่าใดนัก ทว่าตลอดทางมานี้ พวกเขากลับได้รับสินน้ำใจมาไม่น้อยเลยทีเดียว
นับจากเหล่าขุนนางกลุ่มนี้ออกจากตำหนักเสี่ยวเยว่ พวกเขาก็เห็นแล้ว ว่าคนมั่งคั่งคืออะไร
ตอนแรกพวกเขาคิดหนัก ว่าจะไปทำการสำรวจตลาดด้วยการเดิน หรือเรียกรถลากนกกระเรียนดี?
แต่คำพูดแรกของเหล่าขุนนางก็คือ ไม่จำเป็ต้องคิดมากกับเื่แบบนี้
“รถลากนกกระเรียน์ของเ้า ราคาเช่าต่อวันอยู่ที่เท่าใด?”
“หินิญญาระดับกลาง[1]หนึ่งก้อน!”
“อะไรกัน? ถูกขนาดนั้นเชียวหรือ? เช่นนั้นหารถมาให้ข้าห้าสิบคัน แล้วจองไว้สักสองวัน!”
“หา?”
“รถห้าสิบคันสองวัน จ่ายหินิญญาระดับสูงเพียงก้อนเดียว? ถูกมาก!”
“เอ๋? นี่คือดาบหรือ?”
“นี่คือกระบี่ที่สลักค่ายกลเปลวเพลิงเอาไว้ มีพลังน่าเกรงขามนัก ดูสิ! แค่โบกออกไปก็จะมีไฟปรากฏขึ้น”
“เท่าใด?”
“หินิญญาระดับกลางหนึ่งก้อน!”
“อะไรกัน? ราคาถูกขนาดนั้นเชียว? นำดาบชนิดต่างๆ ในร้านของเ้ามาห่อให้เราเสีย!”
“หา?”
“หินิญญาระดับกลางหนึ่งก้อน ช่างถูกจริงๆ!”
“เ้าขายยาเม็ดนี้อย่างไร?”
“ยารักษาอาการาเ็ หินิญญาระดับกลางหนึ่งก้อน… ไม่สิ! นี่เป็ครั้งแรกที่ทุกท่านมาเยือน ข้าลดราคาลงอีกหนึ่งส่วน[2] เหลือแค่เก้าสิบหินิญญาระดับต่ำ”
“อะไรกัน? ยาดีเช่นนี้ ราคาเท่านี้เองหรือ? เอามาให้ข้าห้าร้อยเม็ด ต่อไปหากเราป่วยไข้ขึ้นมา ก็สามารถกินยานี้ได้... ดีจริงๆ!”
“หา?”
“โอ้… ใช่แล้ว! ยาที่อยู่ในระดับก่อกำเนิด ก็จัดมาให้เราด้วยห้าร้อยเม็ด... ถูกจริงๆ!”
และตอนนั้นเอง เหล่าศิษย์สังกัดไม้ก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมพวกเขาถึงได้เช่ารถถึงห้าสิบคัน... จะนำมาขนของที่คนรวยเหล่านี้ซื้อกันนั่นเอง
ทำไมพวกเขาถึงได้มีเงินเยอะขนาดนี้?
ดังนั้น เหล่าศิษย์สังกัดไม้จึงเริ่มสานสัมพันธ์กับทุกคน ซึ่งเหล่าขุนนางต่างก็พากันเกรงใจ และซื้อของบางอย่างให้บรรดาศิษย์สังกัดไม้หลายครั้ง จึงทำให้พวกเขาเข้ากันได้ดี และสนิทกันไปในที่สุด
แต่รถขบวนนี้ ก็ก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
ทุกคนเคยเห็นกลุ่มผู้ซื้อขบวนใหญ่แบบนี้มาก่อน แต่ไม่เคยพบเหล่าผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดที่มั่งคั่งเช่นนี้!
ปกติแล้ว ด้วยพลังระดับก่อกำเนิดเช่นนี้ เมื่อเข้าไปในร้านค้า บางครั้ง แม้แต่มีดเล่มเดียวก็ไม่อาจจับต้องได้ แต่นี่เป็เพราะพวกเขามีเงิน เห็นอะไรดีก็รีบซื้อทันที ทว่ามีข้อแม้ นั่นคือขอให้เ้าของร้านแสดงบัญชีให้พวกเขาดู
ท่านไม่ต่อรองราคาสินค้า แม้จะซื้อของเป็จำนวนมาก และการขอดูบัญชีเช่นนี้ ถือเป็เื่เล็กน้อย ไม่ยุ่งยากเกินไปมิใช่หรือ?
ร้านค้าจำนวนมากจึงเปิดบัญชีให้ดู แต่หากบางร้านไม่ยอม? พวกเขาก็จะไม่ซื้อของ!
ดังนั้น ขบวนที่แปลกประหลาดนี้ จึงถือได้ว่าเป็ภาพที่สวยงามของย่านการค้า
ตลอดถนน พวกเขาใช้เงินเปิดเส้นทาง ราวกับว่าเป็เทพเ้าแห่งความมั่งคั่ง และแน่นอน ว่าร้านค้าต่างๆ ชอบคนประเภทนี้
จนกระทั่ง พวกเขามาถึงหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
เดิมที การใช้จ่ายเงินของเศรษฐีเหล่านี้ก็ดูจะราบรื่นมาตลอดทาง แต่พอมาถึงหอกู่ฉินแห่งนี้ กลับต้องพบกับความโชคร้าย
ผู้คุ้มกันของหอกู่ฉินได้กักตัวพวกเขาทั้งหมดเอาไว้
... ยึดเงินหรือ?
ที่อีกฟากหนึ่งของถนน เ้าของร้านหลายคนเมื่อทราบข่าว ว่ามีผู้ซื้อขบวนใหญ่เช่นนี้ ก็แอบเพิ่มราคาสินค้าในร้านอย่างเงียบๆ กำลังรอให้แกะอ้วนกลุ่มนี้มาเยี่ยมเยือน
แต่เมื่อได้ยินเื่ที่เกิดขึ้นในหอกู่ฉิน ต่างก็นั่งไม่ติดที่กันแล้ว
เ้ายึดเงินอย่างนั้นหรือ? หมายความว่าอย่างไร?
เ้าของร้านบางคนไม่สามารถทนดูได้ แต่ก็ถูกขับไล่ออกไป
เหล่าทหารต้าเฉียน เข้ามาจับกุมพวกเขาในชั่วพริบตา
ช่วยไม่ได้ เพราะพลังต่ำเกินไป ระดับก่อกำเนิดเท่านั้น จึงไม่อาจต้านทานได้
บรรดาขุนนางหลายคนยังคงสติไว้ได้ จึงน้อมรับการจับกุมอย่างไร้การต่อต้าน และยัดหินิญญาระดับสูง เพื่อให้ปล่อยตัวศิษย์ของสังกัดไม้ พวกเขาจะได้รีบกลับไปรายงานข่าว
“ดังนั้น ข้าจึงรีบกลับมารายงานท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่นี่ละขอรับ!”
เมื่อกู่ไห่ หลงหว่านชิง ไต้ซือหลิวเนียน และมู่เฉินเฟิง ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปทันที
“นี่มันหาเื่กันชัดๆ! ระดมศิษย์ของเรา ไปหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า เพื่อทวงคน!” หลงหว่านชิงถลึงตาอย่างเคืองแค้น
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? นั่นคือกิจการของท่านอ๋องลู่หยาง มิใช่หรือ?” มู่เฉินเฟิงกล่าว
“แล้วอย่างไร? ถึงกระนั้น ข้าก็ต้องไป” หลงหว่านชิงร้องบอก
กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น พลางเอ่ย “ต้องรบกวนท่านหัวหน้าสังกัดไม้แล้ว!”
มู่เฉินเฟิงมองอีกฝ่ายนิ่ง หากเป็ก่อนหน้านี้ เขาคงไม่อยากเสี่ยงอันตรายเท่าใดนัก แต่ตอนนี้ เมื่อในมือมี ‘บัตรเชิญ’ ที่กู่ไห่มอบให้ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะไม่อยากเสียมันไป
“ได้! ข้าจะเรียกคนมาเดี๋ยวนี้” มู่เฉินเฟิงกัดฟันพยักหน้า แล้วรีบระดมกำลังศิษย์สังกัดไม้สองพันคน เดินตามกู่ไห่และคนอื่นๆ ไป
กู่ไห่ช่างร่ำรวยนัก เขาจ้างรถลากนกกระเรียนขนาดใหญ่กว่ายี่สิบคัน เพื่อพาศิษย์หออี้ผินทั้งหมดไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าทันที
ระหว่างทาง มู่เฉินเฟิงมองกู่ไห่อย่างแปลกใจหลายต่อหลายครั้ง หลังจากอดทนอยู่นาน ในที่สุด ก็ไม่อาจสกัดกั้นความอยากรู้ไว้ได้อีก จึงถาม “ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่ ข้าเคยได้ยินถังจู่บอกว่า ก่อนหน้านี้ ท่านเพิ่งจะเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตน และไม่เคยัักับหินิญญามาก่อน ทว่า นี่เพิ่งผ่านมาแค่ปีเดียว เหตุใดท่านถึงมีหินิญญามากมายขนาดนี้?”
ตอนนี้ กู่ไห่กำลังคิดถึงสถานการณ์ในหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่มีอารมณ์จะรับมือกับมู่เฉินเฟิง จึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “เอ่อ! แค่ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ และได้รับมันมา”
ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ? นี่ยังเป็กิจการเล็กๆ อีกหรือ? ในดินแดนทุรกันดารอย่างทะเลพันเกาะ หมู่บ้านของท่านนับว่าร่ำรวยเช่นนั้นหรือ?
มู่เฉินเฟิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ก่อนเงียบไป
รถลากนกกระเรียนบินเร็วมาก ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
บัดนี้ ด้านนอกหอกู่ฉิน มีผู้คนมากมายห้อมล้อมอยู่ ศิษย์สังกัดไม้บางคนยังคงโต้เถียงกับคนคุ้มกันของหอกู่ฉิน เหล่าผู้ฝึกตนและเ้าของร้านนับไม่ถ้วน ต่างก็เฝ้ามองอยู่ห่างๆ อย่างไม่ละสายตา
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้านี้ทำลายกฎสินะ ไหนจะแย่งเงินลูกค้าไปอีก? นี่ไม่ใช่ร้านใต้ดินหรืออย่างไร?”
“ชู่ว์! เงียบๆ หน่อย นี่คือกิจการของท่านอ๋องลู่หยางนะ!”
“แต่ไม่แปลกใจหรอก ที่พวกเขาจะใ ข้าก็แปลกใจเช่นกัน ทำไมพวกผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิด ถึงมีเงินมากมายขนาดนี้?”
“แต่ข้าได้ยินมาว่า พวกเขาเป็คนของหออี้ผิน!”
“หออี้ผินแล้วอย่างไรเล่า? ที่นี่เป็ดินแดนของท่านอ๋องลู่หยางแห่งเมืองอิ่งโจว!”
ท่ามกลางการพูดคุยของทุกคน รถลากนกกระเรียนั์ยี่สิบคันก็หยุดลง บนรถแต่ละคันมีผู้ฝึกตนติดอาวุธหนักถึงสองพันคน กำลังมองหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าด้วยความโกรธแค้น
“ดูสิ! ท่านถังจู่แห่งหออี้ผิน พาคนมาจัดการแล้ว!”
ทุกคนต่างตกตะลึง รีบพากันล่าถอย
“ท่านหัวหน้าสังกัดๆ ท่านมาแล้ว!”
“อ่า! ท่านหัวหน้า ท่านก็มาเหมือนกันหรือ? เยี่ยมไปเลย! พวกเราถูกพวกเขาทำร้าย”
ศิษย์สังกัดไม้หลายสิบคนะโอย่างรีบร้อน
กู่ไห่และหลงหว่านชิงเดินนำหน้า ไต้ซือหลิวเหนียนและมู่เฉินเฟิงก็ตามมาติดๆ
สีหน้าของกู่ไห่ฉายแววไม่พอใจ หลงหว่านชิงก็มีสีหน้าที่ร้อนรน ไต้ซือหลิวเหนียนมีสีหน้าสงบนิ่ง ส่วนมู่เฉินเฟิงกลับมีสีหน้ากังวล
“อะไรกัน? พวกเ้าคิดที่จะก่อเื่อย่างนั้นหรือ? หากไม่ยอมถอย ข้าจะจับให้หมด” มีคนะโอย่างจริงจังที่หน้าประตู
“จับอย่างนั้นหรือ? เ้าเป็ใคร? มีสิทธิ์ขนาดนั้นเชียวหรือ? พวกเราคือกองกำลังของหออี้ผิน” หลงหว่านชิงกล่าว พลางถลึงตาใส่
“หืม?” ทหารหน้าประตูชะงักทันที เมื่อเห็นนาง
“ไสหัวไป!” หลงหว่านชิงตวาดก้อง
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่ใช่ที่ที่เ้าจะมาอวดดีได้!” คนเฝ้าประตูะโลั่น
ขณะที่เขากำลังจะก้าวออกมา ไต้ซือหลิวเหนียนก็ชี้นิ้วขึ้น ทันใดนั้น ลูกประคำก็ลอยไปหา
ตูม!
ทหารด้านหน้าประตูถูกกระแทกเข้าไปในหอกู่ฉินอย่างแรง
หลงหว่านชิงและกู่ไห่เดินเข้าไปด้านใน
“ฝ่าา… ฝ่าา พวกเราอยู่นี่!”
“ฝ่าา กระหม่อมไม่อาจทำงานได้ หินิญญาทั้งหมดถูกพวกเขายึดไป!”
“ฝ่าา พวกเขาแย่งชิงหินิญญาไป!”
ไม่ไกลกันนัก เหล่าขุนนางที่ถูกโซ่ล่ามมือเอาไว้ ร้องบอกอย่างตื่นตระหนกและหวาดกลัว
บริเวณโดยรอบ กลุ่มผู้ฝึกตนชุดเหลืองจากหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ถือแส้ไว้ในมือ และกำลังสอบปากคำขุนนางเหล่านี้
กู่ไห่เมื่อเห็นว่าบรรดาขุนนางใต้อาณัติยังมีชีวิตอยู่ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่ารอบๆ นั้น มีร่างของศิษย์สังกัดไม้กลุ่มหนึ่งนอนแน่นิ่ง
“ใครให้อำนาจกับพวกเ้า ถึงได้กล้าจับคนหออี้ผินของข้า?” หลงหว่านชิงถลึงตาใส่
“ที่แท้โจรกลุ่มนี้ก็เป็คนของหออี้ผินนี่เอง น้องหญิงหว่านชิง เหตุใดคนของเ้าถึงได้เป็โจรล่ะ?” เสียงหัวเราะด้วยความสะใจดังก้อง
“หืม?” ทุกคนขมวดคิ้วแน่น ก่อนมองหาไปทั่วบริเวณ
หอกู่ฉินแห่งนี้ ถูกสร้างอย่างแปลกตา คล้ายกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่กู่ไห่เคยเห็นในโลกเดิม ตรงกลางเป็ลานขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยพื้นที่จัดแสดงสินค้าต่างๆ
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นระเบียงที่ยื่นออกมาจากชั้นสาม มีคุณชายชุดขาวนั่งอยู่ เขาถือถ้วยชาไว้ในมือ พลางเหลือบมองลงมาด้านล่างอย่างเ็า
ด้านหลังคุณชายชุดขาว มีชายดาบทองยืนอยู่ ระเบียงด้านข้าง เต็มไปด้วยหินิญญา เห็นได้ชัด ว่าเป็ของขุนนางจากแคว้นต้าฮั่น ราวกับว่าตั้งใจวางเอาไว้ให้เห็น เพื่อยั่วโทสะพวกหลงหว่านชิงกระนั้น
“ลู่อาน?” หลงหว่านชิงเลิกคิ้วขึ้น
“คุณชายอาน?” สีหน้าของมู่เฉินเฟิงเปลี่ยนไป
ไต้ซือหลิวเหนีบนหรี่ตาลงอย่างแปลกใจ ส่วนกู่ไห่นิ่งขรึมทันที
“น้องหญิงหว่านชิง ไม่ได้พบกันแค่พักเดียว เ้าถึงกับมาหาข้าที่เมืองอิ๋นเยวี่ยเชียวหรือ? โอ้! หัวขโมยพวกนี้เป็คนหออี้ผินของเ้า หรือ?
ไม่สิ! ข้าจำได้ว่าหออี้ผินรับเฉพาะผู้ฝึกตนที่มีพลังแข็งแกร่งเท่านั้น ส่วนคนเหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับก่อกำเนิด ั้แ่เมื่อใดกัน ที่มาตรฐานหออี้ผินของพวกเ้าลดต่ำถึงเพียงนี้?
อีกทั้งยังรับพวกโจรเข้ามาด้วย อยากให้ข้าช่วยจัดการกับพวกเขาหรือไม่? เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของหออี้ผินเสื่อมเสีย?” คุณชายอานยกยิ้ม
“ขโมย? อะไรทำให้เ้าคิดว่าพวกเขาเป็ขโมย? เงินถือเป็ของที่เขาขโมยมาอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงขมวดคิ้ว และถามอย่างเยือกเย็น
“นี่คือหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า หากข้าบอกว่าเป็โจร พวกมันก็คือโจร! อีกทั้งหินิญญาเหล่านี้ ล้วนเป็ของข้าทั้งหมด” คุณชายอานตอบ พลางยิ้มเยาะ
หลงหว่านชิงยังจะโต้เถียงต่อ แต่แล้วก็ต้องหยุดลง เมื่อกู่ไห่รั้งร่างนางเอาไว้
“โต้เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ คนของข้า ให้ข้าจัดการเถอะ!” กู่ไห่บอก พร้อมยิ้มบางๆ
“แต่...” หลงหว่านชิงกังวลเล็กน้อย
กู่ไห่เดินออกไปข้างหน้า แล้วถามขึ้นทันที “หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? โอ้! ใครคือเถ้าแก่ของที่นี่หรือ?”
“โอ้! เ้าหนู... ข้ากำลังคุยกับหลงหว่านชิง เ้าเป็ใครกัน? กล้าดีอย่างไรถึงมาขัดจังหวะ?” คุณชายอานถามกลับ ขณะมองกู่ไห่อย่างเยียบเย็น
“ข้า หัวหน้าสังกัดวารีของหออี้ผิน นามกู่ไห่ โจรที่คุณชายอานเพิ่งจับได้เมื่อครู่นี้ ก็คือคนในปกครองของข้า!” กู่ไห่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ่ม! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเ้า ไสหัวไป!” คุณชายอานกล่าวเสียงเย็น
ทว่า กู่ไห่หาได้สนใจอีกฝ่ายไม่ กลับเอาแต่มองไปรอบบริเวณ
“แต่ละแคว้นย่อมมีกฎหมายและข้อบังคับ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ถือเป็ความภาคภูมิใจของหอการค้าแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย การกระทำเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับทำลายชื่อเสียงของตนเอง หรือเถ้าแก่ไม่อยากค้าขายในเมืองนี้แล้ว?” ในที่สุด ดวงตาของกู่ไห่ก็จับจ้องไปยังชายชราผอมแห้ง ที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณชายอาน
“เถ้าแก่ใหญ่แห่งหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า เจียงเทียนอี้ หอกู่ฉินแห่งนี้ เป็ทรัพย์สินของท่านอ๋องลู่หยาง ไม่จำเป็ต้องถึงท่านอ๋อง ทุกคำพูดของคุณชายอาน ก็ถือเป็กฎของเราเช่นกัน!” ชายชราผอมแห้งกล่าว พลางมองกู่ไห่อย่างมึนตึง ดวงตาฉายแววเหยียดหยาม
“ฮึ่ม! ศิษย์ของหออี้ผินเข้ามา พาพวกพ้องของเ้าออกไป!” หลงหว่านชิงคำรามอย่างโกรธเคือง
ฟึ่บๆ!
ศิษย์สังกัดไม้สองพันคนทะยานเข้ามาทันที พวกเขาต่างชักดาบออกมา เพื่อแย่งชิงเหล่าขุนนางและพรรคพวกของตนคืน ตามคำสั่งถังจู่แห่งหออี้ผิน
“ท่านถังจู่ โปรดอย่าเพิ่งใจร้อน!” มู่เฉินเฟิงะโด้วยความกังวล
แต่ในยามนี้ หลงหว่านชิงหาได้ใส่ใจคำพูดของเขาสักนิด นางเรียกศิษย์สังกัดไม้สองพันคน ให้เข้าจู่โจมทันที
“ฮึ่ม! ในหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า เ้าต้องปฏิบัติตามกฎของข้า!” คุณชายอานแค่นเสียง
ฟึ่บๆ!
ทันใดนั้น พลธนูจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากชั้นบน
พลธนูจำนวนมากถึงสามพันคน ได้เตรียมพร้อมที่จะปล่อยลูกธนูยาว ตรงมายังศิษย์สังกัดไม้สองพันคนอย่างไร้ซึ่งความปรานี ราวกับว่าขอแค่สั่ง ก็จะยิงออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อน! คุณชายอานมีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันเถอะ... ศิษย์สังกัดไม้เก็บดาบ!” มู่เฉินเฟิงร้องสั่งอย่างหวาดวิตก
“ลู่อาน! เ้าเตรียมตัวรอพวกเราอยู่ที่นี่ มานานแล้วสินะ?” หลงหว่านชิงถามอย่างเคียดแค้น
“น้องหญิงหว่านชิง ข้าบอกแล้วว่านี่คือที่ของข้า ต้องเคารพกฎของข้า! ขโมยเหล่านี้ ข้าต้องตรวจสอบ เพื่อดูว่าพวกเขาขโมยเงินของข้าไปหรือไม่? รอข้าสอบปากคำเสร็จแล้ว ก็จะส่งไปให้ขุนนาง เ้าก็ค่อยไปหาคนของเ้าที่จวนขุนนางเถอะ อย่างไรเสีย อาจจะมีคนแขนขาขาดไปบ้าง ข้าไม่อาจจะรับประกันได้” คุณชายอานยกยิ้มบางๆ
“บังอาจ!” หลงหว่านชิงถลึงตา และตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว
“โอ้? ข้าไม่เข้าใจเลย ว่าเหตุใดเ้าถึงใส่ใจพวกมดปลวกระดับก่อกำเนิดกลุ่มนี้นัก?” คุณชายอานถามอย่างสงสัย
หลงหว่านชิงเหมือนจะขุ่นเคืองมาก แต่กู่ไห่กลับห้ามนางเบาๆ
“คุณชายอาน คนกลุ่มนี้เป็คนในปกครองของข้า วันนี้ข้าต้องพาพวกเขากลับไปให้ได้ ท่านเปิดราคามาเถอะ ข้าจะไถ่ตัวพวกเขาเอง” กู่ไห่สูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
“ฝ่าา กระหม่อมยอมตาย!” เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าลงต่อหน้ากู่ไห่
ลู่อานขมวดคิ้วแน่น พลางมองกู่ไห่ “หัวหน้าสังกัดวารีกู่แห่งหออี้ผิน? โอ้! ข้าไม่เคยใส่ใจสักเท่าใด เ้ารวยจริงๆ อย่างนั้นหรือ? ถึงกล้ามาคุยเื่การไถ่ตัวกับข้า?
ก่อนหน้านี้ เ้าขยะระดับก่อกำเนิดกลุ่มนี้ ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้าน! ยอมรับการจับกุมแต่โดยดี ขี้ขลาดเสียขนาดนี้ เ้ายังคิดที่จะไถ่ตัวอีกหรือ?”
“นั่นเป็สิ่งที่ข้าเคยเอ่ยปากไว้ ข้าจึงต้องปกป้องคนของตัวเองเป็อันดับแรก คุณชายอาน ท่านให้ราคาได้แล้วกระมัง?” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
ลู่อานหรี่ตาลง พลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย
มู่เฉินเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็จ้องมองกู่ไห่เช่นกัน คนที่มาจากทะเลพันเกาะ ล้วนเป็ผู้มั่งคั่งอย่างนั้นหรือ? กลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาที่หว่านเงินไปรอบๆ เพื่อเปิดทางก็ช่างมันเถอะ
แต่นี่เ้ายังคิดที่จะใช้เงินฟาดคุณชายอานอีกหรือ? คิดว่าคุณชายอานไม่เคยเห็นเงินมาก่อนหรือไร?
-------------------------------------------
[1] อัตราแลกเปลี่ยนหินิญญาในนิยายเื่นี้ คือ
ระดับสูง 1 ก้อน = ระดับกลาง 100 ก้อน
ระดับกลาง 1 ก้อน = ระดับต่ำ 100 ก้อน
ดังนั้น ระดับสูง 1 ก้อน = ระดับต่ำ 10,000 ก้อน
เมื่อกู่ไห่ให้เหล่าขุนนางพกหินิญญาระดับสูงคนละ 1,000 ก้อน จึงเท่ากับระดับกลาง 100,000 ก้อน หรือระดับต่ำ 10,000,000 ก้อน
[2] หนึ่งส่วน หมายถึง หนึ่งส่วนในสิบส่วน หรือ 10 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง