เฉินเฟิงตัดสินใจวางเดิมพันนี้ เพราะเขารู้ถึงอนาคตอันน่าเศร้าของถางจุนจ่าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในชาติก่อน่ปี 2004 เฉินเฟิงได้เข้าร่วมการแข่งขันในตลาดหุ้นของวอลสตรีต [1] และรู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อมากหน้าหลายตา
เขามีแม้กระทั่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชั้นแนวหน้าเกี่ยวกับโรคเบาหวานคนหนึ่งด้วย
ตราบเท่าที่เฉินเฟิงในชาตินี้เดินหน้าเข้าสู่ตลาดวอลสตรีตก่อนกำหนด แล้วจัดตั้งทีมแพทย์กับคนคนนั้นได้ล่วงหน้า เขาอาจจะเชิญผู้เชี่ยวชาญคนนั้นมาช่วยชีวิตถางจุนจ่านได้
หากเวลานั้นมาถึง แม้เขาจะช่วยชีวิตถางจุนจ่านไม่ได้ หรือเกิดปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกจนส่งผลให้ถางจุนจ่านหายจากโรคร้ายแรง ก็ช่างปะไร
เฉินเฟิงก็แค่คืนเงินสี่สิบล้านกับหุ้นเก้าเปอร์เซ็นต์คืนให้ถางเฉินกรุ๊ปแล้วแค่ยอมรับว่าเศรษฐีคนหนึ่งเป็พ่อ ก่อนก้มหัวขอโทษ ซึ่งฟังดูก็ไม่แย่อะไร
กลับมาปัจจุบัน ปี 1995 เฉินเฟิงได้เงินสี่สิบล้านกับหุ้นเก้าเปอร์เซ็นต์ของถางเฉินกรุ๊ปเป็ที่เรียบร้อย
ไม่ว่ายังไงการเดิมพันนี้ก็มีแต่ผลดี ไร้ซึ่งผลเสีย
ผู้เฒ่าหวังหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยินการเดิมพันของเฉินเฟิง
“ตาเฒ่าถาง ถึงฉันจะไม่รู้ว่าไอ้ที่ดินแห้งแล้งนั่นมันสำคัญยังไงสำหรับแกนะ แต่ในเมื่อน้องชายเฉินเฟิงท้าแกเดิมพันขนาดนี้ ลองคิดดูว่าน้องชายคนนี้ลึกลับขนาดไหน ฉันขอแนะนำให้แกรับการเดิมพันไปเถอะ คิดดูสิ เขาใช้สามสิบล้านซื้อที่ดินเปล่าๆ เจ็ดตารางกิโลเมตรโดยไม่แสดงออกทางสีหน้าอะไรแบบนี้ แค่สี่สิบล้านของแก เขาคงไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก
บางทีเขาน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับฮวงจุ้ย เลยเห็นว่าที่ดินรกร้างเจ็ดตารางกิโลเมตรนั่นทำอะไรได้บ้างในอนาคต!
ขนาดฉันยังคิดจะรับเฉินเฟิงเป็ลูกทูนหัวเลยนะ
แต่เกรงว่าเขาคงไม่เห็นเฉียนต๋ากรุ๊ปอยู่ในสายตา ในเมื่อโรงแรมเฉียนต๋าของฉันขาดทุนติดต่อกันตั้งสองปี คงไม่น่าประทับใจเท่าไหร่หรอก”
แม้ว่าเขาจะหัวเราะ แต่ใจจริงกลับนึกเสียดาย
เสียดายที่เขาขายโรงแรมเฉียนต๋าให้เฉินเฟิงด้วยราคาเพียงยี่สิบล้าน
การที่เฉินเฟิงกว้านซื้อที่ดิน โรงแรม และร้านอาหารใกล้เจ๊ง ที่ดูยังไงก็เป็ไร้มูลค่าในสายตาคนอื่น แต่นี่ไม่ใช่การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอย่างแน่นอน
เขาน่าจะเห็นคุณค่าอะไรบางอย่างในสถานที่และกิจการเหล่านี้
หรือไม่เขาก็อาจเป็สุดยอดซินแส สามารถอ่านฮวงจุ้ยได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังทำนายดวงชะตาของผู้คนได้
ยิ่งคาดเดามากเท่าไร เฉินเฟิงในความคิดของผู้เฒ่าหวังก็ดูยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเฉินเฟิงได้ยินประโยคเช่นนี้จากผู้เฒ่าหวัง เขาก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"พี่หวังก็พูดไป จากโหงวเฮ้งพี่แล้ว ผมเชื่อว่าพี่จะกลายเป็มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวง [2] แน่นอน
ถ้าพี่ไม่เชื่อผม เรามาเดิมพันด้วยกันอีกคู่หน่อยไหมครับ? ผมพนันเลยว่าพี่จะกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของเหยียนหวงในปี 2016 ด้วยทรัพย์สินในตระกูลกว่าหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้าน
ดูจากดวงชะตาเกี่ยวกับตัวเลขยี่สิบล้านจากเมื่อวานแล้ว ผมขอหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ป กล้าเดิมพันกับผมไหม
แน่นอนว่าเงื่อนไขเดียวกัน ถ้าพี่กลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดก่อนจะถึงปีนั้น พี่ต้องมอบหุ้นให้ผมเพิ่มขึ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อหนึ่งปี ถ้าหากช้ากว่านั้น ผมจะคืนให้พี่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปีเช่นกัน
แล้วไม่ว่าผลจะเป็ยังไง ถ้าหากพี่เซ็นสัญญาลงเดิมพันกับผม ผมจะช่วยเฉียนต๋ากรุ๊ปที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนในหลายด้าน เพื่อให้กลับมาเป็บริษัทที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงให้เร็วที่สุด"
ความมั่นใจของเฉินเฟิงในการเดิมพันกับผู้เฒ่าหวังมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางล้มเหลว
เพราะผู้เฒ่าหวังจะกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม
ได้ยินเช่นนี้ ทั้งผู้เฒ่าหวังและผู้เฒ่าถางต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึง พ่อหนุ่มคนนี้มุทะลุเสียจริง
หุ้นเก้าเปอร์เซ็นต์ของถางเฉินกรุ๊ป จากมูลค่าทรัพย์สินกว่าสามพันล้าน!
แล้วยังหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋าอีก เฉียนต๋ากรุ๊ป ณ ปัจจุบันมีทรัพย์สินอย่างน้อยหนึ่งพันล้าน!
ช่างกล้าขอ!
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหวังสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว แล้วคิดคำนวณถึงสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับเฉียนต๋ากรุ๊ปของเขา ซึ่งกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤตที่้าเงินทุนอย่างเร่งด่วนเพื่อประมูลที่ดินที่มีการพัฒนามากกว่านี้
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขายโรงแรมเฉียนต๋าและโฉนดที่ดินของโรงแรมให้เฉินเฟิงในราคาเพียงแค่นั้น
ตัวตนของเฉินเฟิงในจินตนาการของผู้เฒ่าหวังใหญ่ขึ้นอีกครั้ง จนเกือบจะคิดไปแล้วว่าเขาเป็สุดยอดซินแส
หลังจากพวกเขาได้ยินเงื่อนไขของการเดิมพัน ทางเฉินเฟิงเองก็กำลังสังเกตและจดจำสีหน้าผู้เฒ่าทั้งสอง
ถึงแม้ว่าจะมีความตื่นใระคนความโกรธอยู่บ้าง แต่ที่แสดงออกมามากที่สุดคือความหวาดระแวง
ใช่แล้ว!
เฉินเฟิงดูลึกลับมากเกินไปสำหรับพวกเขา
เขาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอย่างผู้เฒ่าถางจะเสียชีวิตในปี 2004 และยังทำนายว่าผู้เฒ่าหวังจะกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวง
จะเป็ไปได้ยังไง?
คนแบบนี้ต้องเป็นักเดินทางข้ามกาลเวลา หรือไม่ก็หมอดูซินแสระดับปรมาจารย์เท่านั้น
แต่ผู้เฒ่าทั้งสองหาเชื่อเื่การเดินทางข้ามเวลาไม่
ด้วยเหตุนี้ คำอธิบายเดียวที่สามารถหาได้ คือเฉินเฟิงต้องเป็ปรมาจารย์ซินแส
ไม่งั้นเขาคงไม่ซื้อที่ดินเปล่าตั้งเจ็ดตารางกิโลเมตรรอบโรงแรมเฉียนต๋าด้วยราคาตั้งหลายสิบล้าน
ชัดเจนเลยว่าเฉินเฟิงเห็นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับฮวงจุ้ยบนที่ดินแปลงนั้น มันอาจเป็ที่แห่งโอกาสพัฒนาให้แตกต่างจากคนอื่นในอนาคต
สุดท้ายแล้วพวกเ้าสัวนายทุนในวงการอสังหาริมทรัพย์ก็เชื่อเื่ฮวงจุ้ย
น่าขำที่แม้แต่การก่อสร้างทางหลวงบางครั้งยังคำนึงถึงฮวงจุ้ยในการทำ
บางครั้งโลกเราก็ดำเนินไปอย่างซับซ้อน ไม่มีใครกล้าสร้างถนนหนทางโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยคอยสำรวจชีพจรผืนดินก่อน
"ฉันจะกลายเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดจริงเหรอ?"
ผู้เฒ่าหวังแห่งเฉียนต๋าถูกเฉินเฟิงชักนำสำเร็จ ยังไงคำทำนายที่เฉินเฟิงให้ ก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะตาย แต่บอกว่าเขาจะกลายเป็มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุด
ดูจากสถานการณ์การขาดทุนของเฉียนต๋ากรุ๊ปตอนนี้ ผู้เฒ่าหวังขอเชื่อเฉินเฟิงดีกว่า
เขา้ามอบความมั่นใจให้ตนเอง เพื่อที่จะไปต่อได้ดียิ่งขึ้น ไปตามทางที่เขากำลังสร้าง
ไม่งั้นผู้เฒ่าหวังผู้ขาดทุนเนิ่นนานหลายปีต่อกันคงจะสูญสิ้นความมั่นใจไปจนหมด
"ครับ หลังจากที่คุณก้าวไปสู่จุดที่ร่ำรวยที่สุดแล้ว ก็อย่าลำพองใจไป จงควบคุมลูกชายผู้สุรุ่ยสุร่ายของคุณให้ดี จะเป็การดีที่สุดถ้ามอบเขาให้มาเป็ลูกบุญธรรมผมหลังจากจบการศึกษา ผมจะช่วยชี้นำเขาเอง"
เฉินเฟิงคิดถึงสามีแห่งชาติ หรือคุณชายหวังตัวน้อยจากชาติที่แล้ว และพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพิเรนทร์
"ฉันจะเซ็นสัญญาการเดิมพันครั้งนี้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง นายต้องรับฉันเป็พ่อบุญธรรมเดี๋ยวนี้ ฉันแก่กว่านายยี่สิบปี ให้ฉันเป็พ่อบุญธรรมก็คงไม่เสียหายอะไรใช่ไหม! ด้วยวิธีนี้ ถึงฉันกลายเป็คนที่รวยที่สุด แล้วให้ลูกชายฉันรับนายเป็พ่อบุญธรรมก็ไม่น่ามีปัญหา"
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน ผู้เฒ่าหวังจึงพยักหน้ารับการเดิมพันกับเฉินเฟิงในที่สุด
"เอางั้น ดีล พ่อบุญธรรม ผม เฉินเฟิงขอแสดงความเคารพ แต่ผมจะไม่ทำตัวเด่น ฉะนั้นแล้วผมจะไม่เรียกคุณว่า พ่อ ต่อหน้าคนอื่น"
เฉินเฟิงทำท่าวันทยหัตถ์แสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าหวัง
เขาทำท่านี้ เพราะรู้ว่าผู้เฒ่าหวังมาจากกองทัพ!
คำพูดจากคนใหญ่คนโตเช่นนี้ก็มิต่างอะไรจากการตอกตะปูปิดฝาโลง
ในเมื่อได้รับคำยินยอมทางวาจาแล้ว ที่เหลือก็แค่หาสถานที่เหมาะสมแก่การเซ็นสัญญาการเดิมพัน และจัดพิธีรับผู้เฒ่าหวังเป็พ่อบุญธรรมอย่างเป็ทางการก็สิ้นเื่
เชิงอรรถ
[1] วอลสตรีต (Wall street) เป็ชื่อของถนนสายหนึ่งในเกาะแมนฮัตตัน และเป็ที่รู้จักกันในนามศูนย์กลางทางการเงินของโลก
[2] เหยียนหวง เป็วิธีเรียกตนเองของคนจีนหรือประเทศจีนอย่างให้ความเคารพ มีที่มาจากความเชื่อของชาวจีนที่มักพูดกันว่าตัวเองเป็ลูกหลานของพระเ้าหวงและพระเ้าเหยียน