ทันใดนั้นคนที่อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงพูดดังลั่นของอาเหมิ่งต๋าดังมาจากนอกลานเรือน “อะไรกันๆ พวกเ้ามาออกันอยู่ที่นี่ทำสิ่งใด ท่านแม่ทัพเล่า? หรือว่าเกิดเื่ใดกับท่านแม่ทัพ?”
ในความนึกคิดของอาเหมิ่งต๋านั้นมีความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียว คือต้องมีเื่เกิดขึ้นกับท่านแม่ทัพจึงจะสามารถทำให้คนหของแต่ละเรือนในจวนแห่งนี้มารวมตัวกันได้ หาไม่แต่ละคนก็จะอยู่แค่เฉพาะที่เรือนของตน จะมีคนเรือนอื่นมารอที่หน้าห้องได้อย่างไร โดยเฉพาะยิ่งเป็ลานหน้าห้องนอนของท่านแม่ทัพด้วยแล้ว
อาเหมิ่งต๋าที่เงียบรอพักหนึ่งกลับไม่เห็นมีคนตอบก็ร้อนใจนัก เข้าใจไปแล้วว่าเกิดเื่กับหั่วอี้ เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกก่อนเข้าไปกระชากสาบเสื้อของจื่อเซียวที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด พลางถามไม่หยุดว่า “รีบตอบข้ามา นี่มันเื่ใด ท่านแม่ทัพเล่า?”
จื่อเซียวคอยติดตามอาหนูอยู่ในจวนมาหลายปี ย่อมรู้ว่าคนตรงหน้าที่กำลังดึงสาบเสื้อตนอยู่ยามนี้ก็คือรองแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชางอี้ คนผู้นี้คอยเป็ผู้ตามของท่านแม่ทัพหั่วอี้มาโดยตลอด เข้าออกจวนแม่ทัพตามใจเหมือนบ้านเขาเอง
ถึงจะบอกว่าจื่อเซียวรู้จักอาเหมิ่งต๋า แต่นางก็ยังตื่นใที่ถูกเข้ามาหาเื่โดยไม่ทันตั้งตัว จึงเอาแต่ยืนอึกอักอยู่ตรงนั้น อยากพูดแต่ลิ้นกลับอยู่เหนือการควบคุมจนพูดไม่ออก
แท้จริงแล้วหลายวันมานี้อาเหมิ่งต๋าไม่ได้พบกับหั่วอี้เลย เขานึกสงสัยว่าเมื่อหั่วอี้เอาองค์หญิงแห่งต้าเว่ยมาอยู่ในจวนแม่ทัพแล้วยังปกติสุขดีหรือไม่ ครั้นอยู่ว่างๆ ไม่มีเื่ใดทำจึงมาดูที่จวนแม่ทัพเสียหน่อย
หั่วอี้ที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงเอะอะข้างนอกก็อดจะยกมือขึ้นกุมขมับมิได้ รู้สึกหมดคำพูด พี่น้องของตนผู้นี้เื่ใดก็ดีไปหมดเว้นเสียแต่ยึดติดกับตนเกินไป เห็นชีวิตของหั่วอี้สำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิตเขาเองเสียอีก จึงไม่แปลกที่เขาจะก่อความวุ่นวายกับคนในจวนแม่ทัพเช่นนี้
“อาเหมิ่งต๋า เลิกอาละวาดได้แล้ว เ้าเข้ามาเถิด”
หั่วอี้รู้ว่าหากยังไม่พูดอะไร เกรงว่าอาจเป็ไปได้ว่าจวนของเขาจะถูกอาเหมิ่งต๋ารื้อจนพินาศ
ทุกคนที่อยู่นอกห้องได้ยินท่านแม่ทัพสั่งความออกมา ต่างคิดกันไปต่างๆ นานา ล้วนคิดอยากเข้าไปดูเสียหน่อยว่าข้างในห้องเป็อย่างไรกันแน่ แต่เหล่าสตรีมีฐานะในจวนก็ยังไม่ได้รับคำอนุญาตจากท่านแม่ทัพ ซ้ำไม่กล้าเอ่ยปากขอ แม้แต่อาหนูที่นับว่าเป็นายคนหนึ่งในจวนก็ยังไม่กล้าเข้าไปดู
อาเหมิ่งต๋ายินดีหนักหนาที่ได้ยินเสียงท่านแม่ทัพดังมาจากในห้อง ทั้งยังบอกให้เขาเข้าไปได้ พลันโล่งอกก็ปล่อยสาบเสื้อของจื่อเซียวที่กุมไว้แน่น ก่อนจะไปก็ยังไม่ลืมบอกกับอีกฝ่ายคำหนึ่งว่า “ล่วงเกินแล้ว” และเดินอาดๆ จากไป
พออาเหมิ่งต๋าปล่อยมือ จื่อเซียวก็ขาอ่อนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น สองมือกุมอกแน่นพลางหอบหนักหนแล้วหนเล่า ตอนที่ถูกอาเหมิ่งต๋าถลึงตาใส่นั้นนางใแทบตายแล้ว
อาหนูปรายตามองจื่อเซียวที่นั่งพับลงกับพื้นคราหนึ่ง นางไม่มีแก่ใจจะมาสนใจอาการของจื่อเซียว หากแต่พยายามตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวในห้อง หวังจะได้ยินข่าวคราวใดบ้าง
รอจนอาเหมิ่งต๋าเข้ามาในห้อง หั่วอี้ยังทันไม่เอ่ยปาก อาเหมิ่งต๋าก็เป็ฝ่ายพูดออกมาก่อน
หลังเข้ามาข้างในแล้ว อันดับแรกก็เห็นหั่วอี้กำลังกอดองค์หญิงต้าเว่ยซึ่งอยู่ในอาการอิดโรย ส่วนโต๊ะหนังสือข้างๆ ก็มีคนที่หน้าตาท่าทางเหมือนหมอ กำลังตั้งใจเขียนใบสั่งยาอยู่ เมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพหั่วอี้ไม่เป็ไร เขาก็ทั้งโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก
เขาพูดเสียงดังว่า “ท่านแม่ทัพ นี่ท่านเล่นอะไรของท่าน ไม่มีเื่ใดก็ปิดประตูอยู่ในห้อง สาวใช้พวกนั้นของท่านก็ไม่ได้ความ ถามอะไรก็ไม่รู้จักหือจักอือสักคำ ทำข้าเกือบใตายแล้ว”
แม้จะบอกว่ายามนี้เสื้อผ้าของหลิ่วจิ้งยังคงเรียบร้อยดี และเป็เสื้อผ้าสำหรับพบคนนอก แต่เพราะหลิ่วจิ้งนอนอยู่บนเตียง ไม่ว่าอย่างไรเตียงก็เป็พื้นที่ส่วนตัว ทั้งเป็สถานที่ที่ชวนให้คนเกิดจินตนาการไปไกล
หั่วอี้เ้าคนไม่ละเอียดอ่อน ถึงกับให้คนเลอะเลือนตื่นตูมเช่นอาเหมิ่งต๋าเข้ามาถึงในห้องนอน นางถลึงตาแข็งใส่อาเหมิ่งต๋าพลางจดบัญชีเขาเอาไว้อีกเื่ คิดว่าเมื่อมีโอกาสในภายหลังจะต้องเอาคืนให้หนักสักหน
ดีที่หลังจากเข้ามาในห้องแล้วความสนใจของอาเหมิ่งต๋าล้วนอยู่ที่ตัวของท่านแม่ทัพหั่วอี้ จึงไม่เห็นสายตาของหลิ่วจิ้งที่แทบอยากกินเขาลงไปเสีย
อาเหมิ่งต๋าช่างไม่รู้เสียเลยว่าหากสายตาสามารถสังหารคนได้ เขาคงถูกหลิ่วจิ้งฆ่าตายไปหลายหนแล้ว
หั่วอี้ยกมือขึ้นแล้วกดมือลง ส่งสัญญาณให้อาเหมิ่งต๋าสงบสติอารมณ์ เบี่ยงปากไปทางโต๊ะข้างตัวเป็การบอกให้อีกฝ่ายนั่งลงพูดจากัน
เพียงอาเหมิ่งต๋าเห็นว่าหั่วอี้ไม่เป็ไร เื่อื่นก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเขาแล้ว จึงนั่งลงอย่างผ่อนคลาย เริ่มสังเกตสถานการณ์ภายในห้องขึ้นมา
แต่หั่วอี้ก็มิได้ให้เวลาเขามากนัก เมื่ออาเหมิ่งต๋านั่งลงแล้วหั่วอี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “อาเหมิ่งต๋า ระยะนี้ก็ไม่มีการศึกใด ข้าว่าเ้าคงว่างจนเพ้อเสียแล้ว พรุ่งนี้เ้าจงไปถามที่กองพิธีการว่างานพิธีสมรสของคนทั่วไปต้องมีขั้นตอนเช่นไรบ้าง เ้าไปสอบถามมาให้ละเอียดชัดเจน แล้วช่วยข้าหาวันมงคลที่ใกล้ที่สุด ข้าจะจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดตามธรรมเนียมของแคว้นชางอี้เพื่อแต่งองค์หญิงแห่งต้าเว่ยเข้าจวน”
“อะไรนะ ท่านจะแต่งงาน ทั้งยังแต่งกับองค์หญิงต้าเว่ยด้วย คงมิใช่ว่าท่านแม่ทัพดื่มสุราจนพูดจาด้วยความเมามายหรอกนะ”
อาเหมิ่งต๋าร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เสียงดังลั่นทำให้คำพูดของเขาดังไปถึงข้างนอกห้อง
เสียงของอาเหมิ่งต๋าในครานี้หยุดความสนใจของทุกคนที่เดิมทีกำลังยืนกระซิบกระซาบกัน ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็คนที่อยู่ในหรือนอกห้องก็ล้วนโกลาหลกันยกใหญ่
อาหนูใจนมืออ่อน พอได้ยินเื่ที่นางไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นมากที่สุดใบหน้าที่เดิมทีก็ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีก ผ้าเช็ดหน้าที่นางบีบเอาไว้ในมือบัดนี้กลับร่วงลงกับพื้นโดยที่นางไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ป้าจ้าวและป้าหวังที่ปรนนิบัติอยู่ในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าสบตากันพลันลนลานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
“เ้ารีบกลับไปรายงานเื่นี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบ”ป้าจ้าวกระซิบข้างหูป้าหวัง ป้าหวังช้อนตาขึ้นมองในห้องอีกครั้ง ก่อนพยักหน้าแล้วเดินจากไป
อาหนูไม่สนใจกฎเกณฑ์ที่ท่านแม่ทัพสั่งเอาไว้ว่าห้ามเข้าไปในห้องนอนโดยพลการ นางพุ่งตัวไปทางห้องนอนด้วยความไม่ยอมใจ
เมื่อสาวใช้และบ่าวชราที่ยืนอยู่ข้างนอกเห็นอาหนูเดินเข้ามาที่ห้องนอนก็สบตากันหลายหน ด้วยการนำของป้าจ้าว พวกนางจึงเดินตามเข้าไปตรงหน้าประตูห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แม้อาหนูจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องนอน แต่นางก็ไม่กล้าผลักประตูเข้าไป เพียงเอาหูแนบบานประตูโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์เพื่อแอบฟังคำสนทนาภายในห้อง
ป้าจ้าวเห็นดังนั้นก็เอาหูแนบบานประตูอย่างอาหนูบ้าง เพราะนางก็อยากรู้ว่าเป็เื่ใดกันแน่ จะได้กลับไปรายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่าถูก
เมื่อได้ยินว่าเื่ที่สนทนาอยู่ภายในห้องเป็เื่องค์หญิงของตน อวี้จิ่นกับอิ๋งเหอก็เดินตามเข้าไปด้วยความสงสัย ยืนคอยตั้งใจฟังอยู่นอกประตู
_____________________________