“อาเหิงภรรยาเอง มาเถอะช่วยข้าแบกหมูป่ากลับเรือน วันนี้พวกเราทานเนื้อกัน”
เมื่อพูดถึงเนื้อชายหนุ่มรีบวิ่งไปหาหญิงสาวอย่างกระตือรือร้น เซี่ยชิงเป่าเห็นอาเหิงที่โตแต่ตัวทว่ามีงานให้ทำ แต่ตนเองกลับว่างงานจึงได้ถามผู้เป็พี่สาว
“พี่รองแล้วข้าเล่า”
“เ้ารอที่นี่ พี่ไปแค่เพียงไม่นาน อย่าเดินเพ่นพ่านไปที่อื่นเดี๋ยวจะหลงเอา”
เด็กน้อยพยักหน้ารับทำตามคำสั่งพี่สาวอย่างว่าง่าย ยาม่เวลาโพล้เพล้บนเส้นทางลงเขา แสงสุดท้ายของวันทอดเงายาวลงบนพื้นดิน ขับให้ป่าเขารอบด้านกลายเป็ภาพเงาที่ค่อยๆ ละลายไปในความมืด
ท้องฟ้าเบื้องบนไล่เฉดสีจากส้มอมชมพูเป็ม่วงน้ำเงินอย่างแ่ทางเดินลงเขาขรุขระไปเต็มด้วยรากไม้และหินเล็กหินน้อย เสียงฝีเท้าทั้งสามที่ก้าวเหยียบใบไม้ดังกรอบแกรบสะท้อนในความเงียบ
เสียงนกป่าตัวสุดท้ายเริ่มเงียบลง ปล่อยให้ลมเย็นของยามเย็นแทรกตัวผ่านยอดไม้ลงมาััผิวกาย
ผู้เฒ่าหลี่เดินไปเดินมาที่หน้าเรือนด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ก่อนหน้ารู้จากชาวบ้านว่าเด็กๆ ขึ้นเขาจึงเป็กังวลว่าจะเกิดอันตราย
ทว่าเมื่อเห็นทั้งสามเดินฝ่ากลางหมู่บ้านมาพร้อมชาวบ้านอีกหลายคนที่เดินตามด้านหลัง ความหนักอึ้งในใจของผู้เฒ่าวัยชราจึงได้ถูกวางลง
ก่อนหน้านี้สามคนเดินลงเขามาพบชาวบ้านหลายคน เมื่อเห็นว่าพวกเขาแบกหมูป่าหนักหลายร้อยจินกลับมาจึงรีบเข้าไปสอบถาม หนึ่งในนั้นคือลุงป้าที่เอ่ยเตือนเื่หมู่ป่ากับนาง เซี่ยชิงหลีจึงยกคานหามให้เขาช่วยหามกลับเรือน ส่วนตัวนางเดินตัวดำนำหน้าทุกคนตรงดิ่งมายังผู้เฒ่าบ้านตน
“ท่านตา หลีเอ๋อกลับมาแล้ว”
ชายชรายังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ในหมู่บ้านมีพรานอยู่บ้างทว่าก็ไม่เคยล่าหมู่ป่าตัวใหญ่เช่นนี้ได้ ไม่คิดว่าหลานสาวผู้บอบบางจะมีฝีมือร้ายกาจ ถึงกับสังหารหมูป่าได้...นั่นก็ไม่น่าจะใช่ หรือว่าจะเป็เ้าหนุ่มนุ่มนิ่มผู้นั้น
เมื่อเห็นสภาพหลานสาวและอาเหิง ชายชราก็ล้มเลิกความคิดก่อนหน้าทันที
“ขึ้นเขาเหตุใดไม่บอกลุงใหญ่ลุงรองของเ้า ในบ้านยังมีบุรุษถึงทีให้สตรีออกหน้าหรือ”
“โธ่! ท่านตาหลีเอ๋อแค่พาน้องไปเก็บผักป่ามาทำอาหารเย็นเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเก็บหมูป่ากลับมาได้”
หญิงสาวเมื่อถูกดุจึงร้องโอดครวญออกมาดั่งเด็กน้อย สภาพของนางบัดนี้ไม่ต่างจากหมูป่าตัวนั้น...ดำไปทั้งตัว
“เ้าคิดว่าหมูป่าเป็ลูกเกาลัดหรือ อยากเก็บเมื่อใดก็เก็บได้ ดูสภาพเ้าตอนนี้สิ บอกไปใครจะเชื่อ”
ชายชราสะบัดหน้าทำท่าทางไม่พอใจ เซี่ยชิงเป่าเห็นพี่สาวง้อท่านตาไม่สำเร็จจึงยักคิ้วให้พี่สาวอย่างล้อเลียน
“ได้ๆ หลีเอ๋อยอมรับผิดแล้ว ท่านตาคิดเถอะจะทำอย่างไรกับหมูป่าตัวนี้ดี”
“เ้าเป็คนล่ามันเ้าก็ตัดสินใจเองเถอะ”
ชายชราเห็นว่าสั่งสอนหลานสาวพอแล้วจึงไม่ถือสาต่อนางอีก
“อืมมมม....เช่นนั้นวันนี้ก็ชำแหละหมูป่าตัวนี้แบ่งชาวบ้านกันเถอะ อย่างไรวันหน้ายังต้องรบกวนทุกคนอีก ถือเสียว่าวันนี้หลีเอ๋อกตัญญูต่อลุงป้าน้าอาล่วงหน้า”
ชาวบ้านทั้งหลายไม่คิดว่าตนจะมีส่วนด้วย หลายคนที่ตามมาต่างก็เต็มใจช่วยทำความสะอาดหมูป่าตัวใหญ่ หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้ทานเนื้อ วันนี้ไม่รู้โชคดีอะไรของครอบครัวตน
ลุงทั้งสองของเซี่ยชิงหลีกลับมาจากนาพอดี เมื่อเห็นชาวบ้านมากมายมาชุมนุมที่เรือนของตนก็รีบวิ่งมาดู ภายหลังเมื่อรู้ว่าหลานสาวฆ่าหมูป่าได้ด้วยตัวคนเดียวก็แทบเป็ลมหงายหลัง
หลี่เยว่สิงบุตรชายคนโตของลุงใหญ่วันนี้กลับจากบ้านเดิมภรรยาพร้อมตู้เฟิงอิง เมื่อนั่งเกวียนวัวถึงหน้าเรือนพบว่ามีคนมาชุมนุมมากมายหลังจากได้รู้เื่ราวโดยละเอียดจึงได้พาภรรยาและลูกสาววัยสองขวบไปทักทายอาหญิงของนาง
“พี่ใหญ่เยว่สิง ท่านนำเนื้อหมูป่าชินนี้ให้พี่ชายของพี่สะใภ้กลับไปด้วยเถอะ อย่างไรคนก็มีน้ำใจมาส่งถึงที่นี่”
เซี่ยชิงหลีที่อาบน้ำชำระกายเรียบร้อยแล้วเอ่ยเตือนหลี่เยว่สิง ตู้เฟิงอิงไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของสามีจะใจกว้างถึงเพียงนี้ นั่นคือเนื้อหมูป่าเกือบสิบจินเชียวนะ
ยิ่งได้รู้ว่าหมูป่าเหล่านี้จะถูกแบ่งให้ชาวบ้านทั้งหมด นางก็ยิ่งใ แม้จะรู้สึกเสียดายเพราะหากขายไปน่าจะได้เงินหลายตำลึง ทว่านั่นมิใช่หมูป่าของบ้านตนจึงไม่สามารถเอ่ยปากได้
หลังจากแบ่งสันปันส่วนเนื้อหมูป่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านต่างก็ทยอยกลับเรือนของตนด้วยสีหน้าอิ่มเอม บัดนี้หมู่บ้านสือโถวทุกหลังคาเรือนต่างก็มีเนื้อทานทุกหลัง กลิ่นหอมของเนื้อลอยโชยไปทั่วหมู่บ้าน ทว่ากลับมีเพียงตระกูลจางเท่านั้นที่ไม่มีส่วน
“พวกเ้าไปทำอะไรมากันแน่ เหตุใดบ้านจางของเราถึงได้ถูกกีดกันออกมา แม้แต่เนื้อหมูป่าของบ้านหลี่ก็ไม่มีส่วน”
นางเหอสะใภ้ใหญ่สกุลจางดึงหูสามีที่พึ่งกลับเรือนในสภาพสะบักสะบอม เช้าวันนี้น้องสามีมาที่เรือนเพื่อพาพี่ชายทั้งสองไปทำงาน ทั้งยังจ่ายเงินสูงถึงห้าตำลึง ไม่คิดว่าเมื่อกลับมาถึงเรือนสภาพของทั้งสองครอบครัวแทบจำไม่ได้
“มะ..ไม่มีอะไร”
จะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าถูกเด็กสาวที่ยังโตไม่เต็มที่ตีเอา เสียชื่ออดีตผู้คุ้มกันหมด
นางเหอไม่เชื่อคำพูดสามี วันนี้มีข่าวว่าลูกสาวบ้านหลี่หย่าสามีทั้งยังหอบลูกกลับ นางจึงคาดเดาเอาเองว่าสามีจะต้องมีส่วนด้วย
“เ้าคงไม่ได้ทำให้บ้านเรากับบ้านหลี่บาดหมางกันเพราะน้องสาวที่แต่งออกไปแล้วของเ้าใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นสามีเงียบปากเหมือนกำลังรับสารภาพผิด นางเหอก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
“โธ่เอ๊ย!! ์ต่อไปถ้าหากมีอะไรดีๆ คงมาไม่ถึงพวกเราแล้ว เ้ามันโง่เหมือนวัว!! วันนี้ข้าจะทุบตีเ้าให้ตาย”
“เ้า!...เ้า!รู้หรือไม่หลายปีมานี้...กว่าข้าจะดูแลแม่ที่พิการนอนป่วยติดเตียงของเ้าจนนางจากไปมันลำบากเพียงใด น้องสาวของเ้าเมื่อยามที่แต่งให้ตระกูลร่ำรวยเคยแบ่งปันให้พวกเราไหม พอตนเองมีปัญหากลับวิ่งแจ้นมาที่นี่ ไม่รู้ล่ะ! เ้าต้องให้นางรับผิดชอบชดใช้เนื้อให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้า...ข้าจะตีเ้าให้ตาย!!”
นางเหอหยิบไม้ไล่ตีสามีในเรือนวุ่นวายเสียงดังมาถึงเรือนตระกูลหลี่
วันนี้เซี่ยชิงหลีลงมือทำอาหารด้วยตนเอง นี่เป็ครั้งแรกที่ได้ปรุงเนื้อย่างจริงจังนอกจากใช้แค่เกลือกับน้ำ ครอบครัวหลี่เป็ครอบครัวใหญ่เมื่อยามที่ต้องทานอาหารจึงต้องยกโต๊ะเก้าอี้มานั่งที่ลานหน้าเรือน
“วันนี้เป็วันแรกที่อาหญิงและน้องๆ ของพวกเ้ากลับมา ข้าจะเปิดเหล้าฉลองสักหน่อย พวกเ้าก็ดื่มคนละจอกก็แล้วกัน”
ผู้เฒ่าหลี่บัดนี้หน้าแดงก่ำเป็ลูกตำลึงสุกเพราะฤทธิ์สุรา นานมากแล้วที่ไม่ได้งัดเหล้าดอกท้อหมักที่ทำด้วยตนเองออกมาดื่มฉลอง ปกติต้องเป็วันสำคัญหรือปีใหม่เท่านั้นถึงจะได้ลิ้มลอง
“ท่านก็ดื่มน้อยหน่อย อายุก็ไม่น้อยแล้ว”
“ฮ่า!! ดื่มน้อยได้อย่างไร ข้าต้องฉลองที่บุตรสาวและหลานทั้งสามเป็อิสระ”
สองสามีภรรยาเฒ่าพูดคุยโต้ตอบ เหล่าลูกๆ และหลานปู่หลานตาต่างทานอาหารพลางฟังสองผู้เฒ่าต่อปากต่อคำด้วยความสนุกสนานบรรยากาศครื้นเครงเช่นนี้ทำให้นางนึกถึงโรงฝึกกังฟู ไม่รู้ว่าอาจารย์และเหล่าพี่น้องจะเป็อย่างไรบ้าง พวกเขายังสบายดีอยู่หรือไม่
“นี่น้องสาว เห็ดที่เ้าทำทานได้จริงหรือ มันไม่มีพิษใช่หรือไม่”
หลี่ิเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้
“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”
หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก
“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็เห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็ข้าคิดขึ้นมา”
วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้าง
แม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก
“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”
ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี
“ข้าจะเป็คนเสียสละทดลองเอง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้