หลี่ชิงหลิงวิ่งไปตรวจสอบความคืบหน้าของบ้านและแผนผังของบ้านก่อนที่น้องสาวสองคนจะตื่น
เมื่อเห็นบ้านที่สร้างไปครึ่งหนึ่ง นางก็ต้องถอนหายใจ จะดูถูกภูมิปัญญาและความสามารถในการลงมือทำของคนสมัยก่อนไม่ได้เลย!
เจิงเถียโถวเห็นสีหน้าพึงพอใจของหลี่ชิงหลิงจึงผ่อนคลาย
สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างบ้านก็คือสร้างความพึงพอใจให้กับเ้าของ
“เถ้าแก่ ดูแล้วมีจุดไหนต้องเปลี่ยนไหม” เจิงเถียโถวถามหลี่ชิงหลิงเสียงเบา
หลี่ชิงหลิงส่ายหัว "ไม่มี ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะ" ดูจากความคืบหน้านี้คงใช้เวลาสร้างไม่ถึงหนึ่งเดือน
ความเร็วนี้นับว่าเร็วมาก
เมื่อคิดว่าตนจะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ได้ในอีกประมาณหนึ่งเดือน รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ชิงหลิงก็กว้างกว่าเดิม
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิงหลิง เจิงเถียโถวก็พูดอย่างเขินอายว่าไม่ใช่งานหนักอะไรหรอก
พวกเขาได้งานที่มีค่าจ้างสูงอีกทั้งใกล้บ้านขนาดนี้ก็ดีใจแย่แล้ว จะรู้สึกว่าเป็งานหนักได้อย่างไร?
หลี่ชิงหลิงยิ้มและพูดคุยกับเจิงเถียโถวอีกสองสามคำแล้วจากไป
เจิงเถียโถวมองหลังหลี่ชิงหลิงและชื่นชมนางจากก้นบึ้งของหัวใจ นางไม่เพียงแต่หาเลี้ยงครอบครัวได้ั้แ่เด็ก แต่ยังสร้างบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ น่าทึ่งจริงๆ
คนอื่นอาจคิดว่าหลิวจือโม่เป็คนจ่ายค่าบ้าน แต่เขารู้ว่าไม่ใช่ ผู้นำและตัดสินใจคือหลี่ชิงหลิง เด็กสาวตัวน้อยๆ คนนี้
ตอนที่ได้รู้ เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน หลังจากได้ติดต่อกันหลายครั้งเขาก็รู้ว่านางมีความสามารถ
ดังนั้นเขาจึงชื่นชมนางจากก้นบึ้งของหัวใจ
"ไม่รู้ว่าเมื่อไรข้าจะสามารถสร้างบ้านหลังใหญ่แบบนี้ได้" มีคนถอนหายใจ "ข้าเคยสงสารเสี่ยวหลิง แต่ตอนนี้ได้แต่อิจฉา!" ใครจะไปรู้ว่าหลี่ชิงหลิงที่เสียพ่อแม่ไปจะมีความสามารถขนาดนี้?
“นั่นน่ะสิ ไม่รู้ว่าเสี่ยวหลิงทำเงินได้มากมายจากไหน? ขายขนมที่เรียกว่าแป้งทอดไข่นั่นได้เงินมากขนาดนั้นจริงหรือ?”
"แค่นี้ยังไม่เท่าไร ข้าได้ยินมาว่านางส่งน้องชายและลูกจากตระกูลหลิวไปสถานศึกษาด้วยนะ!" ชายร่างใหญ่อีกคนเข้าร่วมการสนทนา การไปเรียนมีค่าใช้จ่ายสูง ลูกๆ ของเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด!
พอทุกคนได้ยินก็อ้าปากค้าง นอกจากสร้างบ้านแล้วยังส่งน้องเรียน? สุดยอดไปเลย
ข่าวนี้ทำให้บรรยากาศของการสนทนาร้อนแรงยิ่งขึ้น
เจิงเถียโถวเห็นทุกคนตั้งใจคุยแล้วหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แววตามืดลง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "เถ้าแก่อยู่ไม่ไกล ถ้ารู้เข้าว่าพวกเ้าเอาแต่คุยไม่ยอมทำงานคงโดนไล่แน่ แล้วไม่ต้องมาหาข้านะ!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตัวแข็งปิดปาก หันมองบ้านหลิวที่อยู่ติดกันทันที กลัวว่าหลี่ชิงหลิงจะได้ยินการสนทนาและไล่พวกเขา
ตอนนี้เพิ่งเป็่ต้นฤดูใบไม้ผลิ การหางานที่มีเงินค่าจ้างสูงๆ แบบนี้เป็เื่ยาก พวกเขาไม่อยากเสียงานนี้ไป
เมื่อเห็นความกลัวบนใบหน้าของทุกคน เจิงเถียโถวก็พูดอีกครั้งว่า "เอาล่ะ เรารีบทำงานกัน ถ้าครั้งนี้เถ้าแก่พอใจ คราวหน้ามีงานอาจจะนึกถึงเราเป็คนแรกๆ ก็ได้?” ก่อนหน้านี้ก็เพราะตั้งใจช่วยเถ้าแก่เกี่ยวข้าว ครั้งนี้เถ้าแก่มีงานถึงได้นึกถึงเขาเป็คนแรก
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเจิงเถียโถวพวกเขาก็เห็นด้วย หยุดพูดคุยแล้วก้มหัวตั้งใจทำงาน
หลี่ชิงหลิงไม่รู้เื่นี้ ทันทีที่นางกลับถึงบ้าน เ้าตัวเล็กสองคนที่บ้านตื่นขึ้นและร้องเรียกหาพี่ชาย
ทันทีที่เด็กสาวได้ยินก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว นางเข้าไปและเห็นหลิวจือโหรวที่ผมฟูนั่งอยู่บนขอบเตียง ส่งเสียงร้องงอแง
หลี่ชิงหนิงนอนตะแคง จับเท้าเล็กๆ มาแทะ น้ำลายเลอะเต็มปาก
เด็กสาวยิ้ม เดินไปจูบแก้มเล็กๆ ของหลิวจือโหรว "พี่ชายไปเรียนแล้ว อีกพักหนึ่งถึงจะกลับมา" นางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าตัวเล็กที่วางไว้ข้างๆ "มา เดี๋ยวพี่ช่วยใส่เสื้อ” นางอุ้มให้หลิวจือโหรวยืนบนเตียง หยิบเสื้อผ้ามาช่วยสวม
หลังจากแต่งตัวเสร็จก็หวีผม มัดจุดเล็กๆ แล้วจึงอุ้มหลี่ชิงหนิงไปปัสสาวะ
"ไปกินข้าวกับพี่กัน" หลี่ชิงหลิงอุ้มหลี่ชิงหนิงและยื่นอีกข้างไปหาหลิวจือโหรว
หลิวจือโหรวตอบรับอย่างเชื่อฟัง จับมือหลี่ชิงหลิงและเดินออกจากห้อง
วางหลี่ชิงหนิงลงบนเตียงเล็กในห้องโถง จากนั้นอุ้มหลิวจือโหรวให้นั่งบนเก้าอี้ เดินไปที่ห้องครัวและนำนมแพะออกมาสองชามอย่างรวดเร็ว
ผลักนมแพะชามหนึ่งให้หลิวจือโหรวดื่ม ก่อนจะหันหลังกลับไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบไข่ตุ๋นสองชาม
"กินหมดแล้ว" หลิวจือโหรวเคยชินกับการดื่มนมแพะหนึ่งชามทุกวัน นางยกชามดื่มจนเกลี้ยง ส่งชามให้หลี่ชิงหลิงที่ชมและยื่นไข่ตุ๋นให้
"โหรวโหรวช่วยดูน้องให้หน่อยได้ไหม พี่จะไปล้างจาน” หลี่ชิงหลิงวางหลี่ชิงหนิงลงบนเตียงเล็ก ขอให้หลิวจือโหรวช่วยดู
"อืม..." หลิวจือโหรวพยักหน้า นางเฝ้าน้องเก่งที่สุด
หลี่ชิงหลิงลูบหัวน้อยๆ ของนาง ชมว่าเก่งมาก จากนั้นจึงยกชามไปล้างที่ห้องครัว
หากเป็ยุคปัจจุบัน เด็กสามขวบอย่างหลิวจือโหรวจะทำเป็แค่อ้อนพ่อแม่ ขอซื้อของเล่น แต่ที่นี่ เด็กสามขวบสามารถดูแลน้องได้จริงๆ
อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่มีทางเลือก นางเองก็ต้องทำงาน
หลี่ชิงหลิงรีบล้างจานและกลับไปที่ห้องโถงเพื่อเล่นกับเด็กน้อยทั้งสอง
โดยปกติแล้วพี่ชายสองคนจะเล่นด้วย แต่วันนี้พี่ชายสองคนไม่อยู่ เด็กทั้งสองจึงไม่คึกคักนัก
หลิวจือโหรวถามเป็ครั้งคราวว่าพี่จะกลับมาเมื่อไร? หลี่ชิงหลิงได้แต่บอกนางซ้ำๆ ว่าจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงมื้อค่ำ
เมื่อนางได้ยินว่าจะต้องใช้เวลานานขนาดนั้นก็ทำหน้าเหงาหงอยทันที
หลี่ชิงหลิงอุ้มหลี่ชิงหนิงไปที่สวนหลังบ้านเพื่อดูกระต่าย เบี่ยงเบนความสนใจ
หลังมีกระต่ายน้อยให้เล่น นางก็มีความสุขขึ้นมาหน่อย
พอเล่นเหนื่อยก็พากลับห้องไปนอน
หลี่ชิงหลิงมองเด็กน้อยทั้งสองหลับแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้นางก็เพิ่งตระหนักได้ว่าการที่หลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยนช่วยพาเ้าตัวน้อยทั้งสองเล่นนั้นประหยัดพลังงานได้มากจริงๆ
่นี้นางคงต้องลำบากหน่อย
ไว้เด็กๆ โตขึ้น ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
หลี่ชิงหลิงจูบเด็กน้อยทั้งสองและเดินออกจากห้องเบาๆ ทันทีที่เด็กสาวออกจากห้องก็ได้ยินเสียงเรียกของหลิวจือโม่จึงรีบเดินไปเปิดประตู
ทันทีที่เห็นเขา นางถามว่าส่งเด็กสองคนเรียนราบรื่นดีไหม
หลิวจือโม่เดินเข้ามา ปิดประตูเสร็จจึงยิ้มและพยักหน้า บอกว่าพวกเขาคุ้นชินพอตัว
เขาแอบมองจากหน้าต่าง รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้กลัวหรืออะไร เขาจึงวางใจกลับมา
"คุ้นชินก็ดี” หลังได้ยิน หลี่ชิงหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "พี่หิวไหม ข้ายังไม่ได้ทำอาหาร ข้าจะได้ไปทำเดี๋ยวนี้” นางดูแลเ้าตัวเล็กจนไม่มีเวลาทำอาหาร
"ข้าทำเอง เ้าไปนั่งเถอะ!" หลิวจือโม่เดินไปที่ห้องครัว ระหว่างเดินก็ถามว่านางอยากกินอะไร
หลี่ชิงหลิงเดินตามหลังเขาไป บอกว่ายังมีแป้งทอดมันฝรั่งและแป้งทอดไข่ที่ทำไว้ในตอนเช้า อุ่นหน่อยก็กินได้แล้ว
มื้อเที่ยงแค่กินอิ่มท้องก็พอ ไม่ต้องเคร่งครัดอะไรนัก
หลิวจือโม่ตอบรับ อุ่นแป้งทอดทั้งสอง เมื่อคิดว่าได้ที่ก็เรียกให้หลี่ชิงหลิงมากิน
ทั้งสองกินข้าวกลางวันแล้วแยกกันไปพักผ่อน
เมื่อใกล้เวลาทำอาหาร หลี่ชิงหลิงก็วิ่งไปที่ประตู เห็นเด็กทั้งสองไม่กลับมา นางจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยอีกครั้ง
พวกเขาหลงทางหรือเปล่า? ทำไมยังไม่กลับมา
“ไม่ต้องห่วง ไม่หลงทางหรอก” เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของนาง หลิวจือโม่ก็ปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม สถานศึกษาอยู่ไกลจึงต้องใช้เวลาเดิน
"ทำไมพี่ชายยังไม่กลับมา" หลิวจือโหรวถือเก้าอี้ตัวเล็กๆ เดินไปที่ประตูนั่งลงมองถนน รอพี่ชายกลับมา
นางพูดถึงพี่ชายทั้งวัน… พี่ชาย
เมื่อหลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยนเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้านก็เห็นหลิวจือโหรวหนุนคางเล็กๆ จากระยะไกล แววตาที่เหม่อมองดูน่าสงสารมาก
ความตื่นเต้นที่ได้ไปโรงเรียนของพี่ชายสองคนหายไปครึ่งหนึ่งในทันที พวกเขาโบกมือให้หลิวจือโหรวและะโเรียกเสียงดัง
“พี่รองพี่สามกลับมาแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงเรียก ดวงตาของหลิวจือโหรวก็เป็ประกาย ใช้ขาสั้นๆ วิ่งไปหาพี่ชายทั้งสอง “พี่รอง พี่สาม…”
หลิวจือเยี่ยนวิ่งเข้าไปอุ้มหลิวจือโหรว "คิดถึงพี่ใช่ไหม?” เมื่อต้องแยกกับน้องๆ เขาก็คิดถึงน้องๆ มาก
หลิวจือโหรวพิงไหล่ของหลิวจือเยี่ยนแล้วพยักหน้า "คิดถึงพี่รอง พี่สามมาก” นางยื่นมือออกไปจับมือของหลี่ชิงเฟิงพลันเบะปาก
หลี่ชิงเฟิงลูบหัวเล็กๆ ของหลิวจือโหรว "พี่สามก็คิดถึงโหรวโหรว” จู่ๆ ต้องแยกจากน้องๆ ที่อยู่ด้วยกันทุกวันแล้วไม่ชินเลย
“พรุ่งนี้พี่ๆ ไปเรียนอีกไหม?”
“อืม…”
ทันทีที่หลี่ชิงเฟิงพยักหน้า หลิวจือโหรวก็ออกอาการเศร้า มืออ้วนๆ ที่จับคอของหลิวจือเยี่ยนจับแรงกว่าเดิม "พาโหรวโหรวไปด้วยได้ไหม" นางอยากเล่นกับพี่รองพี่สาม
