“ในกล่องนี้มีสมบัติล้ำค่าอะไรหรือ?” ซือคงจวินเย่อดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้
หานปิงจีตอบด้วยน้ำเสียงเป็การเป็งาน “โปรดอภัยที่หม่อมฉันไม่อาจบอกได้! แต่ฝ่าาเคยตรัสไว้ว่า เมื่อตามหาผู้ที่มีวาสนาพบ ฝ่าาจะให้ผู้มีวาสนาขอเื่ที่ปรารถนาได้หนึ่งอย่าง!”
ได้ยินเช่นนั้น องค์หญิงหลานซินดวงตาเป็ประกาย
ไม่ว่าสมบัติล้ำค่าในกล่องนี้คืออะไร ลำพังแค่สามารถขอเื่ที่ปรารถนาได้หนึ่งเื่จากราชินีอวิ๋นซูก็ถือว่าเป็แม่เหล็กดึงดูดใจได้เกินพอแล้ว!
หากนางเป็เ้าของสมบัติล้ำค่า เช่นนั้นนางย่อมเป็ผู้มีสิทธิ์ขอเื่ที่ตนเองปรารถนาต่อราชินีอวิ๋นซูได้หนึ่งอย่างหรือ
ถึงเวลานั้น นางอยากได้อะไรย่อมได้สิ่งนั้น!
คิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกกระตือรือร้น!
ในใจกำลังคิดคำนวณถึงผลได้ผลเสีย ทว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวของเซวียนหยวนเช่อกลับทำให้นางเหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้าใส่ร่างถังใหญ่ๆ!
“ฮองเฮา เ้าลองดูเถิด!”
เซวียนหยวนเช่อมอบโอกาสเปิดกล่องใบนั้นเป็คนแรกให้กับเฟิ่งเฉี่ยนโดยปราศจากความลังเลใจ
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ปฏิเสธ นางมีความรู้สึกมหัศจรรย์ลางๆ พลังความลี้ลับของสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นกำลังเพรียกหานางอยู่ เพียงแค่คิดว่ากำลังจะได้เปิดมันออก โลหิตในกายก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง!
องค์หญิงหลานซินร้อนใจทันที!
คนแรกที่จะได้เปิดกล่องใบนั้นก็คือเ้าของสมบัติล้ำค่า!
หากฮองเฮาโชคดี เปิดออกเล่า
เช่นนั้นนางมิใช่เสียกระทั่งโอกาสที่จะได้ลองเปิดดูหรอกหรือ
นางลอบขยิบตาให้กับเสด็จพี่ ซือคงจวินเย่รับสัญญาณทันที เขาเอ่ยปากขัดจังหวะว่า “ช้าก่อน!”
คนทั้งหมดมองไปที่ซือคงจวินเย่
“เมื่อสักครู่ใต้เท้าหานพูดว่าได้นำกล่องใบนี้เดินทางไปทั่วทั้งห้าแคว้น หรือกำลังจะบอกว่าแคว้นหนานเยียนของข้าก็ยังไม่มีใครสามารถเปิดกล่องใบนี้ได้?”
หานปิงจีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ใช่แล้วเพคะ!”
ซือคงจวินเย่กลับส่ายหน้า “คำพูดนี้ของเ้าเด็ดขาดเกินไป! อย่างน้อยตอนนี้ยังมีสตรีคนหนึ่งของแคว้นหนานเยียนยังไม่ได้ลองเปิดดู!”
หานปิงจีตะลึงงัน เห็นซือคงจวินเย่ที่เถียงข้างๆ คูๆ ชี้มือไปที่องค์หญิงหลานซิน “หลานเฟยเป็สตรีผู้มีฐานะสูงศักดิ์ที่สุดของแคว้นหนานเยียน ข้าไม่เชื่อว่านางจะไม่มีวาสนาต่อสมบัติล้ำค่าในกล่องนั้น หากว่ากันตามเหตุผลควรให้นางเป็ผู้ลองเปิดกล่องดูก่อน!”
คำพูดนี้ฟังดูแล้วเหมือนจะสมเหตุสมผล ส่งผลให้คนยากจะคัดค้าน ทว่าปัญหาที่ว่ามาก่อนมาหลังที่พวกเขาคำนึงถึงนั้น มีหรือที่เซวียนหยวนเช่อจะคิดไม่ถึง
เขาพูดเสียงหนัก “ท่านพี่ซือคง ที่นี่คือแคว้นเป่ยเยียน มิใช่แคว้นหนานเยียนของพวกท่าน เจิ้นให้ฮองเฮาเป็ผู้ลองเปิดกล่องก่อน อย่าได้เอ่ยวาจาสอดแทรกอีกเลย!”
ซือคงจวินเย่มีสีหน้าเคร่งลงทันที เขาหงุดหงิดใจ เซวียนหยวนเช่อลำเอียงไปทางฮองเฮาอย่างเห็นได้ชัด เขาเอาน้องสาวของตนไปไว้ที่ไหน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ สิ่งที่ขอได้จากราชินีอวิ๋นซูยั่วเย้ากิเลสคนเกินไป เขาไม่มีทางพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานให้เยี่ยงนี้เด็ดขาด!
เขากวาดสายตาไปมา เห็นจางโหม่วที่ยืนยิ้มใบหน้าอยู่ที่นั่น พลันคิดอะไรขึ้นได้จึงหันไปพูดกับจางโหม่ว “ใต้เท้าจาง ท่านเป็ผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ได้รับความนับถือจากผู้คน ให้ท่านมาเป็ผู้ตัดสิน ว่าควรเป็องค์หญิงของแคว้นหนานเยียนของข้าลองเปิดก่อน หรือควรเป็ฮองเฮาแห่งแคว้นเป่ยเยียนเปิดก่อน?”
นับั้แ่ก้าวเข้ามาในท้องพระโรงจางโหม่วล้วนถูกมองข้ามและเพิกเฉยอย่างเ็า รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้แสดงออกอันใดทว่าในใจของเขาไม่ยินดี ในที่สุดตอนนี้ก็มีคนให้ค่าและให้ความสำคัญกับเขา ยกย่องเยินยอเขา เขาย่อมต้องยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับอีกฝ่ายแน่นอน
“ฝ่าาตรัสเกินไปแล้ว! กระหม่อมเป็คนไร้ชื่อเสียง จะตัดสินใจอะไรได้พ่ะย่ะค่ะ” เขาเจตนาผลัดผ่อนอย่างถ่อมตน
ซือคงจวินเย่รับลูกต่อจากเขาทันที “ใต้เท้าจางเป็ทูตที่ราชินีอวิ๋นซูส่งมา เป็ตัวแทนของฝ่าา หากกล่าวว่าท่านเป็คนไร้ชื่อเสียงวาจาไร้น้ำหนักหรือ ข้าเชื่อว่าต่อให้เป็ท่านพี่เซวียนหยวนก็ต้องให้ความเคารพต่อความเห็นของท่านกระมัง ท่านพี่เซวียนหยวน?”
เซวียนหยวนเช่อแววตาเ็าไม่พูดไม่จา
จางโหม่วถูกเยินยอเสียจนสบายไปทั้งร่าง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ตามความเห็นของกระหม่อม ฮองเฮาและหลานเฟยล้วนเป็สตรีของฮ่องเต้แคว้นเป่ยเยียน ฝ่ามือก็เนื้อหลังมือก็เนื้อ! เพื่อความยุติธรรม กระหม่อมเสนอให้มีการแข่งขันอย่างเปิดเผยสักรอบ ผู้ใดชนะก็ให้ผู้นั้นเป็ฝ่ายเปิดกล่องล้ำค่าก่อน เป็อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของเขา ทำให้คนทั้งหมดในท้องพระโรงตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
ให้ฮองเฮาและหลานเฟยทำการแข่งขันให้รู้ผลแพ้ชนะ เพื่อไม่ให้ขาดซึ่งความยุติธรรม ทว่าจะแข่งขันอะไรเล่า นี่ยังเป็ปัญหา!
ซือคงจวินเย่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจางโหม่วอยู่ข้างเดียวกับเขา ผนวกกับที่เขาเองรู้จักน้องสาวเป็อย่างดี รู้ว่านางมีความรู้และความสามารถหลากหลาย ไม่มีทางแพ้ให้กับฮองเฮาเป็อันขาด ดังนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย “ความคิดนี้ดี! ทำตามความเห็นของท่านทูต ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งยวด! ท่านพี่เซวียนหยวน ท่านคิดว่าอย่างไร”
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาหันไปมองเฟิ่งเฉี่ยน เพื่อถามความเห็นของนาง
เฟิ่งเฉี่ยนไม่แสดงออกทางสีหน้าอันใดทว่าในใจกลับลอบโอดครวญ มาอีกแล้ว ในที่สุดก็มาแล้วสินะ รู้แต่แรกแล้วว่าซือคงจวินเย่ไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ!
หากเปลี่ยนเป็ยามปกติ นางไม่มีทางไปแก่งแย่งชิงดีกับพวกเขา แต่สมบัติล้ำค่าเบื้องหน้านี้สำหรับนางมีความรู้สึกดึงดูดอย่างปราศจากเหตุผล นางตัดใจไม่ได้ ผนวกกับสามารถขอเื่ที่ปรารถนากับราชินีอวิ๋นซูได้หนึ่งเื่ มันยั่วยุกิเลสคนเกินไป!
นางจำเป็ต้องลองสู้ยิบตาดูสักตั้ง นางจะให้องค์หญิงหลานซินได้เปรียบไม่ได้!
“แข่งขันอะไรหรือ” คิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่งามของเฟิ่งเฉี่ยนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
เห็นนางติดกับ ซือคงจวินเย่จึงสบตากับองค์หญิงหลานซินปราดหนึ่งแล้วลอบยิ้มได้ใจ
จางโหม่วเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ตามความเห็นของกระหม่อม ผู้ที่เหมาะสมจะสิ่งของล้ำค่า จำเป็ต้องมีความรู้ความสามารถ ดังนั้น กระหม่อมขอเสนอความเห็นให้เหนียงเหนียงทั้งสองแข่งขันกันสามครั้ง แบ่งเป็แข่งขันสติปัญญา ศิลปะและวรยุทธ์ ชนะสองในสามถือเป็ผู้ชนะ เป็อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของเขาฟังดูแล้วมีเหตุผลยิ่ง แต่เมื่อพิจารณาใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ชัดเจนเหลือเกินว่าเขาลำเอียงมาทางด้านองค์หญิงหลานซิน!
ใครๆ ก็รู้ว่าองค์หญิงหลานซินเป็เทพยุทธ์ขั้นเจ็ด ส่วนฮองเฮานั้นั้แ่ยังเยาว์ก็ถูกตัดสินว่าไม่มีหน่วยก้านของกลิ่นอายเทพ จึงไม่เคยฝึกวรยุทธ์ ดังนั้นการแข่งขันวรยุทธ์ ฮองเฮาต้องพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัย!
สำหรับด้านสติปัญญาและศิลปะนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ตลอดมาฮองเฮาถูกขนานนามว่าหน้าอกใหญ่ไร้สมอง ให้นางมาแข่งขันด้านสติปัญญาและศิลปะกับองค์หญิงหลานซิน เรียกได้ว่าเป็การหาเื่ดูิ่ดูแคลนตัวเองเป็ที่สุด!
ในใจของขุนนางใหญ่ทั้งหมดล้วนมีความคิดเช่นนี้ กระทั่ง เฟิ่งชัง บิดาของฮองเฮาเองก็มีสีหน้าไม่น่าดูไปด้วย!
แม้ระยะนี้บุตรสาวดูเหมือนจะผิดปกติมีความก้าวหน้าในการเดินหมากล้อมชนิดก้าวะโ แต่หากด้านความสามารถนั้นมิใช่การเดินหมากล้อม นางซึ่งไม่แตกฉานทั้งพู่กัน วาดภาพ แล้วจะไม่อเนจอนาถหรือ
องค์หญิงหลานซินได้ยินเช่นนั้นยินดียิ่ง “ใต้เท้าจางพูดมีเหตุผล เปิ่นกงเห็นด้วยทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าพี่หญิงฮองเฮาจะมีความคิดเห็นอย่างไรเพคะ”
เฟิ่งชังส่งสัญญาณทางสายตาให้กับเฟิ่งเฉี่ยนชนิดเอาเป็เอาตาย ในยามปกติเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนจะมีเื่อับอายขายหน้าในตำหนักนั้นก็ช่างเถิด วันนี้ไม่เพียงมีไท่จื่อและองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยียนอยู่ด้วย ยังมีทูตจากผู้ครองนครต้าเยียน จะขายหน้าไปถึงแคว้นอื่นไม่ได้เด็ดขาด!
ได้รับสัญญาณทางสายตาจากบิดา เฟิ่งเฉี่ยนตัดสินใจที่จะเพิกเฉยอย่างเด็ดขาด ยังไม่ทันได้แข่งขันก็จะให้นางยอมรับความพ่ายแพ้เสียแล้ว นี่มิใช่นิสัยของนาง
“ได้สิ! แข่งก็แข่ง!”
เห็นบุตรสาวถึงกับรับปาก เฟิ่งชังลอบร้อนใจ
เซวียนหยวนเช่อจับจ้องสายตามองเฟิ่งเฉี่ยน แววตานิ่งลึก มีเพียงเวลาที่เขามองนางเท่านั้นจึงจะเห็นความอ่อนโยนที่ซ่อนไว้ไม่มิดในนั้น รู้ว่านางตัดสินใจแล้วไม่มีทางเปลี่ยนใจเขาจึงไม่พูดอะไรและคอยมองอยู่เงียบๆ
ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่อยู่ด้านซ้ายของท้องพระโรงนั่งเอนกายเกียจคร้าน นิ้วเรียวงามลูบไล้จอกสุราหยกขาวไร้ตำหนิจอกหนึ่ง เขาจิบสุราคำเล็กๆ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นยกยิ้มเล็กน้อยปรากฏให้เห็นสีหน้าท่าทางรอดูละครฉากดีๆ
ซือคงจวินเย่และองค์หญิงหลานซินสบตากันอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองคู่ล้วนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่าจะชนะ
หานปิงจีมองทุกอย่างด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ สายตาของนางเย็นเยียบ ราวกับเื่ทั้งหมดนี้มิได้เกี่ยวข้องกับนางแม้สักกระผีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้