นอกเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงเป็ป่าที่เงียบสงบ
ที่นี่เงียบสงบและมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก มีเนินเขาเล็กๆ แม่น้ำสายเล็กๆ และมีสัตว์หายากโผล่ออกมาให้เห็นบ้างเป็ครั้งคราว
สถานที่แห่งนี้มีหลุมฝังศพเล็กๆ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว บนป้ายข้างหน้าหลุมฝังศพนี้เขียนว่า ‘สุสานข่งเยวี่ยเจินจากตระกูลข่ง’ และข้างๆ หลุมฝังศพมีดาบประจำกายที่เป็อาวุธรักของข่งเยวี่ยเจินปักอยู่
หลัวเลี่ยยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพ เขารู้สึกจุกในอก
เมื่อไม่กี่วันก่อน สาวน้อยผู้ไร้เดียงสาคนนี้ยังรบเร้าเขาให้สอนวิธีฝึกฝนเคล็ดวิชาให้นางอยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเรากลับไม่ได้อยู่ในภพภูมิเดียวกันเสียแล้ว
เมื่อหลัวเลี่ยได้ยินเสียงดอกไม้ ใบไม้ และกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่ขยับลู่ไปตามสายลม เขาก็รู้สึกคล้ายกับได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสและร่าเริงของข่งเยวี่ยเจิน
“เด็กน้อย เ้าเป็คนมีชีวิตชีวาที่ชอบสถานที่ครึกครื้น แต่ที่นี่กลับเงียบสงบนัก เ้าคงไม่ชอบที่นี่แน่” หลัวเลี่ยพูดเบาๆ “หลังจากที่ข้าสังหารไก้อู๋ซวงเพื่อแก้แค้นให้เ้าได้แล้ว เ้าก็ไปอยู่ในสถานที่ครึกครื้นเถิด”
หลัวเลี่ยลูบป้ายที่ตั้งอยู่หน้าหลุมฝังศพเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังลูบผมของข่งเยวี่ยเจินอยู่
เป็เวลานานก่อนที่เขาจะหันหลังและเดินออกจากป่า กลับไปที่เมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลง และตรงไปยังสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลง
สะพานเหนือเมฆ!
เหตุผลที่หลัวเลี่ยต้องเดินทางไปยังสะพานเหนือเมฆ เป็เพราะสะพานนี้เป็ทางเดียวที่จะสามารถมุ่งเข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อได้
และก่อนหน้านี้ไก้อู๋ซวงก็ได้เข้าไปที่เทือกเขาเหยียนรื่อแล้ว
แท้จริงแล้ว ตอนนี้แคว้นเหยียนหลงกำลังจัดการประลองยุวราชันร้อยแคว้น ซึ่งเป็แคว้นทางทิศเหนือของเทือกเขาเหยียนรื่อ แน่นอนว่าผู้ชนะสามลำดับแรกจากการประลองยุวราชันสิบแคว้นก็มีสิทธิ์เข้าร่วมในการประลองครั้งนี้ด้วย โดยที่ซูเล่ยและจั่วอีฝานซึ่งเป็หนึ่งในคุณชายทั้งเจ็ดแห่งหอการค้าฟ้านเทียนก็เดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประลองนี้เช่นกัน และกฎของการประลองนี้ก็ง่ายมาก คือผู้ใดข้ามสะพานเหนือเมฆไปถึงเทือกเขาเหยียนรื่อได้จะมีสิทธิ์ผ่านเข้าสู่ลำดับต่อไป อีกทั้งการหาผู้ชนะในการประลองนี้ก็ง่ายมากเช่นกัน นั่นคือทุกคนจะมีตราอยู่หนึ่งอัน สุดท้ายผู้ที่สามารถรวบรวมตราได้มากที่สุดจะเป็ผู้ชนะ
การประลองนี้เริ่มขึ้นได้สามวันแล้ว และมีผู้เข้าร่วมการประลองบางคนไปถึงที่เทือกเขาเหยียนรื่อแล้วเช่นกัน
คนที่ไปถึงเทือกเขาเหยียนรื่อแล้วนั้น รวมไก้อู๋ซวงที่มั่นใจในตัวเองเช่นกัน แน่นอนว่านางย่อมไม่มีทางพลาดการประลองที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ มิหนำซ้ำนางยัง้าชนะในการประลองนี้ และขึ้นเป็ยุวราชันที่ไม่มีใครเทียบได้อีกด้วย
และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเื่ร้ายแรง ทั้งร้อยแคว้นจึงได้ส่งปรมาจารย์ที่มีพลังอยู่ในระดับวังชะตามาสังเกตการณ์อยู่รอบๆ เทือกเขาเหยียนรื่อ
เงื่อนไขในการเข้าร่วมการประลองนี้ ประการแรกคือผู้ที่สนใจเข้าร่วมต้องมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี ประการที่สองคือผู้ที่เข้าร่วมจะต้องผ่านการทดสอบของสะพานเหนือเมฆก่อน และหากหลัวเลี่ย้าสังหารไก้อู๋ซวง เขาก็ต้องข้ามสะพานเหนือเมฆแล้วเข้าไปที่เทือกเขาเหยียนรื่อให้ได้
การประลองนี้เปิดเป็เวลาหนึ่งเดือน ในตอนแรกหากหลัวเลี่ยไม่รู้ว่าไก้อู๋ซวงเป็คนสังหารข่งเยวี่ยเจิน เขาก็คงไม่สนใจจะเข้าร่วมการประลองนี้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไก้อู๋ซวงเป็คนลงมือ เขาจะปล่อยให้เวลาในการชำระแค้นครั้งนี้ล่วงเลยไปนานกว่านี้ได้อย่างไร
ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าร่วมการประลองด้วย
แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจการประลองนี้ และไม่สนใจการล่าตราด้วย จุดประสงค์ของหลัวเลี่ยมีเพียงสิ่งเดียวก็คือการสังหารไก้อู๋ซวง!
สะพานเหนือเมฆนั้นเป็จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแคว้นเหยียนหลง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาจนถึงตอนนี้ด้วย
ตำนานกล่าวว่า อดีตกษัตริย์แห่งแคว้นเหยียนหลงได้ประสูติบนสะพานเหนือเมฆแห่งนี้ และในตอนที่พระองค์ประสูติได้เกิดเื่แปลกประหลาดขึ้น นั่นคือพระจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือสะพานเหนือเมฆในเวลากลางวัน และก่อนที่กษัตริย์แห่งแคว้นเหยียนหลงพระองค์นั้นจะมีพระชนมายุได้สิบพรรษา พระองค์ก็เริ่มเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน ต่อมาพระองค์ทรงฝึกวิชายุทธ์ได้ทะลุปรุโปร่งจนสามารถบรรลุเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านจันทราถึงระดับเพชร และมีพลังวรยุทธ์ถึงระดับกายทองคำได้ เมื่อพระองค์มีพลังถึงระดับกายทองคำทำให้ทรงมีอายุยืนยาวมากขึ้น พระองค์ทรงทุ่มเทพลังและเวลาทั้งหมดในการผลักดันแคว้นเหยียนหลง จนแคว้นเหยียนหลงที่อ่อนแอกลายเป็หนึ่งในแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุด
หลังจากนั้นกษัตริย์พระองค์นั้นก็ได้พบความลับมากมายจากการสำรวจสะพานเหนือเมฆ
วันเวลาล่วงเลยมาเป็ร้อยปี จนถึงตอนนี้สะพานเหนือเมฆก็ได้ถูกสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยปกติสะพานแห่งนี้จะเป็ที่ฝึกฝนวิชายุทธ์ของพวกหนุ่มสาวในแคว้นเหยียนหลง แต่หากมีการจัดการประลองที่สำคัญขึ้น สะพานแห่งนี้ก็จะถูกใช้เป็บททดสอบ
เมื่อหลัวเลี่ยมาถึงสะพานเหนือเมฆ เขาก็พบว่าที่นี่มีคนอยู่มากมาย
หลัวเลี่ยสังเกตเห็นว่าคนที่ผ่านสะพานเหนือเมฆและเข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อได้นั้นมีจำนวนไม่น้อย ซึ่งแต่ละคนเป็ผู้ที่มีฝีมือโดดเด่น ดังนั้นบททดสอบของสะพานเหนือเมฆจึงเปิดให้ทุกคนได้ข้ามไปทีละคน สิ่งนี้จะเป็การเพิ่มความยากในการข้ามผ่าน และเพิ่มความยากในการเป็ผู้ชนะของการประลองนี้ด้วย การจัดบททดสอบเช่นนี้เป็การเปิดโอกาสให้ผู้มีฝีมือที่ไม่ได้อยู่ในกองกำลังที่ทรงพลังสามารถเข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อได้เช่นกัน
เมื่อเป็เช่นนี้ จึงมีเยาวชนมากมายที่ปรารถนาจะเข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อ
และในจำนวนเยาวชนมากมายนั้นก็มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากห้ากองกำลังหลักในแปดร้อยแคว้นด้วย
ห้ากองกำลังนั้นประกอบด้วยหอการค้าฟ้านเทียน ตำหนักเซียหยาง เมืองเฉียนเฮ่อ หอเซียวเหยา และตระกูลซือคง
เนื่องจากการประลองครั้งก่อน ห้ากองกำลังนี้ไม่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเข้าร่วมด้วยการผ่านสะพานเหนือเมฆนี้ก่อนเช่นกัน
หลัวเลี่ยสังเกตเห็นซูเล่ยและจั่วอีฝาน
ทั้งสองคนยังคงวางท่าหยิ่งยโสและดูถูกคนอื่น พวกเขาผ่านบททดสอบแล้วและกำลังต่อแถวเพื่อรอเข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อในเย็นวันนี้
เมื่อหลัวเลี่ยได้รับหมายเลขลำดับและกำลังรอการทดสอบ หนึ่งในผู้รับผิดชอบในการออกหมายเลขได้มาหาซูเล่ย และพึมพำสองสามคำ จากนั้นเขาก็ชี้มายังหลัวเลี่ยที่ยืนอยู่ในระยะไกล
เมื่อซูเล่ยเห็นหลัวเลี่ย เขาก็ยกยิ้มเย็น และเดินตรงมายังบริเวณที่หลัวเลี่ยยืนอยู่
“อย่ามายุ่งกับข้า วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี” หลัวเลี่ยเอ่ยเตือนอย่างเ็าก่อนที่ซูเล่ยจะเข้ามาใกล้
เนื่องจากการหลัวเลี่ยคิดถึงการตายของข่งเยวี่ยเจิน ดังนั้นคำพูดที่ออกมาของเขาจึงเ็ามาก
สีหน้าของซูเล่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดว่า “ไอ้เวร เ้าคิดว่าเ้ากำลังพูดกับใคร ครั้งก่อนมีข่งเยวี่ยเจินคอยปกป้องเ้า แต่ตอนนี้นางตายไปแล้ว เ้ายังกล้าพูดแบบนี้อยู่อีกหรือ ตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยเ้าแล้ว ข้าจะฆ่าเ้าทิ้งตอนนี้ก็ยังได้”
“เ้าอยากตายหรือ!”
ดวงตาของหลัวเลี่ยมีประกายเ็าแผ่ออกมา เขาเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังจะกลืนกินผู้คน
เดิมทีหลัวเลี่ยไม่ชอบซูเล่ยอยู่แล้ว แต่ซูเล่ยกลับเข้ามายั่วโมโหเขาในเวลานี้มิเท่ากับว่าซูเล่ยผู้นี้อยากตายหรอกหรือ
ซูเล่ยโกรธจัด “ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าจะฆ่าเ้าเดี๋ยวนี้”
“นายน้อยซู ไม่ได้ๆ” คนจากหอการค้าฟ้านเทียนที่อยู่ข้างๆ ซูเล่ยรีบเข้ามาห้ามเขา “สถานที่นี้คือสะพานเหนือเมฆ ที่มีกฎว่าห้ามต่อสู้โดยเด็ดขาด และตอนนี้แคว้นเหยียนหลงก็ไม่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว”
ซูเล่ยสงบลง
เขารู้ดีว่าสถานะของแคว้นเหยียนหลงเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะการถือกำเนิดของไก้อู๋ซวง เื่นี้แม้แต่เ้าสำนักของหอการค้าฟ้านเทียนก็ยังมาแสดงความยินดีกับกษัตริย์แห่งแคว้นเหยียนหลงด้วยตนเอง ซึ่งหากเป็ปกติท่านเ้าสำนักต้องได้รับการรับรองอย่างดีจากกษัตริย์แห่งแคว้นเหยียนหลงแล้ว
“ฮึ!”
ซูเล่ยโบกมือ “ถือว่าเด็กอย่างเ้ายังโชคดี”
คนจากหอการค้าฟ้านเทียนคนนั้นกระซิบกับซูเล่ย “นายน้อยซู ไม่ง่ายเลยที่ท่านจะระงับความโกรธนี้ไว้ได้ เห็นได้ชัดว่าเ้าหลัวเลี่ยนั่น้าข้ามสะพานเหนือเมฆเข้าไปที่เทือกเขาเหยียนรื่อ ในเมื่อเขาจะเข้าร่วมการทดสอบ พอถึงตอนที่เขาได้ทดสอบเราก็แค่เพิ่มระดับความยากขึ้นหน่อย แม้เขาจะไม่ตาย แต่คงทำให้เขาไม่สามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้ เช่นนั้นเขาก็คงได้รับความอับอายแล้ว”
“เป็ความคิดที่ดี” ซูเล่ยพูด “พวกเ้าเลื่อนลำดับของหลัวเลี่ยขึ้นไป ให้เขาได้ทดสอบก่อนซะ”
ด้วยสถานะของหอการค้าฟ้านเทียน ผู้คุมบททดสอบจึงปฏิบัติกับพวกเขาเป็พิเศษ
เดิมทีกองกำลังที่ทรงพลังทั้งห้าไม่มีสิทธิ์เข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อ เพราะการเข้าสู่เทือกเขานี้ถูกสงวนไว้ให้กับคนในร้อยแคว้นทางเหนือเท่านั้น แต่เป็เพราะกองกำลังทั้งห้ามีอำนาจมากเกินไป และ้าฝึกฝนศิษย์ของตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงส่งศิษย์ในสำนักมาเข้าร่วมบททดสอบของสะพานเหนือเมฆนี้ด้วย
เพราะความมีอำนาจจึงไม่มีใครปฏิเสธคำขอของซูเล่ย
หลังจากได้รับคำขอของซูเล่ยแล้ว หลัวเลี่ยที่ก่อนหน้านี้เข้าแถวอยู่ในลำดับที่เจ็ดร้อยกว่าจึงถูกเลื่อนขึ้นมาอยู่ลำดับแรก หากผู้เข้าร่วมประลองคนก่อนหน้านี้สิ้นสุดบททดสอบ ก็จะเป็ตาเขาแล้ว
ผู้ที่รับผิดชอบการทดสอบกล่าวกับหลัวเลี่ยว่า “หากเ้าอดทนได้ครบครึ่งชั่วยามจะถือว่าเ้าผ่านการทดสอบ”
“ข้าเข้าใจแล้ว เริ่มบททดสอบเลย” หลัวเลี่ยกล่าว
ผู้รับผิดชอบชี้ไปด้านหน้า “เ้าแค่เดินขึ้นไป”
หลัวเลี่ยจ้องมองตรงไปอย่างเ็าพร้อมกับเดินขึ้นไปบนสะพานเหนือเมฆ ในขณะที่ซูเล่ยและคนอื่นๆ เตรียมตัวดูเื่ตลก
ถึงแม้หลัวเลี่ยจะรู้ว่าเขาโดนเล่นแง่ แต่เขาก็ยังยอมให้เื่ดำเนินต่อไป เพราะนี่คือโอกาสในการเข้าสู่เทือกเขาเหยียนรื่อเพื่อไปสังหารไก้อู๋ซวง ล้างแค้นให้กับข่งเยวี่ยเจิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้