ข้า? ขาดคุณธรรม?
หวังเค่อมองอาจารย์
“ที่เ้าขาดไปก็คือกุศลธรรม!”
เฉินเทียนหยวนเฉลย
“กุศล? ที่ข้าได้ยินพวกมันเอ่ยถึงกุศลพิฆาตมาร?
ใช่กุศลนี้หรือไม่?” หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยน
“ถูกต้อง กุศล กุศลต่อฟ้าดิน
กุศลต่อมวลมนุษย์ ตนเองย่อมได้รับกุศลฟ้า! ส่วนมารร้ายก่อกรรมต่อมวลมนุษย์
บาปหนาไม่อาจอภัย พิฆาตมารย่อมนำมาซึ่งการตอบรับจากวิถีฟ้า เปลี่ยนบาปกรรมจากการปะามารเป็กุศลประทานต่อผู้ปะา!”
เฉินเทียนหยวนอธิบาย
“มิน่าเล่าพวกมันถึงได้แย่งกันสังหารมาร”
หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
“มารยิ่งร้าย กรรมยิ่งหนัก
กุศลที่ได้จากการปะามารยิ่งมาก เมื่อกุศลมาก
เคราะห์หามยามร้ายของตนเองจะยิ่งบรรเทาเบาบาง เพิ่มพูนปัญญา
ช่วยเ้าทะลวงด่านพลังฝีมือ สรรพคุณสุดคณานับ!”
“กุศล? ปะามารได้กุศล?
กุศลจะช่วยขจัดเคราะห์ของข้า?” หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยน
เฉินเทียนหยวนผงกศีรษะ
“ท่านประมุข
ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่เขาใช้ค่ายกลอสนีบาตปะามารกำจัดมารไปกว่าครึ่ง แล้วเขาไม่ได้รับกุศลหรือ?”
องค์หญิงโยวเยว่เอ่ยถาม
“ย่อมได้
เพียงแต่กระจกสะกดแสงของข้ามีความสามารถในการเก็บแสงกุศล ตอนหวังเค่อปะามาร
ทั้งหมดล้วนพึ่งพากระจกสะกดแสงสะกดพวกมันไว้ เพราะฉะนั้นแสงจึงถูกกระจกดึงดูดมา!
แต่ว่าฟ้ามีเมตตา สิ่งใดที่เป็ของเ้าก็คือของเ้า ไม่ว่าใครก็เอาไปไม่ได้!”
เฉินเทียนหยวนดึงกระจกออกมา
บนกระจกสะท้อนเงาของหวังเค่อ
ที่เหนือศีรษะปรากฏประกายแสงสีทองอร่าม
“ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าเรียกสายฟ้ามาผ่าพวกมันตาย
มีแสงสีทองออกมาจากร่างกาย จากนั้นก็ถูกดูดเข้ากระจกไป หรือว่านี่ก็คือแสงกุศล?”
หวังเค่อสะท้านใจ
เฉินเทียนหยวนพลิกฝ่ามือ
แสงสีทองลอยออกมาจากกระจกเข้ามาที่ฝ่ามือของเฉินเทียนหยวน
“เื่เคราะห์ของเ้า
ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่หากเ้ารับเอากุศลเข้าสู่ร่าง
เคราะห์ร้ายสมควรถูกปัดเป่าหมดสิ้น! กุศลนี้เดิมทีคือของของเ้า
มีเพียงเ้าที่สามารถใช้มันได้!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงขรึม
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์!”
หวังเค่อรับมาด้วยความตื่นเต้น
กุศลนี้ดูคล้ายถูกห่อหุ้มอยู่ในฟองอากาศใส
หวังเค่อสามารถรับรู้ได้ถึงความสนิทชิดใกล้ของแสงกุศลนี้ต่อตัวมันเอง
ทันทีที่ฟองอากาศถูกแทง กุศลจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างของมันทันที
“คนพวกนี้…?” เฉินเทียนหยวนมองดูกลุ่มศิษย์ตระกูลหวังที่หวังเค่อพามา
“พวกมันคือข้ารับใช้ของศิษย์
อาจารย์ ข้าขอเวลาอธิบายบอกกล่าวต่อพวกมันหน่อยค่อยส่งพวกมันออกจากูเา!”
หวังเค่อรีบพูด
“พวกมัน? เ้าเก็บเอาไว้รับใช้ก่อนก็ได้ ตอนนี้เ้าก็ได้รับกุศลไปแล้ว สามารถรีบใช้มันเพื่อขจัดเคราะห์แต่เนิ่นๆ
อาจารย์ยังมีงานต้องสะสางจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นวันนี้
เ้าสามารถพำนักที่ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ไปก่อนชั่วคราว
สมัยก่อนอาจารย์เคยอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้เกรงว่าถูกทอดทิ้งมานานมากแล้ว
ปัดกวาดเสียหน่อยก็พอใช้อยู่ไปได้ชั่วคราว! หลังจากจัดการเื่ราวสักสองสามวัน
ข้าจะไปทดสอบและเริ่มสอนวิชา จะพาเ้าไปเลือกวิชาบำเพ็ญ!” เฉินเทียนหยวนออกคำสั่ง
“ขอรับ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์!” หวังเค่อพลันตื้นตันขึ้นมาทันที
“ส่วนท่านาุโเค่อชิงทั้งสอง?”
เฉินเทียนหยวนเบนสายตามาทางจางเจิ้งเต้าและองค์หญิงโยวเยว่
“ข้า? ข้าอยู่กับหวังเค่อก็แล้วกัน!
ข้าเองก็จะไปยอดเขาหยั่งรู้กระบี่!” จางเจิ้งเต้าเร่งกล่าวทันควัน
ตนเองยังมีของรักอยู่กับตัวหวังเค่อ
จะแยกจากมันอย่างไรได้? ว่าไปพรรคเทพหมาป่า์ก็ไม่ใช่ถิ่นของมัน
เกาะติดหวังเค่อไว้ยังถือว่ามีพวก
“งั้นข้าก็ไปยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ด้วยแล้วกัน?”
องค์หญิงโยวเยว่มองไปทางเฉินเทียนหยวน
เฉินเทียนหยวนมองดูทั้งหมด
สุดท้ายค่อยผงกศีรษะ “หวังเค่อ ช่วยข้าดูแลองค์หญิงด้วย!”
“ขอรับท่านอาจารย์!”
หวังเค่อผงกศีรษะรับ
เฉินเทียนหยวนเรียกศิษย์พรรคมาคนหนึ่งเพื่อให้นำทางหวังเค่อ
ก่อนจะออกจากูเาไปสะสางเื่ราว
วันนั้น
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ล้วนจ้องมองพวกหวังเค่อตลอดทาง
สายตาของพวกมันเต็มไปด้วยความอิจฉาตาร้อนและอาฆาตมาดร้าย ไม่ว่าใครก็รู้
ศิษย์ของพรรคเทพหมาป่ามีอยู่นับพัน มีแต่หวังเค่อที่ทะยานทีเดียวขึ้นสรวง์
ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่คือสถานที่พำนักของท่านประมุขในอดีต
ตอนนี้เมื่อท่านย้ายเขาิญญาไป ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขึ้นไปอาศัยบนเขาหยั่งรู้กระบี่
ทว่าตอนนี้ดันถูกหวังเค่อชุบมือเปิบซะได้
หวังเค่อมาถึงพรรคก็กราบท่านประมุขเป็อาจารย์
ได้กุศลมหาศาล ศิษย์พรรคเทพหมาป่าคนอื่นไม่อิจฉาก็คงไม่ได้
ไม่นาน หลังผ่านยอดเขาหลายลูก
ทั้งหมดก็มาถึงเชิงเขาหยั่งรู้กระบี่
ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ตั้งอยู่ใกล้กับเขาิญญา
ไอิญญาของที่นี่เข้มข้นยิ่ง
ทว่าตัวตึกที่พำนักบางส่วนล้วนเสียหายจากการขาดการดูแล
แต่หวังเค่อพกพาลิ่วล้อติดตัวมาด้วยหลายคน
เื่เช่นนี้ไม่ต้องรอมันออกปาก พวกมันก็รีบเร่งปัดกวาดเช็ดล้างอย่างเร็วรี่
หวังเค่อถูกจางเจิ้งเต้าคะยั้นคะยอ
ดังนั้นเข้าสู่ใจกลางตำหนักหยั่งรู้กระบี่ องค์หญิงโยวเยว่เองก็ตามหลังไป
“เคร้ง!”
เสียงประตูใหญ่ถูกปิดลง
“ของรักของหวงข้าอยู่ที่ไหน?
เร็ว เอาออกมาเร็วเข้า เอาคืนมาๆ!” จางเจิ้งเต้าทวงของยิกๆ
หวังเค่อหมุนตัวไปก่อนจะนำพัดจีบสีดำของจางเจิ้งเต้าออกมา
“เอ้า กล่องดวงใจของเ้า
ถือว่าเ้าเชื่อถือได้!” หวังเค่อถอนใจ
จางเจิ้งเต้ารับมาก็ตรวจดูอย่างละเอียดถี่ด้วน
เมื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรเสียหายก็ต้องถอนใจโล่งอกก่อนจะมองหวังเค่อตาเป็ประกาย
“อย่างอื่นเล่า?”
“ยังจะมีอะไรอีก? ก็ให้ไปหมดแล้วไง?” หวังเค่อถลึงตา
“กำไลมิติของจางเสินซวีไงเล่า
พวกเราตกลงกันดิบดีว่ากำไลเปล่าของเ้า ของข้างในเป็ของข้า!” จางเจิ้งเต้าทวงถาม
“เ้าเป็ถึงาุโเค่อชิงของพรรคเทพหมาป่า
ยังจะมาห่วงอะไรกับของพรรค์นี้เล่า? อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย!”
หวังเค่อโน้มน้าว
“ผายลม!
เราผู้เฒ่าแลกชีวิตไปลั่นระฆัง แถมยังเสี่ยงตายขุดอุโมงค์สุสานบรรพชนพรรคเทพหมาป่า
นี่คือค่าตอบแทนของข้า! เอามาเร็วๆ ผนึกที่กำไลนั่นยังไงเ้าก็คลายไม่ได้
ไม่ต้องมาคิดอมของ!” จางเจิ้งเต้าโดดเหยงๆ
องค์หญิงโยวเยว่มองดูคนทั้งสองด้วยสายตาประหลาด
หวังเค่อส่งมอบของออกมาอย่างอิดออด
“เ้าดู ใช่อันนี้หรือไม่?”
“ใช่ๆ อันนี้ล่ะ เร็วๆ
เอามานี่!” จางเจิ้งเต้าฉวยไปด้วยความตื่นเต้น
หลังจากตรวจอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็ยืนยันได้ว่าผนึกบนกำไลยังอยู่ดี
ดังนั้น
จางเจิ้งเต้าส่งพลังปฐมธาตุของมันกระแทกเข้าใส่กำไลทันที
ครืนนน!
กำไลส่งเสียงกระหึ่ม
แต่พลังของจางเจิ้งเต้าสะกดมันเอาไว้
“นั่นคือรหัสป้องกัน
หากมิใช่จางเสินซวีเปิดด้วยตนเองล้วนไม่อาจเปิดได้
หรือจะให้องค์หญิงโยวเยว่ช่วยอีกแรง?” หวังเค่อถาม
“ไม่ต้อง
จางเสินซวีเป็ดวงธาตุทองคำ ข้าตอนนี้ก็ระดับดวงธาตุทองคำเหมือนกัน รหัสของมัน
ฮึ่ม ขอเพียงมีเวลาสักหน่อยต้องเปิดได้แน่นอน!”
จางเจิ้งเต้าซุกกำไลหันหลังให้ทั้งสองทันที
“พวกเราไม่แย่งเ้าหรอกน่า!”
องค์หญิงโยวเยว่เอ่ยท่าทางพิกล
“องค์หญิง ท่านไม่แย่งของข้า
แต่ไอ้ไก่ขนเหล็กหวังเค่อน่ะไม่แน่ ขอเพียงมันเห็นของข้างในจะต้องอดใจไม่ไหวแน่นอน!
นี่มันรางวัลของข้า ข้าเสี่ยงตายกว่าจะได้มา!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
“อย่าไปสนใจหมอนี่เลย
องค์หญิง ตอนนี้ท่านก็เป็ดวงธาตุทองคำแล้ว ถ้าไม่เป็การรบกวนเกินไป
ช่วยข้าปลดผนึกของพวกนี้ได้หรือไม่?” หวังเค่อเอ่ย
“ได้!” องค์หญิงโยวเยว่รับปาก
จางเจิ้งเต้าสายตาโง่งม ช่วยปลดผนึก? หรือว่าเ้ายังมีกำไลมิติอยู่อีก?
ขณะที่กำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก
หวังเค่อก็ล้วงเอากำไลมิติออกมาจากในแขนเสื้อห้าวง!
ห้า? กำไลห้าวง?
จางเจิ้งเต้าอ้าปากค้าง
เ้าหวังเค่อมันไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?
ก่อนจะทันได้เอ่ยถาม
หวังเค่อก็ดึงกำไลจากแขนเสื้อ ขากางเกง รองเท้า ทั้งหมดอีกหกวง!
“สิบเอ็ด? เป็ไปไม่ได้ ข้าตาฝาดแน่ๆ เ้าไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จางเจิ้งเต้าขยี้ตาไม่อยากเชื่อ
“กำไลมิติมีเท่านี้
รบกวนองค์หญิงแล้ว ข้าขอจัดการกระเป่ามิติก่อน!” หวังเค่อเอ่ย
จากนั้น
หวังเค่อก็ล้วงเอากระเป๋ามิติออกมาอีกสามสิบสองใบ เพียงพริบตาคนก็ตัวซูบผอมลงไปถนัดตา
“เอื้อก!”
จางเจิ้งเต้ากลืนน้ำลายคำใหญ่
“หวังเค่อ เ้า
เ้าไปเอามาจากไหนมากมาย? ไปยกเค้าสำนักเซียนที่ไหนมา?
ั้แ่เมื่อไหร่?” จางเจิ้งเต้าเบิ่งตาถาม
“อย่าพูดเพ้อเจ้อ
เ้าเอาของของจางเสินซวีออกได้รึยัง เอากำไลมาคืนข้าได้แล้ว!” หวังเค่อถลึงตา
เห็นท่าทางไม่ญาติดีของหวังเค่อจางเจิ้งเต้าก็หน้าเบี้ยว
“เฮอะ ขี้งก ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ ข้าขอสาปให้ของในกำไลเ้ามีแต่ขยะใช้การไม่ได้
ศิลาิญญาสักก้อนยังไม่มี!”
กระเป๋ามิติของพวกมารไหนเลยจะไร้ของมีค่า? หวังเค่อเปิดกระเป๋าใบแล้วใบเล่า
ประกายแสงแห่งเงินทองเปล่งปลั่งเรืองรองออกมาทันทีจนห้องโถงสว่างเจิดจ้า
จางเจิ้งเต้าจ้องมองจนตาแดงก่ำอยู่ไกลๆ
“หวังเค่อ กำไลนี้เปิดออกแล้ว
มีศิลาิญญาอยู่แสนชั่ง กระปุกโอสถสามสิบกระปุก แถมยังมีอาวุธวิเศษอีกเพียบ! โห
กระบี่บินก็มีด้วย?” องค์หญิงโยวเยว่ส่งของในกำไลวงหนึ่งออกมาให้
จางเจิ้งเต้าทางด้านข้างแทบเต้น
แทบสะกดใจให้วิ่งไปแย่งมาไว้ไม่อยู่ หวังเค่อตอนนี้เป็ถึงศิษย์เ้าสำนัก
มันไหนเลยจะกล้าก่อกวน
“โอ้
นี่มันกระบี่บินของซุนซงนี่นา? ข้าใช้มันไม่ได้หรอก องค์หญิง
กำไลที่เหลือก็ขอรบกวนท่านด้วยนะ” หวังเค่อตอบ
“เื่เล็กน้อย!”
องค์หญิงโยวเยว่ช่วยหวังเค่อปลดผนึกต่อ
จางเจิ้งเต้าอิจฉาจนคันฟันยิบๆ
ตอนนี้มันมีหวังอยู่แค่กำไลของจางเสินซวีที่น่าจะบรรจุสมบัติไว้มากหน่อย
ผนึกของจางเสินซวียิ่งแน่น จางเจิ้งเต้ายิ่งเปิดยากกว่าเดิม
ด้านนอกพรรคเทพหมาป่า์
จางหลี่เอ๋อร์มองดูน้องชายที่นอนหน้าบึ้งสภาพถูกพันเป็มัมมี่ทั้งตัว
เมื่อฟังน้องชายเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้น นางยิ่งรู้สึกไม่ยินยอม
“เ้าวางใจเถอะ หวังเค่อ
จางเจิ้งเต้า? เฮอะ ข้าจะแก้แค้นพวกมันให้แก่เ้า!”
จางหลี่เอ๋อร์แค่นเสียงเย็น
“ไม่ ท่านพี่
ข้าจะทวงคืนพวกมัน! ข้าต้องแก้แค้นด้วยตนเอง!” จางเสินซวีอาฆาต
รังสีฆ่าฟันสะท้อนในแววตา
“แต่ว่า…?”
“ไม่มีแต่ ความอัปยศนี้
ข้าจะล้างมันด้วยตนเอง!” จางเสินซวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
“ก็ได้! แต่ว่า
เ้าโดนอสนีบาตครั้งนี้ ถูกพวกมันเอาของอะไรไปบ้าง? ให้ข้าไปทวงคืนมั้ย?”
จางหลี่เอ๋อร์เอ่ยอย่างกังวล
“ไม่ต้องหรอก!”
จางเวินซวีเอ่ยเสียงเข้ม
“พัดขาวของข้า
เพื่อพิทักษ์ผู้เป็นาย มันเข้าสู่ร่างคุ้มครองดวงใจข้า
ตอนนี้ยังอยู่ข้างในไม่ได้หายไปไหน ส่วนพวกเงินทองของมีค่าของข้า
ส่วนใหญ่ข้าเก็บไว้ในพัดขาว! ในกำไลไม่มีอะไรทั้งนั้น! มีแต่ของสัพเพเหระ!
หายก็หายไป! ถือว่าทิ้งไปก็แล้วกัน เฮอะ ข้าจะกลับมาสะสางเื่นี้แน่!”
จางเสินซวีเค้นเสียงเย็นเยียบ
“กำไลที่โดนแย่งไปนั่นมีแต่ขยะงั้นรึ?
ดี! งั้นก็ช่างมัน เฮอะ!” จางหลี่เอ๋อร์แค่นเสียง
