“ไม่ได้ ท่านแม่ให้ข้าฝึกฝนเ้า เ้าก็ต้องออกรับแขกด้วยตนเอง”
“แต่มันน่ากลัวนี่น่า ไหนจะเสียงร้องสยอดสยองนั้นอีก ข้า...ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้”
“เสียงร้องสยอดสยองอันใด นั้นเรียกเสียงครวญกระเส่าต่างหาก!” หลิวชิงเซียงถลึงตาใส่อีกครั้ง ์! นางทำผิดอันใดถึงต้องมาสั่งสอนเข่อซิง พลังชีวิตที่สะสมมาต้องสิ้นเปลืองไปเพราะเ้าตัวโง่งมตนนี้แล้ว นางสูดลมหายใจอีกเฮือกใหญ่แล้วกัดฟันคลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา
“เอาเป็ว่า เ้าทำตามที่ข้าสอน ต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าที่เคยทำมา ไม่เช่นนั้นจะเสียชื่อเสียงข้าหมด เ้าเข้าใจหรือไม่”
“อื้ม! ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะพยายามสุดความสามารถ จะต้องเก่งกาจให้เหมือนผู้ดูแลหลิวให้ได้!”
“ได้แค่ปลายเล็บของข้าก่อนค่อยคุยโม้โอ้อวดตน” หลิวชิงเซียงส่ายหน้าระอาใจ “เ้าเป็เพียงปีศาจชั้นต่ำ พลังก็น้อยนิด หากไม่เสพพลังชีวิตจากมนุษย์ก็จะกลายร่างเป็จิ้งจอกแดง อยู่ที่นี่แม้พวกเราเป็ปีศาจแต่ด้านนอกก็มีนักล่าปีศาจและนักพรตปราบมารอยู่มากมายที่จ้องสังหารพวกเรา เ้าต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้ผู้อื่นได้กลิ่นไอปีศาจจากตัวเ้า”
หลิวชิงเซียงกล่าวเป็การเป็งานไม่ได้ตวาดอีก ทำให้หลิวเข่อซิงฟังด้วยความตั้งใจ
“หอนางโลมเป็แหล่งรวมมนุษย์อันหลากหลาย ความโสมมของมนุษย์จะกลบกลิ่นไอปีศาจของพวกเราได้ อยู่ที่นี่เชื่อฟังข้า ต่อให้ไม่ชอบก็ต้องทำ”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“ดี” ชิงเซียงพยักหน้าอย่างพอใจ “ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เ้าเป็มาอย่างไร แต่ตอนนี้เ้าคือปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิว อย่างไรก็อย่าได้ทำสิ่งใดให้อับอายถึงท่านแม่ที่ชุบเลี้ยงเ้ามา เอาล่ะ เ้าเพิ่งมาถึงก็ไปพักผ่อนก่อน สถานะตอนนี้ของเ้าเป็เพียงบ่าวรับใช้ ก็อยู่ที่เรือนคนรับใช้ไปก่อน หากวันหน้าเ้าเรียนรู้ได้เร็วออกรับแขกได้ ข้าจะจัดหาห้องหับให้เ้าอยู่เป็ส่วนตัว”
“ขอบคุณผู้ดูแลหลิว”
คราวนี้น้ำเสียงนางไม่ได้ติดตลกให้ชวนหัวเราะอีก หลิวชิงเซียงปรายตามองเล็กน้อย แล้วโบกมือไล่ให้หลิวเข่อซิงออกไปพร้อมบ่าวรับใช้อีกคนที่นางสั่งให้คอยดูแลและสอนงานเข่อซิง
หลิวเข่อซิงกอดห่อผ้าของตนเองแน่น นางเองก็ไม่รู้ว่าจากที่เคยเป็จิ้งจอกแดงหากินในป่า เหตุใดวันหนึ่งนางกลายร่างเป็มนุษย์ขึ้นมาได้ มีเพียงมือของ ‘ท่านแม่’ ที่ลูบหัวปลอบขวัญนาง แม้การเสพพลังชีวิตมนุษย์จะเป็เื่ยากสำหรับนาง แต่นางไม่้าเป็ภาระผู้ใด นางจะพยายามเรียนรู้ที่จะเป็ปีศาจให้ได้
ชายหนุ่มรูปร่างแบบบางนั่งอยู่หน้าเตาขนาดเล็กที่กำลังต้มยาอยู่ มือข้างหนึ่งเคี่ยวยาในหม้ออย่างเชื่องช้า แม่ทัพหนุ่มเดินผ่านมาเห็นท่าทางเหม่อลอยของที่ปรึกษาแล้วขมวดคิ้ว จากเดิมที่คิดจะไปลานประลองจึงเลี้ยวไปหาสหาย
“เหตุใดต้องมาต้มยาด้วยตนเองเช่นนี้ บ่าวไพร่ไปที่ใดกันหมด”
“ข้าไล่พวกเขาไปเอง” หานหรงเหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบา “ยาก็ยาของข้า ไยต้องคอยรบกวนผู้อื่นอยู่ร่ำไป”
“แต่ฐานะเ้า...”
“เื่ฐานะนั้นช่างเถิด การต้มยาก็เปรียบเหมือนการทำสมาธิ ข้ากำลังใช้ความคิดตรึกตรองบางเื่อยู่”
“เื่ใดกัน” ซุนเ้าเฟิงเลิกคิ้วเป็เชิงถาม พลันมุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ “คงมิได้คิดถึงหญิงงามผู้นั้นกระมัง”
มือที่เคี่ยวยาพลันชะงักไป ดวงตาลุ่มลึกมีแววไหวกระเพื่อม หานหรงเหยาแสร้งกระแอมไอ แสร้งเคี่ยวยาในหม้อต้มคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดีจริง ในที่สุดก็มีหญิงงามสั่นไหวหัวใจที่ปรึกษาหานจนได้” ซุนเ้าเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เ้าชอบนางถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่หาทางรั้งนางไว้หรือตามหานางเล่า”
“เ้าเข้าใจผิดแล้ว”
หายหรงเหยาไม่อาจพูดความจริงทั้งหมดได้ เขาคิดถึง ‘นาง’ นั้นเป็ความจริง แต่เป็การคิดถึงเพราะความห่วงใย นางเป็ปีศาจที่แสนไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าปานนี้จะได้พบศิษย์พี่ที่ตามหาหรือไม่ นางได้ฆ่ามนุษย์เพื่อกินพลังชีวิตไปหรือยัง แต่หลายวันมานี้ เขาไม่ได้ข่าวการตายแปลกประหลาด กระทั่งข่าวคนฆ่าตัวตายก็ไม่มี ไม่รู้ว่าเ้าปีศาจจิ้งจอกแดงตัวน้อยจะเป็อย่างไร
“เ้าบังเอิญช่วยชีวิตนางไว้ อย่างไรก็นางก็ควรตอบแทนเ้า” เขาตบไหล่สหายรัก วันนั้นหานหรงเหยาอธิบายเพียงว่า นางมาตามหาญาติและบังเอิญเป็ลมหมดสติไป เนื่องจากไม่รู้ว่าบ้านช่องอยู่ที่ใด เขาจึงพากลับมาที่จวน แม้ตอนเข้ามาไม่มีคนเห็น แต่ตอนที่นางวิ่งออกไปชนข้าวของตกเสียหาย คนทั้งจวนจึงรู้ว่านางเป็สตรีที่หานหรงเหยาพามา
“เ้าก็ช่วยชีวิตข้าหลายครา ข้าต้องตอบแทนอย่างไร”
“เ้ากับข้าเอามาเปรียบเทียบกันเช่นนั้นไม่ได้หรอก” แม่ทัพหนุ่มทำหน้าระอาใจ เห็นแก่ที่มีหญิงสาวทำให้สหายรักสนใจได้ เขายอมทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ อย่างน้อยจะได้ช่วยตัดใจเื่หลัวซู่เหมยได้เร็วขึ้น
“ข้าแค่เป็ห่วงนาง ไม่รู้ว่าจะเป็อย่างไรบ้าง” หานหรงเหยาเอ่ยเสียงเรียบแล้วรินยาที่เคี่ยวได้ที่ใส่ชาม แล้วยกขึ้นเป่าไล่ไอร้อน
“เป็ห่วงก็ยิ่งต้องติดตามข่าวคราวให้หายกังวลใจ เอาอย่างนี้ ข้าให้องครักษ์เงาออกสืบข่าวนางให้เอง หญิงสาวหน้าตางดงามหาตัวได้ไม่ยากนัก”
“เ้าพบนางเพียงครู่เดียว จดจำนางได้แม่นยำถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
“หญิงงาม มองเพียงแวบเดียวก็จำได้”
“เ้าว่า...นางงดงามมากหรือ?” คราวนี้หานหรงเหยาเลิกคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่ได้สังเกตนางขนาดนั้น แต่แววตาใสซื่อและท่าทางไร้เดียงสา
“ดวงหน้าหมดจด ดวงตาใสกระจ่าง จมูกเชิดรั้น ริมฝีปากดังผลอิงเถา สิ่งที่ข้าบรรยายมาอยู่บนใบหน้าสตรีนางนั้น จะไม่ให้เรียกหญิงงามแล้วควรเรียกอย่างไรดี”
“ข้าไม่ทันสังเกต เพียงเห็นนางลำบากจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ” แต่ถ้าให้กล่าวตามจริง นางเข้าใจผิดคิดว่าเขาลำบากถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย เพียงคิดถึงเื่นี้มุมปากของบุรุษน้ำแข็งพลันยกขึ้นเป็รอยยิ้ม เขายกชามยาขึ้นดื่มกลบเกลือนรอยยิ้มของตน
“ถ้าเ้าเป็ห่วงนาง ยิ่งต้องสืบข่าวตามหา ข้าจะสั่ง...”
“ไม่ต้อง” หานหรงเหยารีบห้ามปราม “เื่เล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องใช้องครักษ์เงา”
“เ้ารู้หรือว่านางอยู่ที่ใด”
“อืม” เขาดื่มยาจนหมด วางชามยาลงแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับมุมปาก “นางอยู่ที่หอชมบุหลัน”
“อ้อ...หอชมบุหลัน อะ อะไรนะ เ้าพูดว่าหอชมบุหลันรึ?”
“เ้าได้ยินชัดแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้