เวลาเดียวกันทางด้านเมืองเซฟีร่า ณ ห้องประชุมแห่งหนึ่งประกอบด้วยชายสี่คนกับหญิงสาวหนึ่งคนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อ่านเอกสารบางอย่างด้วยสีหน้าตึงเครียด สับสน และโกรธเกรี้ยว
สาวงามในนั้นถอนหายใจพลางโบกกระดาษพัดหน้าตัวเองที่เต็มไปด้วยเหงื่อเนื่องจากห้องนี้เปิดหน้าต่างไม่มีแอร์
“เบื้องบนสั่งให้เราเข้าผืนผ้าใบจิตรกรระดับความน่าสะพรึงแทนวิตกกังวล”
สาวงามแสดงท่าทางสิ้นหวังเนื่องจากเธอมีพลังพิเศษระดับห้า ขอบเขตระดับสาม
แน่นอนว่าคนในนี้มีสีหน้าไม่ต่างกัน หัวหน้าทีม ชายวัยกลางคนในเครื่องแบบสีดำราวกับทหารเม้มปากแน่นขมวดคิ้วเป็เกลียว
“พวกเขาน่าจะมีเหตุผล…ความน่าสะพรึงจะไม่ใช่ระดับง่าย ๆ แม้แต่ระดับสี่ถึงเจ็ดยังตายเป็หมูเป็หมา ฉันที่พึ่งเข้าสู่ระดับห้ายังทำอะไรไม่ได้เลย ฉันว่าเราควรยุบทีมไปอยู่กลุ่มอื่น ไม่งั้นคงตายกันหมด”
“แต่หัวหน้า…”
ชายคนหนึ่งชูมือขึ้น
“พวกเราติดหนี้มามากแล้วนะครับ และจะต้องจ่ายภายในสามวันนี้ ถ้าช้ากว่านี้จะโดนฟ้องร้อง และยื่นล้มละลายนะครับ เราควรจะปล่อยไว้แบบนี้จริงเหรอครับ?"
"ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้นกับบริษัท และบริษัทก็คงไม่ใจร้ายกับเราขนาดนั้นเพียงแต่เราสู้กับทีมอื่นในผืนผ้าใบไม่ได้เท่านั้นเอง บางทีครั้งนี้อาจจะต่างกัน”
หัวหน้าถอนหายใจ
“ต่างกันเหรอ? ลืมรึเปล่าว่าการจะเข้าผืนผ้าใบระดับความน่าสะพรึงต้องจับมือสองร้อยคนเป็อย่างต่ำ นั่นหมายความว่ามีกี่สิบทีมในบริษัทพยายามสู้กับเราในระหว่างหาทรัพยากร"
"และยังไม่พอ แต่ละทีมก็มีระดับห้าถึงเจ็ดนับไม่ถ้วน บอกฉันทีสิว่าเราจะชนะทีมพวกนั้น? ไม่หรอก…ฉันหมายความว่า เราจะรอดจนกว่าจะจบผืนผ้าใบได้รึเปล่า?” ทั้งหมดเงียบลง สาวงามก็หยิบเอกสารหนึ่งขึ้น
“เบื้องบนบอกว่าจะส่งคนเข้าทีมแต่เด็กคนนั้นยังไม่ทันได้เข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ พลังพิเศษก็ระดับศูนย์ ขอบเขตร่างกายก็ระดับศูนย์ ทั้งยังไม่แจ้งหน้าต่างความสำเร็จ"
"ฉันได้ข่าวจากหัวหน้าผู้จัดการว่าเด็กนี่เข้ามาด้วยเส้นสายแต่ก็ยังคงเป็เส้นสายที่แปลกเพราะเหมือนคนแนะนำพยายามฆ่าเด็กนี่มากกว่า ทีมเราถูกส่งไปยังระดับความน่าสะพรึง ดูเหมือนว่าคนแนะนำอยากฆ่าเด็กนี่ และเราโดนลูกหลง”
หัวหน้าดูสิ้นหวัง
“บางทีทีมลิคควิชเราอาจจะทำยอดไม่ถึง KPI หลายครั้ง และบริษัทคิดว่าเราไม่มีประโยชน์ ระหว่างเราโดนไล่ออกกับการตายในหน้าที่ อย่างหลัง บริษัทไม่ต้องชดเชยอะไรแถมยังได้ฆ่าเด็กใหม่อีก มองอย่างไงก็กำไรเห็นๆ ดีกว่าเราผลาญเงินเขาไปแบบนี้”
ชายคนหนึ่งถาม
“แล้วหนี้ละครับ…เราจะถอนตัวจากภารกิจนี้จริงเหรอ?” หัวหน้าทีมส่ายหน้า เผยแววตามุ่งมั่น
“ยัง…ยังไม่ใช่ตอนนี้ เราจะทดสอบเขาโดยการเข้าร่วมกลุ่มสาธารณชนเพื่อเข้าระดับวิตกกังวล หากเขาทำผลงานได้ดีเกินคาด และฉันคิดว่าอาจช่วยทำให้เราชนะผืนผ้าใบระดับความน่าสะพรึงได้"
"เราจะทำตามภารกิจก่อนสิ้นกำหนด เว้นแต่เขาไม่ดีพอ เราก็แค่ถอยออกมา ยุบทีมไปหาคนอื่น"
"อย่างไงชีวิตก็สำคัญสุด ฉันไม่สนหรอกว่าจะล้มละลายหรือไม่ล้มละลาย เราสามารถหาเงินใหม่ได้ พวกเรายังมีความหวังอยู่ แค่ต้องก้าวต่อไป"
"อย่ามองแต่ประโยชน์ระยะสั้น เราทำได้แน่นอน แค่อาจไม่ใช่เวลานี้ มันยังไม่ถึงฤดูกาลเรา ฉะนั้นใจเย็น ปราบใดที่เราอดทนไว้ได้ เราจะเจอสิ่งดีๆ ภายหลัง ฉันเชื่อแบบนั้น”
สิ้นคำกล่าวสาวงามก็ยิ้มร่าเริง
“เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากไปกลุ่มอื่นก็ในเมื่อหัวหน้าใจดีซะขนาดนี้”
ทั้งหมดพยักหน้า บรรยากาศผ่อนคลายกว่าเดิม พวกเขาคาดหวังว่าเด๋็กใหม่ที่มาในครั้งนี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้
วันถัดมาเวลาตีห้า เฟนริลอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วพร้อมลากกระเป๋าเดินทางออกนอกหอพักโรงเรียน
เวลานั้นเ้าตัวก็เห็นชายวัยกลางคนท่านหนึ่งกำลังยืนอยู่ในชุดเครื่องแบบสีดำราวทหาร ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยม ั์ตาคมกริบ ไว้หนวดเคราเล็กน้อย ร่างกายกำยำ มีรูปลักษณ์ในอุดมคติของครูฝึกทุกอย่างนี่คือสิ่งที่เขาประทับใจั้แ่แรกเห็น
“สวัสดีครับท่าน…ผมโอริเวอร์ เฟนริล มิสติก ยินดีที่ได้พบหัวหน้าร็อกโก้จากทีมลิคควิช”
เฟนริลโค้งตัวทำความเคารพ และรู้สึกอยากเรียนรู้ประสบการณ์อีกฝ่ายเนื่องจากอายุของคุณร็อกโก้น่าจะประมาณสี่สิบปี
นั่นหมายความว่า หัวหน้าคนนี้ต้องผ่านผืนผ้าใบมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบสามครั้ง! ซึ่งไม่ใช่จำนวนที่น้อย คิดแล้วชายหนุ่มตาก็เป็ประกายเหมือนเห็นไอดอล
อีกฝ่ายชะงักเหมือนเห็นเด็กไร้เดียงสาจึงนึกด่าเบื้องบนในใจว่าทำไมต้องทำร้ายรุ่นเยาว์ขนาดนี้ ไม่สมเหตุสมผลเลย
เมื่อหัวหน้าร็อกโก้เคลียร์ปัญหาในสมองออกไปก็เอื้อมมือมาแตะไหล่ชายหนุ่ม
“ยินดีต้อนรับสู่ทีมลิคควิช โอริเวอร์…นานมากแล้วที่ไม่มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามา ฉันเชื่อในตัวเธอดังนั้นอย่ากังวลที่จะทำความรู้จักเพื่อนร่วมทีม"
"หากมีอะไรเกิดขึ้น ติดต่อหาฉัน ไม่ว่านายจะไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ทีมจะคอยสนับสนุน ช่วยเหลืออยู่เสมอ"
คุณร็อกโก้หัวเราะพลางตบไหล่อย่างอารมณ์ดี และยกกระเป๋าเดินทางไปเก็บหลังรถ
“ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถกันเถอะ เรามีหลายเื่ต้องเตรียมตัวกัน”
เฟนริลพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งทันที หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกเดินทางด้วยรถยนต์สี่ที่นั่ง คันดำโดยระหว่างทางหัวหน้าทีมก็พูดคุยกับเฟนริลค่อนข้างมาก
สำหรับเขาที่ไม่ค่อยได้คุยกับใครเพราะมักโดนดูถูกอยู่เสมอก็อดรู้สึกดีไม่ได้เหมือนกับว่าโลกใบนี้ยังมีคนดีอีกมากที่เขาไม่รู้เพียงแต่เฟนริลเผลอไปอยู่ในกลุ่มแย่ ๆ เท่านั้น
“หัวหน้า…หัวหน้าเคยผ่านผืนผ้าใบไหนบ้างครับ?”
ชายวัยกลางคนยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี
“ฉันจบมัธยมปลายเสร็จและเข้ากองทัพจนถึงอายุสามสิบปีแล้วออกมาทำงานในบริษัทมิลเลอร์เป็เวลาสิบปี ่เวลานั้นสนุกมาก ผ่านผืนผ้าใบมาเยอะ ฉันอยากให้เธอเดาว่าฉันผ่านมาเท่าไหร่?”
เฟนริลครุ่นคิด
“อย่างต่ำยี่สิบสามครั้ง มากสุดเจ็ดสิบ ครับ!” อีกฝ่ายเอียงคอยิ้มขณะมองทางแล้วเคาะพวงมาลัยสองที
[ประวัติความสำเร็จของโฮสต์มีดังนี้---สำเร็จผืนผ้าใบระดับฝันร้าย 0 ครั้ง ,ระดับสยดสยอง 0 ครั้ง ,ระดับความน่าสะพรึง 12 ครั้ง ,ระดับวิตกกังวล 121 ครั้ง]
เฟนริลเบิกตากว้างแทบถลน
‘นี่ฉันเจอเทพจิตรกรเหรอเนี่ย?’
คุณร็อกโก้พอใจกับสีหน้าชายหนุ่ม
“เธอยังมีที่ว่างสำหรับการพัฒนา ฉันจะเป็ครูฝึกให้เธอเองระหว่างที่เรากำลังทำภารกิจกั-” ปึง จู่ ๆ รถก็ส่ายไปมา เฟนริลเผยสีหน้าตื่นตระหนก ชักดาบออกมาเตรียมต่อสู้ ฟิ้ว วัตถุะเิพุ่งมายังหน้ารถ ชายหนุ่มกระแทกดาบจนกระจกแตกเป็เสี่ยง ๆ แพล็ง! เฟนริลเบี่ยงสันดาบปัดะเิทิ้ง
บูม!! แรงะเิซัดข้างตัวรถจนพลิกคว่ำ เฟนริลกัดฟันแน่น สายตาเขาเฉียบคมขึ้น ทันใดนั้นภาพทุกอย่างก็ช้าลง ฟุบ เขาออกจากตัวรถได้สำเร็จก็ยกดาบไขว้แผ่นหลัง เป๊ง! มีดสั้นปะทะใบดาบเกิดเป็ประกายไฟสีส้ม
ศัตรูชะงักรีบถอยหนี ‘เทคนิคิญญา’ เฟนริลหันไปมองด้วยอำนาจพลัง ปึง! อีกฝ่ายในชุดดำสั่นสะท้านตั้งท่าสู้ทันที , ในสภาวะนี้ชายหนุ่มมีแสดงสีหน้าเ็าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เขากวาดสายตาไปทั่วมองรถยนต์ซึ่งไม่มีหัวหน้าร็อกโก้ก็ขมวดคิ้วจนกระทั่งได้ยินเสียงต่อสู้จากป่าห่างออกไปหลายสิบเมตร ดูเหมือนว่าหัวหน้ากำลังยุ่งกับใครคนหนึ่ง
‘นักฆ่าเหรอ? หรือคนปองร้ายอีฟ?’
เขามีสมมติฐานมากมายแต่ไม่อยากเชื่อมั่นเพราะยังไม่มีหลักฐาน เขาจะต้องหลุดจากสถานการณ์นี้ให้ได้ก่อน ไม่ตายก็ต้องมีชีวิตรอด! เ้าตัวควงดาบปรายตามองศัตรูก่อนจะเผยยิ้มเ้าเล่ห์
“เฮ้…เรามาร่วมมือกันไหม? ฉันไม่ใช่คนของทีมลิคควิช ถ้าอยากฆ่าร็อกโก้ละก็บอกได้นะ ฉันจะช่วยเหลือนายเอง”
กรอด!! อีกฝ่ายเผยเจตนาฆ่าเป็ครั้งแรก เฟนริลหลุดยิ้มจนตาปิด
“น่าแปลก! ศัตรูดูจะชอบคุณร็อกโก้เหรอเนี่ย? งั้นฉันขอเปลี่ยนเป้าหมายละกัน” บึง! ไม่ทันตั้งตัวเขาก็ถูกศอกที่ท้องจนตัวปลิวกระเด็น ปัง…เฟนริลกระอักเืตัวไถลไปหลายเมตรชนเข้ากับต้นไม้
อุก! ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกขณะสั่นเทาอยู่บนพื้นโดยกำลังกำดาบในมือแน่น เขาคาดว่าความสามารถอีกฝ่ายจะต้องเหนือกว่าขอบเขตระดับสองขั้นต่ำแน่นอน
‘ไม่น่ายั้วเลย โลกภายนอกอันตรายกว่าในฝันร้ายซะอีก’
ทุกอย่างที่นี่ถูกกำหนดด้วยขอบเขตร่างกาย เฟนริลรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอเกินไป เขาจะต้องหาเทคนิควิชาบางอย่างเพื่อพัฒนากายหยาบให้มากกว่านี้ เขาไม่มีเวลาให้เสียใจแล้ว เขาจะต้องทำให้ดีมากกว่าเดิม!
วินาทีนั้นั์ตาเขาก็ฉายแววมุ่งมั่นเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่กล้าฆ่าเขา ดังนั้นเฟนริลจะขอสู้อย่างเต็มที่เพื่อทดสอบตัวเอง
“เข้ามา…”
ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับไม่ได้รับาเ็ อีกฝ่ายชะงักด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนจะเชื่อว่าสิ่งที่เห็นคือพลังพิเศษของเฟนริล
เมื่อชายหนุ่มตั้งท่าโจมตีก็แอบเก็บไพ่ไม้กางเขนในระบบก่อนจะฉายยิ้ม รู้สึกตื่นเต้นที่ได้สู้กับมนุษย์
“หนทางที่ตาย!!”
อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาด้วยมีีดสั้น เฟนริลกระชับดาบแน่นตอบโต้สวนกลับไป เขาโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็วลื่นไหลดั่งสายน้ำ เคลื่อนไหวว่องไวไร้สิ้นสุด ทั้งสองปะทะกันเกิดประกายไฟดังทั่วบริเวณ
ชายหนุ่มไร้ช่องโหว่ ไม่มีพื้นที่ให้สวนกลับแต่ถึงแบบนั้นพละกำลังกับความเร็วอ่อนแอเกินไปจนถูกแทงเฉียดหลายครั้ง
เฟนริลไม่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก เขาจับจ้องการเคลื่อนไหวของศัตรูก่อนจะรับรู้อันตรายด้านล่างโดยไม่ทันต้องคิด พึบ อีกฝ่ายพยายามเตะตัดขาแต่พลาดท่า
เฟนริลเผยยิ้มมองการเสียจังหวะ ฟันดาบออกไป เป๊ง! มีดอีกอันขวางทางไว้ ชายหนุ่มหรี่ตาลง มั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะมากกว่าระดับสองขั้นกลาง
‘เขาเร่งความเร็วทุกครั้งที่กำลังจะโดนโจมตี และกลับมาระดับหนึ่งทุกครั้ง’
เฟนริลััได้ถึงความได้เปรียบที่น้อยลงไปทุกที ชายหนุ่มฉายแววโรจน์ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะทำทุกทางเพื่อหลุดจากกรอบแิเดิม และต้องดียิ่งขึ้นกว่าเดิม! เสี้ยววินาทีเ้าตัวก็โหมกระหน่ำการโจมตีแบบไม่คิดทำให้อีกฝ่ายตกตะลึงชั่ววูบกับความมั่วซั่วนี้
บูมๆๆๆ ทั้งสองปะทะกันโดยที่ศัตรูไม่คิดโจมตีมากมายแต่เพียงเสี้ยววินาทีที่อีกฝ่ายสวนกลับเข้ามา เฟนริลที่ชะลอความเร็วอยู่แล้วก็เบี่ยงดาบด้วยความเร็วสูงหวังฟันร่างอีกฝ่ายฉับพลัน
ฉึบ…เป๊ง! ชายผ้าคลุมใช้ความเร็วแท้จริงกันไว้อย่างตื่นตระหนก เป็จังหวะเดียวกันที่เฟนริลแทงฝ่ามือไปยังดวงตาอีกฝ่าย ฉึบ อ้าก! ศัตรูคนนั้นหลบทันแต่ก็เฉียดม่านตาไปเล็กน้อยจนเสียสมาธิ
‘โอกาส!’ เฟนริลเบิกตากว้างด้วยอำนาจพลัง ครืน! อีกฝ่ายสั่นสะท้านจนใบดาบเขาฟันออกไป ฉัวะ! ความคมที่ตัดได้กระทั่งเถาวัลย์ปีศาจระดับสามตอนปลาย มีหรือที่ร่างกายอีกฝ่ายจะปกป้องได้ พรวด ศัตรูถอยหลังก่อนจะสะดุดล้มลงกับพื้น
เฟนริลเผยยิ้มพิมพ์ใจกับรสชาติการต่อสู้ที่เกิดขึ้นแม้คนคนนี้จะมีประสบการณ์ไม่มากแต่สำหรับผู้มือใหม่อย่างเขาที่มุ่งเน้นด้วยสัญชาตญาณก็อดไม่ได้ที่จะยินดีปีติ
ชายหนุ่มแอบคิดว่าอีกฝ่ายนั้นค่อนข้างเสียสมาธิกับการต่อสู้ของมนุษย์ค่อนข้างเพราะไม่งั้นแล้วด้วยสายตาของขอบเขตร่างกายระดับสามขั้นต่ำมีหรือจะตอบสนองช็อตฝ่ามือไม่ทัน
“โคลด์!!”
คุณร็อกโก้กับศัตรูอีกคนวิ่งเข้ามาด้วยความห่วงใย เฟนริลเห็นเช่นนั้นก็สะบัดดาบทิ้งเืพลางเก็บใส่ในฝัก
เ้าตัวมองฝ่ามือตนเองเล็กน้อยด้วยสายตาบางอย่างก่อนจะส่ายหน้าไปมาแอบตำหนิตนเองที่เผลอทำไปแบบนั้น (?) ทันใดนั้นหัวหน้าลิคควิชก็เข้ามาดูอาการมีสีหน้าตื่นตระหนก
“แย่แน่! าแเขาลึกมาก สามถึงห้าเิเบริเวณอก ตัดโดนกล้ามเนื้อและเส้นเืใหญ่ ต้องรีบส่งโรงพยาบาลภายในห้าถึงสิบนาที ไม่งั้นเขาตายแน่”
ชายผ้าคลุมอีกคนหวาดวิตกกังวลเพราะจุดที่ตนอยู่คือถนนสองเลนระหว่างสองตัวเมือง
พูดอีกอย่างก็คือทั้งหมดออกจากเมืองมาแล้ว กว่าจะกลับไปใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ต่อให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็ไม่ช่วยอะไรมาก
ขณะที่ทุกคนทำอะไรไม่ถูก เฟนริลก็เดินเข้ามาััร่างกายโคลด์แ่เบากล่าวเสียงทุ้มอย่างอ่อนโยนขณะสายลมััใบหน้าจนเส้นผลพลิ้วไหว
ไว้เป็หน้าที่ผมเอง…”
หวือ! จู่ ๆ าแทั้งหมดบนตัวอีกฝ่ายก็สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็วราวกับปาฏิหาริย์ ทั้งหมดเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตากระทั่งผู้าเ็ก็ตกตะลึงกับความสามารถนี้ ฟู เมื่อการรักษาสิ้นสุดลง เฟนริลก็แสร้งขับเคลื่อนเทคนิคิญญาในรูปแบบที่ผิดพลาดก่อนจะสลบลงไปในที่สุดโดยไม่ลืมเก็บไพ่ไม้กางเขนไป
“โอริเวอร์!”
หัวหน้าร็อกโก้เข้ามาดูอาการ ส่วนโคลด์ก็ลุกขึ้นแสดงสีหน้าห่วงใยจนผ่านไปไม่กี่วินาที ชายวัยกลางคนก็โล่งใจทำให้คนในทีมผ่อนคลายลงเพราะเด็กใหม่ไม่ควรเป็อะไรไปจากการกระทำที่โง่เขลาของพวกเขา
“โอริเวอร์แค่หมดสติ…ร่างกายไม่มีปัญหา ปัญหาน่าจะอยู่ที่สุขภาพจิต ฉันเชื่อว่าเขาไม่ควรใช้พลังนี้มากไป บางทีผลกระทบมันอาจรุนแรงผิดธรรมชาติไม่งั้นคงไม่อัศจรรย์ขนาดนี้"
ทั้งหมดรู้สึกผิดเพราะทีแรกกะจะทดสอบเฟนริลด้วยผืนผ้าใบวิตกกังวล
…แต่ไปไปมามาก็คิดว่าการทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเพราะมีกลุ่มอื่นในบริษัทมากเกินไป
ดังนั้นจึงเกิดไอเดียว่าจะจู่โจมยามเช้ามืดเพื่อดูปฏิกิริยาการตัดสินใจและอะไรหลายอย่างซึ่งผลสรุปคือดีเกิดคาดและเกินความตั้งใจซะจนหัวใจแทบหยุดเต้น วินาทีนั้นคุณร็อกโก้ก็พูดขึ้น
“เราจะเซฟีร่ากัน เหลือเวลาไม่มากแล้ว เราควรเตรียมตัว"
“ครับ!!” ทั้งหมดทำตามคำสั่งก่อนจะแยกย้ายกวาดเศษซากของตนเองให้สะอาด
/// จบตอนที่ 12 ///
เฮเลน อายุ 18 ปี "อืม...เด็กดี...ทำไมไม่มีในตระกูลฉันนะ...ถ้านายโกหกละก็...ฉันคงต้องสั่งสอนซะแล้ว เฟนริลของฉัน"