“ฟิ้ว!”
กระบี่ที่ราวกับสายลมหนาวพุ่งทะลวงผ่านอากาศ
การกระทำที่ไม่คาดคิดทำให้ทุกคนรับมือไม่ทัน! ขณะที่จั๋วอวิ๋นเซียนกำลังจะถูกกระบี่แทง จั๋วอวี้หวั่นรีบเข้ามาบังด้านหน้าของเขาอีกครั้ง
โลกเหมือนหยุดหมุน เวลาไหลผ่านไปช้าๆ
จั๋วอวี้หวั่นเห็นกระบี่ค่อยๆ เข้าใกล้ตัวเอง ในใจกลับรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด...นางมิได้ชอบการต่อสู้ ไม่เคยชอบแม้แต่น้อย แต่เพื่อปกป้องน้องชายของตัวเอง นางพยายามบำเพ็ญตน เรียนรู้ที่จะกล้าหาญและแข็งแกร่ง...จนถึงตอนนี้นางถึงได้พบว่า ตัวเองมิได้เสียใจภายหลังแม้แต่น้อย
“ฉึก!”
ปลายกระบี่แทงิัของจั๋วอวี้หวั่น...ทันใดนั้นเองมีมือข้างหนึ่งปรากฏด้านหลังของนางจับคมกระบี่เอาไว้ ทำให้กระบี่ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้อีก
เืไหลลงด้านหน้าของจั๋วอวี้หวั่นทำให้นางมึนงง นางค่อยๆ หันหน้ากลับไปจึงพบใบหน้าที่คุ้นเคยด้านหลัง
“น้องชาย!”
จั๋วอวี้หวั่นเหม่อลอย นางมองมือของจั๋วอวิ๋นเซียนที่ถูกกระบี่แทงอย่างตะลึง เืไหลหยดลงบนร่างของนาง
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนเงียบกริบ เสมือนเป็ก้อนหิน ในเวลานี้ดวงตาของเขายังคงไร้ประกาย ยังคงเป็สีแดงเื
ที่แท้จั๋วอวิ๋นเซียนยังมิได้หลุดพ้นจากการสะกดของลูกปัดสงบจิต ร่างกายของเขาเข้ามาช่วยจั๋วอวี้หวั่นตามสัญชาตญาณ
……
ข้าต้องมีชีวิตนิรันดร์ เป็ะ!
ข้าต้องมีอิสรเสรี ไร้ข้อผูกมัด!
ข้าต้องก้าวข้ามทุกสรรพสิ่ง ์ก็มิอาจโต้แย้ง!
……
ปณิธานอันบริสุทธิ์กำลังทำลายห่วงพันธนาการของร่างกาย ดังกึกก้องสะท้อนฟ้าดิน
จากนั้นเพลิงสีชาดพวยพุ่งออกจากร่างจั๋วอวิ๋นเซียน เปล่งแสงสว่างสูงหมื่นจั้ง ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี
นี่คือพร์อะไรกัน? ถึงกับสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าดินเช่นนี้!
ผู้คนไม่น้อยล้วนใจนยากจะเชื่อ แม้แต่ยอดฝีมืออย่างซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลวก็หน้าถอดสี
“วี๊ด...”
กระเรียนสีชาดะเิพลัง พุ่งชนลูกปัดสงบจิตอย่างดุร้าย...
เสียงดังะเืเลือนลั่น สมบัติวิเศษระดับสูงถึงกับแตกกระจายกลายเป็ผุยผง!
“……”
ชั่วพริบตาที่ร่างกายได้อิสระกลับคืนมา จั๋วอวิ๋นเซียนเงยหน้าขึ้นมองซีโหลวรั่วเมิ่งที่อยู่ไม่ไกล สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหารและความเด็ดเดี่ยว!
“ไม่! เป็ไปไม่ได้!”
ซีโหลวรั่วเมิ่งใจนลนลาน นึกถึงภาพตอนที่ถูกจั๋วอวิ๋นเซียนจับเอาไว้อย่างห้ามไม่ได้ ภาพที่ถูกกระบี่แทงร่างกาย นางไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
“อย่า...อย่าฆ่าข้า!”
ซีโหลวรั่วเมิ่งรู้สึกหวาดกลัว จนสะดุดล้มลงพื้น
เสิ่นว่านโหลวก็เผยสีหน้าหนักอึ้งเช่นกัน เพราะเมื่อครู่เขาััได้ถึงอันตราย!
เมื่อมองไปทางซีโหลวรั่วเมิ่ง สายตาของเสิ่นว่านโหลวก็เผยความรังเกียจออกมา ถ้ามิใช่เพราะสตรีนางนี้เป็คนหาเื่ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้
“ไอ้หนู อย่าได้ฝัน!”
ซีโหลวเหวินอวี่เค้นเสียงเยือกเย็น ยกมือขึ้นใช้พลังจากฟ้าดินกดทับร่างของจั๋วอวิ๋นเซียน
“……”
ร่างกายของจั๋วอวิ๋นเซียนหนักอึ้ง กระเบื้องใต้เท้าแตกกระจาย แต่เขาไม่ได้ยอมแพ้ ยังคงก้าวอย่างหนักแน่นทีละก้าวไปทางซีโหลวรั่วเมิ่ง
“ตราประทับ...จงะเิ!”
“ิญญา...จงลุกไหม้!”
กระเรียนสีชาดบนท้องฟ้าแตกออก กลายเป็ดวงดาราหลอมรวมเข้ากับร่างกายของจั๋วอวิ๋นเซียน จากนั้นเปลวเพลิงพุ่งขึ้นฟ้า อาบย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็สีแดง
“ไม่นะ! น้องชายอย่านะ...”
จั๋วอวี้หวั่นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้านางเปลี่ยนไปทันที นางรีบะโหยุดการกระทำของจั๋วอวิ๋นเซียน
ะเิตราประทับ แผดเผาิญญา!
ถึงแม้วิธีเช่นนี้จะสามารถเพิ่มพลังได้ชั่วคราว แต่ราคาที่ต้องจ่ายกลับหนักหนาสาหัส ิญญาาเ็สาหัส ตราประทับสลายไปตลอดกาล
การกระทำของจั๋วอวิ๋นเซียนเป็การทำลายเส้นทางบำเพ็ญเซียนของตัวเอง
ทว่าสายตาของจั๋วอวิ๋นเซียนกลับสงบนิ่ง โดยเฉพาะตอนมองจั๋วอวี้หวั่นกับลุงเยี่ยน ดวงตาสีแดงก่ำแฝงด้วยความอบอุ่นเสี้ยวหนึ่ง
เหมือนดั่งที่จั๋วอวี้หวั่นยินยอมตายเพื่อเขา เขาก็ไม่เสียใจที่ทำลายเส้นทางบำเพ็ญเซียนของตัวเองเพื่อพี่สาว
เซียนคือความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง ทว่ามีของบางอย่างที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต สำคัญกว่าความเชื่อมั่น
แผดเผาิญญาแล้วอย่างไร? กลับไปเป็คนธรรมดาแล้วอย่างไร? เขาก็ยังเป็จั๋วอวิ๋นเซียน ยังเป็เด็กหนุ่มที่โหยหาอิสระ ไขว่คว้าวิถีเซียน!
……
“วิ่ง! หนีเร็วเข้า!”
สีเฟยเยียนได้สติกลับมาจึงรีบดึงซีโหลวรั่วเมิ่งวิ่งหนีอย่างลนลาน...เพียงแต่พวกนางวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวกระบี่ของจั๋วอวิ๋นเซียนก็มาถึงแล้ว
เสียงกระเรียนกู่ร้อง เปลวเพลิงทะยานฟ้า
จั๋วอวิ๋นเซียนราวกับกระเรียนขาว ชักกระบี่ะโออกไปด้วยท่าทางสง่างาม เขาแทงกระบี่ไปทางซีโหลวรั่วเมิ่ง...
ขนกระเรียนร่วงเต็มฟ้า ล่องลอยกระจัดกระจายไปทั่ว
ฟ้าดินกว้างใหญ่ กว้างไกลไร้ขอบเขต
……
ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าเป็วิทยายุทธ์กระบี่แบบไหน ในความงดงามนั้นยังแฝงด้วยจิตสังหารไร้สิ้นสุด เหมือนเป็กระบี่จากฟากฟ้า ทะยานสู่โลกมนุษย์
เหนือฟ้าและพื้นปฐี ไม่มีใครสามารถหลบกระบี่นี้ได้!
“ไม่นะ! น้องรั่วเมิ่ง!”
สีเฟยเยียนเห็นกระบี่พุ่งเข้ามาจึงมิอาจสนใจสิ่งอื่นได้แล้ว รีบใช้ยันต์กระบี่ฉุกเฉินที่ผู้เฒ่าตระกูลสีให้เอาไว้ปาไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน
“ฮึม ฮึม!”
พลังของระดับเปิดชีพจร น่ากลัวอย่างมาก!
ชั่วพริบตาที่ยันต์กระบี่ะเิออก ฟ้าดินเปลี่ยนสี เกิดคลื่นลมพายุ ทั้งเมืองตงหลิงล้วนถูกพลังหนาวเย็นปกคลุมเอาไว้ มีผู้คนไม่น้อยที่มองบนฟ้าด้วยความหวาดกลัว
“ตูม...”
เสียงดังกึกก้อง ฟ้าดินสั่นะเื สิ่งก่อสร้างถูกทำลายจนราบเป็หน้ากลอง!
กระบี่สั้นแตกหัก ยันต์กระบี่หายไป!
จั๋วอวิ๋นเซียนถูกคลื่นพลังรุนแรงซัดกระเด็น ลมหายใจรวยริน จนฝุ่นควันหายไป ถึงเห็นเขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งที่พื้น ทั่วร่างอาบย้อมไปด้วยเืจนสภาพดูไม่ได้!
“กรี๊ด...”
เสียงกรีดร้องอันน่ากลัวทำให้ผู้คนต่างขนลุกตั้งชัน!
“แขนของข้า...แขนของข้า...แขนของข้า...”
ผู้คนหันไปมองเห็นซีโหลวรั่วเมิ่งกุมไหล่ซ้ายพลางกรีดร้องด้วยความเ็ป สีเฟยเยียนยืนตะลึงอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก
ชั่วพริบตาที่เกิดการปะทะกัน ถึงแม้จั๋วอวิ๋นเซียนจะถูกซัดกระเด็นถอยไป แต่แขนซ้ายของซีโหลวรั่วเมิ่งกลับถูกคมกระบี่แหลมคมฟันทิ้งไปแล้ว...แขนซ้ายตกลงที่เท้าของนาง
……
สถานการณ์หยุดชะงัก บรรยากาศเริ่มแปลกประหลาด
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นซีโหลวรั่วเมิ่งถูกฟันแขนขาด ผู้คนไม่น้อยกลับเกิดความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง และรู้สึกเสียดายวิชากระบี่ที่น่าอัศจรรย์ของจั๋วอวิ๋นเซียน
ผู้คนเริ่มหันมามองจั๋วอวิ๋นเซียนอีกครั้ง ในสายตาที่ซับซ้อนยังแฝงด้วยความเคารพ บางทีพวกเขาอาจจะมีจุดยืนที่ไม่เหมือนกัน พวกเขาเป็ศัตรูกัน แต่ไม่มีใครปฏิเสธความกล้าหาญและความยึดมั่นของจั๋วอวิ๋นเซียนได้
พวกเขาเคยได้ฟังเื่ราวของบุตรแห่ง์มากมาย ทว่ากลับไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มเช่นนี้มาก่อน ทั้งกล้าหาญและชาญฉลาด บุคลิกราวกับสายลม ปณิธานราวกับเปลวเพลิง และนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ
“หากไม่จัดการเด็กคนนี้ ภายภาคหน้าจะต้องเกิดอันตรายแน่!”
ซีโหลวเหวินอวี่มองเสิ่นว่านโหลวด้วยสีหน้ามืดมน แล้วเขาเองก็รู้สึกกังวลเช่นกัน
ในเวลานี้จะมัวสนใจภาพรวมไม่ได้อีกแล้ว ต้องกำจัดจั๋วอวิ๋นเซียนก่อนค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรพวกเขา้าหุ่นเชิดของตัวเองก็พอแล้ว
เมื่อคิดได้ซีโหลวเหวินอวี่ก็ลงมือทันที กำไลหยกพุ่งไปทางศีรษะของจั๋วอวิ๋นเซียน!
ทุกคนยังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ใครจะคิดว่ายอดฝีมืออย่างซีโหลวเหวินอวี่จะฉวยโอกาสลอบโจมตีรุ่นเยาว์ที่ได้รับาเ็
‘กำไลดับิญญา’ คือสมบัติวิเศษขึ้นชื่อของซีโหลวเหวินอวี่ มีพลังระดับสูง ถ้าถูกโจมตีด้วยสมบัติชิ้นนี้ อย่างเบาิญญาเสียหายสติเลือนราง อย่างหนักิญญาแตกสลายกลายเป็คนพิการ
ทว่าในชั่วพริบตานี้ มีปราณกระบี่พุ่งลงมาจากฟ้า คล้ายเซียนคล้ายกระเรียน หมอกควันมิอาจแตะต้องมันได้
