ท่าทางดึงบังเหียนควบม้าอย่างทะมัดทะแมงของนาง ทำให้หนีเจียเอ๋อร์นึกอิจฉา
เมื่อเทียบกับการต้องอยู่แต่ในห้องหอ คอยร่ำเรียนศาสตร์ของกุลสตรีอย่างปักผ้าหรือจัดดอกไม้แล้ว การได้โลดแล่นไปพร้อมอาชาคู่ใจ ดูน่าสนุกกว่ามาก
หัวหน้าสังกัดะโสั่ง “รีบขึ้นม้า!”
หนีเจียเอ๋อร์และโจวชิงหวาติดตามสาวกคนอื่นๆ ไปที่คอกม้า
หญิงสาวอดมิได้ที่จะหันไปกระซิบ “คิดไม่ถึงเลย ว่ารองเ้าสำนักฝูเซิงจะงดงาม สง่าและเ็าราวกับูเาน้ำแข็งเช่นนี้”
แต่โจวชิงหวาดูจะไม่ใส่ใจนัก “คาดไม่ถึงจริงๆ เช่นที่เ้าว่า”
หนีเจียเอ๋อร์เหลือบมองอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ก็ต้องติดตามคนอื่นๆ ออกจากสนามซ้อม ผ่านถนนที่พลุกพล่าน จนมาถึงประตูจวนจวิ้นโส่วแห่งเมืองเย่
แต่ดูเหมือนยามเฝ้าประตูจะเตรียมตัวรออยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ทันทีที่พวกเขามาถึง ก็มีทหารยามถือหอกพุ่งออกมาจากประตู
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบางคน มองดูเหล่าทหารที่กำลังถูกปิดล้อมด้วยความสนใจใคร่รู้
ม้าสีแดงของไป๋หาน เดินวนไปมาหน้ากำแพงจวนด้วยท่าทีห้าวหาญ ไม่ต่างอันใดกับผู้เป็นาย ที่ตอนนี้กำลังแสยะยิ้มร้าย พลางจับจ้องไปยังประตูจวนด้วยสายตาแข็งกร้าว
แต่ดูเหมือนว่าทหารยามเ่าั้ จะมิได้ใส่ใจ
ไป๋หานเชิดหน้าขึ้น และพูดเสียงเยือกเย็น “ข้าได้รับคำสั่งจากแม่ทัพเว่ย ให้มาจับกุมขุนนางทุจริต จวิ้นโส่วแห่งเมืองเย่ หากพวกเ้าขัดขวาง ก็ย่อมมีความผิดไปด้วย!”
เมื่อทหารยามได้ยินชื่อของเว่ยฉีหราน ปฏิกิริยาแรกของพวกเขา ก็คือหวนนึกถึงวิธีการอันโหดร้ายและรุนแรง ลือกันว่าคนผู้นี้วิปริตนัก พวกจึงนึกลังเล ได้แต่ลอบมองหน้ากัน บางคนถึงกับเผลอถอยร่นด้วยความหวาดหวั่น
ไป๋หานบังคับให้ม้าก้าวขึ้นไปบนบันไดหินสองสามก้าว “ถ้าไม่อยากตาย ก็เปิดทางให้ข้าเข้าไปเสีย!”
ทหารยามถูกเสียงข่มขู่กดดัน จนต้องหลีกทางให้ทันที
หนีเจียเอ๋อร์กำลังจะตามเข้าไป แต่สายตาพลันเหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนสวมชุดขุนนาง ยืนถือกระบี่อยู่ท่ามกลางทหารยามที่แหวกออกเป็สองข้าง
“ข้าเป็คนของราชสำนัก เมื่อมีความผิดย่อมต้องถูกไต่สวนในชั้นศาล มิใช่เื่ที่พวกเ้าจะเข้ามาแทรกแซงตามอำเภอใจเช่นนี้ได้!”
ไป๋หานมองผู้มาใหม่ด้วยแววตาเย้ยหยัน “ท่านเ้าสำนักของเราเป็ขุนพลที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ สำนักฝูเซิงเองก็ทำงานให้ทางราชสำนักมาโดยตลอด ขอเรียนถาม ว่าที่ท่านหม่าจวิ้นโส่วพูดเช่นนี้ มิใช่คิดจะตั้งแง่กับท่านแม่ทัพเว่ยหรอกหรือ?”
รอยยิ้มที่ดูเป็มิตรนั้น กลับเต็มไปด้วยฤทธิ์แห่งการทำลายล้าง จนหนีเจียเอ๋อร์ขนลุกชันทันทีที่ได้เห็น
หม่าจวิ้นโส่วถึงกับผงะ พูดไม่ออก
เมื่อเห็นว่าผู้บังคับบัญชาไม่รู้จะแก้ต่างอย่างไร เหล่าทหารก็เริ่มเสียงแตก ไม่อยากจะยืนเคียงข้างขุนนางเลวผู้นี้ แต่ก็ไม่กล้าออกตัว ด้วยเกรงว่าจะสูญเสียตำแหน่ง และไร้หนทางทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว
ทว่า ไม่มีเหตุผลที่จะปกป้อง หรือเอาชีวิตไปแลกเพื่อคนผู้นี้...
ทุกคนจึงทำท่าจะทิ้งอาวุธ แต่หม่าจวิ้นโส่วกลับะโขึ้นมาเสียก่อน “ในอาหารของพวกเ้ามียาพิษ หากข้าตายย่อมไม่มีผู้ใดรอด ถ้าสามารถปกป้องข้าไปที่ประตูเมืองเย่ได้ ข้าจะมอบยาถอนพิษให้กับพวกเ้าทุกคน มิเช่นนั้น ก็ตายไปด้วยกันนี่แหละ!”
พอได้ยินเช่นนั้น เหล่าทหารต่างโกรธแค้นเป็อย่างมาก
“เ้าคนสารเลว... ข้าจะฆ่าเ้า!”
หอกที่เตรียมจะขว้างออกไป กลับถูกคนข้างๆ เข้ามาขัดขวาง “อย่าหุนหันพลันแล่น หากเขาตาย แล้วเราจะแก้พิษอย่างไร?”
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มสังเกตเห็นอาการต้องพิษบนริมฝีปากของกันและกัน
เดิมที หนีเจียเอ๋อร์ยังคิดว่าคนอย่างหม่าจวิ้นโส่ว คงจะตวัดกระบี่เข้าต่อสู้จนตัวตายโดยไม่ยอมจำนน แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้วิธีเช่นนี้มาบีบบังคับให้ผู้อื่นปกป้องตัวเอง นางจึงรู้สึกอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
หม่าจวิ้นโส่วพูดขึ้นอีกครั้ง “ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วยาม หากถึงตอนนั้นแล้ว ยังไม่กินยาถอนพิษละก็ ต่อให้เป็หมอเทวดา ก็ไม่อาจช่วยพวกเ้าได้!”
ทหารจึงตะเบ็งเสียง “พี่น้อง ร่วมกันต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเรา!”
ไป๋หานไม่รอช้า ชี้ปลายกระบี่ออกไป พลางออกคำสั่ง “บุก!”
นี่เป็การต่อสู้ระหว่างชาวยุทธ์กับเหล่าทหาร โจวชิงหวาเข้าฟาดฟันกับฝ่ายตรงข้าม พร้อมทั้งปกป้องหนีเจียเอ๋อร์ ที่กำลังให้ความสนใจอยู่กับการต่อสู้ของไป๋หานและหม่าจวิ้นโส่ว
รู้สึกผิดคาดนัก... วรยุทธ์ของคนผู้นี้สูงส่งยิ่ง เพียงขยับไม่กี่ครั้งก็เข้ามาประชิดร่างไป๋หานได้!
ทหารที่ดวลกระบี่กับโจวชิงหวาซวนเซ หมดสภาพจะต่อสู้ ชายหนุ่มจึงแสร้งทำทีเป็ถูกโจมตีจนล่าถอย แต่ความจริงแล้ว เขากำลังพาหนีเจียเอ๋อร์ออกจากพื้นที่การต่อสู้ต่างหาก
หนีเจียเอ๋อร์กระซิบบอก “ไม่ต้องเป็ห่วงข้า รีบไปเถอะ!”
โจวชิงหวาจึงกำชับเบาๆ “ระวังตัวด้วย!”
จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังไป๋หาน เพียงกวัดแกว่งกระบี่ครั้งเดียว ก็สังหารคนไปได้ถึงสองคนแล้ว
หนีเจียเอ๋อร์พอจะเรียนรู้วรยุทธ์เบื้องต้นจากโจวชิงหวามาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีความสามารถถึงขั้นฆ่าคนได้ จึงต้องมาหลบซ่อนให้พ้นสายตาผู้คน และคอยปกป้องตัวเองให้ดีเท่านั้น
โจวชิงหวาแสร้งทำเป็ถูกรุกไล่ให้มาอยู่ข้างๆ ไป๋หานโดยบังเอิญ จากนั้น เขาก็ไปต่อสู้อยู่ข้างๆ นาง
หม่าจวิ้นโส่วนึกลำพองใจ คิดว่าตนจวนจะได้รับชัยชนะแล้ว จึงแทงกระบี่ออกไป
กำลังสตรีหรือจะสู้บุรุษ ไป๋หานที่เริ่มอ่อนแรง รู้ตัวดีว่าคงไม่อาจหลีกเลี่ยงปลายกระบี่ที่พุ่งเข้ามาได้แน่
นางจึงเตรียมตัวที่จะตาย แต่แล้วคนผู้หนึ่งก็เข้ามาขวางหน้า และปกป้องนางเอาไว้
โจวชิงหวามิได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่ยังตอบโต้หม่าจวิ้นโส่วอีกด้วย
จึงเป็การเปิดโอกาสให้ไป๋หานแทงเข้าที่หัวใจของอีกฝ่ายได้อย่างพอดิบพอดี นางบิดข้อมือไปทางขวา จากนั้นค่อยชักกระบี่ออก เพียงเท่านี้ หม่าจวิ้นโส่วก็ตายคาที่ในทันใด
พอรู้ว่าเขาตายแล้ว บรรดาทหารก็หยุดต่อสู้ และทรุดตัวลงกับพื้น รอความตายด้วยความสิ้นหวัง
ส่วนสาวกของสำนักฝูเซิง ไม่มีใครเสียชีวิต แม้แต่สาวกระดับล่างก็ได้รับาเ็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไป๋หานทิ้งกระบี่ลง และแตะเืสีดำที่ไหลรินจากาแ...
กระบี่ของหม่าจวิ้นโส่วอาบยาพิษ?
นางรู้สึกโมโหยิ่งนัก อยากจะปลุกให้จวิ้นโส่วผู้นั้นฟื้นขึ้นมา จะได้ฆ่าให้ตายอีกครั้ง!
ยาพิษเริ่มลุกลามไปทั่วร่าง ไป๋หานจึงพยายามระงับอารมณ์ และมองไปที่โจวชิงหวา พลางถามเสียงอ่อนแรง “เหตุใดเ้าถึงปกป้องข้า?”
โจวชิงหวาทิ้งกระบี่ลง ต่อให้าเ็อยู่ เขาก็ยังประสานมือคารวะ “ท่านเป็ถึงรองเ้าสำนัก เป็หน้าที่ของข้า ที่ต้องปกป้องท่าน”
ไป๋หานกะพริบตาด้วยความหวั่นไหว พลางมองบุรุษตรงหน้าด้วยความจริงจัง
แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอันใด หนีเจียเอ๋อร์ก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา ตรวจาแบนร่างของนางกับโจวชิงหวาด้วยสายตาเป็ห่วง พลางเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “ท่านรองเ้าสำนัก... อาหวา... พวกท่านถูกพิษนี่!”
“อัก!” โจวชิงหวากระอักเืเล็กน้อย ใบหน้าของเขาซีดเซียวมากขึ้นเรื่อยๆ
เขารีบผละห่างหนีเจียเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า “อาหนี เ้าไปดูอาการของท่านรองเ้าสำนักก่อน ว่ารักษาได้หรือไม่?”
ไป๋หานเหลือบมองผู้ที่ชื่อ ‘อาหนี’ พลางสำรวจโครงร่างเล็ก และส่วนเอวโค้งเว้าใต้เสื้อผ้าด้วยความสงสัย แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เพราะอาการกระอักเื
หนีเจียเอ๋อร์พยายามจะช่วยอีกฝ่าย “ท่านรองเ้าสำนักต้องพิษ... รีบมาช่วยกันหน่อย เร็ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้