ชงจ้านหยวนไม่สามารถเมินเฉยต่อสิทธิในการสืบทอดตำแหน่งของอ๋องทั้งสองได้
สำหรับการสืบทอดตำแหน่งอ๋องหนานหลี่ พวกเขาตระกูลชงได้รับความเ็ปจากเื่นี้เป็อย่างมาก ในครั้งแรกนั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาทำไม่สำเร็จเท่านั้น แต่ยังทำให้หลัวเลี่ยสามารถคว้าสิทธิในการสืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิตไปได้อีกด้วย ซึ่งเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกลับเป็การช่วยส่งเสริมให้หลิวหงเหยียนมีความสามารถในการป้องกันตำแหน่งตัวเองเพิ่มขึ้น
ครั้งที่สองนี้มันน่าสมเพชยิ่งกว่า ไม่เพียงแต่หลัวเลี่ยจะได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ เขายังฆ่าหลัวชื่อสิง และที่สำคัญกว่านั้น ตระกูลชงได้สูญเสียการกุมอำนาจในคณะผู้าุโไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า เป็ความพ่ายแพ้ที่ยับเยินยิ่ง
ซึ่งการพ่ายแพ้รวมกันทั้งสองครั้งนี้ ได้เปลี่ยนทิศทางทางการเมืองของแคว้นเป่ยสุ่ยไปอย่างสิ้นเชิง
หลัวเลี่ยเพียงคนเดียวสามารถสร้างปัญหาให้แก่ตระกูลชงของพวกเขา และพลิกสถานการณ์กลับมาควบคุมตระกูลของพวกเขาเอาไว้ได้ นี่เป็สิ่งที่พวกเขาตระกูลชงทนไม่ได้ที่สุด
และตอนนี้เขาสามารถได้รับสิทธิในการสืบทอดตำแหน่งของอ๋องสองอ๋อง แล้วเขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร
แม้แต่ชงโหวหู่ที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ก็ยังรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นไม่เป็จังหวะ
ชงโหวหู่รู้ดีว่าหลัวเลี่ย้าฆ่าชงจ้านหยวน
อย่างไรก็ตาม เขายังคงรู้สึกมีความหวังอยู่ เหตุผลก็คือ ใน่หลายปีที่ผ่านมาชงจ้านหยวนได้รับการยอมรับว่าเป็ชายหนุ่มอันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยสุ่ย เขามีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม และยังมีพร์ในการฝึกฝนวรยุทธ์อย่างมาก ในอนาคตเขาจะต้องความสำเร็จยิ่งกว่าชงโหวหู่อย่างแน่นอน เขาไม่คิดว่าหลัวเลี่ยจะเป็คู่ต่อสู้ของชงจ้านหยวนได้
แม้ว่าหลัวเลี่ยสามารถผ่านบททดสอบผู้พิชิตได้ แต่อันที่จริงชงจ้านหยวนก็พร้อมจะผ่านด่านที่สี่แล้ว เพียงแต่เขายังไม่ได้เริ่มบททดสอบเท่านั้นเอง ซึ่งเขามั่นใจมากว่าหากเขาเริ่มบททดสอบ เขาจะสามารถผ่านด่านได้อย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ ข้า้าประลองแลกชีวิตกับเขา” ชงจ้านหยวนกระตือรือร้นที่จะลอง เขา้าลงมือด้วยตัวเองมานานแล้ว เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง และมีเหตุผลรองรับความมั่นใจนี้ เพราะเมื่อตอนที่เขาอายุสิบหก เขาได้เอาชนะเยาวชนในรุ่นเดียวกันทั้งหมดในแคว้นเป่ยสุ่ยมาแล้ว เช่นนั้นเขาจะไม่มั่นใจได้อย่างไร นอกจากนี้เขาเป็ที่รู้จักในฐานะผู้ที่มีแนวโน้มจะได้สืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิตมาก่อน ผู้คนให้ความสนใจเป็อย่างมาก
ชงโหวหู่มองลูกชายตนเองที่ท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ พลันความลังเลเล็กน้อยในใจของเขาก็หายไป เขาหันไปมองจักรพรรดินีหลิวหงเหยียน และพูดขึ้นเสียงดัง “ฝ่าา ถึงหลัวเลี่ยจะได้รับตำแหน่งอ๋องสองตำแหน่ง แต่เขาก็ไม่มีสิทธินำมาใช้เป็ของเดิมพันนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าาจะทรงยอมให้เป็เช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เขายังคงแสดงออกอย่างระมัดระวัง
เขาสูญเสียการควบคุมคณะผู้าุโไปแล้ว ทำให้เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะข่มหลิวหงเหยียนได้อีกต่อไป นอกจากนี้เขายังเสียเปรียบด้วยซ้ำ ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงต้องได้รับความยินยอมจากหลิวหงเหยียนก่อน ั้แ่ที่นางขึ้นครองราชย์มา นี่เป็ครั้งแรกที่ชงโหวหู่ขอความเห็นจากหลิวหงเหยียน ที่ผ่านมาต่อให้นางพูดเท่าไร เขาก็ไม่เคยฟังความเห็นของนางเลยสักครั้ง
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยชนะใจนาง
ภายใต้ใบหน้าที่สงบของหลิวหงเหยียนมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน
หลัวเลี่ยเป็ชายหนุ่มที่ทำได้แม้กระทั่งเปลี่ยนทิศทางของแคว้นเป่ยสุ่ย หากเขา้าทำอะไรสักอย่าง นางจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร
“ข้าไม่ขัดข้อง” หลิวหงเหยียนเห็นด้วย
การเดิมพันในการสืบทอดตำแหน่งอ๋องทั้งสองดูเหมือนจะเป็การเล่นของเด็กๆ แต่มันเกิดขึ้นจริง
ชงจ้านหยวนมีความสุขมาก
เขาแทบรอที่จะลงมือไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่รอมานาน ชงโหวหู่ก็ตอบรับการประลองนี้
ผู้คนมองไปที่เขา ก่อนจะพบว่าบนใบหน้าของชงโหวหู่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ท่านพ่อ” ชงจ้านหยวนร้องเรียกเสียงเบา
ชงโหวหู่ดูเคร่งขรึม “มีบางอย่างผิดปกติ”
“อะไรที่ผิดปกติ” ชงจ้านหยวนมองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งใด
“หลิวหงเหยียนไม่ควรตอบตกลงอย่างง่ายดาย” ชงโหวหู่พูดเสียงทุ้ม “ใครๆ ก็รู้ว่าตระกูลอ๋องหนานหลี่สองชั่วอายุคนมีความจงรักภักดีต่อฝ่าามากที่สุด นอกจากนี้หลัวเลี่ยเพียงคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนทิศทางของแคว้นเป่ยสุ่ยได้ ทำให้หลิวหงเหยียนมีอำนาจขึ้นมา อาจพูดได้ว่าหลัวเลี่ยเสมือนเป็มือขวาของหลิวหงเหยียน ถ้านางไม่มีความมั่นใจว่าหลัวเลี่ยจะชนะ นางจะปล่อยให้หลัวเลี่ยมาประลองกับเ้าได้อย่างไร อย่าลืมสิว่านางก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเ้า”
ชงจ้านหยวนขมวดคิ้ว และพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านระวังตัวเกินไปหรือไม่ หลัวเลี่ยจะเป็คู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร”
ชงโหวหู่กล่าวเสียงตะคอกว่า “หากไม่ระวังตัวก็จะเกิดข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ในสองครั้งที่ผ่านมาเราได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบแล้ว แต่เราก็ยังล้มเหลวและเกิดการสูญเสียอย่างมาก”
ชงจ้านหยวนเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคำเตือนของชงโหวหู่ หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้แล้ว เขาก็กระซิบสองสามคำที่หูของชงโหวหู่
“จริงหรือ?”
หลังจากที่ชงโหวหู่ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็คว้าไหล่ของชงจ้านหยวนอย่างตื่นเต้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวลไป หลัวเลี่ยจะเป็คู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร” ชงจ้านหยวนกล่าว
ดวงตาของชงโหวหู่ไหวสั่นและเป็ประกาย รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏตรงมุมปากของเขา เขาตบไหล่ชงจ้านหยวน “พ่อเชื่อในตัวเ้า”
การที่สองพ่อลูกกระซิบกันอยู่สองคนทำให้หลายคนเริ่มหมดความอดทน
มีเพียงหลัวเลี่ยเท่านั้นที่สงบนิ่งั้แ่ต้นจนจบ
เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น คือฆ่าชงจ้านหยวน!
“หลัวเลี่ย เ้า้าประลองแลกชีวิตกับจ้านหยวนลูกชายของข้าเช่นนั้นหรือ” ชงโหวหู่ถาม
“ใช่” หลัวเลี่ยตอบกลับ “หากท่านกลัวว่าลูกชายของท่านจะถูกฆ่า ท่านจะไม่ตอบรับก็ย่อมได้”
ชงโหวหู่กล่าวว่า “ข้าตอบรับ แต่ว่าเ้าต้องยอมรับเงื่อนไขของข้าข้อหนึ่ง”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “พูดมา!”
รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชงโหวหู่ “หากเ้า้าประลองแลกชีวิตกับลูกชายของข้า เ้าจะต้อง...แทงตัวเองเสีย!”
ฮือฮา!
ผู้ชมอยู่ในความโกลาหล
แม้แต่หลิวจื่ออั๋งผู้าุโลำดับเจ็ดของหอเซียวเหยา และนกฟินิกซ์์ของเขาก็ยังแสดงสีหน้าประหลาดใจ
การแทงตัวเองแล้วประลอง เป็รูปแบบการประลองที่พิเศษอย่างหนึ่งในดินแดนเหยียนหวง
ในดินแดนแห่งนี้ยึดถือวิชายุทธ์เป็สำคัญ และผู้ที่ฝึกวิชายุทธ์ก็นับว่ามีฐานะที่ไม่ธรรมดา
โดยทั่วไปแล้วหากผู้ฝึกวรยุทธ์ทำความผิด คนผู้นั้นจะต้องชดใช้ด้วยการแทงตัวเอง และต้องประลองต่อไปทั้งที่อาวุธยังคาเอาไว้บนร่าง หากประลองชนะก็จะถือว่าไม่มีความผิด
นั่นเท่ากับเป็การแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง
เงื่อนไขของชงโหวหู่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้หลัวเลี่ยสามารถแสดงพลังออกมาได้เต็มที่
การมีมีดปักคาอยู่บนตัวของเขา และไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ เหตุการณ์เช่นนี้แค่การเสียเืจากาแก็สามารถทำให้ตายได้แล้ว
สิ่งนี้ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ ข้ามีความมั่นใจอยู่แล้ว” ชงจ้านหยวนเป็คนแรกที่กระวนกระวาย เพราะการประลองด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ แม้ว่าเขาชนะ แต่เขาก็คงจะกลายเป็แค่ตัวตลกคนหนึ่ง
ชายหนุ่มอันดับหนึ่งที่น่าเกรงขามในแคว้นเป่ยสุ่ย ผู้ซึ่งอ้างว่าในอนาคตจะเหนือกว่าราชันผู้พิชิต ไม่กล้าต่อสู้อย่างยุติธรรม โดยเฉพาะคู่ต่อสู้เป็ผู้ที่ไม่เคยฝึกฝนวรยุทธ์มาก่อน
คนอื่นจะดูถูกเขาหรือไม่
ชงโหวหู่ตะคอกอย่างเ็าว่า “ให้เื่เป็ไปตามที่พ่อพูด จำไว้ให้ดี จ้านหยวน เป้าหมายของพวกเราคือชัยชนะ โดยไม่สนวิธีการ เมื่อใดที่เ้าได้ขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดแล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าว่าร้ายเ้าทั้งนั้น”
ชงจ้านหยวนโค้งคำนับเล็กน้อย “ลูกเข้าใจแล้ว”
ในเวลานี้ทั้งผู้ที่สนับสนุน อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน และผู้ที่อยู่ฝั่งเดียวกับอ๋องหนานหลี่ต่างพากันประณามเสียงดัง
แม้แต่หลิวหงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะประณามด้วย
แม้จะเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยและสาปแช่งเ่าั้ ทว่าชงโหวหู่ยังกล่าวอย่างใจเย็นราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน “หลัวเลี่ย เ้ายอมรับหรือไม่”
“ถ้าข้าไม่ยอมรับเล่า” หลัวเลี่ยกล่าว
“ก็จะไม่มีการประลองเกิดขึ้น” ชงโหวหู่ตอบอย่างเรียบง่าย เขารู้ว่าหลัวเลี่ยอยากแก้แค้น
หลัวเลี่ยมองไปที่เสวี่ยปิงหนิง ซึ่งกำลังหลับใหลเหมือนเ้าหญิงนิทรา นางเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาจนหลับใหลไม่ได้สติ และไม่อาจรู้ได้ว่าจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้หรือไม่ แล้วเขาจะไม่แก้แค้นให้นางได้อย่างไร
“ข้ายอมรับการแทงตัวเอง!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้