สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ภายในห้องหนังสือ เสียงกระเส่าดังแว่วออกมาเป็ระยะ บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกเรือนต่างก็ถอยฉากออกมาเพื่อให้เ้านายของตนได้มีเวลาส่วนตัว ส่วนมามาที่ถูกส่งมาดูลาดเลาก็ได้ย้อนกลับไปยังเรือนใหญ่เพื่อรายงานเกี่ยวกับเื่นี้
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ คุณชายอยู่ตามลำพังกับสาวใช้ที่ท่านส่งไปแล้วเ้าค่ะ”
มามาผู้นั้นเอ่ยรายงานด้วยใบหน้าเ้าเล่ห์ไม่ต่างจากนายของตน
“อย่างนั้นหรือ ข้าจะดูสิว่าหลังจากที่นางรู้เื่นี้ นางจะยังกล้าเผยอชูคอโอ้อวดว่าบุตรชายของข้าลุ่มหลงนางแค่เพียงคนเดียวอยู่อีกหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่กู้ยกน้ำชาขึ้นจิบด้วยท่าทางอารมณ์ดี ความจริงสาวใช้นางนี้ถูกส่งมาด้วยตัวนางเอง ที่นางทำเช่นนั้นเพราะ้ากำราบสะใภ้ใหญ่ของตนด้วยการให้บุตรชายรับอนุเข้ามาในเรือน เื่นี้หากให้เจียงจื่ออิ๋งรู้นางจะต้องอาละวาดแน่ และนั่นคือสิ่งที่ฮูหยินใหญ่กู้้า เจียงจื่ออิ๋งหลังจากที่อารมณ์เย็นลงแล้ว นางก็มานั่งคิดวิเคราะห์กับสิ่งต่างๆ ที่ตนกระทำลงไป เื่นี้ความจริงไม่ใช่ความผิดของกู้ เยี่ยนชิงเลยแม้แต่น้อย ที่เขาเตือนนางก็เพราะเขาแค่พยายามปกป้องนางปกป้องตระกูลกู้เท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงคิดที่จะไปง้อขอคืนดีกับชายหนุ่ม แต่เมื่อมาถึงเรือนของเขากลับพบว่าบ่าวไพร่ล้วนออกมานั่งรออยู่ด้านนอกกันหมด ลางสังหรณ์บางอย่างของนางก็เข้ามาแทนที่ความรู้สึกดีดีก่อนหน้านี้ทันที
“พวกเ้ามาทำอันใดกันที่นี่ แล้วคุณชายใหญ่อยู่ที่ใด”
บ่าวรับใช้ในเรือนของกู้เยี่ยนชิงเมื่อได้เห็นฮูหยินของคุณชายเดินเข้ามา พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าใจนทำสิ่งใดไม่ถูก บ่าวรับใช้คนสนิทของกู้เยี่ยนชิงเป็ผู้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“คะ....คุณชายกำลังอ่านตำราอยู่ขอรับ สั่งพวกบ่าวว่าไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไปรบกวน”
เจียงจื่ออิ๋งมองบ่าวชายผู้นั้นด้วยสายตาจับผิด ก่อนจะเดินเลยเขาเข้าไปในเรือน บ่าวรับใช้ชายเห็นนางทำเช่นนั้นเขาก็รีบวิ่งไปขวางทางเอาไว้ทันที
“ฮูหยิน คุณชายสั่งเอาไว้ว่าห้ามรบ....”
"เพียะ!!" เจียงจื่ออิ๋งยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของบ่าวรับใช้ผู้นั้นเต็มแรงจนเขาหน้าหันไปอีกทาง
“รีบไสหัวไป ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
บ่าวรับใช้ผู้นั้นได้แต่ภาวนาต่อฟ้าดินว่าขอให้เื่อย่าได้เป็อย่างที่ตนคิดเลย ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขเป็แน่ มีใครไม่รู้บ้างว่าฮูหยินของคุณชายขี้หึงเพียงใด หากให้รู้ว่าคุณชายกำลังทำอะไรกับหญิงอื่นในห้องหนังสือ รับรองว่าจวนหลังนี้ไม่มีวันได้สงบสุขอีกต่อไป
“อ๊า!!!คุณชายเ้าคะ ได้โปรดเร่งอีกหน่อย”
“อืมมมม เ้าช่างดียิ่งนัก ดีจนข้าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
เสียงที่ลอดออกมาจากห้องหนังสือทำเอาเจียงจื่ออิ๋งชาไปทั้งตัว ในโลกเก่าั้แ่ที่ทั้งสองแอบคบกันมาแม้นางจะรู้ว่าชายผู้นี้เป็คนรักของเพื่อนแต่พวกเขาก็ไม่เคยมีอะไรกันเลย เพราะลู่หยวนซีนั้นไม่ใช่คนที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ ดังนั้นจึงเป็โอกาสของตนที่จะเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาว่าคนที่ตนเองรักแอบมีอะไรกับหญิงอื่น เจียงจื่ออิ๋งก็เข้าใจแล้วว่าตอนนั้นลู่หยวนซีรู้สึกอย่างไร หลังจากที่ตนเปิดตัวว่าแอบคบกับเขาทั้งยังแย่งงานของนางไปเป็ของตนเอง น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะลงมาราวกับสร้อยไข่มุกสายขาด ความเ็ปและผิดหวังที่ถูกหักหลังทำให้เจียงจื่ออิ๋งถึงกับหูอื้อตาลาย ร่างบางสั่นเทาน้อยๆ ไม่รู้ว่าตนเองโกรธหรือเสียใจมากกว่ากันแน่ นิ้วมือทั้งสิบกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เวลานี้นางไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้เลย ทำได้เพียงเดินหันหลังจากมาอย่างเงียบๆ ระหว่างทางที่เดินออกมา
ภายในหัวของนางก็เอาแต่คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของนาง ยุคโบราณแห่งนี้นางไม่มีใครให้พึ่งพาอีกแล้ว กู้เยี่ยนชิงคนนั้นไม่ใช่หลินห่าวหยางคนเดิมที่นางเคยรักอีกต่อไป หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นในร่างนี้นางก็อาศัยอยู่ในจวนตระกูลกู้มาตลอดสองปี แม้จะมีความทรงจำของร่างเดิมอยู่แต่เหมือนความรู้สึกบางอย่างกำลังคอยสั่งการนาง อย่างเช่นการหาเื่ลู่หยวนซีหรือให้ทำเื่ต่างๆ ที่ขัดกับความรู้สึกของนาง มันเป็เสียงที่ดังอยู่ในหัวซ้ำๆ นางไม่สามารถสลัดมันทิ้งไปได้เลย เจียงจื่ออิ๋งเดินกลับมายังเรือนของตนด้วยอาการเหม่อลอย นางนั่งลงที่ตั่งยาวริมหน้าต่างก่อนจะส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา สาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางเห็นนายของตนเป็เช่นนั้นก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่เอ่ยปลอบใจไปตามสถานการณ์ เพราะเื่ที่ตนได้รู้ได้เห็นมาไม่ใช่สิ่งที่ตนจะสามารถจัดการได้
กู้เยี่ยนชิงหลังจากเสร็จกิจไปหลายต่อหลายครั้ง เขาก็เดินออกจากห้องหนังสือด้วยใบหน้าอิ่มเอม แต่เมื่อได้รับรายงานจากบ่าวของตนว่าเจียงจื่ออิ๋งมาที่นี่ คราแรกเขาก็แสดงท่าทางใออกมา แต่ต่อมาเมื่อคิดว่าตนคือคุณชายใหญ่ตระกูลกู้มิใช่หลินห่าวหยางอีกแล้ว ที่นี่ตนเองจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้ ไม่จำเป็ต้องคอยเอาอกเอาใจมู่หยุนถิงอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงปล่อยเื่นี้ไปไม่คิดที่จะอธิบายกับนางอีก ั้แ่เกิดเื่นั้นขึ้นเจียงจื่ออิ๋งก็เอาแต่นิ่งเงียบตลอด ปกตินางมักจะออกจากเรือนของตนมาที่เรือนของกู้เยี่ยนชิง ั้แ่ที่เกิดเื่ขึ้นใครๆ ต่างก็คิดว่านางจะต้องมาอาละวาดแน่นอน แต่ผิดคาดนอกจากนางจะไม่แสดงท่าทีอันใดออกมา นางยังเ็าต่อทุกคนในจวนตระกูลกู้ไม่เว้นแม้แต่แม่สามีที่นางจะต้องไปทำการคารวะทุกเช้า
“คุณหนู วันนี้ท่านก็จะไม่ไปคารวะฮูหยินใหญ่กู้ที่เรือนใหญ่อีกหรือ นี่ก็หลายวันแล้วนะเ้าคะ”
เจียงจื่ออิ๋งวางตำราที่อยู่ในมือลงก่อนจะมองไปยังสาวใช้ที่ติดตามมาด้วยหลังจากที่แต่งเข้ามายังตระกูลกู้
“อืม ถ้ามีใครถามก็บอกไปว่าข้าปวดหัวไม่สบาย”
หลังจากที่เอ่ยจบ นางก็หันมาอ่านตำราที่อยู่ในมืออีกครั้ง ในระหว่างนั้นร่างสูงของกู้เยี่ยนชิงก็เดินเข้ามาภายในเรือนพร้อมกับกล่องเครื่องประดับและผ้าแพรสีสันสวยงาม เจียงจื่ออิ๋งเหลือบสายตามองไปยังชายหนุ่มด้วยใบหน้าเ็า ก่อนที่จะละความสนใจไปจากเขา กู้เยี่ยนชิงที่ไม่เคยเห็นภรรยาเป็เช่นนั้นมาก่อน เขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไปไม่น้อย ทุกทีนางจะต้องแสดงท่าทางดีอกดีใจเมื่อเขาเอาใจนาง แต่นี่นางทำเพียงแค่มองจากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีกเลย เหตุใดนางถึงได้เป็เช่นนี้
“อิ๋งเอ๋อ อีกไม่นานก็จะมีงานเลี้ยงในวังหลวง ท่านแม่ให้ข้านำเครื่องประดับพวกนี้มามอบให้เ้า ทั้งยังมีผ้าแพรที่นำเข้ามาจากแค้วนจิ้น ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังไม่มีร้านผ้าร้านใดวางขาย เ้านำไปตัดชุดใหม่ใส่ไปงานเลี้ยงกับข้าดีหรือไม่”
“อืม”
เจียงจื่ออิ๋งไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเขา นางตอบออกไปสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเ็าจากนั้นก็เอาแต่สนใจตำราที่อยู่ในมือ กู้เยี่ยนชิงเห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกต่อไป จึงได้บอกลานางแล้วเดินจากมา
“ถ้าเช่นนั้นข้าต้องไปก่อน ท่านพ่อมีเื่เกี่ยวกับข้อราชการ้าหารือกับข้า”
หลังจากที่กู้เยี่ยนชิงออกจากเรือนไปแล้ว เจียงจื่ออิ๋งก็เรียกสาวใช้ข้างกายตนเข้ามา
“เอาไปทิ้งเสีย!! ไม่สิ นำไปขายเปลี่ยนเป็ตั๋วเงินให้หมด ของที่มาจากคนตระกูลกู้ข้าไม่้า”
หลังจากที่เอ่ยจบ นางก็ออกจากตระกูลกู้ไป